STARCIN ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 3 เสี่ยง...คุ้ม (รีไรท์)

STARCIN อุบัติมหาสงครามสตาร์คิน

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 3 เสี่ยง...คุ้ม (รีไรท์)

27 กรกฎาคม พ.ศ.2575

"ดูสิ...เธอกินดุเหมือนเมื่อวานเลย" เซนกระซิบเบา ๆ กับซึฮากิขณะที่คานะกำลังกินอาหารอย่างหิวโหย

"คุยอะไรกัน นินทาฉันอยู่เหรอ?" คานะชี้กระดูกติดเนื้อก้อนใหญ่มาที่เซนด้วยตาที่จ้องเขม็งทำให้เขาหนีไปหลบด้านหลังซึฮากิ

"ไม่มีอะไรจ๊ะ" เขาส่งยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะเดินเข้าหาคานะ

"ตอนนี้ฉันก็สงสัย...มีแค่เซนใช่ไหมที่เป็นคนทำหรือนายก็ด้วย" เธอถลึงตามองสองหนุ่ม

"จะถ่ายมานาด้วยวิธีนี้ได้ต้องมีเลเวลเท่ากัน เพราะฉะนั้นฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเลย" ซึฮากิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งดูไม่ออกว่าโกหกหรือพูดจริงกันแน่

"ถ้าเป็นแบบนั้นแสดงว่านายขึ้นเป็นเลเวลสี่แล้วสินะ" ซึฮากิพยักหน้าแทนคำพูด

"เราเพิ่งจะเลเวลสามได้ไม่นานเอง นายไปทำอะไรมากันแน่?" ซึฮากินั่งนิ่งเงียบทำให้คานะจ้องหน้าซึฮากิตลอดเวลาแม้แต่เซนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ยังรู้สึกขนลุก

"ฉัน...ลงไปดันเจี้ยนมา ตลอดเวลาหลายวันฉันเจอกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากมายและที่ชั้นสุดท้ายชั้นที่สิบสาม" พวกเขาต่างก็ใจจดใจจ่อฟังแต่ขณะเดียวกันคานะและเจ้าปุยก็ยังแทะเนื้อติดกระดูกไปด้วย

"มอนสเตอร์ที่มีสติปัญญา มันมีแค่ตัวเดียวนั่งอยู่บนหินที่เหมือนกับบัลลังก์รูปร่างคล้ายกับลิงแต่ตัวใหญ่กว่านิดหน่อย"

ซึฮากิกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดต่อ

"มันพูดกับฉันว่า มาสักทีนักผจญภัยเอ๊ย ตัวข้ารอมานานเสียจริงแต่ก็ยังไม่นานเท่าราชาที่แห่งอื่น"

"ทันทีที่พูดจบมันก็ขว้างก้อนหินใส่เกือบโดนหัวเพราะกำลังตกใจกับการที่มอนสเตอร์พูดได้ พวกเราต่อสู้กันอยู่หลายชั่วโมงขณะที่มานากำลังจะหมดจู่ ๆ มันก็หยุดการเคลื่อนที่ทำให้มีดของฉันแทงเข้าไปที่หัวใจพอดี แล้วจากนั้นเลเวลฉันก็เพิ่มขึ้นพร้อมกับได้เวทมนตร์ใหม่อย่างเช่นเวทตรวจสอบ"

เซนเหม่อลอยเหมือนกับหลับในไปแล้วปุยจึงกระโดดเข้าใส่จนเซนล้มหงายหลังไป

"เอ่อ...จริงสิ ปุยมาอยู่กับพวกนายตั้งแต่เมื่อไร" เธอยังคงฉีกกระชากเนื้อติดกระดูกอย่างเอร็ดอร่อย

"หลายวันก่อนน่ะ ช่างมันเถอะจากนี้เอาไงต่อ?" เซนลุกขึ้นมาอุ้มปุยไว้บนอ้อมอกทำเหมือนอุ้มลูก

"ในเมื่อเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ถึงเวลาที่จะไปเพิ่มเลเวลเพื่อจะได้เอาตัวรอดจากสถานการณ์อื่นได้" ขณะที่ซึฮากิกำลังพูดเซนก็เอาหน้าถูไถตัวปุยด้วยความสนุก

"ว่ามาเลยมีแผนอะไรบ้าง?" คานะก็เอาแต่กินอย่างเดียวแต่อย่างน้อยก็ยังฟังอยู่

"เราจะซ่อนที่นี่ไปตลอดไม่ได้หรอก สุดท้ายก็ต้องมีคนมาเจอเราอยู่ดี" เขาฉีกกางเกงตัวเองด้วยมีและเลาะเนื้อผ้าออกเผยให้เห็นบางสิ่งซ่อนอยู่ภายใต้ชั้นกางเกงตัวนั้น

"นี่เป็นของที่นาธาทิ้งไว้ให้เรา...มันคือบัตรประจำตัวปลอม แล้วก็มีข้อความติดมาด้วย...เอาของปลอมไปขึ้นทะเบียนนักผจญภัยและอย่าลืมปลอมตัวด้วยล่ะเผื่อมีใบประกาศจับ แค่นี้ก็เห็นได้ชัดว่าคุณนาธาคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเราจะหนี" ซึฮากิเผลอยิ้มในหน้าจนคานะสังเกตเห็นแต่ก็เงียบไว้ไม่ได้พูดออกมา

"เติมพลังเตรียมเสบียงให้พร้อม เราจะไปดันเจี้ยนที่ต่อไปกัน" เมื่อต่างคนต่างกินกันจนอิ่มท้องจู่ ๆ ซึฮากิก็เดินเข้าไปในกระท่อมและหยิบกระเป๋าที่ทำจากโครงกระดูกสัตว์และใช้ใบไม้ใหญ่ ๆ กับเถาวัลย์สานเข้าด้วยกันจนเป็นกระเป๋าใช้ชั่วคราว

"โห่ ไม่คิดเลยว่านายจะทำของแบบนี้เป็นด้วย" เซนตื่นตาตื่นใจเข้ามาคว้าไปหนึ่งใบทันทีและซึฮากิก็ยื่นอีกใบให้กับคานะ

"พร้อมแล้วนะ" ซึฮากิเอ่ยปากถามขึ้นมาตอนที่กำลังยกกระเป๋าขึ้นสะพาย

"โอ้ !" เซนตะโกนเสียงดังด้วยความฮึกเหิม

"อืม" คานะพูดขณะที่ปากยังเคี้ยวเนื้อส่วนเจ้าปุยก็กระโดดไปมารอบ ๆ พวกเขา

"เดินทางได้" พวกเขาทั้งสามคนและอีกหนึ่งตัวได้เดินทางไปในป่าลึกไม่มีแม้แต่ทางเดินต้องบุกลุยฝ่าดงเข้าไป

8 สิงหาคม พ.ศ.2575

เมืองที่มีจุดศูนย์กลางเป็นพระราชวังใหญ่โตอีกทั้งยังสวยงามมากกว่าที่อื่น ๆ ภายในเมืองก็ยังมีอาคารสูงเรียงกันเป็นวงกลมมีถนนอยู่คู่กับแม่น้ำเป็นทางเข้าออกแปดทิศทาง มีทั้งไฟฟ้าและระบบน้ำที่ยอดเยี่ยม ผังเมืองที่ออกมาแบบมาเป็นอย่างดีทุกจุดทุกซอกเรียงกันเป็นระเบียบสมกับเมืองที่เจริญก้าวหน้าที่สุด

"แม่เจ้าโว้ย !" ชาญตื่นเต้นออกนอกหน้าอยากจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเต็มที่แต่ซันนี่คอยประกบไว้

"ใจเย็นลงหน่อยสิ" ซากิมองออกไปรอบ ๆ มองดูผู้คนที่แต่งตัวหรูหราต่างจากในเมืองก่อน ๆ

รถม้าหยุดลงที่หน้าพระราชวัง ปลายสุดของพระราชวังสูงขึ้นไปจนต้องแหงนหน้ามอง

พวกเขาต่างก็ยืนมองด้วยความสงบเสงี่ยมรู้ว่าควรทำตัวอย่างไรและไม่นานนายทหารก็ได้พาพวกเธอเข้าไป

เดินไปตามทางที่ขาวสะอาดไม่มีใครผ่านไปมาใช้เวลาเดินถึงสิบนาทีกว่าจะถึงห้องที่มีประตูยักษ์สลักด้วยสิงโตสีทองดวงตาประดับด้วยเพชรหลายกะรัต ขนาดทหารยามสองนายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังแต่งตัวด้วยชุดที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนกับพวกทหารทั่วไป

พวกเขาเปิดประตูให้ช้า ๆ เห็นห้องโถงภายในที่มีผู้คนยืนอยู่สองฝั่งระหว่างพรมแดงและเมื่อมองไปจนสุดพรมแดงก็มีบันไดที่พาไปยังชายวัยกลางคนค่อนไปทางสูงวัยผู้หนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์

สายตาของผู้คนที่จับจ้องมาทำเอาพวกเธอตัวเกร็งไม่กล้าสบตากับใคร เสียงซุบซิบกันในหมู่คนเริ่มดังขึ้นจนพวกเธอยังได้ยิน

"เฮ้พวก ! เงียบ ๆ หน่อยสิ" เสียงจากชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ตะโกนก่อนเขาลุกขึ้นยืนเดินลงมาเข้ามาหาพวกฟราน

"อย่าได้กลัวไป สำหรับเราแล้วพวกท่านเป็นคนพิเศษและต่อไปนี้จะทำการแต่งตั้งยศให้กับพวกท่าน" เขาหยุดอยู่ตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและยิ้มด้วยความเบิกบาน

ทหารหลายนายเดินเข้ามาจากทั้งสองฝั่งด้วยความเป็นระเบียบคุกเข่าลงเรียงเป็นแถว

"พวกท่านจงเดินเข้ามาด้วยความภาคภูมิใจเสียเถิด" พวกเธอต่อแถวกันอยู่ต่อหน้าชายคนนั้นขณะที่นายทหารคนหนึ่งยื่นของบางอย่างมาให้

"นี่เป็นยศผู้กล้า ซึ่งจะมีอำนาจและสิทธิ์เทียบเท่ากับเชื้อพระวงศ์" ชายผู้นั้นเดินติดเหรียญให้กับทุกคนทีละคน

"พิธีเป็นอันเสร็จสิ้นเชิญท่านพักผ่อน รับประทานอาหารและชื่นชมการแสดงได้เลยครับ" ภายในห้องโถงยังมีประตูเชื่อมไปยังห้องอื่นอีกหลายห้องและเมื่อมันเปิดออกก็จะได้เห็น อาหาร สิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งการเต้นระบำ อยู่ในแต่ละห้องที่เปิดเข้าไป

"เอ่อ..." ฟรานกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็มีเสียงดนตรีดังมาจากด้านหลังจนสะดุ้งตกใจ ส่วนเหล่าผู้คนต่างก็เต้นกันอย่างสนุกสนานสลัดภาพความเป็นผู้ดีหายไปหมดเสมือนกับงานสังสรรค์ของเพื่อน ๆ เสียมากกว่า

"คุณลุงคะ?" เมื่อฟรานหันมามอง ชายตรงหน้าก็ถอดเสื้อที่ดูเรียบร้อยออก ชุดที่เขาใส่อยู่มีความแปลกตาผิดกับภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เสื้อสีแดงตัดด้วยลายสีดำ กางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะโยกย้ายส่ายสะโพกอย่างเมามัน

"อะไรงั้นเหรอท่าน? นี่ชุดตามสบายครับถ้าท่านอยากใส่บ้างข้าก็จะหามาให้ทันที" เขาหัวเราะเสียงดังเดินหันหลังเข้าไปอยู่ในฝูงชนที่กำลังวุ่นวาย

"ฉันขอตัวออกไปรอข้างนอกนะ" พีชมองไปรอบ ๆ ก็เห็นแต่สิ่งที่ไม่ชอบใจจึงออกไปทางประตูหน้า และขณะที่พวกฟรานยืนอ้ำอึ้งอยู่ก็มีเหล่าหนุ่มสาว ๆ เข้ามาชวนคุยมากมาย

หัวจะระเบิดอยู่แล้ว ฉันล่ะไม่ชอบพวกงานรื่นเริงจริง ๆ เลย พีชเดินเหม่อลอยจนชนเข้ากับชายหนุ่มผมสีแดงร่างกายกำยำคนหนึ่ง

"ขะขอโทษค่ะ" พีชล้มลงจนแว่นหลุดกระเด็น ขณะที่เธอพยายามควานหามันอย่างเร่งรีบก็ยังพูดขอโทษไปด้วย

"นี่ครับ" หนุ่มผมแดงหยิบแว่นตาขึ้นมาและค่อย ๆ ใส่ให้กับเธออย่างนิ่มนวล

"ขอบคุณ...ค่ะ" เมื่อสวมแว่นตาเธอจึงได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มที่มีร่างกายกำยำเหมือนพวกนักกีฬา วินาทีที่พวกเธอได้สบตากันเหมือนกันมีบางอย่างรู้สึกได้ถึงกัน

"ไม่เป็นอะไรนะครับ" เขาช่วยประคองตัวพีชขึ้นก่อนที่เธอจะรีบเดินหนีออกมา

รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับตอนที่อยู่กับกิเลย คำพูดอ้ำอึ้งอยากจะบอกบางอย่างแต่ก็ไม่อยากพูดด้วยเหมือนกัน

เธอนั่งลงตรงขอบระเบียงมองไปยังเมืองรอบ ๆ ที่สวยงามตระการตาและอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมง

"นี่ฟราน เธอคิดว่ามันแปลก ๆ ไหม?" ซันนี่ยืนชิดแขนแนบติดกับฟรานและยกแก้วน้ำขึ้นดื่มฉีกยิ้มได้สดชื่นเสียจริง

"อืม แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ใช่ไหมล่ะ" ฟรานแย่งแก้วน้ำของซันนี่ต่อหน้าต่อตาและวางมันลงที่โต๊ะ

"นี่มันเหล้าใช่ไหมซันนี่?" ฟรานจ้องซันนี่มองดูดวงตา แก้ม ปาก กิริยาท่าทางที่แปลกไปจากเดิม

"ไม่รู้สิก็มันอร่อยดี เธอก็ลองดูบ้างก็ได้" เธอคว้าแก้วกลับคืนมาและหันหลังเดินเข้าไปในกลุ่มคนอีกครั้ง

ซากิเดินดุ่ม ๆ เข้ามาหลังจากที่ซันนี่ออกไป "ทำไมเธอดูกังวลนักล่ะ?"

"ช่างฉันเถอะ" ฟรานเดินหนีออกไปข้างนอกจนไปเจอกับพีชที่สวนดอกไม้ข้าง ๆ ระเบียง

เมื่อเห็นเช่นนั้นฟรานจึงเดินเข้าไปหาและเอามือแตะไหล่พีชตอนที่กำลังเผลอจนตกใจร้องเสียงหลง

"มะมีอะไร?" เพราะความตกใจจนพูดติดอ่างแต่พอได้เห็นหน้าฟรานก็โล่งใจ

"ฉันแค่อยากออกมาสูดอากาศสักหน่อย ขออยู่ด้วยได้ไหมล่ะ?" ฟรานส่งยิ้มอ่อน ๆ ให้ก่อนจะเหลือบตามองดอกไม้รอบที่อยู่เบื้องหน้าที่จัดเรียงและดูแลเป็นอย่างดี

"ฉันขออยู่ด้วยสักพักนะ" ฟรานนั่งลงที่ขอบระเบียงเปิดหน้าต่างสเตตัสขึ้นมาดูไปพลาง ๆ

ไอ้เวทมนตร์เดอะแปลก ๆ มันคืออะไรกันนะ ช่วงเดินทางเราก็แทบจะไม่ได้ฝึกเลยสักนิดแต่ดันมีเวทมนตร์ใหม่เพิ่มเข้ามา แล้วตอนนี้กิจังจะเลเวลเท่าไรแล้วนะ คิดแล้วเธอก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนพีชมองแปลก ๆ

"เอ่อ...ฟราน" พีชสูดหายใจเข้าลึก ๆ และปล่อยออก "เธอเป็นอะไรกับซึฮากิกันแน่?" แววตาจริงใจเอ่ยถามจากก้นลึกของความสงสัย

ฟรานยิ้มอย่างมีความสุขแต่ก็ปนทุกข์ไปด้วย "ไม่รู้สิ ฉันอาจจะชอบเขาฝั่งเดียวก็ได้" เธอพูดออกมาโดยไม่รู้สึกเขินอายทั้งสิ้นแต่กลับยินดีที่ได้บอกกล่าวเสียด้วยซ้ำ

“ถ้า...” พีชทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะเงียบไว้

เข้าใจดีเลยสถานการณ์ของเราก็เหมือนกันไม่มีผิด ถึงตัวฉันจะยังไม่แน่ใจว่าชอบซึฮากิแบบไหน เพื่อน คนรัก ครอบครัวหรือจะเป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบที่มองเขาเป็นที่พึ่งทางใจ

"ฉะฉันก็ชอบ..." พีชพูดออกมาเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

"เธอว่ายังไงนะ"

"ปะเปล่า" เธอหัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อนและเบือนหน้าหนี

ปกติเธอแทบจะไม่คุยกับพวกเราไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่สนิทหรือยังไง ที่เห็นก็มีคุยกับกิจังแค่นั้น "แล้วเธอคิดยังไงกับกิจังล่ะ?"

พีชยืนตัวแข็งจนพูดอะไรไม่ออกได้แต่ทำท่าทีที่จะปฏิเสธอย่างเดียว

"ฉันไม่ถามก็ได้ งั้นแล้วเจอกัน" ฟรานหันหลังเดินกลับไปยังห้องงาน ขณะเดียวกันก็มีชายหนุ่มผมสีแดงเดินสวนทางพร้อมกับพยักหน้ายิ้มทักทาย

การร้องรำทำเพลงของเหล่าผู้คนที่กำลังสนุกสนานอยู่ในงาน เมื่อฟรานเห็นก็รู้สึกอิ่มเอมแต่อีกใจก็ยังเป็นกังวลเช่นกัน

ส่วนพีชนั่งหลับเอาหลังพิงเสาอยู่แถวสวนดอกไม้ลมเย็น ๆ พัดกลิ่นหอมโชยเข้ามาทำให้รู้สึกผ่อนคลายเหมาะแก่การพักผ่อน

"เฮ้ แม่สาวน้อย" เสียงโทนต่ำที่มีความน่าเกรงขาม เขาพูดใกล้ถึงขนาดรู้สึกได้ถึงลมหายใจเมื่อพีชลืมตาขึ้นก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเพราะโดนคนแปลกหน้าก้มมองใกล้ ๆ

"มีอะไรคะ?" เธอถอยออกห่างเว้นระยะด้วยความหวาดระแวงขณะเดียวกันชายหนุ่มร่างกำยำก็เดินตามเธอเข้ามาเรื่อย ๆ

"อยู่บ้านเปิดตำรา หรือลงสนาม? จงเลือกมา"

เธอถอยจนไปติดกำแพงอีกฝั่งชายหนุ่มเอามือกั้นสองข้างกดเธอไว้กับกำแพงยื่นใบหน้าอันที่คมเข้มเข้าใกล้จนเกือบจะแนบชิด

"เอ่อ...อย่างแรก" ด้วยความกลัวเธอจึงรีบ ๆ ตอบคำถามด้วยจิตใต้สำนึกที่คิดได้เป็นอย่างแรก

รู้สึกตัวอีกทีเขาก็นั่งคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าเธอพร้อมกับส่งสายตาอ่อนหวานให้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มสดใส

"ต้องขออภัยที่ทำให้กลัว" เขาจับมือของพีชเอาไปจูบที่หลังมือ จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นและจับมือเธอแน่นพาเดินไปที่ไหนสักแห่ง

แม้เธอจะพยายามขัดขืนแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของเขาได้เลย "ปะปล่อยนะ" เธอพูดกระแทกเสียงจนกระทั่งน้ำตาเอ่อล้นไหลออกมา

"ท่านพ่อ" เสียงเปิดประตูดังจนทำให้ทุกคนในงานหันมามองเป็นตาเดียวกัน จากเสียงที่ครื้นเครงก็เงียบลงเหลือเพียงเสียงดนตรีที่ยังคงดังอยู่

"ผมเจอพระชายาแล้วครับ !" เสียงดังป่าวประกาศออกไปด้วยความมั่นใจเต็มร้อย ชายวัยกลางคนได้เดินตรงเข้ามาหาเขาท่ามกลางความเงียบสงัดแม้แต่เสียงดนตรีก็หยุดเล่น

"อย่างนี้ต้องฉลองอีกสิวะ !" เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจมาพร้อมกับเสียงดนตรีที่ดังสนั่นผู้คนต่างก็ปรบมือและส่งเสียงเรียกองค์ชาย

"องค์ชาย ! องค์ชาย !"

ขณะเดียวกันที่พวกฟรานมองมาด้วยความตกใจแต่ก็ไม่เท่ากับพีชที่กำลังจะเป็นลมในไม่ช้าเพราะดูสายตาจับจ้องมากมายเกินไป

ชายหนุ่มอุ้มพีชด้วยท่าเจ้าหญิงพาออกไปจากงานไปที่ไหนสักแห่งปล่อยให้คนในงานยังคงสนุกกันต่อไป

9 สิงหาคม พ.ศ.2575

พวกเธอต่างก็ได้นอนในห้องที่หรูหราและเป็นส่วนตัวมีเพียงทหารที่คอยเฝ้ารักษาความปลอดภัยหน้าประตู

"แม่สาวน้อย เมื่อไรเธอจะตื่น?" ชายหนุ่มสะกิดแก้มของพีชที่นอนหลับอยู่บนเตียงนุ่มฟู รอบเตียงประดับด้วยข้าวของเครื่องใช้ดูมีราคาที่หาไม่ได้ในเมืองอื่น

ไอ้หมอนี่ ไปสักทีเถอะน่า พีชแอบลืมตามองหลังของเขาที่กำลังเดินออกไป

"งั้นฉันจะไปเตรียมมื้อเช้าให้ก่อนนะ"

พีชลุกขึ้นนั่งขอบเตียงสำรวจร่างกายตัวเองว่ามีอะไรผิดแปลกไปหรือไม่ก่อนจะถอนหายใจลากยาว

หน้าต่างที่แง้มอยู่เล็กน้อยพอที่แสงจะส่องเข้ามา เธอเปิดมันออกกว้างมองดูข้างนอกแทบจะไม่เห็นใครอื่นเลยทั้งที่มีบ้านเต็มไปหมดเหมือนกับที่แห่งนี้ตั้งอยู่กลางป่ากลางเขา

ไม่อยู่แล้วเว้ย พีชก้าวเท้าขึ้นขอบหน้าต่างเตรียมหย่อนตัวลงพื้นหญ้าด้านล่าง ทันใดนั้นชายหนุ่มก็เปิดประตูเข้ามาพอดีด้วยความตกใจเธอจึงรีบกระโดดออกไป

จังหวะที่เท้าแตะพื้นโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ข้อเท้าพลิกจนเดินลำบาก เมื่อเธอตั้งหลักลุกขึ้นยืนก็รีบออกตัววิ่งไปด้วยขากะเผลก ๆ

ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย?

"จับได้แล้ว" ชายหนุ่มวิ่งตามเธอทันและคว้าแขนไว้แน่น

"ปล่อยนะ นายต้องการอะไร?" พีชพยายามกระชากแขนออกแต่ก็ไม่สำเร็จ

"ตอนนี้เราเป็นคู่รักกันแล้วนะ" เขาพูดออกมาด้วยความดีใจยิ้มใหญ่

"ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรเลย !" พีชตะคอกใส่ชายหนุ่มจนเขาตกใจปล่อยแขนที่จับไว้

"งั้นเรามาคุยกันสักหน่อยเป็นไง?" เธอไม่ได้วิ่งหนีไปไหนเพราะรู้ว่ายังไงก็หนีไม่รอด

"ก็ได้เหมือนฉันมีทางเลือกมั้ง !" ชายหนุ่มย่อตัวลงอุ้มพีชกลับไปยังห้องพัก

บรรยากาศเย็นสบายภายในราชวัง พวกฟรานได้นอนกันอย่างสุขสบายจนกระทั่งพวกทหารเข้ามาเคาะประตูเรียกพวกเขา

"ท่านผู้กล้าครับ ! ถึงเวลาประชุมกันแล้วครับ" ไม่นานพวกฟรานและคนอื่น ๆ ก็ออกมาจากห้องของตัวเองเดินตามนายทหารไป

"ที่นี่เป็นยังไงบ้างครับ" ตลอดทางนายทหารชวนพวกเธอคุยด้วยความเป็นมิตรยิ้มแย้มแจ่มใส

"ยอดไปเลยค่ะ" ซันนี่แทบจะเป็นคนเดียวที่พูดคุยกับเขาทำให้เธอดูเป็นมิตรกว่าใคร

เมื่อถึงห้องประชุมขนาดใหญ่มีโต๊ะทรงวงรีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องโดยมีผู้คนนั่งรออยู่รอบโต๊ะนั่น

พวกเธอเดินเข้าไปอย่างสงบเสงี่ยมเมื่อนายทหารชี้ให้นั่งพวกเธอก็ทำตามไม่มีเสียงโต้ตอบ

"เหล่าผู้กล้าได้มายังที่แห่งนี้แล้ว เมื่อวานตัวยังไม่ได้แนะนำตัวเป็นทางการเลย ข้ามีนามว่า โอบา แอสต้า ผู้ปกครองอาณาจักรเซียราชารุ่นที่สิบสาม" ชายสูงวัยคนเมื่อวานที่นั่งอยู่หัวมุมโต๊ะได้กล่าวเปิดการสนทนาด้วยท่าทีที่ภูมิอกภูมิใจ ต่อหน้าทุกคน

ที่แท้ก็เป็นพระราชานี่เอง แต่บุคลิกภายนอกแตกต่างกับเมื่อวานคนละขั้วสุด ๆฟรานจ้องมองโอบาด้วยความสงสัยที่มีเต็มไปหมดบางครั้งเขาก็ทำตัวบ้า ๆ บางครั้งก็สุขุมบางครั้งก็เป็นกันเอง

"ว่าไง" เสียงจากสาวสวยผมบลอนด์ทองยิ้มและโบกมือให้ เธอคือลักซ์คนที่เคยไปหานาธาที่ค่าย

"สวัสดีค่ะ" ซันนี่ลุกพรวดพราดโบกมือให้เป็นการทักทายและพูดออกมาเสียงดังมั่นอกมั่นใจก่อนจะนั่งลง

"ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้" โอบาส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรเพื่อให้พวกเธอผ่อนคลายลง

"ท่านโอบาเป็นคนง่าย ๆ พวกเธอก็น่าจะพอเห็นมากับตาแล้วนะ" ท่าทีของลักซ์ดูสงบเสงี่ยมกว่าตอนเจอนาธามาก ๆ แต่ก็ไม่ได้พิธีการมากจนเกินไป

โอบากระแอมคอก่อนจะพูด "ขอแนะนำ เธอคือพลโทลักซ์ผู้มากความสามารถ" โอบากวาดมือไปทางลักซ์และถัดไปเขาก็แนะนำเหล่าคนที่มีบทบาทสำคัญต่ออาณาจักรให้รู้จักจนกระทั่งมือนั้นผายมาทางพวกฟราน

"ดิฉันชื่อ ฟราน" เธอลุกขึ้นพูดทันที ทำให้คนอื่น ๆ ลุกยืนตามเช่นกัน

"ซากิครับ" ท่าทางสุขุมและเยือกเย็นของเขาเป็นหลักฐานของคนที่มีสติข่มอารมณ์ตัวเองได้ดี

"ซันนี่ค่ะ" เมื่อต้องแนะนำตัวเธอก็ใช้ทักษะที่มีตลอดการทำงานด้านกิจกรรมนักเรียนโดยการยิ้มแย้มร่าเริงเพื่อผูกมิตร

"ชาญครับ !" เสียงอันหนักแน่นสมเป็นชายชาตรีและความมั่นใจเต็มร้อยพร้อมเผชิญอุปสรรค

"แล้วหายไปไหนคนหนึ่งล่ะ?" โอบาเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยขณะที่พวกเธอต่างก็นิ่งเงียบไม่มีใครตอบได้

จู่ ๆ ประตูก็เปิดออกเสียงดังจนคนหันไปมองเห็นพีชที่เดินมาพร้อมกับองค์ชาย

"ดิฉันมีชื่อว่าพีชค่ะ" เธอก้มโค้งคำนับเล็กน้อยพอเป็นพิธีและกวาดสายตาไปรอบ ๆ มองดูเหล่าคนแปลกหน้า

"นี่โย ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่นานเลย" เธอดึงหูขององค์ชายลงมากระซิบเบา ๆ ขณะที่ทุกคนต่างก็ตกใจในการกระทำที่เหมือนไม่ให้เกียรติ

"ท่านพ่อครับ พวกเราคงต้องขอตัวก่อนนะครับ"

"องค์ชายครับ นี่เป็นประชุมสำคัญนะครับท่านควรจะอยู่ที่นี่ด้วย" แม้เลขาของโอบาพูดเช่นนั้นแต่โยก็ไม่สนใจเลยสักนิด

"เหมือนเจ้าไม่มีผิดเลยนะโอบา" ชายแก่ที่นั่งอยู่ทางขวาของโอบาพูด เขาใส่ชุดที่เป็นผ้าหยาบ ๆ ขาด ๆ อีกทั้งดีไซน์ของชุดก็แปลกประหลาดจนสะดุดตา

"แหม ๆ เป็นหนุ่มแล้วก็แบบนี้แหละ" ทั้งคู่หัวเราะดังลั่นไปทั่วห้องประชุม แต่คนอื่น ๆ กลับนั่งนิ่งเงียบสนิท

"[เสริมกำลังระดับห้า] [เหวี่ยงหมัด]" โอบาหยิบไม้คทาเล็ก ๆ ขึ้นมาและร่ายเวทด้วยเสียงที่เบาจนคนรอบข้างฟังไม่รู้เรื่อง

โอบาพุ่งเข้าใส่โยและง้างหมัดจากด้านข้างเสยขึ้นไปที่ช่องท้อง จังหวะนั้นโยสามารถผลักพีชออกไปได้เสียก่อน และตั้งแขนป้องกันหมัดนั่นไว้ทำให้ตัวโยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงห้องพังลงมา

เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น?ฟรานตกตะลึงในความเร็วของเขาจนเหงื่อออกมือ ใบหน้าของพวกเธอก็ไม่ต่างกันมากมีแต่พวกผู้ใหญ่ที่ไม่ตกใจอะไรเลยเหมือนชินกับการกระทำเช่นนี้

"ยังไวไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้หนู ! มามะเดี๋ยวพ่อจะสั่งสอนสักหน่อย" โอบายิ้มหัวเราะด้วยความสะใจขณะที่โยค่อย ๆ ลุกขึ้นชายตามองพีชที่ล้มอยู่ใกล้ ๆ

"ไปข้างนอกไม่ดีกว่าเหรอ...ท่านพ่อ"

"เอาสิ ทุกคนก็ออกมาด้วยเลยเราจะเปลี่ยนที่ประชุมกัน" พวกเขาต่างก็เดินตามหลังกันไป

พวกเขามาถึงที่โล่งใจกลางพระราชวังกว้างเทียบเท่าสนามฟุตบอลสองถึงสามสนามได้เลย

"เริ่มกันเลยไหมล่ะ ไอ้ลูกชาย" โอบายิ้มปากแทบฉีกเหมือนกับกำลังสนุกสุด ๆ

"จัดไปเลยท่านพ่อ" โยแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มเข้าปะทะกัน

ทางด้านของซึฮากิก็ยังเดินทางไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้พบกับดันเจี้ยนแห่งใหม่ที่จะใช้เป็นสถานที่ฝึกเพื่อเพิ่มเลเวล

"เฮ้ เดินให้มันเร็ว ๆ หน่อย" เสียงอันโกรธเกรี้ยวของคานะกำลังเดินดุ่ม ๆ ไปตามทางในดันเจี้ยน

"กิ ช่วงนี้คานะดูเกรี้ยวกราดผิดปกตินะ" เซนกระซิบกับซึฮากิอยู่ด้านหลังสองคน

"วันนั้นของเดือนหรือเปล่า?" ปุยเองกระโดดตามหลังมาติด ๆ

"กระซิบอะไรกัน หา !" คานะหันมาตะคอกใส่จนเซนต้องหนีไปหลบด้านหลังซึฮากิ

"ถ้าเธอช่วยใจเย็น ๆ แล้วคุยกันก่อน" เซนพยายามพูดกับเธอด้วยความนุ่มนวลแต่ถูกตอบกลับด้วยการจ้องเขม็ง

"เบา ๆ กันหน่อย เดี๋ยวพวกมอนสเตอร์จะรู้ตัวก่อน" ดันเจี้ยนขนาดใหญ่ที่มีพื้นดินพื้นหญ้าไม่ต่างกับด้านนอกไม่เหมือนกับดันเจี้ยนก่อน ๆ

"มานี่" คานะพูดเสียงเบาพร้อมกับกวักมือเรียกพวกเซน

"นั่นมันเหมือนกับหมาป่าถ้ำที่เคยเจอใช่ไหม?" เมื่อมองไปยังเบื้องล่างก็จะเห็นฝูงหมาป่าสีเทาที่มีมากกว่าสิบตัว พวกมันกำลังเดินไปมาเหมือนกับกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่

"ฉันยืมมีดหน่อย" คานะแย่งมีดของเซนไปจากมือและกระโดดลงไปซึ่งมีหมาป่าตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้นพอดี คานะใช้แรงโน้มถ่วงปักมีดลงบนคอตายคาที่ หลังจากนั้นพวกมันก็กรูกันเข้ามาหาแต่เธอกลับวิ่งเข้าใส่แทนที่จะหนี

คานะใช้มีดที่แย่งมาจากเซนรวมกับตัวเองเป็นสองเล่มเข้าประชันหน้ากับฝูงหมาป่าถ้ำ คมมีดวารีสะบั้นฟาดฟันทุกการเหวี่ยงราวกับกำลังเล่นเกมอยู่ไม่มีผิด แม้จะโดนเขี้ยวเล็บกัดข่วนอยู่บ้างแต่เธอก็ยังรุดหน้าต่อไปจนกำจัดพวกมันได้ฝูงหนึ่งก่อนจะมีฝูงใหม่เดินเข้ามา

"โหดชะมัดเลยเนอะ" พวกเซนค่อย ๆ ตามลงมาทีหลังมองดูคานะระบายอารมณ์กับพวกมอนสเตอร์อย่างกับปีศาจ

"ช้ากันจริง ๆ เลยนะพวกนาย"

หลังจากอาละวาดจนพอใจเธอก็คืนมีดให้เซนโดยที่เนื้อตัวมีแต่เลือดชโลมเสื้อผ้าราวกับตกถังสีมา

"แค่ดูเธอฉันก็หมดแรงแล้ว"

คานะจ้องตาเขม็งจนเซนหยุดพูด

"แบบนี้ก็น่าเพิ่มเลเวลได้ไวดีมั้งนะ? พวกเราไปกันต่อเถอะ" ซึฮากิเดินนำทีมลงไปยังชั้นถัด ๆ ไป เจ้าปุยเองก็ยังคอยตามหลังมาตลอดเมื่อเริ่มต่อสู้มันก็จะไปหาที่หลบเองทันที

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ เพียงเรียงรัก

เอ่อ ราชากับองค์ชายนี่ ดูเหมือนจะเพี้ยน อยู่ดีๆ ก็ตีกันเฉย

ส่วนฟรานนี่ ปปากบอกชอบพระเอก แต่ยอมให้คนอื่นจูงมือแบบไม่ปฏิเสธเลย 55+

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.