คู่พระพร
คืนวันนั้น
พิมพ์แขกลับถึงบ้านด้วยหัวใจที่สั่น ๆ —ไม่ใช่เพราะความกลัว
แต่เพราะความรู้สึกแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน
คนอย่างเธอไม่คุ้นกับการถูกมองเห็น
ไม่คุ้นกับการถูกทัก
ไม่คุ้นกับการที่ใครสักคน “สนใจจริง ๆ”
เขาจะมาหลอกเธอ เป็นคนไม่ดี
หรือเขาจะเป็นคนที่พระเจ้าส่งมา
เธอรู้สึกสับสนในใจ
พอถึงห้อง เธอทิ้งกระเป๋าไว้บนเตียง หย่อนตัวลงบนพื้นเย็น ๆ
กลั้นลมหายใจไว้แป๊บหนึ่งก่อนจะปล่อยออกยาวช้า ๆ
แล้วน้ำตาก็ไหล—เงียบ เหมือนมันไม่ต้องขออนุญาตเธอก่อน
มันไหลเพราะ “ดีใจที่มีคนเห็น”
และเพราะ “เจ็บที่เคยไม่มีใครเห็นเลยมาตลอด 17 ปี”
ความจริงคือ…การได้รับความอ่อนโยนครั้งแรก
ทำให้เรารู้เลยว่าที่ผ่านมาเราอดทนมามากขนาดไหน
ระหว่างที่พิมพ์แขนั่งอยู่บนพื้น
ความทรงจำที่เธออยากลืมกลับไหลย้อนขึ้นมาราวกับน้ำสีดำจากก้นบ่อ
ตอน ป.6 ครูให้จับกลุ่มทำโครงงาน
ไม่มีใครรับเธอเข้ากลุ่ม เธอเดินไปขอเข้ากลุ่มไหนก็ถูกปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
เหมือนน้ำเสียงนั้นพูดว่า “อยู่คนเดียวไปเถอะ เธอไม่มีประโยชน์”
ตอน ม.2 เธอถูกตั้งกลุ่มไลน์ลับ
แอบเอารูปเธอไปตัดต่อ ทำมีมล้อว่าอ้วน เฉิ่ม เชย โง่ ไม่มีใครต้องการ
และส่งต่อๆกันอย่างสนุกสนาน
เจ็บที่สุด ไม่ใช่การที่ถูกแกล้ง
แต่คือการที่รู้สึกแล้วว่า “ไม่มีใครยืนข้างเราเลยสักคนเดียว”
ความเจ็บปวดที่คนมองไม่เห็น… มักเป็นบาดแผลที่รักษายากที่สุด
“การถูกทำให้เหมือนไม่มีตัวตน มันเจ็บกว่าทุกคำดูถูก เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่า…เราไร้ค่า”
“เด็กที่ถูกเพิกเฉย โตขึ้นมาไวเสมอ เพราะต้องคุ้มกันหัวใจด้วยตัวเอง ตั้งแต่ยังไม่พร้อม”
ในจิตวิทยาพฤติกรรมมนุษย์ มีทฤษฎีหนึ่งเรียกว่า “halo inversion”
คือถ้าเด็กคนหนึ่งไม่เก่งกีฬา ไม่เด่น ไม่สวย ไม่กล้าพูด
คนมักใช้ภาพลักษณ์แรกนั้นไปตัดสินทุกด้านของเธอ
พิมพ์แขตกเป็นเหยื่อของสิ่งนี้เต็ม ๆ
เธอไม่เก่งกีฬา → ถูกมองว่าไร้ประโยชน์
เธอไม่พูดมาก → ถูกคิดว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ
เธอไม่คบใคร → ถูกมองว่าแปลก
เธอเลยกลายเป็นคน ที่ไม่มีใครมองเห็น
คืนนั้น
พิมพ์แขเปิดโทรศัพท์ หวังว่าจะได้เจออะไรที่ทำให้ยิ้ม
แต่ฟีดโซเชียลของเธอมีแต่เรื่องที่แสดงให้เห็นว่าโลกโหดร้ายแค่ไหน
ดราม่าคนดัง ข่าวด่ากันทะเลาะกัน
คลิปบูลลี่คนแปลกหน้า คอมเมนต์เหยียด
การแชร์เรื่องส่วนตัวของใครสักคนเพื่อสร้างเสียงหัวเราะ
เธอรู้สึกเจ็บ เพราะมันคุ้นมาก หลายเรื่องในนั้น เหมือนที่เธอโดนประจำ
“เราทุกคน รู้ว่ามีคนเจ็บ…แต่เราก็ยังเลื่อนไปอ่านต่ออยู่ดี”
เธอคิดในใจ
โลกออนไลน์ทำให้ทุกคนเห็นความเจ็บปวดกลายเป็นความบันเทิง
ทำให้คนลืมไปว่า หลังจอมีชีวิตจริง ที่ร้องไห้จนตัวสั่น
แต่ไม่มีใครรู้…ไม่มีใครสนใจว่าคนในนั้นเป็นใคร
เธอถอนหายใจ แล้วปิดโทรศัพท์
มันทำให้เธอรู้สึกอ่อนล้าเกินไป
เธอนั่งเงียบไปนาน แล้วแตะใบหน้าตัวเองเบา ๆ
“…คุณน่ารักมากเลย” คำที่ อันเดรสพูดตอนอยู่หน้าประตูโรงเรียน
วนซ้ำในหัวราวกับเสียงเพลงที่กดปุ่ม replay ไม่หยุด
ไม่ใช่เพราะมันหวาน หรือรู้สึกว่าตัวเองน่ารักจริงๆ
แต่เพราะมันคือ ครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีคนพูดกับเธอ โดยมองเธอจริง ๆ สบตากับเธอจริงๆ
ทุกคำของเขาเหมือนใช้แสงสว่างค่อย ๆ ลบรูปแบบความคิดที่เธอถูกทำให้เชื่อมาตลอดว่า “ฉันไม่ดีพอ”
“ฉันไม่มีค่า”
“ฉันเป็นภาระของทุกกลุ่ม”
แล้วเธอก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง...
“แล้วถ้าเขามาเรียนวันต่อๆไป แล้วรู้จักฉันมากขึ้น เห็นว่าทุกคนมองฉันไร้ค่ามาก เขายังจะอยากเป็นเพื่อนกันฉันไหม?”
แล้วน้ำตาเธอก็ไหลเองอีกครั้ง
มายาคติข้อใหญ่ที่สุดที่ทำให้วัยรุ่นเจ็บหนักกว่าที่ควรคือ… คิดว่าทุกคนต้องชอบเรา
คิดว่าต้องมีเพื่อนเยอะ คิดว่าต้องเก่งทุกอย่าง
คิดว่าต้องดีพร้อมจนไม่มีข้อบกพร่อง
พิมพ์แขคือเหยื่อของสิ่งนี้
และเป็นเหตุผลที่เธอเจ็บทุกครั้งที่เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ
แต่ความจริงคือ มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาให้เหมือนกัน
แต่ถูกสร้างมาให้ “เติมเต็มกัน” ต่างหาก
อันเดรสคือคนแรกที่บอกความจริงข้อนี้โดยไม่พูดออกมา
แค่…เขามองเห็นเธออย่างที่พระเจ้ามองเห็นเธอ
“บางครั้งคนแรกที่มองเห็นเราจริง ๆ ไม่ใช่เพื่อน…แต่เป็นคนแปลกหน้าที่พระเจ้าส่งมา”
“เราไม่ต้องสมบูรณ์แบบเพื่อให้ใครรัก แต่เราต้องรักตัวเองก่อน”
“ความเจ็บปวดไม่ได้ทำร้ายเราเท่าการเชื่อว่ามันเป็นความผิดของเรา”
พิมพ์แขล้มตัวลงบนหมอน
น้ำตาเริ่มแห้ง
ยังมีสะอื้นบาง ๆ แต่ไม่เหมือนตอนแรกแล้ว
ตอนนี้เธอไม่ได้ร้องเพราะ “เกลียดตัวเอง”
แต่ร้องเพราะเธอกำลังพยายาม ปล่อยความเจ็บปวดที่เก็บไว้มานาน ออกไป
“ฉันเจ็บนะ”
“มันไม่ผิดที่เรารู้สึกแบบนี้”
“ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันขอพักบ้างได้ไหม”
เธอรู็สึกว่า เธอกำลังมองหาความปลอดภัย แม้แค่ความอบอุ่นจากคำพูดคนเดียว
คืนนี้ พิมพ์แขหยิบปากกาพร้อมหายใจลึก มือสั่นนิด ๆ
หน้าไดอารี่เล่มเก่าถูกเปิดออก
แต่แทนที่จะเขียนเรื่องร้าย ๆ ที่เจอมาในโรงเรียน
เธอเขียนเพียงคำเดียวลงไปตรงกลางหน้า
“ความหวัง”
ไม่ใช่หวังว่าใครจะรัก
ไม่ใช่หวังว่าเพื่อนจะเห็นค่า
แต่เป็นความหวังว่า
“สักวันหนึ่ง ฉันจะรักตัวเองได้แบบที่พระเจ้าบอกในฝัน”
เธอยิ้มบาง ๆ
ปิดไดอารี่
แล้วหลับไปพร้อมคำว่า
“ขอบคุณนะคะพระเจ้า…ที่ส่งเขามา ให้หนูเห็นว่าหนูไม่ได้ไร้ค่าอย่างที่หนูคิด”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 43
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น