บทที่ 95: นักดาบอมตะ หลี่ฉางเซิง
เมื่อหลินหยวนได้ยินคำพูดของโจวอวี้หลง เขาก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดเลยว่าผู้อาวุโสผมหงอกที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะเป็นทหารในกองทัพ
หลังจากที่ชายชุดเกราะดำเอ่ยแนะนำอีกฝ่าย ชายชราคนนั้นก็ก้าวมาข้างหน้า ก่อนจะยื่นมือขวาไปทางเด็กหนุ่มพลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทหารของกองทัพ ผู้มีพลังแรงก์ SS หลี่ฉางเซิง”
พอได้ยินชื่อนี้หลินหยวนก็นึกถึงเรื่องราวของคนคนนี้ขึ้นมาได้ทันที
เขาเคยได้ยินชื่อของ ‘หลี่ฉางเซิง’ มาก่อน
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสคนนี้จะไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SSS แต่ชื่อเสียงของเขากลับโด่งดังไม่แพ้ผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SSS คนไหนเลย
เพราะเขามีอีกฉายาหนึ่งที่ว่า… นักดาบอมตะ หลี่ฉางเซิง!
พลังพิเศษของเขานั้นพิเศษมาก นั่นก็คืออายุยืน!
มีข่าวลือบอกว่า หากเขาฝึกฝนพลังนี้จนเต็มศักยภาพ อายุขัยของเขาอาจจะยาวนานจนถึง 500 ปีเลยก็ว่าได้!
แต่ผลข้างเคียงของการใช้พลังนี้ก็เห็นได้ชัดเจนเหมือนกัน เพราะเส้นทางการฝึกฝนพลังปราณของหลี่ฉางเซิงนั้นยากลำบากมาก การฝึก 10 ชั่วโมงอาจจะได้ผลเท่ากับ 1 ชั่วโมงสำหรับคนปกติทั่วไป
ด้วยเหตุนี้เอง สิ่งที่คนอื่นมองว่าเป็นพลังพิเศษที่ล้ำค่ากลับกลายเป็นภาระในสายตาของหลี่ฉางเซิง
ยิ่งไปกว่านั้นพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตในสงครามไททัน เขาจึงมีความเกลียดชังต่อเผ่าไททันมากกว่าใคร ๆ
ทว่าด้วยข้อจำกัดของพลังตัวเอง เขาจำต้องดิ้นรนสั่งสมพลังเพื่อแข่งขันกับไททัน
บางครั้งโชคชะตาก็มักจะเล่นตลกกับคนเรา หลี่ฉางเซิงไม่ได้ต้องการความเป็นอมตะ แต่แล้วฟ้าก็ได้ส่งพรสวรรค์นั้นมาให้เขา
โชคดีที่เขาไม่ยอมแพ้ละทิ้งการฝึกฝนไปเสียก่อน
ในที่สุดตอนที่เขาอายุ 50 ปี เขาก็เริ่มสร้างเส้นทางของตัวเอง
นั่นก็คือ… การทำให้พลังเพิ่มขึ้นโดยการกลืนกินอายุขัยของตนเอง
วิธีการเพิ่มพลังนี้คล้ายกับการฆ่าตัวตายอย่างต่อเนื่อง นี่ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหลี่ฉางเซิงเลยทีเดียว
เพราะเขาเป็นคนเดียวที่มีอายุขัยยาวนานเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ชายชรายังสามารถใช้วิธีการผลาญอายุขัยของตัวเองนี้เพื่อครอบครองพลังการต่อสู้ที่มหาศาลเป็นการชั่วคราวได้ด้วย
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาถูกขนานนามว่า ‘นักดาบอมตะ’
แม้ว่าหลี่ฉางเซิงจะเป็นเพียงผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SS แต่ยามที่อยู่ในสนามรบ เขามักจะปลดปล่อยพลังที่เทียบเท่ากับเหล่าผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SSS
ในประวัติเขาสังหารไททันมหันตภัยไปแล้วถึง 5 ตัว บุคคลที่น่าเกรงขามเช่นนี้อาจจะถูกเรียกได้ว่าเป็นผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SS ที่แข็งแกร่งที่สุดเลยก็ว่าได้
และด้วยเหตุนี้เองหลี่ฉางเซิงที่ผ่านการต่อสู้อันหนักหน่วง เขาจึงใช้อายุขัยของตัวเองไปเป็นจำนวนมาก นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงดูแก่ชรามากขนาดนี้ แม้เขาจะมีชีวิตที่เป็นอมตะก็ตาม
ขณะที่หลินหยวนยังคงยืนตกตะลึง โจวอวี้หลงก็มองเขาด้วยสายตางุนงง
ไม่นานเด็กหนุ่มก็มีสติกลับคืนมาแล้วยื่นมือออกไปจับมือกับอีกฝ่ายเบา ๆ “ผมซวงมู่ ยินดีที่ได้พบท่านผู้อาวุโสครับ”
ชื่อ ‘ซวงมู่’ นั้นเป็นชื่อที่เขาเพิ่งคิดขึ้นได้เมื่อกี้นี้
มันเป็นการแยกอักษร ‘หลิน’ ออกจากกันซึ่งจะทำให้เกิดชื่อซวงมู่ขึ้นมา
แต่หลี่ฉางเซิงที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของหลินหยวนเป็นอย่างดี เขาจึงพูดยิ้ม ๆ ว่า “เอาเถอะ นายไม่จำเป็นจะต้องหลอกคนแก่อย่างฉันหรอก ฉันรู้ว่านายไม่อยากเปิดเผยตัวตนต่อกองทัพ ถึงฉันจะไม่เข้าใจเหตุผลของนายก็เถอะ แต่ฉันก็จะไม่ถามเซ้าซี้ หากนายอยากจะใช้ชื่อนั้นจริง ๆ ถ้างั้นนับจากนี้ไปฉันจะเรียกนายว่าเจ้าหนูซวงมู่แล้วกัน”
นับตั้งแต่ที่ป้อมปราการได้รับชัยชนะ กองทัพก็ได้พยายามติดต่อหลินหยวนเข้ามาอยู่หลายครั้ง
แต่คำขอทั้งหมดถูกเด็กหนุ่มปฏิเสธ ดังนั้นกองทัพจึงเชื่อว่าเขาอาจจะมีความกังวลหรืออาจจะรู้สึกต่อต้านการเข้าร่วมกองทัพ
ดังนั้นถึงแม้ว่าหลี่ฉางเซิงจะเปิดเผยคำโกหกของหลินหยวน แต่อีกฝ่ายก็ยังเหลือทางให้เขาได้ถอยเช่นกัน
ทางด้านเด็กหนุ่มเองก็ไม่ได้รู้สึกอับอายแต่อย่างใด เขากลับพูดด้วยท่าทางสงบนิ่งว่า “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่เข้าใจครับ”
“ที่ฉันมาในครั้งนี้ก็เพื่อขอบคุณนายเพียงเท่านั้น” จากนั้นหลี่ฉางเซิงก็เปลี่ยนเรื่องพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการมากกว่าเดิม “ถ้าไม่มีนาย ป้อมปราการแห่งนี้คงถูกทำลายไปแล้ว นอกจากที่นี่จะเต็มไปด้วยซากศพแล้ว พลเรือนหลายล้านคนก็คงจะต้องพลัดถิ่นด้วยเช่นกัน ฉันต้องยอมรับว่าตัวเองละเลยหน้าที่ในฐานะทหารที่มีหน้าที่ปกป้องประชาชน ในเรื่องนี้ทางเราต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง”
หลังจากกล่าวจบแล้วชายสูงวัยก็โค้งคำนับขอโทษหลินหยวนเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเขานั้นขอโทษออกมาจากใจจริง
“ท่านผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยครับ” หลินหยวนรีบก้าวออกไปช่วยพยุงชายชราให้กลับมายืนตัวตรง “ผมเข้าใจดีว่าตอนนี้กองทัพเองก็อยู่ในช่วงเวลาที่ลำบาก การสู้รบในแนวหน้ากำลังเข้มข้นจนถึงจุดเดือดและทหารที่แข็งแกร่งที่สุดทุกคนจะต้องต่อสู้อยู่ที่แนวหน้ากันหมด”
“ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้ว่าเราต้องการจะถอนกำลังผู้มีพลังแรงก์ SSS ออกมาปกป้องป้อมปราการ มันก็ทำได้ยากมาก ถ้าจะหาคนผิดในเรื่องนี้ก็คงต้องโทษคนของลัทธิไททันที่คอยวางแผนชั่วมานาน”
“ไอ้พวกลัทธิไททันพวกนี้มันเป็นแค่เศษสวะ ในตอนที่ทหารแนวหน้ากำลังต่อสู้กับเผ่าไททัน พวกมันกลับพยายามทำลายล้างมนุษย์ด้วยกันอยู่เบื้องหลัง ความคิดของคนพวกนี้ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ”
คำพูดของหลินหยวนทำให้หลี่ฉางเซิงอดโมโหขึ้นมาไม่ได้
คนพวกนี้ถึงแม้ว่ามือไม่พายอย่างน้อยก็ไม่ควรเอาเท้าราน้ำ
ต่อให้พวกเขาจะได้รับข่าวล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการบุกโจมตีของลัทธิไททัน แต่พวกเขากลับไม่ยอมทำอะไรเลย เหตุผลนั้นคืออะไรน่ะเหรอ?
เป็นเพราะว่ากองทัพยังขาดทหารที่แข็งแกร่งอยู่อีกมาก!
ในช่วงเวลานี้ผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SSS ทุกคนกำลังนำทัพต่อสู้กับเผ่าไททัน
ถ้าเกิดการถอนกำลัง ไม่ว่าจะเป็นกองทัพไหน นั่นจะเป็นจุดอ่อนร้ายแรงในแนวป้องกันที่เปราะบางอยู่แล้วทันที
เมื่อเทียบกันแล้ว แนวป้องกันแรกมีความสำคัญมากกว่าป้อมปราการสงครามในแนวหลังอย่างแน่นอน
การที่กองทัพทำเหมือนเพิกเฉยต่อเหตุการณ์นั้นเป็นผลมาจากการพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียอย่างรอบคอบแล้ว
ดังนั้นหลินหยวนจึงเข้าใจสถานการณ์ของกองทัพเป็นอย่างดี
“ขอบคุณสหายตัวน้อยที่เข้าใจกองทัพ” หลังจากหลี่ฉางเซิงพูดประโยคเหล่านี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เขาถอนหายใจแทนอนาคตของประเทศ
บัดนี้คนในประเทศเหมือนตกอยู่ในความมืดมิด จะกรุยทางเดินไปข้างหน้าก็มีแต่พุ่มหนามรายล้อม ถึงกระนั้นพวกเขาก็พยายามทำทางกันต่อไปไม่หยุดต่อให้ถูกหนามทิ่มแทงจนเลือดไหลนองเป็นสาย
เพราะพวกเขาเชื่อว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะได้เห็นรุ่งอรุณแห่งชัยชนะ!
จากนั้นหลี่ฉางเซิงก็เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น “เอาล่ะ เราอย่าพูดถึงเรื่องนั้นกันอีกเลย อย่างที่ฉันเคยบอกไป ฉันมาที่นี่ก็เพื่อแสดงความขอบคุณกับนายโดยเฉพาะ แต่กองทัพไม่ได้คิดจะมาพูดขอบคุณปากเปล่าหรอกนะ”
คำพูดของชายสูงวัยทำให้หลินหยวนตกใจเล็กน้อย
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้ตั้งตัว อีกฝ่ายก็เดินตรงเข้าไปในห้อง
จากนั้นเขาก็หยิบของ 3 ชิ้นออกมาจากอกเสื้อและวางลงบนโต๊ะ
ชิ้นที่ 1 เป็นเถาวัลย์ที่มีแสงสีม่วงจาง ๆ เปล่งออกมา
ชิ้นที่ 2 เป็นอัญมณีน้ำแข็งสีฟ้าใสดุจคริสตัล
ส่วนชิ้นที่ 3 เป็นคริสตัลสีน้ำเงินเข้มที่ด้านในมีสายฟ้าฟาดอยู่ตลอดเวลา
“นี่คืออะไรเหรอครับ?” หลินหยวนเดินเข้าไปขณะมองตรงไปยังของที่วางอยู่บนโต๊ะทั้ง 3 ชิ้น
หลี่ฉางเซิงพูดยิ้ม ๆ ว่า “กองทัพไม่เคยละเลยคนที่ต่อสู้เพื่อประเทศชาติมาก่อน ดังนั้นนี่คือของตอบแทนจากกองทัพ”
พอหลินหยวนได้ยินคำพูดพวกนี้ หัวใจของเขาก็กระตุกไหววูบ เขานึกไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสเดินทางมาไกลขนาดนี้เพียงแค่จะมอบของตอบแทนให้กับเขาเท่านั้น
ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่อาจวางใจเข้าร่วมกองทัพได้อยู่ดี
เพราะถึงอย่างไรท่ามกลางนายพลระดับสูงในกองทัพยังคงมีคนทรยศอยู่
คนทรยศพวกนี้ได้หลบซ่อนทำตัวเป็นทรราชคอยส่งข่าวให้กับไททัน แล้วพวกมันจะแทงข้างหลังพวกเราได้ทุกเมื่อ
จนกว่าคนทรยศจะถูกกำจัดไปจนหมด สิ่งที่หลินหยวนทำได้ก็คือพยายามรักษาระยะห่างจากกองทัพและพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตอนที่อยู่ในสนามรบ หากใครมีพลังมากพอแม้เพียงคนเดียวก็สามารถพลิกสถานการณ์การรบได้!
จากนั้นหลี่ฉางเซิงก็คว้าเถาวัลย์สีม่วงเข้มขึ้นมาและเริ่มอธิบายรายละเอียดให้หลินหยวนฟัง
“เถาวัลย์นี้เรียกว่า ‘เถาวัลย์หัวใจอินทนิล’ มันมีผลในการช่วยเพิ่มพลังจิต มันถูกค้นพบตอนที่ผู้มีพลังแรงก์ SSS บุกยึดดินแดนของเผ่าไททัน นายมีพลังในการควบคุมศพไททัน ดังนั้นพลังจิตของนายคงจะสูงมาก ถ้านายได้กินเถาวัลย์หัวใจอินทนิลนี้เข้าไปเป็นประจำ มันจะช่วยเพิ่มพลังจิตของเธอได้ในระยะเวลาอันสั้น”
“แต่ถึงอย่างนั้น จงจำเอาไว้ให้ดีว่าจะต้องค่อย ๆ กินทีละน้อย ไม่งั้นมันจะทำให้เกิดความเสียหายต่อจิตใจ”
เมื่อเด็กหนุ่มฟังคำแนะนำของหลี่ฉางเซิง ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
ตัวเขานั้นอยากได้สมบัติที่ช่วยเพิ่มพลังจิตมาโดยตลอด
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ทหารสามารถแทรกซึมเข้าไปในดินแดนของไททันและปล้นสมบัติออกมาได้แบบนี้
ดูเหมือนว่าในกองทัพจะมีคนที่มีความสามารถหลงเหลืออยู่บ้าง
หลังจากหลี่ฉางเซิงพูดแนะนำของชิ้นแรกแล้ว เขาก็หยิบเอาอัญมณีสีฟ้าใสที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาพูดต่อไปว่า “อัญมณีนี้มีชื่อว่า ‘หัวใจหิมาลัย’ มันถูกสร้างขึ้นโดยผู้มีพลังน้ำแข็งแรงก์ SSS ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้นำพลังทั้งหมดกักเก็บเอาไว้ภายใน ขอเพียงแค่นายพกมันติดตัวเอาไว้ พลังน้ำแข็งของนายก็จะเพิ่มขึ้น”
คราวนี้หลินหยวนหยิบอัญมณีสีฟ้าใสขึ้นมา แล้วมันก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เขาสัมผัสได้ถึงความเย็นที่แทรกซึมเข้ามาภายในร่างกาย แม้แต่พลังน้ำแข็งของเขาก็เริ่มสั่นไหว
“อันสุดท้ายนี้คือ ‘ผลึกอสุนีบาต’” ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้วางหัวใจหิมาลัยลง เสียงของชายสูงวัยก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ผลึกอสุนีบาตนี้ก็เป็นของที่พิเศษมากเหมือนกัน เพราะมันคือสิ่งที่เอาออกมาจากแกนสมองของไททันมหันตภัย…”
*******************************************
SkySaffron: ปู่โหดมาก สมแล้วที่ได้ฉายานี้ ส่วนพระเอกเราได้ของแรร์มาอีกแล้ววว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 100
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น