บทที่ 90: ยืนหยัดเป็นครั้งสุดท้าย
หลินหยวนที่เห็นเสาโลหิตลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องหน้า สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดมากขึ้น
ไม่นานเขาก็นึกขึ้นได้ว่าในพื้นที่ที่เขาเคยต่อสู้กับไททันปีศาจนรกและไททันภูตพยัคฆ์มีคนไร้บ้านจำนวนมากหายตัวไป
บัดนี้เขาได้ข้อสรุปแล้วว่า คนไร้บ้านที่หายไปทั้งหมดถูกจอมมารทมิฬทำให้กลายเป็นไททันไปหมดแล้ว
เพื่อทำตามแผนการขั้นสุดท้ายและปลดปล่อยหายนะนี้ เขาจึงเริ่มสะสมเลือดอย่างลับ ๆ มาเป็นเวลานาน
และเขาก็ได้ซ่อนเลือดพวกนี้เอาไว้ทั่วป้อมปราการสงคราม
ด้วยวิธีนี้ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เขาก็จะสามารถดูดซับเลือดได้ตลอดเวลา
นี่คือไพ่ตายของคู่ต่อสู้!
เพื่อเสริมกำลังให้กับตัวเอง ไททันจอมมารทมิฬถึงขั้นคร่าชีวิตไททันทุกตัวในป้อมปราการสงครามโดยไม่ลังเล ที่เขาทำแบบนี้เพียงเพื่อดูดซับเลือดจากร่างของไททันเหล่านั้น
ตอนนี้โลหิตสีแดงเข้มหลายสายไหลเข้าสู่ร่างของไททันจอมมารทมิฬเรียบร้อยแล้ว
วินาทีต่อมา บาดแผลบนร่างของเขาเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ชัด
และเลือดเหล่านั้นก็เหมือนเป็นกาวที่เข้าไปสมานเนื้อเยื่อที่บาดแผล จากนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นผิวหนัง พร้อมกันนั้นแขนซ้ายที่ถูกกระบองยักษ์ฟาดก็กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ด้วยอัตราความเร็วนี้ อีกไม่นานไททันจอมมารทมิฬก็จะอยู่ในสภาพที่มีพลังเต็มเปี่ยม
บางทีมันอาจจะแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ!
ไม่… พวกเขาจะปล่อยให้ไททันจอมมารทมิฬทำสำเร็จง่าย ๆ ไม่ได้เด็ดขาด
ทันใดนั้นดวงตาของหลินหยวนก็มีประกายเย็นเยียบ แล้วเขาก็ยื่นแขนขวาออกไปทางเพชฌฆาตปีกดำ และใช้สกิลหัวใจมรณะทันที
หลังจากใช้สกิลหัวใจมรณะ… ร่างของเพชฌฆาตปีกดำก็เปลี่ยนเป็นแสงวิญญาณสีเทาเข้ม แล้วค่อย ๆ ลอยเข้าสู่ร่างของเด็กหนุ่ม
ขณะเดียวกัน พลังส่วนหนึ่งของเพชฌฆาตปีกดำก็ประสานเข้ากับพลังของหลินหยวนเช่นเดียวกัน
“อ๊ากกกก!” ระหว่างการประสานร่าง ความเจ็บปวดก็แล่นผ่านกระดูกสันหลังของเขา
ภายใต้พลังที่เพิ่งได้รับมานี้ ปีกสีดำก็งอกออกมาจากแผ่นหลังของเด็กหนุ่มทันที!
วินาทีต่อมา หลินหยวนตัดสินใจพุ่งไปยังเป้าหมายโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!
ทันทีที่ปีกสีดำกระพือ ร่างของเขาก็ทิ้งไว้เพียงเงาดำในพริบตา!
ด้วยพลังของปีกสีดำคู่นี้ ความเร็วของเขาก็พุ่งทะยานถึงขีดสุด!
เพียงแค่พริบตาเดียว เขาก็มาอยู่ตรงหน้าเสาโลหิต
ขณะนี้ดวงตาของหลินหยวนเป็นประกายกร้าวในขณะที่เขาฟาดฟันดาบปราบมังกรออกไป
เปรี้ยง!
เกิดเสียงสายฟ้าฟาดอย่างรุนแรง จากนั้นเสาโลหิตเบื้องหน้าก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ พร้อมกับที่เลือดสีแดงสดสาดกระจายลงบนพื้น
ทว่าในเวลาเดียวกัน เสาโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางรวมตัวกันที่ร่างของไททันจอมมารทมิฬ
ต้องบอกว่าบาดแผลของเขานั้นหายดีนานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เขาดูดซับเลือด ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไป ขณะนี้ลวดลายอักขระบนตัวของเขาเปลี่ยนจากสีดำสนิทเป็นสีแดงเลือด แม้แต่ขนาดตัวของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย พร้อมกันนั้น รัศมีที่แผ่ออกมาจากตัวก็ดูเหมือนจะยิ่งแผ่ขยายออกไปมากขึ้น
หลังจากที่เขาดูดซับเลือดจากเสาโลหิตทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ พลังของเขาจะต้องแข็งแกร่งกว่าเพชฌฆาตปีกดำอย่างแน่นอน
“ฮ่า ๆๆ ไอ้หนู แกยอมแพ้ซะเถอะ!!”
“ลำพังแค่พลังของแกไม่มีทางทำลายแผนการทั้งหมดที่ฉันวางไว้มานานหลายปีได้หรอก!”
ในขณะนี้หลินหยวนเองก็เหมือนจะตั้งสติได้อีกครั้ง
เขามองไททันจอมมารทมิฬแล้วกล่าวอย่างใจเย็นว่า “แกพูดถูก แค่พลังของฉันอย่างเดียวมันไม่พอจริง ๆ แต่ฉันไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพังมาตั้งแต่แรก ฉันมีเพื่อนร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาตลอด!”
“และแกก็ตัดสินใจพลาดมากที่ยอมสังเวยไททันทั้งหมดที่อยู่ในเมืองแค่เพื่อทำตามแผนการของตัวเอง”
พอเด็กหนุ่มพูดจบ ไททันจอมมารทมิฬก็ระเบิดเสียงหัวเราะก้องกังวาน “วะฮ่า ๆๆ! อย่างแกก็ทำได้แค่ปากดีไปวัน ๆ ถึงยังไงท้ายที่สุดแล้วฉันก็จะเป็นฝ่ายชนะไม่ใช่เรอะ?! ป้อมปราการสงครามที่แกกำลังปกป้องอยู่นี้มีชะตากรรมที่ต้องถูกฉันทำลายจนย่อยยับ”
หลินหยวนที่ถูกหัวเราะเยาะอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ “ถ้าทำได้ก็ลองดู”
วินาทีต่อมา ร่างของเขาก็ทะยานขึ้นไปบนอากาศที่สูงถึงหลายพันเมตร
ไททันจอมมารทมิฬที่มองไปยังภาพเบื้องหน้าก็ขมวดคิ้วมุ่น
ไอ้หมอนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?
หลังจากหลินหยวนบินขึ้นไปอยู่ในที่สูง เขาก็หยิบขวดยาเพิ่มพลังจิตออกมาจากช่องเก็บของ
ยานี้จะช่วยเพิ่มพลังจิตของเขาในระยะเวลาอันสั้น
ถึงแม้ว่ามันจะมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก แต่หลินหยวนก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป
เขาเงยหน้าดื่มยาในขวดจนหมด
ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังจิตที่พลุ่งพล่านในกาย
ผลของยานี้ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวเขาชัดเจนมากขึ้น
ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็หลับตาลงโดยไม่ลังเล
เขาเริ่มสัมผัสถึงรัศมีของเหล่าอันเดดที่อยู่ภายในป้อมปราการสงครามทั้งหมดอย่างละเอียด
สิ่งที่เรียกว่ารัศมีอันเดดนั้นก็คือกลิ่นอายที่สิ่งมีชีวิตปลดปล่อยออกมาหลังจากตายไปแล้ว
ท่ามกลางรัศมีเหล่านี้มีทั้งรัศมีของไททันและมนุษย์
ในระหว่างภัยพิบัตินี้มีมนุษย์จำนวนมากต้องล้มตาย ยิ่งไปกว่านั้น เกือบ 1 ใน 3 ของคนเหล่านี้คือทหารลาดตระเวนประจำเมือง
พวกเขาสละชีวิตเพื่อปกป้องป้อมปราการสงคราม ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ดีแก่ใจว่าสู้ไม่ไหว แต่พวกเขาก็ยังต่อสู้อย่างกล้าหาญ
เมื่อหลินหยวนสัมผัสถึงรัศมีของเหล่าอันเดดที่แผ่ออกมาจากนักรบ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดแปลบในใจ
คนที่จากไปอยู่อีกโลกหนึ่งจะมองเห็นหรือเปล่าว่าชะตากรรมของป้อมปราการแห่งนี้จะเป็นอย่างไร ป้อมปราการที่พวกเขาสละชีพปกป้องจะต้องถูกไททันจอมมารทมิฬตัวนี้ทำลายอย่างนั้นเหรอ?
ผมขอโทษ ผมรู้ว่าทุกคนตายไปแล้ว
แต่ตอนนี้… ผมขอวิงวอนพวกคุณทุกคน
ขอให้ทุกคนลุกขึ้นสู้เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อปกป้องป้อมปราการแห่งนี้!
หลินหยวนกำหมัดแน่นในขณะที่ตะโกนก้องในใจ
จากนั้นเขาก็ใช้พลังอันเดด
ครั้งหนึ่งเขาเคยสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ใช้พลังอันเดดกับมนุษย์
แต่ตอนนี้เขาคงต้องผิดคำสาบานแล้ว
เพราะเขาไม่ต้องการให้ความตายของคนพวกนี้สูญเปล่า
จิตวิญญาณของวีรชน แม้ต้องตายในสนามรบ แต่การตายของพวกเขาก็ควรได้รับผลตอบแทน!!
ดังนั้น… ทุกคน! จงลุกขึ้นยืน!
เพื่อป้อมปราการแห่งนี้!
เพื่อพลเรือนทุกคนในป้อมปราการ!
เพื่อสหายญาติมิตร!
เพื่อประเทศชาติ… จงลุกขึ้นสู้อีกครั้ง!!
หลินหยวนปลดปล่อยพลังจิตที่แข็งแกร่งแผ่ขยายออกไปครอบคลุมทั่วทั้งป้อมปราการในทันที
ภายใต้พลังอันเดด ทหารลาดตระเวนที่สิ้นลมหายใจไปแล้วทั้งหมดก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
อีกทั้งไททันที่เคยถูกจอมมารทมิฬช่วงชิงชีวิตไปก่อนหน้านี้ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน
เมื่อเหล่าพลเรือนมองภาพที่เกิดขึ้นในป้อมปราการสงคราม พวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดกลัว
ไม่มีใครคาดคิดว่ามนุษย์และไททันที่ตายไปแล้วจะฟื้นคืนชีพได้แบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ไททันกับทหารลาดตระเวนที่ฟื้นคืนชีพกลับไม่สนใจพวกเขาแล้วพุ่งเข้าใส่เสาโลหิตที่อยู่ใกล้ที่สุด
ภายใต้คำสั่งของหลินหยวน อันเดดที่กลับมามีชีวิตอีกครั้งได้สกัดกั้นเสาโลหิตอย่างบ้าคลั่งก่อนที่มันจะประสานเข้ากับไททันจอมมารทมิฬ
หมอนั่นพูดถูก พลังของคนคนเดียวนั้นมีขีดจำกัด
แต่บังเอิญว่า… หลินหยวนไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง
เบื้องหลังของเขามีวิญญาณนักรบผู้กล้าหาญนับหมื่น!
ถึงแม้ว่าอันเดดเหล่านี้จะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่การควบคุมคนในจำนวนมากเช่นนี้มันก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งไม่น้อย
เวลาผ่านไปไม่นาน เลือดก็ค่อย ๆ ไหลออกมาจากตา หู จมูก ปาก…
ขณะนี้เลือดได้ไหลออกมาจากทวารทั้ง 7 ของหลินหยวน แต่ต่อให้จุดตันเถียนใกล้จะระเบิดเต็มที เขาก็ยังไม่หยุดมือ
เขาจะต้องกำจัดไททันมหันตภัยให้ได้เสียก่อน
ในเวลาเดียวกันนั้น ไททันจอมมารทมิฬก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เพราะเสาโลหิตที่กำลังรวมเข้ากับร่างของเขาได้สลายหายไป
เขาจึงเงยหน้าขึ้นคำรามใส่หลินหยวนที่ลอยอยู่เหนือหัวด้วยความโมโห “ไอ้บัดซบ นี่แกทำอะไรลงไป!”
วินาทีต่อมา เสียงที่สงบเยือกเย็นของหลินหยวนก็ดังก้องลงมาจากท้องฟ้า
“ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ฉันต้องทำ อีกอย่าง… ถึงเวลาที่แกต้องไปลงนรกแล้ว!”
คำพูดไม่กี่คำนี้จุดชนวนให้ความโกรธของไททันจอมมารทมิฬปะทุขึ้นทันที
ไอ้มนุษย์นี่มันขัดขวางแผนการของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า!!
“ฉันจะฆ่าแก!! ฮว้ากกกก!!” ไททันจอมมารทมิฬคำรามสุดเสียง
ต่อมา กระสุนเวทมนตร์สีแดงเข้มก็ควบแน่นและมารวมตัวอยู่รอบกาย
กระสุนเวทมนตร์โลหิตพวกนี้ทรงพลังยิ่งกว่ากระสุนเวทมนตร์สีดำก่อนหน้านี้มาก
ภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาที กระสุนเวทมนตร์โลหิตสีแดงเข้มก็ก่อตัวขึ้น 36 นัด
นั่นบ่งบอกว่าเขาตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะฆ่าหลินหยวนให้ได้ด้วยการโจมตีครั้งนี้
“ตายซะ!!” จอมมารทมิฬพูดเสียงลอดไรฟัน
วินาทีต่อมา กระสุนเวทมนตร์โลหิต 36 นัดก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งสู่ทิศทางที่หลินหยวนอยู่
ในสภาพปัจจุบันของเด็กหนุ่ม ถึงแม้ว่าเขาจะดูดซับพลังของเพชฌฆาตปีกดำมาบ้าง แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายอยู่ดี
ทันใดนั้นหลินหยวนกับเพชฌฆาตปีกดำก็แยกร่างออกจากกัน จากนั้นมันก็กระพือปีกเต็มแรงแล้วกางปีกสีดำขนาดใหญ่ออกโอบล้อมเจ้านายเอาไว้เพื่อสกัดกั้นกระสุนเวทมนตร์ทั้งหมด
ขณะนี้กระสุนสีแดงเข้มพุ่งเข้าใส่ปีกสีดำขนาดมหึมาของมันโดยทิ้งบาดแผลที่เปื้อนเลือดเอาไว้หลายแผล
ดูเหมือนว่าหลังจากที่จอมมารทมิฬดูดซับเสาโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าไป พลังของเขาจะพุ่งสูงมากกว่าเดิม
แต่ในสถานการณ์นี้ การโจมตีของเขาก็ยังไม่สามารถเจาะเกราะป้องกันของปีกดำไปได้
นั่นหมายความว่าเขาหมดโอกาสแล้ว
เพราะตอนนี้ไม่เหลือเลือดที่จะให้เขาซึมซับเข้าสู่ร่างกายได้อีกต่อไป
“กร๊าซซซซ!!” เพชฌฆาตปีกดำแผดเสียงร้องดังก้องขณะที่นัยน์ตาของมันแผ่จิตสังหารโหดเหี้ยมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา
สำหรับสิ่งมีชีวิตอันเดดที่ดุดันตัวนี้ การต่อสู้ทุกครั้งเปรียบเสมือนการออกล่า
และตอนนี้… ก็ถึงเวลาที่มันต้องล่าเหยื่อแล้ว!!
*******************************************
SkySaffron: ตอนนี้ฮึกเหิมสุด ๆ มีเท่าไหร่ใส่ให้หมด!!


แสดงความคิดเห็น