บทที่ 77: เชิญเลยครับ
“หน่วยลาดตระเวนทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเราทั้ง 4 คน” โจวอวี้หลงกล่าว “เรา 4 คนมีพื้นที่รับผิดชอบกันคนละด้านนั่นก็คือ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ และทิศใต้ของป้อมปราการสงคราม”
“ดังนั้นไม่ว่าพื้นที่ไหนจะเกิดเหตุขึ้น คนที่เป็นผู้รับผิดชอบในพื้นที่นั้นก็จะรีบรุดไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด”
หลังจากหลินหยวนได้ฟังคำแนะนำของชายชุดเกราะ เขาก็พยักหน้าเบา ๆ
ต้องบอกว่านี่เป็นวิธีการวางกำลังที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว
แล้วจู่ ๆ หลินชิงก็เอ่ยขึ้นว่า “น้องชายคนนี้ ในเมื่อนายรู้แผนการของลัทธิไททัน นายมีความคิดเห็นอะไรบ้างหรือเปล่า?”
ในระหว่างนั้นหลี่ต้าหมานก็พึมพำอยู่ด้านข้างว่า “นี่เธอจะไปขอความเห็นจากคนที่ไม่เกี่ยวข้องทำไม มาถามฉันดีกว่าไหมว่าฉันคิดเห็นยังไง ฉันมองคนเก่งจะตาย”
โจวอวี้หลงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มพูดว่า “หลี่ต้าหมาน คนเราควรรู้จักถ่อมตัวเอาไว้บ้างจะดีกว่านะ ถ้านายฉลาดดีกว่านี้จริง ๆ พวกเราคงจะถามความเห็นของนายบ้างแหละ น่าเสียดาย… เอ่อ… ฉันไม่ได้บอกว่านายไม่ดีนะ ฉันแค่อยากจะบอกว่า สิ่งที่เหมาะกับนายที่สุดก็คือการเป็นผู้ตามที่ดีเท่านั้น”
หลี่ต้าหมานเบ้ปากบ่นอุบอิบ “ทำไมยิ่งฟังฉันยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังโดนด่าอยู่ฟะ”
หลังจากหลินชิงหันมาถาม หลินหยวนก็ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วตอบว่า “แน่นอนครับว่าผมมีแผนการอยู่ในใจแล้ว”
“แต่ว่า… ถ้าพวกคุณต้องการทำตามแผนของผม ผมจำเป็นจะต้องขอความร่วมมือจากทหารลาดตระเวนของพวกคุณ”
“ก่อนอื่นเลย ทุกแหล่งน้ำในป้อมปราการโดยเฉพาะที่เป็นแหล่งน้ำดื่มจะต้องถูกคุ้มกันอย่างเข้มงวด แบบนี้จะทำให้โอกาสที่ประชาชนจะได้รับพิษลดลง”
“ในขณะเดียวกัน แหล่งน้ำทุกแห่งในเมืองจะต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียด และควรทำการตรวจสอบอยู่บ่อย ๆ ด้วยครับ”
หลังจากที่เด็กหนุ่มพูดจบแล้ว ทุกคนก็พากันพยักหน้า นั่นบ่งบอกว่าพวกเขาคิดถึงประเด็นเหล่านี้เอาไว้ในใจแล้วเช่นกัน
ถัดมา โจวอวี้หลงก็ถามขึ้นมาว่า “นอกจากเรื่องนี้แล้ว นายมีข้อเสนออื่นอีกหรือเปล่า?”
หลินหยวนที่ได้ยินคำถามนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ “อีกอย่าง… ทุกคนต้องเตรียมพร้อมต่อสู้ได้ทุกเมื่อ ผมคิดว่าแผนขั้นสุดท้ายที่อีกฝ่ายวางเอาไว้นั้นมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นไททันเพื่อทำลายป้อมปราการสงครามแห่งนี้”
หลังจากที่หลินหยวนอธิบายแผนการจบ พวกโจวอวี้หลงต่างก็ตกตะลึง ตอนนี้ในหัวของทุกคนเกิดคำถามแบบเดียวกัน
นั่นก็คือ… ไททันมหันตภัยจะปรากฏตัวในป้อมปราการสงครามจริง ๆ เหรอ?
อันที่จริงแล้วพวกเขารู้ดีแก่ใจว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดสิ่งนี้ขึ้นมีสูงมาก
ผู้ศรัทธาลัทธิบูชาไททันนั้นได้ซุ่มเตรียมตัวกันมาอย่างยาวนาน มิหนำซ้ำยังผลิตยาที่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นไททันได้อีก แค่นี้พวกเขาก็สามารถคาดเดาสิ่งที่คนพวกนั้นเรียกว่า ‘แผนขั้นสุดท้าย’ กันได้แล้ว
และในป้อมปราการสงครามแห่งนี้ การที่ฝ่ายศัตรูจะจัดการพวกเขาให้ย่อยยับได้ก็คือจะต้องเป็นไททันมหันตภัย แม้เพียง 1 ตัวป้อมปราการแห่งนี้ก็จะถูกทำลายลง
ดังนั้นสิ่งที่หลินหยวนพูดจึงไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว
คนทั้ง 4 คาดการณ์ในใจว่าจะมีไททันมหันตภัยปรากฏตัวในป้อมปราการสงครามแน่นอน! มีเพียงไททันระดับ 8 เท่านั้นที่จะทำให้พวกเขารับมือไม่ไหว
หลินหยวนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ทุกท่าน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เราจะต้องเตรียมแผนสำรองเอาไว้เสียก่อน ลัทธิไททันที่เป็นระดับหัวหน้าน่าจะเป็นผู้มีพลังแรงก์ SS มีเพียงผู้มีพลังแรงก์นี้กลายเป็นไททันเท่านั้น พวกมันถึงจะมีพลังเทียบเท่ากับไททันมหันตภัย”
หลังจากเด็กหนุ่มพูดจบ โจวอวี้หลงก็กล่าวเสริมว่า “ที่นายคาดเอาไว้นั้นไม่ผิด ไม่ว่ายังไง เราจะปล่อยให้ลัทธิไททันพวกนี้ทำลายป้อมปราการสงครามไม่ได้เด็ดขาด”
“ตอนนี้ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม เราจะต้องทำลายแผนการของฝ่ายตรงข้ามให้ได้!”
แล้วหลินชิงก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ผู้มีพลังแรงก์ SS… ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคนที่แข็งแกร่งระดับนี้ถึงเลือกเข้าร่วมกับเผ่าไททัน?”
หลี่ต้าหมานที่ได้ยินดังนั้นก็พูดเยาะเย้ย “จะมีเหตุผลอะไรอีก คนพวกนี้มันไม่ใช่มนุษย์ ถึงได้กล้าทำตัวเป็นหมาไปเลียแข้งเลียขาไอ้พวกไททัน!”
“แต่ไม่ต้องห่วง ถ้ามันกล้าโผล่หัวออกมา ฉันจะตีมันให้ตายเอง! ไอ้พวกลัทธิไททันสมควรตายให้หมด!”
โจวอวี้หลงรู้สึกปวดหัวจึงยกมือขึ้นนวดหัวคิ้ว ในขณะที่เอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ถึงฉันจะไม่อยากทำลายขวัญกำลังใจของตัวเอง แต่ฉันต้องพูดตามตรงว่าพลังของนายมันไม่พอที่จะรับมือกับไททันมหันตภัย…”
ชายชุดเกราะสีดำพูดยังไม่ทันจบ หลี่ต้าหมานก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ “งั้นก็ให้มันสู้กับฉันในร่างมนุษย์สิ คอยดูฉันจะฟาดมันให้พิการเลย! ฉันไม่ปล่อยให้ไอ้คนทรยศเผ่าพันธุ์ตัวเองแปลงร่างเป็นไททันได้หรอก!”
“ในสนามรบไม่มีใครสนใจคำพูดโง่ ๆ ขอนายหรอก” ทันใดนั้น ‘เว่ยโยว’ ที่นั่งอยู่มุมห้องก็เปิดปากพูด น้ำเสียงของเขานั้นเย็นเยียบฟังดูน่าขนลุก
แต่สิ่งที่หลินหยวนคาดไม่ถึงก็คือ พอเว่ยโยวพูดจบ หลี่ต้าหมานก็ปิดปากเงียบไม่โต้แย้งคำพูดของคนอื่นอีก
ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อเว่ยโยวคนนี้จะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เขาถึงทำให้ชายขี้หงุดหงิดเงียบลงได้
จากนั้นชายสวมหน้ากากสีขาวดำก็หันมามองหลินหยวนแล้วถามเสียงเรียบว่า “นายรู้หรือเปล่าว่าอีกฝ่ายเป็นใคร… ฉันหมายถึง ‘หัวหน้า’ คนที่วางแผนทั้งหมดนี้ ถ้านายรู้ชื่อหรือเคยเห็นรูปร่างหน้าตาของมัน ขอเพียงมันยังอยู่ในป้อมปราการสงคราม ฉันจะฆ่ามันเอง”
น้ำเสียงของเขาฟังดูไร้อารมณ์แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจอย่างน่าประหลาด
ทางด้านเด็กหนุ่มส่ายหัวตอบกลับไปว่า “ต้องบอกว่าโชคร้ายที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหัวหน้าคนนี้เลย”
“น่าเสียดายจริง ๆ” เว่ยโยวที่ได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายก็หันหน้ากลับไปนั่งอยู่เงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรอีก
ไม่นานโจวอวี้หลงก็พูดขึ้นพร้อมทำหน้าเคร่งขรึม “ตอนนี้เราทำได้แค่คอยป้องกันและเสริมกำลังเฝ้าระวังเท่านั้น แล้วฉันจะให้ทหารลาดตระเวนในเมืองเพิ่มกำลังการลาดตระเวนขึ้น ลองดูว่าเราจะหาตัวคนน่าสงสัยได้หรือเปล่า”
จู่ ๆ หลินชิงก็เอ่ยขึ้นมาว่า “แต่สมาคมนักล่ามีนักล่าแรงก์ SS 2 คนไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นไปได้ เราควรจะขอความช่วยเหลือจากพวกเขานะ ฉันเชื่อว่าขอเพียงเรายอมจ่ายในราคาที่สูงมากพอ พวกเขาคงไม่ปฏิเสธเราหรอก”
“นั่นน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีครับ” หลินหยวนพยักหน้าซึ่งเป็นการเห็นด้วยกับข้อเสนอของทุกคน
เพียงเท่านี้ ถ้านับรวมเขาไปด้วย ฝ่ายพวกเขาก็มีผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SS รวมแล้ว 7 คน
แม้จะต้องเผชิญหน้ากับไททันมหันตภัย พวกเขาน่าจะมีกำลังมากพอที่จะรับมือกับศัตรู
…
ในตรอกที่ไร้ผู้คน
“แย่แล้ว… มัจจุราชหน้าหยกตายแล้ว ภูตพยัคฆ์กับปีศาจนรกก็ตายแล้วเหมือนกัน!” ชายร่างสูงใหญ่ที่ท่อนบนเปลือยเปล่ากำหนังสือพิมพ์ในมือเอาไว้แน่น
บนหนังสือพิมพ์นั้นลงข่าวการตายของภูตพยัคฆ์กับปีศาจนรกเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ในหน้าแรก
ชายตัวสูงที่มีรูปร่างสมส่วนและมีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ พอได้ยินข่าวนี้เขาก็ผุดลุกขึ้นมา
ทว่าร่างกายสมบูรณ์แบบของเขากลับปกคลุมไปด้วยเส้นสีดำแปลกประหลาดหลายเส้นที่ดูลึกลับและชั่วร้าย
เดิมทีหากไม่มีอะไรผิดพลาด พวกเขาจะเริ่มแผนการขั้นสุดท้ายในอีก 5 วัน
ผลก็คือก่อนที่แผนจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ สหายของเขาก็ตายไปหมดแล้ว และสิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าพรรคพวกของเขา!
แต่ถ้าเขาเดาไม่ผิด ทั้งมัจจุราชหน้าหยก ภูตพยัคฆ์ และปีศาจนรกน่าจะตายด้วยน้ำมือของคนคนเดียวกัน เพราะก่อนที่จะมีข่าวการตายของภูตพยัคฆ์กับปีศาจนรก เขาได้รับจดหมายจากปีศาจนรก ซึ่งในจดหมายระบุว่าพวกเขาพบร่องรอยของมัจจุราชหน้าหยกจึงจะไปสอบสวนเรื่องนี้
ใครจะคาดคิดว่าการสอบสวนเพียงครั้งเดียวนั้นถึงขั้นพรากชีวิตของทั้ง 2 ไป
พอชายร่างสูงคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “ถ้าฉันเจอตัวมันที่ไหน ฉันจะฉีกมันเป็นชิ้น ๆ เลยคอยดู!”
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ก่อนที่ภูตพยัคฆ์กับปีศาจนรกจะเสียชีวิต ทั้งคู่ดันไปแปลงร่างเป็นไททันในป้อมปราการ
แบบนี้อีกไม่นานเหล่าหน่วยลาดตระเวนในเมืองจะต้องประกาศกฎอัยการศึกก่อนแน่ เขากลัวว่าแผนการขั้นสุดท้ายของเขาจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้เสียแล้ว
ถ้าเป็นในยามปกติ วิธีการที่ดีที่สุดในตอนนี้คือล้มเลิกแผนการและเก็บตัวเงียบ ๆ รอคอยโอกาสที่เหมาะสมครั้งต่อไป
แต่ถึงเขาจะรอได้ แต่น้ำยาแปลงร่างที่เขาสะสมไว้ในมือมันรอไม่ได้แล้ว
ยาแปลงร่างเป็นไททันพวกนี้ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านสภาพแวดล้อมการจัดเก็บ และยังมีระยะเวลาในการเก็บรักษาที่สั้นมาก
หากยาพวกนี้หมดอายุ ถ้านำไปเทใส่แหล่งน้ำ มันก็จะเป็นเพียงสารเคมีที่ทำให้แหล่งน้ำเน่าเสียเพียงเท่านั้น ดังนั้นเขาไม่มีทางเลือกและต้องลงมือเดี๋ยวนี้
ก๊อก ๆๆ
จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ชายตัวสูงขมวดคิ้วแล้วเดินไปเปิดประตู
ที่นอกประตู ทหารลาดตระเวน 2 นายในชุดทหารกำลังยืนประจันหน้ากับเขาพร้อมถามด้วยน้ำเสียงเข้มงวดว่า “สวัสดีครับ พวกเรามาลาดตระเวนประจำวันครับ”
“อ๋อ เชิญเลยครับ” ชายที่เปลือยท่อนบนเบี่ยงตัวเข้าไปในบ้านเพื่อเปิดทางให้ทหารลาดตระเวนทั้ง 2 คนเข้ามา
แน่นอนว่าหลังจากที่ภูตพยัคฆ์กับปีศาจนรกเปิดเผยตัวตน ทหารลาดตระเวนก็ได้ทำการตรวจค้นภายในป้อมปราการเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะครับ” เมื่อทหารทั้ง 2 เข้าไปภายในบ้าน พวกเขาก็เริ่มตรวจค้นทุกชอบทุกมุม
แต่ในขณะนั้น สิ่งที่พวกเขาไม่ทันได้สังเกตก็คือ หลังจากที่พวกเขาเข้ามาข้างใน เจ้าของบ้านก็ค่อย ๆ ปิดประตูอย่างเงียบเชียบ


แสดงความคิดเห็น