บทที่ 76: ผู้พิทักษ์ที่มีพลังพิเศษแรงก์ SS 4 คน

-A A +A

บทที่ 76: ผู้พิทักษ์ที่มีพลังพิเศษแรงก์ SS 4 คน

ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าชายสวมชุดเกราะบังเอิญไปรู้แผนการของสาวกลัทธิบูชาไททันเข้าโดยบังเอิญ ป้อมปราการสงครามแห่งนี้อาจจะต้องเผชิญกับหายนะร้ายแรง 

คราวนี้หลินหยวนพูดขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า “คุณไม่ต้องกังวลหรอกครับ เท่าที่ผมรู้มา ยาพวกนี้ทำขึ้นได้ยากมาก และถ้ามันเจือจางไปในระดับหนึ่งแล้ว มันก็จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป”

“ดังนั้นตอนนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะทำให้แหล่งน้ำดื่มทั้งหมดในป้อมปราการสงครามปนเปื้อน ผมเดาว่าคนของลัทธิไททันน่าจะเลือกเพียงแค่บางจุดเท่านั้น”

ชายชุดเกราะสีดำขมวดคิ้ว “ถึงอย่างงั้นเราก็มองข้ามมันไปไม่ได้อยู่ดี”

ไม่นานหลังจากนั้นทหารลาดตระเวนก็นำตัวนักโทษประหารมาให้เขา

นักโทษประหารที่ถูกพันธนาการทั้งมือและเท้ามายืนอยู่ต่อหน้าชายทั้ง 2 ในขณะนี้เขามีท่าทีหวาดกลัวและพยายามจะดิ้นรนให้ตนถูกปล่อยตัว “พวกแกคิดจะทำอะไร?! ตอนนี้ยังไม่ถึงกำหนดประหารของฉันเลยนะ ที่พวกแกทำมันผิดหลักมนุษยธรรม!!”

แต่ผู้เป็นหัวหน้ากลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย เขาส่งสัญญาณมือพลางพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “จับเขาอ้าปากแล้วหยดยาเข้าไป ลองดูว่าจะได้ผลหรือเปล่า”

ทหารลาดตระเวนปฏิบัติตามคำสั่งทันที เขาเข้าไปล็อกแขนขาของนักโทษ ในขณะเดียวกัน ทหารอีกคนก็ง้างปากหยดยาเข้าไปในปากอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะปิดปากนักโทษไว้แน่นบังคับให้เขากลืนยาลงไป

 1 วินาที… 2 วินาที… 3 วินาที

ในระหว่างที่เวลาไหลผ่านไป ทุกคนถึงขั้นเผลอกลั้นหายใจพร้อมกับที่สายตาจับจ้องไปยังนักโทษที่ใช้เป็นตัวทดลอง

เมื่อผ่านไปประมาณครึ่งนาที ร่างกายของนักโทษก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น 

ทุกคนที่มองดูภาพนี้รวมถึงชายในชุดเกราะต่างก็แสดงออกถึงความหวาดกลัว

ยานี้มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นไททันได้จริง ๆ!!

“โอ้พระเจ้า นักโทษคนนั้นกลายเป็นไททันไปแล้ว!!”

“นี่มันยาบ้าอะไรกัน มียาที่เปลี่ยนคนให้เป็นไททันได้จริง ๆ เหรอเนี่ย!!”

“แบบนี้ก็แย่สิ เราจะปล่อยให้มียาแบบนี้ถูกผลิตออกมามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่งั้นมันจะกลายเป็นหายนะของมนุษย์…”

เหล่าทหารลาดตระเวนที่ได้เห็นภาพตรงหน้าต่างแสดงท่าทีตกใจไม่น้อย พวกเขาได้เห็นกระบวนการการเปลี่ยนร่างจากมนุษย์กลายเป็นไททันด้วยตาของตัวเอง

และสีหน้าของชายร่างใหญ่ก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นไปอีก เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเด็กคนนี้ไม่ได้โกหก

ทุกสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง!

“บ้าเอ๊ย…” ชายสวมชุดเกราะสีดำกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด

ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ ป้อมปราการสงครามแห่งนี้ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว!

หลังจากที่นักโทษแปลงร่างเป็นไททันเพียงไม่กี่วินาที ขนาดตัวของเขาก็สูงขึ้นเกือบ 10 เมตรและพละกำลังของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย

 และในระหว่างนั้น โซ่ตรวนที่พันธนาการเขาเอาไว้ก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

แกร๊ก ๆๆ ปัง!!

“ฮว้ากกกก!”

นักโทษซึ่งแปลงร่างเป็นไททันเงยหน้าขึ้นคำรามเสียงดังก้องพร้อมกับที่ดวงตาของเขาเป็นประกายดุร้าย

วินาทีต่อมา เขาหันไปหมายโจมตีทหารลาดตระเวนที่อยู่ใกล้ ๆ

“แกมันรนหาที่ตาย!”

ชายสวมชุดเกราะสีดำที่เห็นการเคลื่อนไหวนั้นก็มีสีหน้าเย็นชา

ชั่วพริบตาเขาหายไปจากจุดที่เคยยืนอยู่ 

เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ต่อหน้านักโทษประหารคนนั้นพร้อมกับดาบยาวในมือแทงทะลุลำคอของอีกฝ่าย

ฉึก!

การโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็สามารถฆ่าศัตรูได้ง่าย ๆ จากนั้นเขาก็ชักดาบตัวเองออกมานิ่ง ๆ

พร้อมกันนั้นก็มีสายเลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากบาดแผล แล้วร่างที่ใหญ่โตของนักโทษประหารก็ล้มกระแทกกับพื้นเสียงดังสนั่น

ตึง!!

หลังจากที่คลี่คลายสถานการณ์ได้แล้ว ทหารลาดตระเวนที่เกือบจะถูกโจมตีก่อนหน้านั้นก็ถอยไปหลบด้านข้างทั้งที่ยังคงหวาดกลัว

ถึงแม้ว่าชายในชุดเกราะจะปลิดชีพนักโทษประหารไปแล้ว แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงเคร่งเครียดอยู่เหมือนเดิม

แล้วเขาก็หันไปมองหลินหยวน ก่อนจะพูดเสียงขุ่นว่า “นายว่างหรือเปล่า ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนายแต่ไม่ใช่ที่นี่”

เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบรับทันที “ผมเองก็คิดแบบเดียวกับคุณครับ”

ณ กองบัญชาการทหารลาดตระเวนป้อมปราการสงครามแนวรบที่ 3

 ในห้องประชุมลับ หลินหยวนนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม เบื้องหน้าของเขามีคนนั่งอยู่ 4 คนซึ่งรวมถึงชายชุดเกราะที่พาตนมาที่นี่

ซึ่งคนทั้ง 4 ล้วนแต่มีพลังแรงก์ SS แผ่ออกมารอบกาย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า 4 คนนี้คือกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของหน่วยลาดตระเวนภายในป้อมปราการ แล้วพวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบในการคอยปกปักรักษาป้อมปราการสงครามแห่งนี้

เหตุผลที่ชายชุดเกราะเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อหารือถึงมาตรการรับมือกับสิ่งที่สาวกลัทธิบูชาไททันกำลังจะทำ

ที่เขาทำแบบนี้เป็นเพราะว่าด้วยกำลังของเขาเพียงลำพังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ 

แล้วหลินหยวนก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับทุกคนฟังอีกครั้ง แต่เขาก็จงใจพูดเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตัวเองให้คลุมเครือที่สุด 

เพราะก่อนที่เขาจะแน่ใจว่าอีกฝ่ายน่าเชื่อถือหรือไม่ เขาไม่ต้องการเปิดเผยพลังของตัวเองให้ใครรู้ 

หลังจากเด็กหนุ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟัง สีหน้าของแต่ละคนก็ดูเคร่งขรึม

เพราะคนที่มายืนในระดับนี้ย่อมตระหนักได้ว่าเรื่องดังกล่าวมันซับซ้อนมากแค่ไหน

แล้วจู่ ๆ ชายร่างใหญ่คนหนึ่งก็ผุดลุกขึ้นมองหลินหยวนแล้วพูดเสียงทุ้มว่า “ไอ้หนุ่ม นายแน่ใจเหรอว่าสิ่งที่นายพูดเป็นความจริง?”

ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้ตอบกลับไป ชายสวมชุดเกราะสีดำก็อธิบายว่า “ฉันได้ทดลองยานั้นกับนักโทษประหารเรียบร้อยแล้ว ยาที่เขาขโมยมาจากลัทธิไททันสามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นไททันได้จริง ๆ”

คราวนี้ชายร่างกำยำก็ขมวดคิ้วพูดเสียงกดต่ำลงว่า “โจวอวี้หลง นายไม่จำเป็นต้องตอบแทนไอ้หนุ่มคนนี้หรอก ถึงแม้ว่าจะมีการพิสูจน์แล้วว่ายานั้นใช้ได้ผลจริง ๆ แต่มันก็ไม่ได้พิสูจน์ความน่าเชื่อถือของเด็กคนนี้อยู่ดี แล้วถ้าเขาเป็นสายลับที่คนของลัทธิไททันส่งมาล่ะจะทำยังไง?”

พอหลินหยวนได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขาก็เหยียดยิ้มมุมปาก “คุณกำลังสงสัยว่าผมเป็นสายลับงั้นเหรอ? แล้วคุณเคยเห็นสายลับฆ่าเพื่อนตัวเอง 2 คนแล้วค่อยส่งยาให้กับทางการมาก่อนหรือเปล่า? ผมอยากรู้จริง ๆ ว่า… สมองของคุณมีปัญหาไปแล้วหรือไง?”

สิ้นเสียงของเด็กหนุ่ม สาวสวยในชุดเกราะสีเขียวถึงขั้นหลุดหัวเราะออกมา

หลังจากที่ชายตัวโตหันไปถลึงตามองหญิงงาม เธอก็ยกมือขึ้นปิดปากพลางพูดด้วยสีหน้าขอโทษขอโพยว่า “ฉันขอโทษจริง ๆ มันกลั้นไม่ไหวน่ะ แต่หลี่ต้าหมาน นายก็อย่าเข้มงวดนักเลย เด็กคนนี้พูดถูกจริง ๆ นั่นแหละ ถ้าเขาเป็นสายลับ เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้”

ชายร่างใหญ่ที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “หลินชิง แม้แต่เธอก็ยังช่วยพูดแทนเจ้าเด็กนี่!”

ทันใดนั้นชายชุดเกราะที่ชื่อ ‘โจวอวี้หลง’ ก็ออกตัวห้ามทัพ “พอ ๆ เรามาคุยเรื่องสำคัญกันก่อนเถอะ ตอนนี้ภารกิจเร่งด่วนที่สุดก็คือการหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ถ้าภัยพิบัตินี้ยังไม่จบลง ป้อมปราการ ก็ยังตกอยู่ในอันตรายอยู่วันยังค่ำ”

สิ้นเสียงของชายสวมชุดเกราะสีดำ แม้ว่า ‘หลี่ต้าหมาน’ จะยังรู้สึกโมโหอยู่บ้าง แต่เขาก็เก็บอารมณ์ขุ่นมัวไว้ในใจ 

จากนั้นโจวอวี้หลงก็หันมาพูดกับหลินหยวนว่า “เอาล่ะ ในเมื่อเรามีศัตรูคนเดียวกัน เราก็นับว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว ก่อนอื่นฉันขอแนะนำให้นายรู้จักกับทุกคนก่อนก็แล้วกัน”

“ผู้ชายที่สงสัยนายก่อนหน้านี้ชื่อว่าหลี่ต้าหมาน เขามีความสามารถในระดับหนึ่ง ถึงเขาจะไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แค่อย่าไปยุ่งกับเขาก็พอ”

ทันทีที่โจวอวี้หลงพูดจบ หลี่ต้าหมานก็โวยวายขึ้นมาทันควัน “ไอ้คุณโจว นายว่าใครไม่ฉลาดกันห้ะ!?”

แต่ชายชุดเกราะสีดำขี้เกียจโต้แย้งกับอีกฝ่ายจึงทำเป็นมองเมินแล้วหันไปแนะนำคนอื่นต่อ “ส่วนเจ๊ใหญ่ที่เพิ่งพูดกับนายไปเมื่อกี้ นายเรียกเธอว่า ‘หลินชิง’ ก็ได้ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มพวกเรา 4 คน และแก่กว่าพวกเราด้วย ถึงหน้าตาเธอจะสะสวย แต่นายก็อย่าให้รูปลักษณ์ภายนอกของเธอหลอกเอาได้ ผู้หญิงคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมมาก”

พอหญิงในชุดเกราะสีเขียวได้ยินชื่อของตัวเอง เธอก็เงยหน้าขึ้นถามด้วยรอยยิ้มเย็น “โจวอวี้หลง นายเรียกใครว่าเจ๊ใหญ่นะ?”

ถึงแม้ว่าเสียงของเธอจะหวานหยดย้อย แต่หลินหยวนก็สัมผัสได้ถึงรังสีกดดันที่แพร่กระจายไปในอากาศ

จากนั้น ‘หลินชิง’ ก็หันมามองเด็กหนุ่มยิ้ม ๆ ก่อนจะยื่นมือออกไป “น้องชาย นี่นับได้ว่าเป็นการพบกันครั้งแรกของเรา หลังจากนี้นายก็ช่วยชี้แนะฉันด้วยนะ ฉันชื่อหลินชิง ใช้พลังพฤกษา ฉันสามารถควบคุมพืชได้ ถ้าน้องชายไม่รังเกียจ นายเรียกฉันว่าพี่หลินชิงก็ได้ แต่อย่าเรียกฉันว่าเจ๊ใหญ่เหมือนไอ้สารเลวพวกนั้นล่ะ”

พอผู้หญิงคนนี้เปิดเผยพลังพิเศษของตัวเองตั้งแต่แรกที่พบกัน มันบ่งบอกว่าเธอกำลังผูกมิตรกับหลินหยวนอย่างเปิดเผย

ดังนั้นหลินหยวนที่มีมารยาทดีมาโดยตลอดก็ยื่นมือออกไปจับมือกับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่หลินชิง”

เมื่อหลินชิงเห็นเด็กหนุ่มทักทายด้วยท่าทางสุภาพ รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าสวยก็ยิ่งสดใสมากขึ้น “น้องชายคนนี้ฉลาดจริง ๆ”

“พอแล้ว ๆ หลินชิง เธออยากอยากจะกินหญ้าอ่อนหรือไง แต่อย่างน้อยก็ช่วยรู้กาลเทศะหน่อยเถอะ”

โจวอวี้หลงเข้ามาเบียดหญิงงามในชุดเกราะสีเขียวออกไปทันทีแล้วชี้ไปที่สมาชิกอีกคนที่เหลือ “คนสุดท้ายชื่อว่า ‘เว่ยโยว’ หมอนั่นออกจะแปลกไปสักหน่อย เขาไม่ค่อยพูดกับเราเท่าไหร่ แต่เขาก็เป็นเพื่อนร่วมทีมที่ไว้ใจได้มากทีเดียว”

หลินหยวนหันไปมองตามทิศทางที่ชายชุดเกราะชี้ไป ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้ชายผมดำที่รอบกายมีบรรยากาศเย็นชา

แถมไม่พอเขายังสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าด้วย แต่เขาต่างจากหลินหยวนตรงที่หน้ากากที่เขาสวมนั้นเป็นสีดำครึ่งหนึ่งสีขาวครึ่งหนึ่งซึ่งมันดูเหมือนกับงิ้วเปลี่ยนหน้าไม่มีผิด

โจวอวี้หลง, หลี่ต้าหมาน, หลินชิง, เว่ยโยว

ทั้ง 4 คนที่อยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มคือผู้พิทักษ์ที่มีพลังพิเศษแรงก์ SS ที่มีหน้าที่ปกป้องดูแลป้อมปราการสงครามแห่งนี้

 

*******************************************

SkySaffron: หลินหยวนแกอยู่เป็นมาก 55555

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.