บทที่ 7 รางวัลแห่งการทรยศ

-A A +A

บทที่ 7 รางวัลแห่งการทรยศ

บทที่ 7 รางวัลแห่งการทรยศ

ยามเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น แสงอรุณสีส้มทองลอดผ่านม่านหมอกหนาทึบของหมู่บ้านเฮเมรา หัวหน้าอัศวินเฟรดริคยืนตระหง่านอยู่กลางลานหมู่บ้าน ใบหน้าคมคายฉายแววพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด เบื้องหน้าเขาคือชายวัยกลางคนร่างท้วม ผู้เป็น หัวหน้าหมู่บ้านซึ่งยืนประนมมือด้วยท่าทีนอบน้อม

“ท่านหัวหน้าอัลดัส ความร่วมมือของท่านน่ายกย่องยิ่ง”

 เฟรดริคกล่าวเสียงทุ้มกังวาน มือของเขาผายไปยังลังไม้ขนาดใหญ่ที่วางอยู่ข้างๆ ซึ่งเต็มไปด้วยถุงผ้าและถุงหนังที่อัดแน่น 

“นี่คือรางวัลสำหรับความภักดีของท่าน ทั้งเงินตรา เสบียง และอุปกรณ์จำเป็นสำหรับหมู่บ้านของท่าน ขอให้หมู่บ้านของท่านเจริญรุ่งเรืองภายใต้การนำของท่าน”

หัวหน้าหมู่บ้านอัลดัสก้มศีรษะลงลึกกว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอิ่มเอิบ แม้จะพยายามเก็บซ่อนความยินดีไว้ไม่ให้ใครเห็น 

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งขอรับ ท่านหัวหน้าอัศวิน เฟรดริค พวกเราชาวเฮเมราพร้อมรับใช้กองอัศวินแห่งอาณาจักเสมอ”

สายตาของเฟรดริคกวาดมองไปทั่วบริเวณลานหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยชาวบ้านที่ออกมามุงดูเหตุการณ์ด้วยแววตาที่แตกต่างกันไป บางคนแสดงความยินดี บางคนก็หวาดระแวง และบางคนก็ฉายแววตำหนิปะปนอยู่ลึกๆ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก

“และสำหรับพยานตัวน้อยของเรา……” เฟรดริคเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างน่าขนลุก 

“พาเด็กหญิงมานี่”

อัศวินนายหนึ่งเดินเข้าไปในบ้านไม้ผุพังที่ลีร่ากับเด็กหญิงพักอยู่ ไม่นานนักก็ลากร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงออกมา ใบหน้าของเธอยังคงซีดเซียว ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้เมื่อคืน เธอตัวสั่นเทาเมื่อเห็นแสงจ้าและกลุ่มคนมากมาย

เฟรดริคย่อตัวลงตรงหน้าเด็กหญิง รอยยิ้มอ่อนโยนที่เคยมีหายไป แทนที่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เจ้าทำดีมากแล้ว ได้ช่วยอาณาจักรให้พ้นภัยจากผู้ครอบครองพลังที่ชั่วร้าย” 

เขาลูบศีรษะเด็กหญิงเบาๆ ราวกับปลอบโยน แต่สายตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเหินห่าง “เจ้าจะได้รับรางวัลที่เหมาะสมกับสิ่งที่เจ้าทำ”

หัวหน้าหมู่บ้านอัลดัสก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาฉายแววเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เรื่องนี้เป็นความลับ... เจ้าเข้าใจใช่ไหม เด็กน้อย?” อัลดัสถามเสียงเรียบไร้อารมณ์ เด็กหญิงเงยหน้ามองด้วยความไม่เข้าใจ เธอเพียงส่ายหน้าเล็กน้อย

รอยยิ้มของอัลดัสยิ่งเย็นยะเยือกขึ้น เมื่อเห็นท่าทีของเด็กหญิง “น่าเสียดายที่บางความลับ... จะต้องหายไปพร้อมกับผู้ที่ล่วงรู้”

สิ้นเสียงของอัลดัส มืออวบอ้วนของเขาก็พลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ปิดกั้นทางเดินหายใจของเด็กหญิงร่างเล็กอย่างรุนแรง ดวงตาของเด็กหญิงเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก เธอพยายามดิ้นรน เฮือกหายใจ แต่ก็ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายเล็กๆ นั้นกระตุกสองสามครั้ง ก่อนจะแน่นิ่งไปในอ้อมมือของผู้ที่เคยเป็นความหวังสุดท้ายของเธอ

เสียงกรีดร้องอื้ออึงเกิดขึ้นจากชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ บางคนปิดปากด้วยความตกใจ บางคนน้ำตาคลอด้วยความสะเทือนใจ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเหลือ ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะส่งเสียงคัดค้านต่อหน้ากองอัศวินและหัวหน้าหมู่บ้านที่กำลังแสดงความเด็ดขาด

เฟรดริคเพียงยืนมองภาพนั้นด้วยสีหน้าเฉยเมย ราวกับเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น เขารับรู้ถึงสายตาของชาวบ้านที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและโกรธแค้น แต่เขาก็ไม่แยแส เพราะความหวาดกลัวนั้นคือสิ่งที่เขาต้องการ เพื่อให้หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงอยู่ในกำมือของอาณาจักร

“จัดการให้เรียบร้อย” เฟรดริคออกคำสั่งเสียงเรียบ “แล้วเตรียมตัวเคลื่อนย้ายร่างผู้ครอบครองศาสตราโลหิต”

ไม่นานนัก หลังจากเหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจผ่านพ้นไป ความหวาดกลัวเข้าปกคลุมหมู่บ้านเฮเมราอย่างถาวร อัศวินสองนายลากร่างของเอเรน (ซึ่งลีร่ายังคงสิงสู่และหมดสติอยู่) ออกจากหมู่บ้านไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งร่องรอยของการทรยศและการสูญเสียไว้เบื้องหลัง

พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่าทึบห่างจากหมู่บ้านหลายไมล์ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงการกระทำของพวกเขา ยิ่งก้าวลึกเข้าไปเท่าไร แสงแดดก็ยิ่งเลือนหายไปเท่านั้น ต้นไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาบดบังท้องฟ้า สร้างเงามืดมิดและบรรยากาศที่วังเวงจับใจ กลิ่นดินชื้นและพืชพรรณป่าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ มีเพียงเสียงกรอบแกรบจากใบไม้แห้งใต้ฝีเท้าเท่านั้นที่ดังขึ้นเป็นระยะ

“จะทำอะไรกับเจ้านี่ดี?” อัศวินนายหนึ่งถามเสียงห้าว 

“หัวหน้าเฟรดริคสั่งให้กำจัดทิ้งโดยไม่ให้เหลือร่องรอย”

“หุบปากซะ” อีกนายตวาด 

“เราแค่ทำตามคำสั่ง อย่าถามมากนัก”

พวกเขาเดินไปจนถึงลานกว้างเล็กๆ ที่มีต้นไม้โบราณขนาดมหึมาตั้งตระหง่านอยู่กลางลาน แสงจันทร์เล็ดรอดลงมาเพียงเล็กน้อย ทำให้มองเห็นเงามืดและเงารางๆ ของสิ่งที่อยู่รอบกาย อัศวินทั้งสองโยนร่างของเอเรนลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี เสื้อผ้าที่สวมใส่เปื้อนดินและคราบเลือดจากการเดินทางและจากการต่อสู้ครั้งก่อนๆ

“เอ้า เร็วเข้า! ทำให้มันจบๆ ไปซะ” อัศวินคนที่สองเร่งเร้า หยิบขวานจากด้านหลังขึ้นมา ถือมันไว้ในมืออย่างมั่นคง ปลายขวานคมกริบสะท้อนแสงสลัวๆ ของดวงจันทร์

อัศวินคนแรกหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาเตรียมพร้อม สองคนยืนคร่อมร่างของเอเรนที่นอนแน่นิ่ง ดวงตาของลีร่ายังคงปิดสนิทราวกับจมดิ่งในความฝันชั่วนิรันดร์ ยาที่เด็กหญิงป้อนให้ทำงานได้ผลอย่างสมบูรณ์ ลีร่าไม่สามารถรับรู้สิ่งใดได้เลย ทั้งพลังเวทมนตร์และสติสัมปชัญญะของเธอดับลงสนิท

“เตรียมตัว...” อัศวินคนแรกเอ่ยเสียงเรียบ เมื่อขวานในมือของเพื่อนร่วมงานถูกยกขึ้นสูง เตรียมฟาดฟันลงมายังร่างที่ไร้การป้องกันของเอเรน เพื่อยุติการมีอยู่ของผู้ครอบครองศาสตราโลหิตตลอดไป

ใบขวานเงาวับกำลังพุ่งตรงลงมา เสียงเสียดสีของอากาศดังหวีดหวิวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง…

ดวงตาคู่คมของเอเรนพลันเบิกโพลงขึ้น!

ดวงตาคู่นั้นไม่เพียงแค่ตื่น แต่เต็มไปด้วยประกายสีเงินเรืองรองจางๆ ซึ่งไม่ใช่สีตาปกติของเอเรน แววตาที่ว่างเปล่าเมื่อครู่กลับถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นและพลังอำนาจที่ไม่อาจคาดเดาได้ ราวกับวิญญาณบางอย่างได้ตื่นขึ้นภายในร่างกายที่เคยไร้การป้องกันนั้น

อัศวินทั้งสองชะงักงันด้วยความตกใจอย่างที่สุด ขวานที่กำลังจะฟาดลงมาหยุดค้างกลางอากาศ ร่างกายของพวกเขาแข็งทื่อราวกับถูกสาป ดวงตาของเอเรนที่จ้องมองมานั้นแฝงไว้ด้วยอำนาจที่กดดันจนทำให้อากาศรอบข้างหนาวเยือก

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.