บทที่ 6 เข้าสู่เฮเมรา
บทที่ 6 เข้าสู่เฮเมรา
ยามสนธยามาเยือน หมู่บ้านเฮเมราเริ่มส่องแสงจากตะเกียงน้ำมันตามบ้านเรือน ลีร่าในร่างของเอเรนก้าวผ่านประตูไม้ขนาดใหญ่ที่เปิดอ้าอยู่ ด้วยท่าทางที่พยายามกลมกลืนไปกับฝูงชนที่กำลังทยอยกลับเข้าหมู่บ้านหลังจากการทำงานหนักมาตลอดวัน
กลิ่นหอมของอาหารที่ปรุงขึ้นใหม่ลอยปะปนกับกลิ่นควันไม้และไอดินอบอวลไปทั่ว ราวกับเป็นสวรรค์หลังจากที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในป่า
ท้องของรีล่าส่งเสียงประท้วงเบาๆ ความหิวโหยเข้าครอบงำอีกครั้ง ลีร่าตรงดิ่งไปยังตลาดเล็กๆ ที่ผู้คนยังคงจับจ่ายใช้สอย เสียงตะโกนซื้อขายจอแจ แต่ในขณะที่สายตากำลังกวาดมองหาอาหารราคาถูก พลันเหลือบไปเห็นเงาร่างผอมบางของเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังคุ้ยเขี่ยเศษอาหารจากถังขยะข้างแผงขายขนมปังเก่าๆ
เด็กหญิงตัวเล็ก ผมสีดำยุ่งเหยิง ใบหน้าซูบผอม ดวงตาคู่โตฉายแววหิวโหยและหวาดกลัว เนื้อตัวมอมแมมบ่งบอกถึงชีวิตที่ลำบาก เธอตัวสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อเห็นลีร่าในร่างเอเรนจ้องมองมา
ลีร่าเดินเข้าไปใกล้
“หนู...ไม่ได้กินอะไรมานานแล้วหรือ”
เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เด็กหญิงสะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตากลมโต
เด็กหญิงส่ายหน้าช้าๆ พร้อมเม้มปากแน่น ดูหวาดระแวงเกินกว่าจะเอ่ยปากพูด
“แล้วพ่อแม่หนูไปไหนฃ”
ลีร่าถามต่อ เสียงของเธอแผ่วลงเมื่อเห็นแววตาของเด็กหญิงเริ่มมีน้ำตาคลอ
เด็กหญิงตัวสั่นหนักขึ้น ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
“ปี... ปีศาจ... ฆ่าหมดแล้ว... ไม่มีใครเหลือ...”
หัวใจของลีร่าบีบตัวแน่นด้วยความเวทนา พลังแห่งศาสตราโลหิตที่หลับใหลอยู่ในตัวเธอนั้น ทำให้เธอเคยชินกับความตาย แต่ความบริสุทธิ์ที่สูญสลายไปจากดวงตาของเด็กหญิงคนนี้มันเจ็บปวดกว่าที่คิด
“หนูชื่ออะไร?” ลีร่าถามพยายามเปลี่ยนเรื่อง
เด็กหญิงก้มหน้าลง “ไม่มีชื่อ...”
ลีร่าถอนหายใจช้าๆ ความโดดเดี่ยวของเด็กคนนี้ช่างคล้ายคลึงกับชีวิตของเธอเองเหลือเกิน
“งั้น... มากับฉันไหม?” ลีร่าเอ่ย
“ฉันเองก็ไม่มีที่ไปในหมู่บ้านนี้”
เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาฉงนระคนหวังเล็กน้อย เธอพยักหน้าเบาๆ
“บ้านหนูอยู่ทางนี้...”
เด็กหญิงพูดเสียงอู้อี้ พลางชี้ไปยังซอยแคบๆ ที่ดูมืดมิด เธอเริ่มเดินนำไปช้าๆ ลีร่าก้าวตามไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะนำพาเธอไปสู่เส้นทางใดในหมู่บ้านเฮเมราแห่งนี้
เด็กหญิงนำทางลีร่าลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยที่มืดมิดและคับแคบ จนกระทั่งมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่ดูทรุดโทรมกว่าหลังอื่นๆ ประตูไม้ผุพัง แทบจะหลุดออกจากวงกบ
“ที่นี่... บ้านของหนู...”
เด็กหญิงบอกเสียงแผ่ว พลางเปิดประตูเข้าไปข้างใน ภายในบ้านมืดมิดและเย็นยะเยือก กลิ่นอับชื้นคละคลุ้งไปทั่ว
“เราไปหาอาหารกันก่อนดีกว่า” ลีร่าบอก พลางคว้ามือเล็กๆ ของเด็กหญิง
“แล้วค่อยกลับมาจัดการที่นี่”
เธอพยักหน้าให้เด็กหญิงรออยู่ที่บ้าน แล้วตรงไปยังลำธารที่เธอเพิ่งจากมาเมื่อช่วงบ่าย แสงจันทร์ส่องกระทบผิวน้ำระยิบระยับ ลีร่าใช้ทักษะการจับปลาที่เหนือชั้นของเธอ ไม่นานนักก็มีปลาตัวอ้วนหลายตัวอยู่ในมือ เธอจัดการทำความสะอาดปลาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกอบน้ำเย็นๆ ขึ้นมาล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น และชำระล้างคราบสกปรกจากการเดินทางตลอดวันที่ผ่านมา
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เด็กหญิงยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมด้วยแววตาเลื่อนลอย ลีร่าก่อไฟเล็กๆ ขึ้นในเตาผิงที่พังทลาย ก่อนจะเริ่มย่างปลา กลิ่นหอมของเนื้อปลาที่ถูกไฟเผาไหม้ลอยคลุ้งไปทั่วบ้าน เด็กหญิงมองเปลวไฟด้วยดวงตาเป็นประกาย
“กินสิ”
ลีร่าหยิบปลาที่สุกแล้วส่งให้หนึ่งตัว เด็กหญิงรับไปกินอย่างตะกละตะกลาม ราวกับไม่เคยได้กินอาหารดีๆ มานานแสนนาน ลีร่ามองดูด้วยความรู้สึกที่ปะปนกันไปทั้งเวทนาและอบอุ่น แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็นประกายบางอย่างในดวงตาของเด็กหญิงยามที่รับปลาไป…
หลังจากกินปลาเสร็จ ลีร่ารู้สึกถึงความอ่อนเพลียที่หนักอึ้งเข้าครอบงำอย่างรวดเร็ว เปลือกตาของเธอหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยหิน ทั่วทั้งร่างชาหนึบ พลังเวทมนตร์ที่เคยไหลเวียนในกายราวสายน้ำกลับเหือดหายไปในพริบตา ราวกับถูกกักขังไว้ในกรงที่มองไม่เห็น เธอพยายามดิ้นรนจะลุกขึ้น แต่กลับไร้เรี่ยวแรง ราวกับกล้ามเนื้อทุกส่วนไม่ตอบสนอง
“ยา... ยาอะไรกัน...” ลีร่าพึมพำเสียงแผ่ว ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ
เด็กหญิงตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาคู่โตฉายแววหวาดกลัวและสำนึกผิดจับจ้องมาที่เธอ มือเล็กๆ สั่นเทา ก่อนที่จะเอื้อมมาจับชายเสื้อของลีร่าเบาๆ
“ขอโทษ... ขอโทษนะคะ...” เด็กหญิงกระซิบเสียงสั่นเครือ น้ำตาเม็ดโตไหลรินอาบแก้ม
“พวกเขาบอกว่า... ถ้าหนูช่วย... หนูจะได้กิน... ได้มีที่นอน...” เสียงของเด็กหญิงค่อยๆ เลือนหายไปในความมืดพร้อมกับสติของลีร่าที่จมดิ่งลงสู่ห้วงนิทราอันไร้ที่สิ้นสุด
ยามวิกาล ความเงียบเข้าปกคลุมหมู่บ้านเฮเมรา มีเพียงเสียงลมพัดวูบไหวและเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงม จู่ๆ แสงไฟวูบวาบหลายดวงก็ปรากฏขึ้นที่หน้าบ้านทรุดโทรมหลังนั้น ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนักๆ ของกลุ่มคนที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้
ปัง!
ประตูไม้ผุพังถูกผลักออกอย่างแรง เผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ของเหล่าอัศวินในชุดเกราะสีเข้ม พร้อมด้วย
หัวหน้าอัศวินเฟรดริค ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้า ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องมายังร่างของเอเรน ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
“ดีมาก เด็กน้อย! เจ้าทำได้ดี!”
เฟรดริคกล่าวชมเชยเด็กหญิงด้วยรอยยิ้มเย็นชา ดวงตาของเขากวาดมองไปที่ร่างของลีร่าที่หมดสติ “ในที่สุดก็จับตัวเจ้าได้นะ ผู้ครอบครองศาสตราโลหิต!”
อัศวินสองนายก้าวเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว เข้าควบคุมร่างของลีร่า (เอเรน) ที่ไร้เรี่ยวแรงและไร้การตอบสนอง เด็กหญิงมองภาพนั้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาและสำนึกผิด เธอพยายามเอื้อมมือออกไปราวกับจะฉุดรั้งร่างของลีร่าไว้ แต่ก็ทำได้เพียงยืนตัวสั่นเทาอยู่ตรงนั้น
“ขอโทษค่ะ... หนูขอโทษ...” เด็กหญิงพึมพำซ้ำๆ ด้วยเสียงสะอื้นไห้ จ้องมองร่างที่ถูกลากออกไปสู่ความมืดมิดของยามค่ำคืน
เฟรดริคโบกมือเป็นสัญญาณให้อัศวินนำตัวเอเรนออกไป ก่อนจะหันมามองเด็กหญิงด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์
“ตอนนี้เจ้าได้สิ่งที่ต้องการแล้ว... จงจำไว้ว่าใครคือผู้มีพระคุณ”
แสงตะเกียงส่องกระทบใบหน้าของเด็กหญิง เผยให้เห็นรอยน้ำตาที่ยังไม่แห้ง ดวงตาคู่โตยังคงฉายแววหวาดกลัว แต่ในส่วนลึกของจิตใจ เธอก็รับรู้ได้ถึงความว่างเปล่าที่เข้ามาแทนที่ความหวังชั่วคราวที่ได้รับมา
อนาคตของลีร่าในร่างเอเรน และชะตากรรมของเด็กหญิงไร้ชื่อผู้นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามพันธะโลหิตศาสตราววิญญาณ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 128
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น