บทที่ 416 การต่อสู้ขั้นแตกหัก
บทที่ 416 การต่อสู้ขั้นแตกหัก
“เซี่ยหยู่เว่ยระหว่างเอากองทัพไปกำจัดโซลออฟอีเทอนิตี้ก็ให้เอานักเวทต้องห้ามเดินทางไปด้วย ในเมื่อมันอยากจะช่วยบลัดไทแรนท์กลืนกินพวกเรามากนักก็อย่าหาว่าพวกเราจะลงมือกับพวกมันหนักเกินไป” ลู่หยางกล่าวด้วยแววตาอันเยือกเย็น
ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับพร้อม ๆ กัน
“หัวหน้า พวกเราเพิ่งได้รับข่าวมาว่าชาโดว์ดัสค์กับหัวหน้าทั้ง 3 คนกำลังรวมกำลังอย่างเต็มที่ ตอนนี้พวกเขามีสมาชิกประมาณ 150,000 คนแล้วและมีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะเข้าโจมตีป้อมปราการในอีก 1 ชั่วโมง” โจวเทียนหมิงกล่าว
“พวกมันอยากตายมากนักหรือไง เลเวลของพวกมันไม่ถึง 30 ด้วยซ้ำแต่กล้าจะมาสู้กับพวกเรางั้นเหรอ?” ไป๋ฉือกล่าว
“ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีพวกมันอาจจะคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าพวกเราก็ได้” บิทเทอร์เลิฟกล่าว
“หัวหน้า ผมขอดูกองทัพนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของบลัดบราเธอร์ได้ไหมครับ?” โจวเทียนหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ได้สิ นักรบพวกนั้นส่วนใหญ่อยู่ในกองทัพของสามพี่น้องตระกูลไป๋แบ่งเป็นนักรบคลั่ง 1,000 คน, พาลาดินเซคคริฟาย 2,000 คน, นักรบโล่ 500 คนและพาลาดินสายสนับสนุนอีก 1,500 คน”
“ถ้ามีโอกาสพวกเราก็มาประลองฝีมือกันดูก็ได้นะ” ไป๋ฉือกล่าวด้วยรอยยิ้ม
โจวเทียนหมิงพยักหน้ารับ เพราะถ้าหากพูดเรื่องการต่อสู้แบบตัวต่อตัวเขาก็ไม่กลัวใครหน้าไหนเหมือนกัน
“โจวเทียนหมิง ถ้าพวกโซลออฟอีเทอนิตี้ต้องการจะโจมตีป้อมปราการทั้ง 3 แห่ง พวกเราพอจะมีวิธีสกัดกั้นพวกมันระหว่างทางไหม?” ลู่หยางถาม
“หัวหน้า พวกเราจะไม่รอป้องกันในป้อมปราการงั้นเหรอครับ?” ไป๋หูถาม
“ฉันอยากให้คนในเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ได้รู้ว่าพวกเราแข็งแกร่งมากแค่ไหนเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าไปก่อกวนป้อมปราการของพวกเรา หลังจากที่พวกเรากลับไปที่เมืองเซนต์กอลล์แล้ว” ลู่หยางกล่าว
โจวเทียนหมิงส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า
“มันไม่มีที่แบบนั้นหรอกครับ เว้นแต่ว่าพวกเราจะรอให้พวกเขารวมตัวกันนอกเมืองแล้วพวกเราค่อยบุกโจมตีพวกเขาอย่างฉับพลัน”
“โอเค ถ้างั้นพวกเราก็จะไปดักตีพวกมันตั้งแต่นอกเมืองเลย ทุกคนออกไปจัดกำลังเฝ้าป้อมปราการเอาไว้ป้อมละ 10,000 คน ส่วนคนที่เหลือตามฉันมา พวกเราจะไปทำลายดีวายโซลที่หน้าประตูเมืองซีเอ็มเพอเรอร์!” ลู่หยางตะโกนสั่ง
“ครับ/ค่ะ” ทุกคนตอบรับด้วยเลือดลมที่พลุกพล่าน
ในเวลาไม่ถึง 20 นาทีกองกำลังทั้งหมดก็ได้มารวมตัวกันที่ป้อมปราการซีดราก้อน และเมื่อมันได้รวมกองกำลัง 60,000 คนของโจวเทียนหมิงเข้าไปแล้วกองกำลังนี้ก็มีจำนวนอยู่สูงถึง 250,000 คน
—
อีกด้านหนึ่ง
นอกป้อมปราการแบล็คร็อค
กองทัพพันธมิตรของฉงป้าและฉือมู่ยังไม่รู้ข่าวที่ลู่หยางนำกองกำลังบุกยึดป้อมปราการนอกเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ แล้วพวกเขาก็ยังคงทุ่มกำลังในการบุกโจมตีป้อมปราการแบล็คร็อคอย่างต่อเนื่อง
“แปลกมาก ปกติเวลานี้มันควรจะเป็นคนของโซลออฟอีเทอนิตี้ที่มาป้องกันป้อมปราการไม่ใช่เหรอ ทำไมมันถึงยังเป็นคนของบลัดไทแรนท์ที่เฝ้าป้อมปราการอยู่?” ฉือมู่กล่าวอย่างประหลาดใจ
“พวกมันอาจจะยังนอนอยู่ก็ได้มั้ง” ฉงป้ากล่าว ซึ่งหลังจากที่การต่อสู้ได้ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 3 วันเขาก็เริ่มสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงได้บ้างแล้ว
เหลยหลงส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า
“ผมว่าไม่น่าใช่นะ ตอนนี้ทั้งบลูสกายและสกายโดเมนวอริเออร์ก็ไม่ออกมาสักพักแล้ว ไม่รู้ว่าพวกมันกำลังวางแผนทำอะไรกันอยู่”
“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมีเรื่องใหญ่อะไรบางอย่างเกิดขึ้นเลย เพียงแต่พวกเรายังไม่รู้เรื่องเท่านั้นเอง” เฉียนเฉียนกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นชิงเฟิงก็เดินเข้ามาหาฉือมู่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจ
“มีอะไร?” ฉือมู่ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ชิงเฟิงมองไปยังฉือมู่ ก่อนจะมองไปยังหัวหน้ากิลด์คนอื่น ๆ และพูดขึ้นมาว่า
“มีข่าวในอินเทอร์เน็ตออกมาว่าลู่หยางนำกองกำลัง 180,000 คนบุกโจมตีป้อมปราการทั้ง 3 แห่งของโซลออฟอีเทอนิตี้นอกเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ แล้วตอนนี้เขาก็ยึดครองป้อมปราการทั้ง 3 แห่งนั้นได้เรียบร้อยแล้วครับ”
“เป็นไปไม่ได้! ลู่หยางจะเคลื่อนทัพไปถึงเมืองซีเอ็มเพอเรอร์โดยไม่มีข่าวหลุดออกมาได้ยังไง อย่างน้อยมันก็ต้องใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง ระหว่างนั้นมันก็น่าจะมีข่าวการเคลื่อนทัพหลุดออกมาบ้าง” ฉือมู่กล่าว
“เมื่อไม่นานมานี้โจวเทียนหมิงประกาศยุบกิลด์วอร์สกายเพื่อเข้าร่วมกับกิลด์บลัดบราเธอร์อย่างเป็นทางการแล้วครับ จากนั้นเขาก็ให้สมาชิกในกองทัพเทเลพอร์ตไปยังป้อมปราการบลูริเวอร์ ในขณะที่กองกำลังหลักของโซลออฟอีเทอนิตี้ยังคงติดอยู่ที่นี่ มันจึงทำให้เขาเข้ายึดป้อมปราการทั้ง 3 แห่งได้อย่างง่ายดาย” ชิงเฟิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ฉงป้ารู้สึกโกรธจนจุกอก แต่เขาก็พูดอะไรออกมาไม่ออก
เหลยหลง, เฉียนเฉียนและหัวหน้ากิลด์อื่น ๆ ต่างก็ทำได้เพียงแต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียดาย
“คราวนี้ลู่หยางคือคนที่ได้ประโยชน์กลับไปมากที่สุดสินะ” ฉือมู่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
“ใช่ ตอนนี้โซลออฟอีเทอนิตี้เหมือนกับสูญเสียรากฐานของตัวเองไปแล้ว พวกเราทำสงครามกันมาตั้งนาน แต่สุดท้ายผลประโยชน์กลับไปตกที่ลู่หยางมากกว่าคนอื่น” ฉงป้ากล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างขมขื่น
การเคลื่อนไหวของลู่หยางในคราวนี้ไม่ได้ทำให้ฉงป้าและฉือมู่รู้สึกเกลียดชังเขาเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันทั้งคู่ทั้งรู้สึกชื่นชมและเกรงกลัวในการวางกลยุทธ์ที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้
“ตอนนี้พวกเราควรจะเอายังไงต่อดี?” เฉียนเฉียนถาม
“ทุกคนลองดูการถ่ายทอดสดในอินเตอร์เน็ตสิครับ ลู่หยางกำลังประกาศท้าทายโซลออฟอีเทอนิตี้กลางที่สาธารณะแล้ว คราวนี้สตรีมเมอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเซคคัลเวิลด์อย่างหลิวซิงได้เข้ามาถ่ายทอดสดด้วยตัวเอง และตอนนี้กองกำลังของลู่หยางก็กำลังมุ่งออกจากป้อมปราการซีดราก้อนไปยังเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ครับ” ชิงเฟิงกล่าว
ฉือมู่รีบเปิดอินเตอร์เน็ตก่อนจะฉายภาพถ่ายทอดสดขึ้นบนหน้าจอ
ในภาพลู่หยางกำลังขี่สิงโตเพลิงนำทัพอย่างสง่างาม โดยมีเหล่าบรรดาหัวหน้าและลูกน้องอีกหลายแสนคนมุ่งหน้าไปยังเมืองซีเอ็มเพอเรอร์อย่างไม่เกรงกลัว
บริเวณมุมล่างซ้ายของหน้าจอมันก็มีภาพของหลิวซิงกำลังบรรยายกองทัพของลู่หยางอย่างคล่องแคล่ว
“ทุกคนมาดูเร็วเข้า นี่คือการตัดสินครั้งใหญ่ที่ประธานลู่หยางหัวหน้ากิลด์บลัดบราเธอร์กำลังนำกองกำลังผู้เล่น 250,000 คนไปยังเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ ก่อนหน้านี้เขาได้ส่งสารท้ารบไปยังดีวายโซลแล้ว ส่วนทางฝั่งดีวายโซลก็กำลังรวบรวมกองกำลังอยู่ตรงบริเวณนอกประตูทิศตะวันออกของเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ ซึ่งดูเหมือนกับว่าพวกเขาจะรวมกองกำลังได้ประมาณ 150,000 คน” หลิวซิงกล่าว
—
บนกำแพงป้อมปราการแบล็คร็อค
โซลออฟอีเทอนิตี้และหวังเถิงต่างก็กำลังดูวีดีโอถ่ายทอดสดนี้อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
“ไม่ได้การล่ะ ผมต้องรีบนำลูกน้องกลับไปที่เมืองซีเอ็มเพอเรอร์ แบบนี้ลำพังแค่กองกำลังที่ผมทิ้งเอาไว้ไม่มีทางสู้กองทัพของลู่หยางได้แน่ ๆ” โซลออฟอีเทอนิตี้กล่าวด้วยร่างกายอันสั่นเทา
“นายคิดว่าถ้านายนำกองกำลัง 50,000 คนนี้กลับไปแล้วจะสู้ลู่หยางได้อย่างนั้นเหรอ? อย่าลืมนะว่าในกองกำลังของลู่หยางมีผู้เล่นชุดทองอยู่ไม่น้อยกว่า 20,000 คน ในขณะที่ทางฝั่งของนายมีผู้เล่นชุดทองอยู่ไม่ถึง 1,000 คนด้วยซ้ำ การเอากองกำลังกลับไปมันก็ไม่ต่างไปจากการเอาคนไปตายฟรี ๆ นั่นแหละ” หวังเถิงพูดอย่างเย็นชา
“คุณจะให้ผมยอมปล่อยทุกสิ่งที่ผมสร้างมาไปแบบนี้น่ะเหรอ?” โซลออฟอีเทอนิตี้ถามกลับอย่างไม่พอใจ
หวังเถิงทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมาและเขาก็รู้ว่าถึงเขาจะพยายามอธิบายเหตุผลในตอนนี้ยังไง แต่อีกฝ่ายก็ไม่เหลือสติมากพอจะฟังเหตุผลจากเขาอยู่ดี
“ก็ได้ ฉันอนุญาตให้นายนำกองกำลังกลับไป แต่นายจะจัดการกับพวกข้างล่างนั่นยังไงล่ะ?”
—
ใต้กำแพงป้อมปราการแบล็คร็อค
“ฉันมาขอเจรจา” ฉงป้าตะโกนหาโซลออฟอีเทอนิตี้ที่อยู่บนกำแพง
“เจรจาอะไร?” โซลออฟอีเทอนิตี้ตะโกนกลับ
เมื่อฉงป้าเห็นว่าโซลออฟอีเทอนิตี้ออกมาคุยด้วยตัวเอง เขาก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
“ฉันรู้ว่าตอนนี้ป้อมปราการของแกถูกคนอื่นแย่งไปแล้วและแกก็อยากจะกลับไปแย่งป้อมปราการของตัวเองคืน ฉันเลยจะมาบอกว่าเดี๋ยวฉันจะยอมเปิดทางให้กองทัพของแกจากไปโดยไม่ทำอะไร”
“แกพูดจริงเหรอ?!” โซลออฟอีเทอนิตี้ถาม
“พูดจริงสิ ถ้าแกไปฉันก็ยึดป้อมปราการของฉันกลับมาง่ายกว่าเดิมไม่ใช่หรือยังไง” ฉงป้ากล่าวอย่างเยาะเย้ย
เมื่อได้รับคำตอบจากฉงป้า โซลออฟอีเทอนิตี้ก็หันไปถามความเห็นจากหวังเถิง
“นายไปเรียกระดมพลกองกำลังของตัวเองก่อนแล้วค่อยออกไปทางประตูทิศตะวันออก” หวังเถิงทำได้เพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น
โซลออฟอีเทอนิตี้พยักหน้าอย่างขอบคุณ ก่อนที่เขาจะวิ่งออกไประดมพลกองกำลังของตัวเอง
ในช่วงนี้ป้อมปราการแบล็คร็อคสงบสุขมากที่สุดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เพราะกองกำลังของทั้งสองฝ่ายต่างก็กำลังเปิดหน้าจอเพื่อดูถ่ายทอดสด
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 132
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น