บทที่ 459: ข้าคิดว่าพวกเจ้าตกหลุมรักกัน
มู่ไป๋ไป่สั่งให้องครักษ์ไปหาชุดขันทีมาให้ จากนั้นก็จับอาเค่อแปลงร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพาเขาเข้าวัง
“หลังจากนี้ท่านอยากได้เพ่นพ่านไปไหนมาไหน” หญิงสาวเดินเข้ามาในตำหนักอวี๋ชิงพร้อมพูดย้ำกับอาเค่อที่กำลังเหลียวซ้ายแลขวาด้านหลังว่า “ท่านพักผ่อนอยู่ในตำหนักอวี๋ชิงก่อนเถอะ เราค่อยไปจัดการเรื่องนั้นทีหลัง”
“อืม” ชายหนุ่มยังคงหันมองซ้ายทีขวาทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ดูเหมือนว่า… วังหลวงจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พวกผู้อาวุโสกล่าวเอาไว้เลย
“ข้าจะไปทักทายท่านแม่ด้านหลังสักครู่” มู่ไป๋ไป่จัดห้องพักให้อาเค่ออยู่ในเรือนของตัวเอง และสั่งให้คนนำของว่างไปให้เขาก่อนที่จะเดินไปหาซูหว่าน
หลังจากที่นางกำนัลและขันทีออกไปจากห้อง เสี่ยวหยินก็โผล่หัวออกมาจากแขนเสื้อของเจ้านายแล้วมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ ซึ่งท่าทางของมันนั้นเหมือนกับอาเค่อทุกประการ
และแล้วเวลาก็ผ่านพ้นไปถึงช่วงกลางคืนอย่างช้า ๆ
เพื่อเตรียมตัวสำหรับการลงมือในตอนกลางคืน มู่ไป๋ไป่จึงเข้านอนเร็วตั้งแต่หัวค่ำ พอฟ้ามืดสนิทเธอก็เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็มานั่งรอคนที่นัดเอาไว้อยู่ตรงข้างสระน้ำ
ปัจจุบันเต่าเฒ่าตัวนั้นก็ยังคงนอนอยู่แทบเท้าเธอ
ขณะนั้นหญิงสาวจะคอยหันไปมองที่กำแพงเรือนเป็นครั้งคราว แล้วก็หันมาใช้ปลายนิ้วจิ้มกระดองเต่า
“เจ้าคิดถึงคนรักของเจ้าแล้วหรือ?” เต่าอาวุโสถามพลางขยับแขนขาช้า ๆ วันนี้มันได้กินอาหารอร่อย ๆ ไปเยอะ มันจึงอิ่มมากจนเดินแทบไม่ไหว
“แค่ก ๆ!” มู่ไป๋ไป่สำลักน้ำลายตัวเองทันที ทำให้ใบหน้าขาวผ่องแดงก่ำในขณะที่เธอจ้องเขม็งไปยังเจ้าเต่าพูดมากด้วยความโมโห “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว คนรักอะไรกัน! ข้ากับเซียวถังอี้ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแบบนั้นสักหน่อย!”
เสียงตวาดของหญิงสาวส่งผลให้อาเค่อกับเสี่ยวหยินที่กำลังงีบหลับอยู่ฝั่งตรงข้ามสะดุ้งตื่น พวกเขาเงยหน้ามองไปที่ต้นเสียงด้วยสายตาสับสนปนงัวเงีย
“เจ้าเด็กน้อย เจ้านั่นแหละที่พูดไร้สาระ” เต่าชรามองมู่ไป๋ไป่อย่างใจเย็น “ข้าไม่ได้บอกสักหน่อยว่าคนรักของเจ้าคืออ๋องเซียว…”
“...” มู่ไป๋ไป่ถึงกับพูดไม่ออกทันที
ฉันประมาทไปเอง!
“ฮ่า ๆๆ เจ้าอย่าได้ขัดเขินไปเลย” เต่าเฒ่าโบกอุ้งเท้าสั้น ๆ ด้านหน้าก่อนจะตบรองเท้าของหญิงสาวในลักษณะคล้ายกำลังปลอบโยน “นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เจ้าอย่าได้เขินอาย”
มู่ไป๋ไป่เม้มปากแน่นแล้วตอบไปด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด ข้าไม่ได้ชอบเซียวถังอี้สักหน่อย”
เธอจะชอบผู้ชายลึกลับคนนั้นได้อย่างไร?
“จริงหรือ?” เต่าสูงวัยเหลือบมองร่างที่ปรากฏในระยะไกลตั้งแต่เมื่อครู่ แล้วถามประหนึ่งว่ากำลังรอดูการแสดงดี ๆ อยู่ “เมื่อวานนี้ข้าเห็นเจ้ากับอ๋องเซียวเข้ากันได้ดีมาก ข้าคิดว่าพวกเจ้า 2 คนต่างก็ตกหลุมรักกัน…”
ตกหลุมรักกัน?
มู่ไป๋ไป่คิดจะโต้แย้งออกมาในทันใด ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเซียวถังอี้นั้นจะใช้คำนี้อธิบายได้อย่างไรกัน?
ฟังดูไร้สาระมาก!
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ต่อให้มันจะฟังดูไร้สาระก็จริง แต่เธอกลับรู้สึกดีใจเสียอย่างนั้น
แม้ว่าเธอจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตครั้งที่ 2 แต่เธอก็ไม่ได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับความรักมากนัก
ในชีวิตชาติก่อน เธอเหมือนอยู่ในหอคอยงาช้างจนกระทั่งตัวเองตาย
พอพูดถึงความรักแล้วมันจึงทำให้เธอรู้สึกสับสนมากขึ้น
อีกทั้งคนที่เกี่ยวข้องก็ยังเป็นคนที่ชวนให้น่าสับสนมากทีเดียว
มู่ไป๋ไป่รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเซียวถังอี้ดูแปลกประหลาดไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ถ้าให้เธอบอกว่ามันแปลกตรงไหน เธอก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
“เจ้ารอนานหรือไม่?” เสียงทุ้มลึกของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้หญิงสาวที่กำลังคิดกับตัวเองเพลิน ๆ สะดุ้งโหยง
เธอรีบหันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นร่างสูงสง่าผู้สวมหน้ากากสีเงินยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์
เขายังคงสวมชุดแบบเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนมานาน ซึ่งมู่ไป๋ไป่เกือบจะสงสัยแล้วว่านี่เป็นชุดเดียวที่เขามีในตำหนักอ๋องเซียวหรือไม่
“ไม่นาน” หญิงสาวเกาจมูกแก้เก้อ แล้วรู้สึกว่าโชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ยินสิ่งที่เธอคุยกับเต่าเฒ่าเมื่อกี้ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะอับอายมาก
จากนั้นเซียวถังอี้ก็หันไปพยักหน้าทักทายอาเค่อที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก่อนจะหันกลับมามองมู่ไป๋ไป่ “เราจะลงมือกันในอีก 2 เค่อ”
“เสด็จพ่อของเจ้าเรียกหมอหลวงจากตำหนักหมอหลวงมาพบวันนี้ เราจะใช้โอกาสนี้เข้าใกล้พระองค์มากขึ้น”
“หมอหลวง?” มู่ไป๋ไป่ลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที “ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ เกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อ?”
เซียวถังอี้สบตาหญิงสาวตรงหน้า จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อของเจ้ามีอาการปวดหัวมาตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว สำนักหมอหลวงได้รักษาเขามานาน แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จนกระทั่งก่อนหน้านี้ ทุกอย่างจึงเริ่มดีขึ้น”
“แต่ดูเหมือนว่าอาการจะกลับมาเป็นซ้ำอีกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา”
“ปวดหัวอย่างนั้นหรือ…” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเล่น ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น แม้แต่ท่านพี่รัชทายาทก็ยังไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน
ไม่เช่นนั้น ท่านพี่รัชทายาทคงไม่มีวันปกปิดเรื่องนี้จากเธอ
“ทำไมท่านพ่อถึงปิดบังเรื่องนี้เอาไว้?” มู่ไป๋ไป่เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น
ต้องเป็นเพราะว่ามู่เทียนฉงสั่งให้สำนักหมอหลวงปกปิดเรื่องอาการปวดหัวของเขาเอาไว้ มิฉะนั้น มันไม่มีทางที่ในวังจะไม่มีข่าวอะไรจนกระทั่งตอนนี้
และ… เธอมักรู้สึกว่าอาการปวดหัวของท่านพ่อในครั้งนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับการถูกวางยาพิษ
“ข้าไม่รู้” เซียวถังอี้นั่งลงบนก้อนหินที่อยู่ไม่ไกลจากเธอ และทั้งคู่ก็ร่ำสุรากันใต้แสงจันทร์เช่นเดียวกับเมื่อคืนนี้
แต่บรรยากาศวันนี้กลับเคร่งขรึมมากกว่าเดิมเพราะพวกเขามีภารกิจสำคัญที่ต้องไปทำ
“ข้าเองก็เพิ่งทราบข่าวนี้เช่นกัน” ปลายนิ้วของชายหนุ่มลูบไปตามจี้หยกที่เอวของตัวเองอย่างแผ่วเบา
ตั้งแต่ที่เขาเข้าเฝ้ามู่เทียนฉงเมื่อวาน เขาก็ได้สั่งให้องครักษ์เงาคอยจับตาดูอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิด
ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ว่าเสด็จพี่มีอาการปวดหัวมานานกว่าครึ่งปีแล้ว
“...” มู่ไป๋ไป่เม้มปากทำหน้าเครียด หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว เธอจึงพูดออกไปว่า “ข้าอยากจับชีพจรท่านพ่อด้วย ท่านมีวิธีหรือไม่?”
เซียวถังอี้เลิกคิ้วขึ้นน้อย แต่เขาก็ไม่ได้แปลกใจกับคำพูดของหญิงสาวสักเท่าไหร่
เขารู้ว่ามู่ไป๋ไป่เป็นแบบนี้อยู่เสมอ นางเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนยิ่งกว่าใคร
“ได้” ชายหนุ่มพยักหน้าตอบ “แต่มีเวลาเพียง 1 ถ้วยชาเท่านั้น”
มู่เทียนฉงมีราชองครักษ์คอยปกป้อง ดังนั้นแม้แต่เขาเองก็ยังยื้อเวลาได้เพียง 1 ถ้วยชาเท่านั้น
“เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว” มู่ไป๋ไป่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณท่านมาก”
เซียวถังอี้หันไปจ้องหน้าหญิงสาวก่อนจะพูดว่า “ดูเจ้าจะสุภาพกับข้ามากขึ้นเรื่อย ๆ”
ใบหน้าของมู่ไป๋ไป่เห่อร้อนขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูกในยามที่ถูกอีกฝ่ายจ้อง เธอเกร็งคอและตอบโต้ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ท่านไม่พอใจที่เมื่อก่อนข้าหยาบคายกับท่านไม่ใช่หรือ ถ้าเช่นนั้นท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงหยาบคายกับท่านขนาดนั้น?”
เมื่อเซียวถังอี้ได้ยินคำถามนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งหยอกล้อนาง “เจ้าไม่เรียกข้าว่าเสด็จอาเล็กแล้วหรือ แบบนั้นจะเรียกว่าเจ้าสุภาพกับข้าได้อย่างไร?”
“...” ฝ่ายที่ได้ยินถึงกับพูดไม่ออก
“...” ส่วนอาเค่อที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักทำหน้าเหลอหลา
บรรยากาศเช่นนี้นี่มันอะไรกัน เขารู้สึกว่าเขาไม่ควรจะอยู่ที่นี่ เขาควรย้ายตัวเองลงไปอยู่ก้นสระมากกว่า!
…
2 เค่อต่อมา
ร่าง 3 ร่างได้ปรากฏตัวขึ้นเงียบ ๆ ที่ตำหนักตี้เฉิน
“พวกเจ้าคอยอยู่ที่นี่ก่อน” เซียวถังอี้พูดพร้อมกับเหลือบมองตำหนักที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
“หลังจากที่คนของข้าหลอกล่อคนออกไปแล้ว ข้าจะสกัดจุดเสด็จพ่อของเจ้าชั่วคราว แล้วข้าจะรีบมารับพวกเจ้าเข้าไป”
ยามนี้มู่ไป๋ไป่ผูกผ้าสีดำปิดบังใบหน้าเล็ก ๆ ของตัวเองโดยเผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้น
หญิงสาวผงกหัวตอบด้วยท่าทางจริงจังเพื่อบอกอีกฝ่ายว่าเธอเข้าใจแล้ว
ทางด้านเซียวถังอี้ก็พยักหน้าตอบรับ เขาคิดอยากจะเอ่ยเตือนอีกสัก 2-3 อย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่บนไหล่ของมู่ไป๋ไป่
เขามองให้ชัดก่อนจะเห็นเต่าที่มีแสงสีฟ้าอ่อนที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนไหล่ของหญิงสาวตรงหน้า
“ทำไมเต่าตัวนี้ถึงมาอยู่ที่นี่?” คิ้วหนาของชายหนุ่มกระตุก
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ระหว่างที่เจ้าส้มไม่อยู่ เจ้าเต่ามาช่วยสร้างสีสันเพิ่มได้เยอะเลย 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 149
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น