บทที่ 448: มานั่งตรงนี้

-A A +A

บทที่ 448: มานั่งตรงนี้

เซียวถังอี้ลูบขวดยาขนาดเล็กในมือของเขาเบา ๆ แล้วภาพที่มู่ไป๋ไป่ส่งจี้หยกคืนให้เขาในคืนนั้นก็ผุดขึ้นมาในใจ

“ซั่วเยว่”

“ขอรับนายท่าน” องครักษ์เงาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเดินออกมาก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้านายเหนือหัว “นายท่านมีอะไรจะสั่งข้าน้อยหรือขอรับ?”

“ไปเรียกเชียนเหยียนมา” เซียวถังอี้ใช้ปลายนิ้วลูบขวดยาขนาดเล็กโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ซึ่งปกติใบหน้านั้นก็ถูกปกปิดด้วยหน้ากากสีเงินดูแล้ว

หลังจากซั่วเยว่ได้เห็นสิ่งที่ชิงหานพบเจอเมื่อสักครู่ เขาก็ไม่กล้าตั้งคำถามกับผู้เป็นนายอีก เขาทำเพียงแค่ตอบรับแล้วหันหลังออกไปเรียกเชียนเหยียน

หลังจากนั้นไม่นาน จวงอี้หรานก็เดินเข้ามาคุกเข่าข้างหนึ่งพร้อมกับทำความเคารพเซียวถังอี้ “เชียนเหยียนคารวะนายท่าน”

ชายผู้นี้มีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาตามบุคคลที่เขาปลอมตัว ไม่มีใครเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาเลย เขาจึงได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ด้านการแปลงโฉม

เมื่อ 5 ปีก่อน เชียนเหยียนได้ล่วงเกินใครบางคนที่มีอำนาจในยุทธภพจนถูกตามล่า

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากเซียวถังอี้

หลังจากนั้นเขาจึงสมัครใจเข้าร่วมเป็นองครักษ์เงาของชายหนุ่มและคอยรับใช้อีกฝ่ายเสมอมา

“ลุกขึ้น” เซียวถังอี้ดูเหมือนจะเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย เขาจึงวางขวดยาลงบนโต๊ะแล้วเปลี่ยนมาเคาะนิ้วเป็นจังหวะ “มานั่งตรงนี้”

เชียนเหยียนตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็เข้าใจว่าเจ้านายหมายความว่าอย่างไร “นายท่านต้องการใช้ตัวตนของจวงอี้หรานหรือขอรับ?”

“นายท่านยังบาดเจ็บอยู่ ถ้าท่านไว้ใจข้าน้อย ท่านปล่อยให้ข้าน้อยจัดการทุกอย่างเองเถิดขอรับ”

เขารู้ดีว่าเซียวถังอี้ถูกวางยาพิษหลิวกวง และยังล้างพิษออกไปจากร่างกายไม่หมด

ดังนั้นทุกคนจึงเป็นกังวลเรื่องของผู้เป็นนายมาก

“ไม่จำเป็น” ชายหนุ่มเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นแล้วเดินเอามือไพล่หลังออกไป “เจ้าอยู่ที่นี่ อย่าออกจากห้องจนกว่าข้าจะกลับมา แล้วก็อย่าให้ใครเข้ามาด้านในด้วย”

“เราจะปล่อยให้ใครเข้ามาไม่ได้หรือขอรับ?” เชียนเหยียนผุดลุกขึ้นยืนถาม “แม้แต่ท่านหญิงก็ไม่ได้หรือขอรับ?”

องครักษ์หนุ่มคิดว่าเซียวถังถังเป็นน้องสาวของเซียวถังอี้ และนิสัยของนางก็ขัดต่อคำสั่งนี้ ดังนั้นนางอาจจะมาที่นี่ในอีกไม่ช้า

ถ้าเขาปฏิเสธไม่ยอมพบนาง ท่านหญิงคงจะคิดมากและเก็บไปน้อยใจอีก

หากเซียวถังถังไม่พอใจนายท่านเพราะเรื่องดังกล่าว เขาในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาคงไม่อาจรับผิดชอบได้จริง ๆ

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาพูดจบ เซียวถังอี้ก็หายไปจากทางเดิน แม้แต่เงาก็ไม่มีให้เห็น นั่นทำให้เขายืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก

“...”

“สหาย เจ้าไม่ต้องกังวล” ซั่วเยว่เดินมาหาอีกฝ่ายและตบไหล่เขาเบา ๆ “แค่ทำตามที่นายท่านสั่งก็พอ ถึงอย่างไรท่านหญิงก็อยู่กับองค์หญิงหก นางไม่มีเวลามาหานายท่านหรอก”

“นายท่านมีเรื่องอะไรเร่งด่วนปานนั้น” เชียนเหยียนขมวดคิ้วในขณะที่มองไปยังทิศทางที่เซียวถังอี้หายตัวไป

ซั่วเยว่เกาปลายจมูกตัวเองเบา ๆ พลางตอบว่า “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าอย่าได้เข้าไปยุ่งเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเข้าเถอะ…”

ในเวลาเดียวกัน มู่ไป๋ไป่พาผู้เป็นแม่ไปที่ตลาดในเมือง ซึ่งปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุด

ซูหว่านไม่ได้ออกจากวังหลวงมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นทุกสิ่งที่นางพบเห็นจึงเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนาง

นอกจากนี้เซียวถังถังเป็นคนที่ใช้เงินเติบมือมากอยู่แล้ว ดังนั้นทั้ง 4 คนที่ออกมาเดินตลาดได้เพียงไม่นานก็มีของเต็มไม้เต็มมือไปหมด

“ข้าเหนื่อยมากเลย” เซียวถังถังนั่งลงที่ร้านขายน้ำชาริมถนนอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะสั่งติ่มซำมาพร้อมกัน

“หว่านเฟย… เอ่อ ท่านน้าหว่าน เชิญท่านนั่งก่อนเถอะ ติ่มซำของร้านนี้อร่อยมาก ท่านต้องลองชิมดูเพคะ”

“ทุกครั้งที่กลับมาเมืองหลวง ข้าจะต้องมากินติ่มซำที่นี่ให้ได้ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกหนำใจเลยสักครั้ง”

เถ้าแก่ร้านน้ำชาจำหญิงสาวได้เช่นกัน ทันทีที่เห็นนาง เขาก็นำน้ำชามาให้พร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า “ท่านหญิง ท่านกลับมาแล้วหรือ ท่านไปร่ำเรียนวิชาแพทย์มาเป็นอย่างไรบ้าง สำเร็จหรือไม่?”

“แน่นอนอยู่แล้ว” เซียวถังถังพยักหน้าด้วยความรู้สึกไม่สบายใจแล้วตอบเสียงแหบแห้ง “ข้าเป็นใครกัน ข้าออกจะฉลาดขนาดนี้!”

“ใช่ ๆๆ ท่านหญิงเป็นน้องสาวของอ๋องเซียวเชียวนะ ท่านย่อมฉลาดและสามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว” เถ้าแก่ร้านน้ำชาไม่สังเกตเห็นถึงท่าทางรู้สึกผิดของอีกฝ่ายและกล่าวชื่นชมนางอย่างจริงใจ

ขณะที่เซียวถังถังกำลังกลั้นใจเต็มที่ นางก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยดังมาจากด้านข้าง

 “เฮอะ นี่กำลังพูดถึงน้องสาวของอ๋องเซียวกันอยู่ไม่ใช่หรือ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าน้องสาวของท่านอ๋อง เซียวถังถังเป็นคนก่อเรื่องเก่งแค่ไหน”

“นางจะไปเรียนรู้อะไรได้?”

มู่ไป๋ไป่หันไปมองตามต้นเสียงก่อนจะเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ริมระเบียงร้านน้ำชา

ผู้หญิงคนนี้สวมเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด มีอายุไม่ห่างกันกับเธอนัก และใบหน้านั้นก็ดูคุ้นตามาก

เธอเคยพบนางที่ไหนกัน?

“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร!” เซียวถังถังเป็นคนอารมณ์ร้อน นางจึงตบโต๊ะเสียงดังพร้อมกับผุดลุกขึ้น “ในปากหมาไม่มีงาช้าง*!”

*ในปากหมาไม่มีงาช้าง เป็นวลีที่เปรียบเปรยว่า คนไม่ดีย่อมพูดแต่เรื่องไม่ดี

“บังอาจ!” ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นเย็นชาในขณะที่นางชี้หน้าอีกฝ่าย “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาว่าข้าเป็นหมา เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร คอยดูเถอะ ข้าจะสั่งให้คนตัดหัวเจ้า!”

เมื่อมู่ไป๋ไป่มองท่าทางหยิ่งผยองของผู้หญิงคนนั้น จู่ ๆ ก็มีภาพของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ

เธอยังไม่ลืมยามที่ตนถูกโบยด้วยแส้ในตอนที่เธอเพิ่งทะลุมิติมายังโลกนี้ได้ไม่กี่วัน

ที่แท้นางก็คือมู่เชียน อดีตองค์หญิงใหญ่!

หญิงสาวไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากผ่านไปหลายปีขนาดนี้ พวกเธอจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายดูเหมือนจะใช้ชีวิตได้ดีกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้เสียอีก

“เอ๋ เจ้าเป็นใคร?” เซียวถังถังพูดพร้อมกับชี้หัวตัวเอง “มาสิ มาตัดหัวข้าสิ ถ้าวันนี้เจ้าตัดมันไปไม่ได้ เจ้าต้องเป็นหมา!”

มู่เชียนโมโหหญิงสาวมากจนแทบจะปรี่เข้าไปที่โต๊ะของอีกคน แต่นางกลับถูกสาวใช้ที่ตามมาด้านหลังขวางเอาไว้

“คุณหนู คุณหนูใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ อย่าไปยุ่งกับนางเลย อีกไม่กี่วันคุณหนูก็จะได้เข้าวังแล้ว หากคุณหนูก่อเรื่องอีก…”

เสียงของสาวใช้ด้านหลังเบามาก แต่ท่าทางของมู่เชียนกลับสงบนิ่งลงเพราะคำพูดของนาง

มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพนี้

บทลงโทษที่มู่เทียนฉงประทานให้มู่เชียนคือการลดฐานะของนางให้เป็นสามัญชนคนธรรมดา และให้นางกักตัวอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีตลอดชีวิต

เหตุใดในครั้งนี้หญิงสาวจึงสามารถเข้าไปในวังหลวงได้อีกครั้ง?

“ฮึ ข้าไม่ลดตัวไปเกลือกกลั้วกับคนอย่างเจ้าหรอก” มู่เชียนจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยและจ้องเซียวถังถังอย่างเย็นชา “เอาไว้ข้าจะมาจัดการเจ้าทีหลัง ข้าจะทำให้เจ้าต้องมาคุกเข่าขอร้องต่อหน้าข้า”

หลังจากพูดจบนางก็สะบัดหน้าเดินนำคนรับใช้ออกไปจากร้าน

เมื่อเซียวถังถังเห็นว่าอีกฝ่ายเดินไปไกลแล้ว นางก็หันไปพูดกับมู่ไป๋ไป่พร้อมทำหน้าสับสน “ไป๋ไป่ นี่เป็นเพราะเราไม่อยู่เมืองหลวงมานานเกินไปหรือไม่ ทำไมคุณหนูของตระกูลขุนนางในเมืองหลวงถึงได้ทำตัวโอหังถึงเพียงนี้?”

“แล้วนางเป็นใครกัน นางคิดจะตัดหัวข้า แล้วยังจะให้ข้าไปคุกเข่าขอร้องนางอีก”

“มู่เชียน” มู่ไป๋ไป่ตอบเสียงเรียบ เธอเดินตลาดมานานจึงรู้สึกหิว ดังนั้นเธอจึงหยิบขนมขึ้นมากัดกินพลางกล่าวว่า “ในอีกแง่หนึ่ง นางสามารถตัดหัวเจ้าได้จริง ๆ”

“นางเป็นใครนะ?” มือของเซียวถังถังที่ถือถ้วยชาหยุดนิ่งกลางอากาศ ในขณะที่หันไปมองศิษย์พี่ใหญ่ด้วยความตกใจ “เมื่อกี้ท่านบอกว่านางเป็นใครนะ?”

“มู่เชียน พี่สาวของข้าที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งให้มาเป็นสามัญชน” มู่ไป๋ไป่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับรู้สึกว่าบรรยากาศดี ๆ ในวันนี้ถูกทำลายลงแล้ว

“ถ้าข้ารู้ว่าจะต้องมาเจอนางที่นี่ วันนี้ข้าคงไม่ออกมาให้เสียอารมณ์”

จากนั้นหญิงสาวก็พูดกับซูหว่านว่า “ท่านแม่ เอาไว้วันหลังเราค่อยมากินไก่แช่เหล้าที่เจ้าส้มชอบกันดีกว่า!”

“ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์แล้ว เรากินของพวกนี้ไปก่อน เอาไว้วันหลังค่อยมากินกันใหม่!” 

ทางด้านหว่านเฟยมองลูกสาวของตนด้วยความเป็นกังวลอยู่เงียบ ๆ

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: กลับวังหลวงครั้งนี้มารผจญทั้งหลายมากันครบเลยจ้าาาา

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.