บทที่ 380 แผนใหม่

-A A +A

บทที่ 380 แผนใหม่

บทที่ 380 แผนใหม่

“สถานการณ์เป็นแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้นอกเหนือจากพวกเราแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเราคือฉงป้า ปล่อยให้ทุกคนเดาว่าพวกเราจะโจมตีลู่หยางต่อไปเถอะ” บลัดไทแรนท์กล่าว

“ผมได้ยินมาว่าฉงป้ากับฉือมู่กำลังเตรียมจะลงทุนในเกมเพิ่ม อย่างเร็วที่สุดอีก 10 วันเงินทุนก้อนนั้นก็คงจะมาถึง ถ้าเรารอให้พวกเขาได้รับเงินทุนมาเพิ่ม ในเวลานั้นพวกเราก็คงจะสู้ได้ยากมากยิ่งขึ้น” เซาธ์โคสท์กล่าว

“ไม่ต้องห่วง พวกมันอยู่ไม่ทันได้ใช้เงินก้อนนั้นหรอก เพราะอีกไม่ถึง 10 วันกองกำลังผู้เล่นชุดทอง 50,000 คนของพวกเราก็จะพร้อมรบแล้ว” บลัดไทแรนท์กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา

“ฉงป้า มันคงจะคิดไม่ถึงว่าแท้ที่จริงแล้วเป้าหมายของเราคือพวกมัน แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการที่จู่ ๆ มันต้องเผชิญกับกองกำลังผู้เล่นชุดทอง 50,000 คน” เซาธ์โคสท์กล่าว

“สถานการณ์ฝั่งลู่หยางเป็นยังไงบ้าง?” บลัดไทแรนท์ถาม

“ลู่หยางคงจะยุ่งอยู่กับเรื่องการล่าค่าหัว ผมได้ยินมาว่าจำนวนสมาชิกใหม่ที่สมัครเข้าร่วมกิลด์ของพวกมันลดจำนวนลงกว่าเดิมมาก และยังมีคนลาออกจากกิลด์ไปอีกไม่น้อย” เซาธ์โคสท์กล่าว

“รอก่อนเถอะ หลังจากที่พวกเราจัดการกับฉงป้าได้สำเร็จ เป้าหมายต่อไปของเราก็คือพวกลู่หยางอย่างแน่นอน” บลัดไทแรนท์กัดฟันพูดด้วยความแค้น

นอกป้อมปราการวินด์ธันเดอร์

“ฉันได้ยินมาว่าทางใต้ของเมืองเริ่มมีไข้หวัดใหญ่ระบาดแล้ว ทางรัฐบาลก็กำลังออกนโยบายให้ผู้คนเข้ามาใช้ชีวิตภายในเซคคัลเวิลด์ด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่ากิลด์ของเราจะเพิ่มมูลค่ามากขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วนะคะ” หลานอวี่กล่าว

“เธอไปได้ยินเรื่องพวกนี้มาจากไหน?” ลู่หยางถามอย่างประหลาดใจ

“พ่อแม่ของพวกเราบอกมา” เซี่ยหยู่เว่ยตอบ

“พ่อแม่ของพวกเธอพูดถูกแล้ว อีกไม่นานทางรัฐบาลจะออกมาประกาศเรื่องโรคระบาดอยากเป็นทางการ ซึ่งในตอนนั้นเซิฟเวอร์จีนก็คงจะมีผู้เล่นใหม่เข้าร่วมเกมอีกหลายร้อยล้านคน” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“เยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” หลานอวี่อุทาน

“มันไม่เพียงแต่ประชากรภายในเกมจะเพิ่มขึ้นนะ แต่ทางตัวเกมจะเปิดเมืองใหม่เพื่อรองรับผู้เล่นใหม่ด้วย เพราะเมืองหลักแต่ละเมืองจะรองรับผู้เล่นได้แค่ 5 ล้านคน ถ้าจำนวนประชากรภายในเกมเพิ่มสูงขึ้น ทางผู้พัฒนาก็ต้องเปิดเมืองใหม่เพื่อระบายความแออัดภายในเมือง” ลู่หยางกล่าว

“ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็หมายความว่าจำนวนของป้อมปราการจะต้องถูกเพิ่มเข้าไปด้วยใช่ไหม?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม

“ใช่ ตอนนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่พวกเราจะทำเงินได้มากที่สุดและฉันก็เตรียมทุก ๆ อย่างเอาไว้ให้กับพวกเธอแต่ละคนแล้วด้วย” ลู่หยางกล่าว

“เตรียมอะไรงั้นเหรอคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม

“หากฉันเดาไม่ผิดเมืองใหม่จะมีช่วงเวลาคุ้มครองประมาณ 2 เดือน หลังจากนั้นทางผู้พัฒนาก็จะเปิดให้ผู้เล่นเริ่มเข้ายึดครองป้อมปราการในเขตของเมืองใหม่ได้ ในเวลานั้นฉันจะเปิดโอกาสให้ครอบครัวของพวกเธอเข้ามาลงทุน ตราบใดก็ตามที่ป้อมปราการนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเธอ เจ้าของป้อมปราการก็สามารถลงทุนซื้อหุ้นในป้อมของตัวเองได้สูงสุดถึง 50%” ลู่หยางกล่าว

“พี่พูดจริงเหรอคะ?!” หลานอวี่ถามอย่างตกใจ

“ช่วงนี้พ่อแม่ของพวกเธอคงจะพูดเรื่องป้อมปราการอยู่บ่อย ๆ สินะ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“พี่รู้ได้ยังไง?” หลานอวี่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เพราะพ่อของเธอเคยถามเรื่องการลงทุนมาแล้วหลายครั้ง แล้วพวกเขาก็พยายามจะให้เธอมาเกลี้ยกล่อมให้ลู่หยางเปิดรับการลงทุนจากพวกเขาด้วย

เซี่ยหยู่เว่ยพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเธอก็ถูกครอบครัวกดดันมาด้วยเช่นกัน

“ฉันก็แค่คาดเดาเอานะ ในตอนที่พวกเราลำบากพวกเราก็ฝ่าฟันมาด้วยกัน ในตอนนี้พวกเราเริ่มตั้งหลักอย่างมั่นคงแล้วฉันก็อยากจะแบ่งปันผลประโยชน์ไปถึงครอบครัวของพวกเธอด้วย” ลู่หยางกล่าว

“ขอบคุณนะคะที่คิดถึงผลประโยชน์ของพวกเรา การที่คุณยอมมอบหุ้นให้ 30% มันก็สูงมากแล้ว การที่คุณยอมเปิดโอกาสให้ครอบครัวของเรามาลงทุน 50% แบบนี้มันก็คงจะทำให้พ่อแม่ของพวกเราดีใจมาก ๆ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวด้วยความซาบซึ้ง

“นี่คือสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ ไม่ว่ายังไงหลังจากที่พวกเราหาเงินเองได้พวกเราก็สมควรตอบแทนพ่อแม่กลับไปบ้างใช่ไหม?” ลู่หยางกล่าว

พวกเขาทุกคนต่างก็อยู่ช่วง 10 ปีสุดท้ายของการเป็นวัยรุ่นแล้ว ซึ่งมันก็มีคำพูดจากสมัยโบราณที่บอกว่า 30 ปีแรกเป็นช่วงที่พ่อแม่เลี้ยงดูลูก หลังจากนั้นอีก 30 ปีจะเป็นช่วงเวลาที่ลูกเลี้ยงดูพ่อแม่ ซึ่งถ้าหากว่าบ้านไหนลูก ๆ ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็สามารถตอบแทนพ่อแม่ได้เร็วขึ้นด้วยเช่นกัน

พ่อแม่ทุกคนต่างก็หวังให้ลูก ๆ เติบโตไปเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ และในตอนนี้ทุกคนเริ่มประสบความสำเร็จแล้ว มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้พ่อแม่สามารถนำไปพูดจาโอ้อวดคนอื่นได้ด้วยเช่นกัน

“ขอบคุณนะคะพี่” หลานอวี่กล่าว

“เอาล่ะยังมีอีกเรื่องที่ฉันจะต้องแจ้งให้พวกเธอทราบ ซึ่งมันเป็นกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับสงครามหลังจากนี้” ลู่หยางกล่าว

“กฎแบบไหนคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม

“ทุกครั้งที่มีสงครามใครเก็บของชิ้นไหนได้ก็ให้ทีม ๆ นั้นเอาของไปแบ่งกันได้เลย กิลด์จะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนั้นอย่างเด็ดขาด แต่ถ้าหากว่าใครได้รับความสูญเสียทางกิลด์ก็จะช่วยหาของมาชดเชยให้” ลู่หยางกล่าว

“แบบนี้ทุกครั้งที่มีสงครามพวกเราก็คงจะระดมกองกำลังได้ง่ายกว่าเดิมเยอะเลย” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวด้วยแววตาอันเป็นประกาย

“พูดตรง ๆ นะว่าฉันต้องการชัยชนะในทุกสงครามและฉันก็จะนำทุกคนกวาดล้างศัตรูทั่วทั้งเกมนี้เพื่อยืนหนึ่งเป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในเกมให้ได้” ลู่หยางกล่าว

“พวกเราพร้อมจะเดินไปกับหัวหน้าค่ะ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวด้วยแววตาอันเป็นประกาย

“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องพูดแบบนี้ เอาล่ะฝากเธอจัดการเรื่องทุกอย่างด้วย เดี๋ยวฉันจะต้องไปหาพวกฉิงชางต่อ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็เดินทางไปหาฉิงชางพร้อมกับพูดเรื่องที่เขาพูดกับเซี่ยหยู่เว่ยให้ทุกคนฟังอีกรอบ

“หัวหน้า ครอบครัวพวกเราไม่มีเงินมาลงทุนหรอกนะครับ” เหมาชิวกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ใจเย็น ๆ ฟังหัวหน้าพูดให้จบก่อน” ฉิงชางกล่าวพร้อมกับมองไปยังเหมาชิว

“ไม่เป็นไร พูดกันตรง ๆ แบบนี้ดีแล้ว พวกเราต่างก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฉิงชางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะในตอนนี้บลัดบราเธอร์มีกำลังที่เข้มแข็งมากแล้ว ถึงแม้กิลด์จะขาดพวกเขาไปแต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของกิลด์เลย

อย่างไรก็ตามลู่หยางก็ไม่เคยมีความคิดแบบนั้นและเขาก็รู้ดีว่าฉิงชางกำลังคิดมากอยู่

“ฉันรู้ว่าครอบครัวของพวกนายไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร แต่ฉันก็รอได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกนายมีเงินพวกนายก็เอาเงินมาซื้อหุ้นของป้อมปราการพวกนั้นไปได้ทุกเมื่อ ฉันพร้อมจะคิดราคาต้นทุนของป้อมปราการให้กับทุกคนเสมอ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ขอโทษครับหัวหน้า” เหมาชิวกล่าวพร้อมกับก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด

แม้ว่าการซื้อหุ้นป้อมปราการจำเป็นจะต้องใช้เงินทุนสูงมาก แต่ลู่หยางก็คอยจ่ายเงินปันผลให้กับพวกเขาตลอด ซึ่งมันก็หมายความว่าหากพวกเขาไม่นำเงินปันผลออกไปใช้จ่ายจนหมด อีกไม่นานทุกคนก็มีสิทธิ์ซื้อหุ้นของป้อมปราการได้

“หัวหน้าถ้าทำแบบนี้คุณจะไม่ขาดทุนแย่เหรอครับ?” ไนท์มูนกล่าว

ไม่ว่ายังไงเงินทุนตั้งต้นก็เป็นสิ่งที่ลู่หยางรับผิดชอบหามาเพียงคนเดียว พวกเขามีหน้าที่แค่นำทีมทำตามคำสั่งของลู่หยางเท่านั้น การที่ลู่หยางยอมแบ่งหุ้นให้กับพวกเขาบางส่วนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ใจดีมากแล้ว มันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการยอมขายหุ้นป้อมปราการให้กับพวกเขาในราคาต้นทุนตลอดเวลาจนกว่าพวกเขาจะหาเงินมาซื้อหุ้นพวกนั้นได้เลย

“ตอนที่กิลด์ลำบากพวกเราก็ฝ่าฟันความยากลำบากมาพร้อมกัน ตอนนี้กิลด์เริ่มหาเงินได้แล้วทุกคนก็ควรจะได้แบ่งปันความสุขไปพร้อม ๆ กันด้วย” ลู่หยางกล่าว

ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเหมาชิวคิดถึงเงินเดือนที่ฉือมู่เสนอให้ มันก็ทำให้พวกเขาแอบรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่หลังจากที่ลู่หยางได้มาพูดคุยกับพวกเขาในวันนี้ มันก็ไม่มีใครเสียดายเงินเดือนพวกนั้นแล้วและทุกคนต่างก็รู้สึกขอบคุณตัวเองที่พวกเขาเลือกติดตามหัวหน้ากิลด์ถูกคน

ลู่หยางตบไหล่พวกเหมาชิว ก่อนที่จะไปหาซุนหยู, สามพี่น้องตระกูลไป๋และบิทเทอร์เลิฟเพื่อพูดคุยเรื่องเดียวกัน

“หัวหน้าแบบนี้ผมก็มีคุณสมบัติมากพอที่จะคบกับโคลด์วิลโลว์ได้แล้วสินะครับ” บิทเทอร์เลิฟกล่าวด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ

“ใช่ แต่นายก็อย่าลืมพัฒนาความสามารถภายในเกมด้วยนะ เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้โคลด์วิลโลว์ชื่นชมนายมาโดยตลอด” ลู่หยางกล่าว

“ผมจะขยันฝึกฝนครับ” บิทเทอร์เลิฟกล่าวอย่างจริงจัง

 

 


 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.