บทที่ 379 สัตว์ขี่ของลู่หยาง
บทที่ 379 สัตว์ขี่ของลู่หยาง
เมื่อได้เห็นว่าน้ำหอมมอมเมาสัตว์ยังคงใช้การได้ผล ลู่หยางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะเดินไปยังขอบหลุมกับดัก
ราชาสิงโตเพลิงยังคงพยายามลุกขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงเกาศีรษะตัวเองเบา ๆ และพึมพำออกมาว่า
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วลองจับมันดูเลยก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบเขาก็หยิบบังเหียนออกมาพร้อมกับเลือกทำการฝึกสัตว์ขี่
ระบบ: ราชาสิงโตเพลิงดิ้นรนอย่างรุนแรง การฝึกล้มเหลว!
ข้อความนี้ไม่ได้ทำให้ลู่หยางรู้สึกแย่เลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันมันกลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเอาไว้ไม่อยู่
หากเป้าหมายเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถฝึกเป็นสัตว์ขี่ได้ ระบบจะทำการแจ้งเตือนว่ามอนสเตอร์ตัวนี้ไม่สามารถถูกฝึกได้ การที่ระบบแจ้งเตือนมาแบบนี้ก็หมายความว่าเขาสามารถจับราชาสิงโตเพลิงไปเป็นสัตว์ขี่ได้จริง ๆ
“ไอ้หนูมาอยู่ด้วยกันกับพี่เถอะ” ลู่หยางกล่าวกับราชาสิงโตเพลิงก่อนที่เขาจะใช้บังเหียนเพื่อทำการฝึกมันต่อไป
1 ชั่วโมง
2 ชั่วโมง
…
เวลาได้ผ่านพ้นไปเกือบทั้งวันและในที่สุดเสียงประกาศจากระบบที่ลู่หยางรอคอยมันก็มาถึง
ระบบ: คุณฝึกราชาสิงโตเพลิงสำเร็จแล้ว
ในตอนนั้นชายหนุ่มยังไม่ได้สังเกตเห็นข้อความแจ้งเตือนความสำเร็จเลย เพราะเขายังคงใช้บังเหียนสำหรับฝึกหัดตามความเคยชิน ในอีกด้านหนึ่งเขาก็กำลังคุยเล่นอยู่กับหลานอวี่ เพราะช่วงนี้หญิงสาวต้องกลับบ้านทำให้พวกเขาไม่ได้เจอหน้ากันมา 2 วันแล้ว
ลู่หยางยังคงใช้บังเหียนตามความเคยชินต่อไปกว่า 30 ครั้งกว่าที่เขาจะรู้สึกตัว และทันใดนั้นเขาก็มองไปยังราชาสิงโตเพลิงในหลุมด้วยความตกตะลึง
“สำเร็จแล้วเหรอ? สำเร็จแล้วจริง ๆ ด้วย ฉันจับราชาสิงโตเพลิงได้แล้ว” ลู่หยางตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ต่อมาชายหนุ่มก็ใช้ฟังก์ชั่นเรียกสัตว์ขี่ทำให้ราชาสิงโตเพลิงภายในหลุมหายไป ก่อนที่มันจะมาปรากฏตัวข้าง ๆ เขาอีกครั้ง
ราชาสิงโตเพลิง
เอฟเฟกต์ เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 185%
สัตว์ขี่ระดับบอสที่สามารถเพิ่มความเร็วได้สูงกว่าสัตว์ขี่ทั่ว ๆ ไปถึง 35% แบบนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก และการได้มีราชาสิงโตเพลิงในครอบครอง มันก็หมายความว่าเขาจะสามารถเดินทางไปยังแผนที่ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อรวมผลประโยชน์จากการมีสัตว์ขี่ตัวนี้ประกอบกับการมีหุ่นก็อบลิน มันก็จะทำให้เขาสามารถสร้างหอคอยขึ้นมายังแผนที่ต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย และตราบใดก็ตามที่เขาใช้คทาวาร์ป มันก็จะทำให้เขาสามารถวาร์ปไปจัดการกับบอสในแผนที่ต่าง ๆ ได้ในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว
“พี่กำลังทำอะไรอยู่เหรอ?” หลานอวี่ถามหลังจากสังเกตว่าลู่หยางเงียบหายไป
“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
“กำลังเก็บเลเวลอยู่กับหยู่เว่ยนอกป้อมวินด์ธันเดอร์ค่ะ” หลานอวี่ตอบ
“ช่วยส่งพิกัดมาให้ที เดี๋ยวฉันจะรีบไปหา” ลู่หยางกล่าว
“โอเคค่ะ” หลานอวี่ตอบ
“โอเค ขอเวลาแป๊บหนึ่ง” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะสั่งให้ราชาสิงโตเพลิงวิ่งไปยังยอดเขาที่เขาเคยกระโดดลงมา
ราชาสิงโตเพลิงวิ่งได้รวดเร็วเป็นอย่างมาก และในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีมันก็วิ่งขึ้นไปถึงยอดเขาได้สำเร็จ ลู่หยางจึงเรียกหุ่นก็อบลินออกมาเพื่อให้มันสร้างหอคอยเอาไว้ที่นี่
หลังจากหอคอยถูกสร้างจนเสร็จเขาก็ใช้ม้วนคัมภีร์เพื่อเทเลพอร์ตกลับไปยังป้อมปราการวินด์ธันเดอร์ ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็บังเอิญได้พบกับเรดลีฟไฟอิ้งที่กำลังนำกองกำลังกลับมาพักผ่อน
“สวัสดีครับหัวหน้า” เรดลีฟไฟอิ้งพูดทักทาย
ลู่หยางยกมือขึ้นมาทักทายง่าย ๆ ก่อนที่เขาจะเรียกสิงโตเพลิงแล้วขี่มันออกไปนอกป้อมปราการ
“โอ้โห! หัวหน้าขี่อะไรอยู่น่ะ?” เรดลีฟไฟอิ้งอุทานอย่างตกใจ
“เกมนี้มันมีสัตว์ขี่ด้วยเหรอ?” แบล็คโน้ตพูดอย่างตื่นเต้น
การกระทำของลู่หยางทำให้ทุกคนได้ข้อพิสูจน์แล้วว่าเกมนี้มันมีสัตว์ขี่ให้ใช้งานอยู่จริง ๆ เพราะก่อนหน้านี้หัวข้อเรื่องสัตว์ขี่มันก็เป็นหัวข้อที่ผู้เล่นถกเถียงกันมาเป็นเวลานาน
“หัวหน้า เราต้องเลเวลเท่าไหร่ถึงจะใช้สัตว์ขี่ได้ครับ?” แบล็คโน้ตตะโกนถาม
“เลเวล 35” ลู่หยางตะโกนตอบ
ทันใดนั้นแบล็คโน้ตก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนที่เขาจะมองดูไปยังแถบค่าประสบการณ์ของตัวเองที่เพิ่งจะมีเลเวล 30 กับอีก 85% เท่านั้นเอง
“พวกเราไปเก็บเลเวลกันไหม? ฉันก็อยากจะใช้สัตว์ขี่เหมือนกับหัวหน้าบ้างแล้ว”
“สัตว์ขี่ของหัวหน้าเท่มากเลย… เดี๋ยวก่อนนะหัวหน้าเลเวล 35 แล้วงั้นเหรอ?!” เรดลีฟไฟอิ้งอุทานอย่างตกตะลึง
“หัวหน้าเก็บเลเวลไวขนาดนั้นได้ยังไง?”
แม้ทุกคนจะมีข้อสงสัยแต่ใครจะไปรู้ว่าลู่หยางใช้วิธีการเก็บเลเวลในแผนที่เลเวล 60 ซึ่งในระหว่างนั้นลู่หยางก็ได้ขี่สิงโตเพลิงผ่านป้อมปราการเพื่อไปยังพิกัดที่หลานอวี่ได้ให้มา
ตลอดทางมีผู้เล่นจากกิลด์ต่าง ๆ ให้ความสนใจกับลู่หยางอย่างมากมาย ซึ่งทุก ๆ คนต่างก็มองไปยังสิงโตเพลิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
“หัวหน้ากิลด์บลัดบราเธอร์มีสัตว์ขี่แล้วงั้นเหรอ?”
“เท่าที่ฉันได้ข้อมูลมาฟังก์ชั่นสัตว์ขี่มันเปิดใช้งานตอนเลเวล 35 ไม่ใช่เหรอ? เขาจะเก็บเลเวลเร็วเกินไปแล้ว!”
...
ไกลออกไป
เซี่ยหยู่เว่ยกำลังนำทีมเก็บเลเวลอย่างขะมักเขม้น แต่ในทันใดนั้นมันก็มีร่างสีแดงเพลิงวิ่งเข้ามาใกล้พวกเธออย่างรวดเร็ว
“เอ๋ ทำไมจู่ ๆ มันถึงมีสิงโตอยู่แถวนี้ล่ะ?” หลานอวี่ถามอย่างสงสัย
“ตัวใหญ่ขนาดนั้นมันน่าจะเป็นบอสนะ” หยางหวางกล่าว
“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม” เซี่ยหยู่เว่ยสั่งการด้วยน้ำเสียงอันจริงจัง
ไม่นานสิงโตเพลิงก็เข้ามาในระยะ 30 เมตร ซึ่งในระหว่างที่ทุกคนกำลังจะโจมตีอยู่นั่นเอง จู่ ๆ พวกเขาก็สังเกตเห็นลู่หยางที่นั่งอยู่บนหลังของสิงโต
“พี่! นี่มันสัตว์ขี่ของพี่เหรอคะ?!” หลานอวี่ถามอย่างตกใจ
“ใช่แล้ว” ลู่หยางตอบ
“หัวหน้า คุณไปเอาสัตว์ขี่สวย ๆ แบบนี้มาจากไหน?” เซี่ยหยู่เว่ยเดินเข้ามาหาลู่หยางอย่างประหลาดใจ
“อยากได้ไหมล่ะ? ถ้าอยากได้อีกสักพักฉันจะพาพวกเธอไปจับมันกันคนละตัว” ลู่หยางกล่าว
“ได้ด้วยเหรอคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
“ได้สิ หากสมาชิกทีมหลักมีเลเวล 35 ขึ้นไปกันหมดแล้ว ฉันจะแจกสัตว์ขี่ให้กันคนละตัว” ลู่หยางกล่าว
“มันไม่มากไปหน่อยเหรอคะ? แค่บังเหียนอันหนึ่งมันก็มีราคาตั้ง 100 เหรียญทองแล้วนะ” เซี่ยหยู่เว่ยพูดอย่างประหลาดใจ
ปัจจุบันสมาชิกหลักของกิลด์มี 13,000 คน หากลู่หยางจะแจกสัตว์ขี่ให้กับทุกคน มันก็หมายถึงเขาจะต้องลงทุนเป็นเงินถึง 1,300,000 เหรียญทอง ซึ่งมันถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่มาก
“เธอไม่ต้องไปสนใจเรื่องเงินหรอก ว่าแต่วันนี้เป็นยังไงบ้าง พวกโซลออฟอีเทอนิตี้สร้างปัญหาอะไรขึ้นมาอีกไหม?” ลู่หยางถาม
“ไม่ค่ะ ตอนนี้การเคลื่อนไหวของพวกเขาแปลกมากเลย พวกเขาต่างก็นำทีมเก็บเลเวลไม่ต่างไปจากพวกเรา ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะรวมกำลังมาทำสงครามเลยแม้แต่นิดเดียว” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ช่วงนี้ก็ระวังพวกเขาเอาไว้ก่อน มารอดูซิว่ามันคิดจะใช้กลอุบายอะไรออกมาอีก” ลู่หยางกล่าว
ยิ่งเขาได้เห็นการเคลื่อนไหวของโซลออฟอีเทอนิตี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความมั่นใจว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายย่อมไม่ใช่บลัดบราเธอร์แน่ ๆ
—
อีกด้านหนึ่ง
นอกป้อมปราการสกายมิสท์
บลัดไทแรนท์นำลูกน้องออกไปเก็บเลเวลอย่างบ้าคลั่งและสัญญาว่าจะแจกชุดอุปกรณ์ระดับทองให้ทุกคนฟรี ๆ โดยมีข้อแม้ว่าคนเหล่านี้จะต้องเข้าร่วมในสงครามของกิลด์
“หัวหน้า วันนี้พวกเรามีสมาชิกเลเวล 30 เพิ่มอีก 5,000 คนแล้วครับ” ฉู่หานรายงาน
“ดีมาก บอกให้ทุกคนพยายามต่อไป” บลัดไทแรนท์กล่าว
“หัวหน้าทำไมพวกเราต้องรีบเก็บเลเวลกันขนาดนี้ด้วย? พวกเราจะต้องทำสงครามกับลู่หยางงั้นเหรอครับ?” ฉู่หานถาม
บลัดไทแรนท์เผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวและพูดว่า
“เมื่อถึงเวลาเดี๋ยวนายก็จะรู้เอง ตอนนี้ออกไปทำหน้าที่ของตัวเองก่อนเถอะ”
หลังจากได้รับคำสั่งฉู่หานก็หันหลังแล้วเดินจากไป
“เป็นแค่สายลับคิดจะมาสืบข่าวของพวกเรางั้นเหรอ!” เซาธ์โคสท์กล่าวด้วยน้ำเสียงอันดูถูก
ยังระแวงอยู่อีกเหรอ?! นึกว่าลืมไปแล้วนะเนี่ย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 169
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น