บทที่ 351 เก็บศัตรูไว้ใกล้ตัว
บทที่ 351 เก็บศัตรูไว้ใกล้ตัว
“เมื่อกี้ฉันก็คิดอยู่แล้วว่าคุ้น ๆ ที่แท้ก็เป็นเมิ่งเหยาจริง ๆ นี่เอง” หวังรุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสินเมิ่งเหยาขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่ลู่หยางลุกขึ้นมาพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่ทราบว่ารุ่นพี่หวังมีอะไรงั้นเหรอครับ?”
“ฉันไม่มีอะไรกับนาย” หวังรุ่ยกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปก้มหน้ามองเสินเมิ่งเหยาในระยะประชิด
“ฉันได้ยินว่าเธอคบกับลู่หยางแล้วงั้นเหรอ?”
ลู่หยางยกมือขึ้นมาวางไว้บนไหล่ของเสินเมิ่งเหยาพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“มีอะไรก็มาพูดกับผมเถอะ ใช่แล้ว ตอนนี้เธอคบกับผมอยู่ รุ่นพี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อหวังรุ่ยได้เห็นท่าทางของลู่หยาง ในแววตาของเขามันก็เต็มไปด้วยความอิจฉา ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า
“อย่าคิดว่าแค่ตัวเองมีความสามารถนิดหน่อยแล้วนายจะคู่ควรกับเสินเมิ่งเหยานะ นายรู้หรือเปล่าว่าครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวแบบไหน นายคิดจริง ๆ เหรอว่าถึงนายจะหลอกเธอได้แล้วพ่อแม่ของเธอจะยอมให้นายหลอกด้วย เป้าหมายของนายคือเงินจากครอบครัวเธอใช่ไหม อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่”
“อย่ามาพูดจาเหลวไหลนะ!” เสินเมิ่งเหยาลุกขึ้นพูดด้วยความโกรธ
โม่หลง, หลินตงและเฟยหยงต่างก็ลุกขึ้นมาพร้อมกัน โดยในแววตาของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
“นายพูดอะไรของนาย?”
“คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นเขานักหรือไง ออกไปซะ! ที่นี่ไม่ต้อนรับ!!”
“ลู่หยางของพวกเราเก่งกว่านายตั้งเยอะ”
จางเฉียงและฮวงเชียงต่างก็ลุกขึ้นยืนด้วยเหมือนกัน แต่ภายในแววตาของพวกเขากลับต้องการให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตมากกว่า
ลู่หยางไม่คิดว่าพวกโม่หลงจะเข้าข้างเขาถึงขนาดนี้ เขาจึงตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า
“ใจเย็น ๆ นั่งลงก่อนเถอะ”
ทั้ง 3 คนต่างก็หันไปมองหน้าลู่หยางอย่างสับสน โดยไม่เข้าใจว่าสหายกำลังหมายความว่ายังไงกันแน่
หลังจากช่วยให้เพื่อน ๆ สงบสติอารมณ์ลงแล้ว ลู่หยางก็หันกลับมาโอบเอวของเสินเมิ่งเหยาและพูดว่า
“รุ่นพี่หวังที่คุณพูดมาเป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งหมด ผมกะจะสูบเลือดสูบเนื้อแฟนคนนี้อยู่พอดี และดูเหมือนเสินเมิ่งเหยาจะยินดีให้ผมสูบเลือดสูบเนื้อด้วย”
คำตอบของลู่หยางทำให้หวังรุ่ยชะงักไปอย่างกะทันหัน เพราะตอนแรกเขาคิดว่าคำดูถูกของตัวเองจะทำลายความมั่นใจของลู่หยาง แต่ในความจริงกลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเลย
“แก…” หวังรุ่ยอยากจะตะโกนด่าแต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าลู่หยางจะทำอันตรายเขา
“ผมจะเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณไปจัดการเรื่องของตัวเองเถอะ เลิกมาขวางหูขวางตาผมได้แล้ว” ลู่หยางกล่าวอย่างเย็นชา
ขณะเดียวกันคำพูดของลู่หยางก็ทำให้เสินเมิ่งเหยาแอบรู้สึกขำภายในใจ เมื่อหัวหน้ากิลด์บลัดบราเธอร์บอกว่าจะมาสูบเลือดสูบเนื้อจากเธอ
“แก…” หวังรุ่ยมองไปที่ลู่หยางกับเสินเมิ่งเหยาด้วยความโกรธแค้น แต่เขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้อีกก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไปอย่างอับอาย
ถึงตัวสร้างปัญหาจะออกไปแล้วแต่บรรยากาศภายในห้องก็ยังคงอึดอัด เพราะสิ่งที่หวังรุ่ยพูดเอาไว้ได้ทิ้งความกังวลใจเอาไว้ให้กับทุกคน
“ลู่หยางถึงคำพูดของเขาจะไม่น่าฟังแต่มันก็ยังมีเค้าความจริงอยู่บ้างนะ ต่อไปพวกนายจะจัดการเรื่องนี้กันยังไง?” ฮวงเชียงแกล้งถาม
“ใช่ ถ้าพ่อแม่เสินเมิ่งเหยารู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาคงจะไม่ยอมรับนายแน่ ๆ” จางเฉียงพูดเสริม
“นายพูดเรื่องอะไรของนาย? คนรักกันแล้วมันจะไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนั้นด้วย” จางเหมิงพูดอย่างไม่พอใจ
“ใช่ เรื่องนั้นมันเกี่ยวอะไรด้วย อีกอย่างลู่หยางก็เป็นคนที่เก่งมากเลยนะ” หลิวฉ่วงพูดอย่างโมโห
ฉู่อวี้รีบใช้เท้าสะกิดเพื่อนสาวพร้อมกับส่งสายตา หลิวฉ่วงที่ได้สติจึงหยุดพูดในทันที
“ใช่ ฉันเป็นคนที่เก่งมาก” ลู่หยางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เสินเมิ่งเหยาไม่ได้สนใจว่าลู่หยางจะเก่งหรือไม่ เพราะในตอนนี้อีกฝ่ายกำลังถือโอกาสในช่วงชุลมุนแอบโอบเอวเธออยู่
“เขาก็ไปตั้งนานแล้ว ทำไมพี่ยังไม่ยอมปล่อยมืออีก” เสินเมิ่งเหยาพูดขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
ความจริงแล้วลู่หยางไม่อยากจะปล่อยมือเลยแต่เขาก็จำเป็นจะต้องดึงมือกลับมาด้วยสีหน้าเศร้า ๆ ซึ่งมันก็ทำให้คนอื่น ๆ อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ แต่มันก็ช่วยทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดเริ่มผ่อนคลายเป็นปกติ
“ไอ้คนกะล่อน” เสินเมิ่งเหยากล่าวพร้อมกับทุบกำปั้นลงไปบนหน้าอกของลู่หยางเบา ๆ ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นมาอย่างชอบใจ
“คืนนี้ทุกคนเข้าเกมกันด้วยนะ เดี๋ยวฉันจะพาไปเก็บเลเวลเอง” ลู่หยางกล่าวขณะเดินมาแตะไหล่มู่หลง
“นายจะพาฉันไปเก็บเลเวลได้จริง ๆ เหรอ? ตอนนี้ฉันเลเวล 20 แล้วนะ” โม่หลงพูดอย่างภูมิใจ
“เดี๋ยวคืนนี้พวกนายก็รู้เอง” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
—
ในเกม
หลังจากที่พวกโม่หลงล็อคอินเข้ามาภายในเกม พวกเขาก็ไปรวมตัวกันในเมืองเซนต์กอลล์ตามที่ได้นัดหมายเอาไว้
“ทำไมลู่หยางถึงยังไม่มาอีกนะ?” ฮวงเชียงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เขาคงกำลังพาเสินเมิ่งเหยาไปส่งอยู่ล่ะมั้ง” โม่หลงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“พวกเราไปกันเถอะ ไม่ต้องรอเขาแล้ว” ฮวงเชียงพูดอย่างหงุดหงิด
“เดี๋ยวพอลู่หยางมาแล้วพวกเราค่อยกลับมารับเขาก็แล้วกัน” หลินตงกล่าว
“ใช่ ๆ ๆ เวลามีอยู่อย่างจำกัด พวกเราต้องรีบเก็บเลเวลไม่งั้นจะตามคนอื่นไม่ทัน” โม่หลงกล่าว
“ลู่หยางนี่ก็แปลกจริง ๆ ทำไมเขาถึงไม่ยอมบอกชื่อในเกมให้พวกเรารู้เลยนะ เขาจะทำตัวลึกลับไปทำไม?” เฟยหยงกล่าว
“ช่างเขาเถอะ” จางเฉียงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
—
หลังจากที่พวกโม่หลงเดินออกจากเมืองไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ลู่หยางก็ล็อคอินเข้ามาภายในเกม จากนั้นเขาก็ทำการค้นหาชื่อบอร์นแฮนซั่มตามที่โม่หลงได้ให้ไว้
ข้อมูลตัวละครบอร์นแฮนซั่มปรากฏขึ้นในทันที ซึ่งหลังจากที่ลู่หยางทำการยืนยันว่าอีกฝ่ายคือโม่หลงแล้วเขาจึงทำการส่งคำขอเป็นเพื่อนไปให้สหาย
“โอ้พระเจ้า!” โม่หลงอุทานขึ้นมาเสียงดัง
“มีอะไร?” หลินตงถาม
“เป็นอะไร? ทำไมจะต้องตกใจขนาดนั้น?” ฮวงเชียงถาม
“ลู่หยางส่งคำขอเป็นเพื่อนกับฉันมา” โม่หลงกล่าวขณะมองหน้าทุกคน
“แค่เขาขอเป็นเพื่อนมาแล้วนายเป็นอะไร?” จางเฉียงถาม
“ฉันไม่ได้หมายถึงลู่หยางของเรา แต่หมายถึงลู่หยางที่เป็นหัวหน้ากิลด์บลัดบราเธอร์” โม่หลงกล่าว
“เป็นไปไม่ได้!” ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นมาอย่างสับสน ก่อนที่พวกเขาจะรีบเข้ามามุงดูข้อมูลของลู่หยางที่โม่หลงเปิดขึ้นมา
“อย่าบอกนะว่าจริง ๆ แล้วลู่หยางของเราคือหัวหน้ากิลด์บลัดบราเธอร์ ไม่งั้นเขาจะส่งคำขอเป็นเพื่อนฉันมาได้ยังไง?” โม่หลงกล่าวหลังจากเริ่มพิจารณาเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“รีบรับเพื่อนเขาสิแล้วลองถามดู” หลินตงกล่าวอย่างดีใจ
“เฮ้! ถ้าลู่หยางคือหัวหน้ากิลด์บลัดบราเธอร์จริง ๆ พวกเราก็เตรียมตัวรวยกันได้เลย ทำไมฉันถึงเริ่มมองเห็นอุปกรณ์ระดับทองเลเวล 30 แล้วนะ” เฟยหยงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้นทั้ง 3 คนต่างก็หัวเราะขึ้นมามีเพียงแต่ฮวงเชียงและจางเฉียงที่รู้สึกไม่สบายใจ
ทันทีที่โม่หลงกดยอมรับคำขอเป็นเพื่อน มันก็มีสายติดต่อเข้ามาในทันที
“ลู่หยาง นายคือหัวหน้ากิลด์บลัดบราเธอร์จริง ๆ เหรอเนี่ย?” โม่หลงถาม
“ก็ใช่น่ะสิ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“โอ้พระเจ้า! นายนี่มันไอดอลของฉันเลย” โม่หลงตะโกนเสียงดังลั่น
เมื่อหลินตงกับเฟยหยงที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินคำพูดของโม่หลง มันก็ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นด้วยเช่นกัน เพราะจากบทสนทนามันก็เห็นได้ชัดเลยว่าลู่หยางของพวกเขาคือหัวหน้ากิลด์บลัดบราเธอร์จริง ๆ
“ตอนนี้พวกนายอยู่ไหนแล้ว?” ลู่หยางถาม
“พวกเราอยู่ที่ทุ่งฟอลิ่งวินด์นอกเมืองเซนต์กอลล์” โม่หลงตอบ
“ช่วยส่งพิกัดมาให้หน่อย เดี๋ยวฉันจะรีบไปหา” ลู่หยางกล่าว
“โอเค” โม่หลงกล่าวพร้อมกับรีบส่งพิกัดไปให้ลู่หยาง
หลังจากตัดสายลู่หยางก็ใช้สกิลสคอร์ชิ่งสปีดมุ่งหน้าตรงไปยังทุ่งฟอลิ่งวินด์อย่างรวดเร็ว ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็ติดต่อไปหาหลานอวี่ด้วย
“สาวน้อย ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
“ฉันกำลังพาพวกฉู่อวี้มาเก็บเลเวลที่ป้อมคริมสัน หยู่เว่ยกับซุนหยูก็อยู่ที่นี่ด้วย” หลานอวี่ตอบ
“ฉันมีเรื่องจะปรึกษากับพวกเขาพอดีเลย ช่วยบอกให้พวกเขารอฉันแป๊บหนึ่ง” ลู่หยางกล่าว
หลังจากพูดจบลู่หยางก็วิ่งไปถึงทุ่งฟอลิ่งวินด์ด้วยความรวดเร็ว ซึ่งหลังจากที่พวกโม่หลงได้เห็นลู่หยาง พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาต้อนรับด้วยความตื่นเต้น
“ลู่หยาง มันคือนายจริง ๆ ด้วย” โม่หลงกล่าว
“ลูกพี่หลังจากนี้ก็ช่วยเลี้ยงดูพวกเราด้วยนะครับ” หลินตงพูดอย่างประจบประแจง
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับลูกพี่” เฟยหยงพูดเสริม
จางเฉียงกับฮวงเชียงก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีไปเช่นกัน ก่อนที่พวกเขาจะพูดขึ้นมาพร้อม ๆ กันว่า
“ลูกพี่ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
ลู่หยางแกล้งทำเป็นไม่สนใจท่าทีของทั้งสองคน ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“ได้สิ ไม่มีปัญหา เอาเป็นว่าหลังจากพวกนายเลเวล 30 แล้วฉันจะให้อุปกรณ์ระดับทองกันคนละชุด”
“ลูกพี่ใจดีจริง ๆ เลย” โม่หลงกล่าว
ลู่หยางแอบคิดภายในใจว่าสิ่งที่เขาทำในตอนนี้เป็นเพียงการตอบแทนพวกโม่หลงทั้ง 3 คนเท่านั้น เพราะในชาติก่อนสหายทั้ง 3 ก็ช่วยเหลือเขาชดใช้หนี้มาโดยตลอด สิ่งที่เขาตอบแทนกลับไปในชาตินี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวบุญคุณที่ทั้ง 3 เคยช่วยเหลือเขาในชาติก่อนเพียงแค่นั้น
“ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ตอนนี้ฉันกำลังขาดคนมาช่วยอยู่พอดี ระหว่างที่ฉันพาพวกนายเก็บเลเวล ฉันก็จะให้พวกนายทำความคุ้นเคยกับกิลด์ไปด้วย หลังจากที่พวกนายมีเลเวล 30 แล้วเดี๋ยวฉันจะเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารภายในกิลด์ให้ ถึงตอนนั้นเดี๋ยวฉันจะจ่ายเงินเดือนให้กับพวกนายด้วย” ลู่หยางกล่าว
“จริงเหรอ?” โม่หลงถาม
“ฉันไม่ใช่คนชอบพูดโกหกอยู่แล้ว” ลู่หยางกล่าว
“ฮ่า ๆ ๆ ฉันจะรวยแล้วโว้ย!” โม่หลงพูดขึ้นมาอย่างยินดี เพราะท้ายที่สุดเขาคือคนที่มาจากครอบครัวที่ยากจน หากเขามีรายได้เสริมในช่วงมหาลัย มันก็จะช่วยผ่อนคลายความกดดันจากครอบครัวเขาได้มาก
“ผมรับรองว่าผมจะทำภารกิจที่ลูกพี่มอบหมายให้สำเร็จ” หลินตงกล่าว
“ผมก็เหมือนกัน” เฟยหยงกล่าว
เดิมทีฮวงเชียงอยากจะโอ้อวดความสามารถของตัวเอง แต่การเปิดตัวของลู่หยางทำให้เขาเป็นเพียงเศษหินริมทางที่ไม่ได้รับความสนใจ ยิ่งลู่หยางเสนอผลประโยชน์มาให้เขาจึงทำได้แต่พูดออกไปอย่างไม่เต็มใจว่า
“ขอบคุณครับลูกพี่”
“พวกเราเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นอย่ามาเกรงใจฉันเลย” ลู่หยางกล่าวขณะมองไปยังฮวงเชียงพร้อมกับคิดขึ้นมาภายในใจว่า
“นายไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจฉันหรอก เชิญนายทรยศฉันให้เต็มที่เพราะถ้าหากนายไม่ยอมทรยศฉันแล้วฉันจะใช้นายไปจัดการกับลิ่วเจียได้ยังไง”
ฮวงเชียงและจางเฉียงย่อมไม่รู้ความคิดของลู่หยางอย่างแน่นอน หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่ตอบรับด้วยสีหน้าละอายใจ
“ลูกพี่วางใจได้เลย ต่อไปนี้พวกเราจะคอยช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่” ฮวงเชียงกล่าว
“เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาพวกนายไปที่ป้อมปราการของฉัน” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับตบไหล่ฮวงเชียงเบา ๆ
“เรากำลังจะไปป้อมวินด์ธันเดอร์กันใช่ไหม?” โม่หลงถาม
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงป้อมปราการคริมสันต่างหาก ความจริงแล้วกิลด์ของฉันได้ครอบครองป้อมปราการมาแล้ว 2 ป้อม” ลู่หยางตอบ
“หา?!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 150
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น