บทที่ 411: คิดว่าใครส่งของพวกนี้มา?
“ข้าควรไปถามเถ้าแก่ดีหรือไม่?” เซียวถังถังจ้องอาหารและห่อสมุนไพรบนโต๊ะ ยิ่งมองนางก็ยิ่งรู้สึกไม่แน่ใจ นางจึงอดไม่ได้ที่จะเสนอขึ้นมาเช่นนั้น
“บางทีเถ้าแก่อาจจะเห็นว่าใครเข้าออกห้องของท่าน”
มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยในขณะที่พยายามครุ่นคิด “คนที่เอาของมาวางไว้น่าจะพยายามเลี่ยงไม่ให้ข้าตื่น แล้วแบบนี้คนในโรงเตี๊ยมจะเห็นเขาได้อย่างไรกัน?”
หลังจากเซียวถังถังได้ยินสิ่งที่ศิษย์พี่ใหญ่พูด นางก็ถอนหายใจอย่างหดหู่
“แต่… คนผู้นี้คงไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรหรอก” มู่ไป๋ไป่พูดพลางชี้ไปที่ห่อสมุนไพรบำรุงร่างกายที่วางอยู่บนโต๊ะ “ถ้าเขามีเจตนาไม่ดี เขาคงไม่ซื้อของพวกนี้มาให้ข้าหรอก”
เซียวถังถังกวาดตามองพวกมันแล้วเม้มปากพูดแบบไม่วางใจนัก “ใครจะรู้ว่ามียาพิษอยู่ในนั้นหรือไม่ ถ้าคนคนนั้นจงใจพรางตาเราล่ะ?”
“เจ้าอย่าเพิ่งเถียงข้า” มู่ไป๋ไป่เคาะหัวอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกขบขัน “ข้าไม่คิดว่าจะมีคนโง่พอที่จะทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าคนของหุบเขาหมอเทวดา”
คนเป็นศิษย์น้องลูบหัวตัวเองและอยากจะพูดโต้แย้ง แต่นางกลับถูกหลัวเซียวเซียวรั้งเอาไว้
หญิงสาวเป็นคนที่มีความคิดชัดเจนกว่าเซียวถังถัง นางสังเกตเห็นปฏิกิริยาขององค์หญิงหกจึงพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา “องค์หญิง พระองค์เดาได้หรือเพคะว่าใครเป็นคนส่งของพวกนี้มา?”
“น่าจะ…” มู่ไป๋ไป่คิดสักครู่แล้วตอบว่า “แต่ข้าก็ไม่อาจยืนยันได้”
“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ” หลัวเซียวเซียวยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ในเมื่อองค์หญิงตรัสเช่นนั้น พระองค์คงรู้จักคนที่ส่งของเหล่านี้มา ในเมื่อเป็นคนรู้จักก็คงจะไม่มีอันตรายอะไร”
“หา?” ดวงตาของเซียวถังถังเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “ไป๋ไป่ ท่านรู้หรือว่าใครเป็นคนส่งมา คนผู้นั้นเป็นใคร?”
“ข้าเพียงแค่คาดเดาเท่านั้น” มู่ไป๋ไป่ตอบขณะที่ลุกขึ้นยืน “เซียวเซียว ช่วยข้าเก็บของพวกนี้หน่อย วันนี้อากาศดี เราออกไปเดินเล่นกันเถอะ”
“ข้ามัวแต่อุดอู้อยู่ในห้องตลอดทั้งวัน ตอนนี้เห็ดจะเกาะข้าอยู่แล้ว เราลองไปชวนหวานหว่านกับพี่รองของข้าไปเดินตลาดในเมืองกันดูดีหรือไม่?”
คืนนี้หญิงสาวกำลังเตรียมตัวจะทำการรักษาครั้งที่ 2 ให้กับจวงอี้หราน
พอเธอคิดว่าตัวเองจะต้องใช้เลือดในการรักษาคนไข้ จากนั้นก็ต้องนอนพักอยู่บนเตียงไปอีกหลายวัน เธอก็อยากจะออกไปเดินเล่นรอบเมืองดูสัก 200-300 รอบทันที
พอเซียวถังถังได้ยินว่าจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก นางก็รีบสลัดเรื่องนั้นทิ้งและหันหลังวิ่งออกไปเรียกอวี้หวานหว่าน
มู่ไป๋ไป่จงใจมอบหมายงานเรียกมู่จวินเซิ่งให้หลัวเซียวเซียวเป็นคนไปทำ
ช่วงนี้เธอได้แต่พักผ่อนอยู่ในห้อง เธอจึงไม่รู้ความคืบหน้าระหว่างหญิงสาวกับพี่ชายคนรองว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ในระหว่างที่ไปเดินตลาด เธอก็อยากถือโอกาสนี้สังเกตดู หากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปกันได้ดี เธอก็พลอยมีความสุขไปด้วย
เมื่อมู่ไป๋ไป่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็เดินออกไปจากห้อง เพียงเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็ได้พบกับจวงอี้หรานที่กำลังอาบแดดอยู่ในสวน
ภายใต้แสงแดดอ่อน ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มดูอ่อนโยนขึ้นมาก พอเขาเห็นหญิงสาว เขาก็พยักหน้าน้อย ๆ เป็นการทักทาย “แม่นางไป๋ เจ้าจะออกไปข้างนอกหรือ?”
มู่ไป๋ไป่คิดถึงของที่วางอยู่ข้างเตียงแล้วเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเดินไปข้างหน้าอย่างใจเย็น “ใช่ ข้าจะไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายสักหน่อย จอมยุทธ์จวง วันนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“ขอบคุณแม่นางไป๋” เซียวถังอี้ยกยิ้มจาง ๆ ทำให้ดวงตาดุจเหยี่ยวของเขาแคบลง “ข้าสบายดี”
หญิงสาวมองชายตรงหน้านิ่ง จากนั้นเธอก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างกะทันหัน “ในเมื่อจอมยุทธ์จวงรู้สึกดีขึ้นแล้ว ท่านอยากจะไปเดินเล่นกับพวกเราหรือไม่?”
“การออกกำลังกายมีส่วนช่วยในการฟื้นตัวเช่นกัน”
ขณะนั้นซั่วเยว่ที่อยู่ด้านข้างมองผู้เป็นนายด้วยความกังวล เพราะดูเหมือนว่าองค์หญิงหกจะล่วงรู้ความลับที่พวกตนเก็บซ่อนเอาไว้เข้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายท่านกับองค์หญิงหกทำตัวดูปกติมาก เขาไม่สามารถคาดเดาได้จากสีหน้าของทั้งคู่ เขาจึงทำได้เพียงสงสัยอยู่ในใจเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน มีแสงสลัวฉายผ่านดวงตาล้ำลึกของเซียวถังอี้ และรอยยิ้มมุมปากของเขาก็กดลึกมากยิ่งขึ้น ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากว่า “การเคารพเทียบไม่ได้กับการทำตามคำสั่ง*”
*การเคารพเทียบไม่ได้กับการทำตามคำสั่ง เป็นคำพูดที่ใช้แสดงความเกรงใจเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นถึงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็ออกไปเดินเล่นอยู่ที่ถนนกันเป็นกลุ่มใหญ่
ยามนี้เซียวถังถังรู้สึกไม่พอใจมากกับการปรากฏตัวของจวงอี้หราน นางเอาแต่จ้องอีกฝ่ายเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่ระมัดระวังตัวตลอดเวลาคล้ายกับว่าเขาจะลงมือทำอะไรบางอย่างถ้านางไม่จับตาดูเขาเอาไว้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวคงอยู่ได้ไม่นาน ทันทีที่ทุกคนเดินมาถึงตลาด ความสนใจของเซียวถังถังและอวี้หวานหว่านก็ถูกร้านของเล่นเครื่องประดับที่แผงข้างทางดึงดูดไป ทำให้ทั้งคู่ดวงตาเป็นประกายพร้อมกับพุ่งเข้าไปเลือกดูสินค้าโดยไม่สนสิ่งใดอีก
มู่ไป๋ไป่ที่เห็นภาพตรงหน้าก็ส่ายหัวด้วยความขบขัน จากนั้นเธอก็แอบมองหลัวเซียวเซียวกับมู่จวินเซิ่งที่ยังคงเดินตามเธออยู่ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “เซียวเซียว เจ้าไปเดินเล่นดูของได้ตามสบาย เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าอยากจะซื้อของไปฝากท่านแม่ของเจ้า?”
หลัวเซียวเซียวอยู่ข้างกายเธอในหุบเขาหมอเทวดามาตลอด 12 ปีที่ผ่านมา
ในช่วง 12 ปีนี้ นางกับแม่ของนางได้ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบผ่านองครักษ์เงาเพียงเท่านั้นโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้พบหน้ากันเลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ หญิงสาวจะได้กลับเมืองหลวงไปพบแม่ของตนเอง ซึ่งมันเป็นเรื่องน่ายินดีที่ 2 แม่ลูกจะได้เจอกันอีกครั้ง
พอมู่ไป๋ไป่เอ่ยถึงแม่ของหลัวเซียวเซียว ท่าทีของนางก็อ่อนลงในขณะที่นางตอบว่า “ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันจะติดตามองค์หญิงไปก่อน หากเจอของที่สนใจหม่อมฉันก็จะเลือกซื้อเพคะ”
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมาท่านแม่ของหม่อมฉันได้รับการดูแลจากองค์หญิงเป็นอย่างดี นางมีทุกสิ่งที่ต้องการอยู่แล้ว หม่อมฉันไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรไปฝากนางเลยเพคะ”
ในปีนั้น หลังจากที่มู่ไป๋ไป่ขอให้มู่จวินฝานช่วยแม่ของหลัวเซียวเซียวออกจากจวนตระกูลหลัว นางก็ให้แม่ของนางไปพักอยู่ที่เรือนหลังหนึ่งในเมือง
ช่วงที่หญิงสาวไม่อยู่ แม่ของนางก็ได้เปิดร้านค้าเล็ก ๆ ของตัวเอง และใช้ชีวิตค่อนข้างสุขสบายเพราะมีองค์หญิงหกคอยดูแล
ดังนั้นหลัวเซียวเซียวจึงรู้สึกขอบคุณมู่ไป๋ไป่เป็นอย่างยิ่ง
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไร?” ฝ่ายที่ได้ฟังขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจพลางขยิบตาให้มู่จวินเซิ่งที่อยู่ด้านข้าง “ของที่เจ้าซื้อไปฝากจะต้องแตกต่างกับของพวกนั้นแน่นอน พี่รอง ท่านไปซื้อของเป็นเพื่อนเซียวเซียวได้หรือไม่?”
“ถ้าข้าบอกให้นางไปซื้อของคนเดียว นางคงไม่อยากไปแน่ อีกครึ่งชั่วยามเราค่อยไปพบกันที่ร้านอาหารที่สุดถนนทางนั้น”
หลังจากพูดจบมู่ไป๋ไป่ก็ไม่รอคำตอบจากมู่จวินเซิ่งหรือหลัวเซียวเซียวแล้ววิ่งหนีไปพร้อมกับลากจวงอี้หรานให้ตามไปด้วย
“องค์หญิง!” ฝ่ายที่ถูกทิ้งอยากจะตามไปแต่นางก็ถูกองค์ชายรองห้ามไว้
“ฟังไป๋ไป่เถอะ” แม่ทัพหนุ่มลดสายตาลงมองหญิงสาว จากนั้นเขาก็พูดเสียงเบาว่า “ไป๋ไป่พูดถูก”
จังหวะนั้นหลัวเซียวเซียวตัวแข็งทื่อ สุดท้ายแล้วนางก็ค่อย ๆ ปลดมือของมู่จวินเซิ่งออกแล้วตอบว่า “หม่อมฉันเพียงแค่เป็นห่วงสุขภาพองค์หญิงเพคะ วันนี้จื่อเฟิงไม่ได้ตามออกมาด้วย จึงไม่มีใครคอยรับใช้อยู่ข้างกายพระองค์ หม่อมฉันก็เลยเกิดเป็นห่วงขึ้นมา”
นางกับจื่อเฟิงเติบโตมาพร้อมกับมู่ไป๋ไป่ สำหรับพวกนางแล้ว ทั้งคู่ไม่ไว้ใจคนนอกเลย
“ใครบอกว่านางไม่มีคนอยู่ข้างกาย ซั่วเยว่ไม่ใช่คนหรือ?” มู่จวินเซิ่งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ซั่วเยว่เป็นคนของเสด็จอา เขาไม่มีทางปล่อยให้ไป๋ไป่เกิดเรื่องแน่นอน”
“หากเจ้าเป็นห่วงไป๋ไป่ เช่นนั้นเรารีบไปซื้อของกันดีหรือไม่ แล้วรีบไปหานาง”
“ไม่อย่างนั้น แม้ว่าเจ้ากับข้าจะติดตามนางไปตอนนี้ นางก็จะคิดหาวิธีหนีไปจากเราให้ได้อยู่ดี เจ้าก็รู้นิสัยนาง”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้หลัวเซียวเซียวยอมตกลง
หญิงสาวเป็นคนฉลาดและรู้ดีว่าองค์หญิงหกมีเจตนาอะไร การที่บอกให้นางไปซื้อของฝากนั้นเป็น 1 ในความตั้งใจของอีกฝ่าย แต่ความตั้งใจที่แท้จริงคือ มู่ไป๋ไป่อยากให้นางได้ใช้เวลาร่วมกับมู่จวินเซิ่งมากขึ้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 151
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น