บทที่ 410: จะเป็นใครถ้าไม่ใช่เจ้า?
ตอนนั้นมู่ไป๋ไป่เดินตามเซียวถังอี้ลงภูเขาไปอยู่นมนานจนทำให้รู้สึกทั้งเหนื่อยและหิว
แล้วกลิ่นแป้งย่างริมถนนก็ยิ่งยั่วน้ำลายเธอ ทำให้ท้องเธอร้องประท้วงหนักยิ่งขึ้น
แต่ตอนนั้นเธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอให้เจ้าสัตว์ประหลาดซื้อให้ตน
ความทรงจำในวัยเด็กของหญิงสาวผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ มันแจ่มชัดราวกับว่าเพิ่งเกิดเมื่อวาน และเธอก็หัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
ในเวลานั้นเธอเกลียดเซียวถังอี้มากจนเธอไม่เคยคาดคิดว่าพวกเธอทั้ง 2 จะได้ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันมากมาย
เวลาผ่านไปสักพักก็มีเสียงประตูถูกเปิดออกจากด้านนอก
เซียวถังถังเดินโซเซเข้ามาพร้อมถาดในมือ “ไป๋ไป่ ดูสิว่าวันนี้ข้าสั่งให้ห้องครัวเตรียมอาหารอร่อย ๆ อะไรไว้ให้ท่านบ้าง”
“เมื่อวานท่านบอกว่าคิดถึงเต้าฮวยที่ขายอยู่ที่เมืองหลวงไม่ใช่หรือ? เมื่อคืนข้าก็เลยลากพ่อครัวของโรงเตี๊ยมออกมาจากเตียงกลางดึกเพื่อขอให้เขาเอาเต้าหู้ที่ทำสดใหม่มาให้ มันอร่อยมาก…”
“นี่! ท่านกำลังกินอะไรอยู่น่ะไป๋ไป่!”
หญิงสาวถลึงตาจ้องมองศิษย์พี่ที่กำลังเพลิดเพลินกับการกินเจียนปิ่งอย่างเอร็ดอร่อย
“ไป๋ไป่ ท่านแอบออกไปซื้ออาหารลับหลังเราหรือ!” เซียวถังถังตะโกนเสียงดัง “ข้าบอกท่านไปหลายครั้งแล้วว่าอาหารข้างนอกไม่สะอาด ถ้าท่านท้องเสียขึ้นมาจะทำอย่างไร!”
“ท่านเลิกกินได้แล้ว วางมันลงเดี๋ยวนี้นะ!”
มู่ไป๋ไป่ไม่สนใจคำพูดของศิษย์น้องและยังเอี้ยวตัวหลบมือของนางที่ยื่นมาแย่งเจียนปิ่งในมือด้วย
แล้วเธอก็มองเซียวถังถังที่ทำตัวขี้บ่น “เจ้าไม่ได้เป็นคนซื้อมันมาให้ข้าหรือ? ข้าตื่นขึ้นมาแล้วเห็นมันวางอยู่ข้างเตียง ข้าจึงคิดว่าเจ้ากับหวานหว่านซื้อมาให้ข้าเสียอีก”
“ทำไมข้ากับหวานหว่านจะต้องซื้อของพวกนี้มาให้ท่านด้วย!” เซียวถังถังเท้าเอวบ่นร่ายยาว “ตอนนี้ท่านจะต้องดูแลสุขภาพของตัวเอง ข้ากับนางไม่มีทางซื้อของที่ไม่มีประโยชน์พวกนี้มาให้ท่านแน่!”
“นี่ท่านกำลังบอกข้าว่าท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าของพวกนี้เป็นของใครแล้วกินเข้าไปอย่างนั้นใช่หรือไม่ นี่ท่านอายุเท่าไหร่แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนวางยาพิษท่าน!”
เซียวถังถังพูดขึ้นด้วยความเป็นกังวล
แล้วมู่ไป๋ไป่ก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ “แต่ของพวกนี้ถูกวางเอาไว้ข้างเตียงข้า… ถ้าไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใครล่ะ?”
“ใครที่จะเข้าออกห้องข้าโดยที่ไม่มีคนสงสัยได้?”
เซียวถังถังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในไม่ช้ามู่ไป๋ไป่ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “ถังถัง เจ้าไปเรียกหวานหว่านกับเซียวเซียวมา ข้าจะต้องถามพวกนางให้ชัดเจน”
แม้ว่าอาหารนี้จะไม่มีพิษ แต่เธอก็จะต้องสืบสวนเรื่องดังกล่าวให้กระจ่าง
คงจะไม่เป็นไรถ้าอาหารพวกนี้เป็นของที่พวกนางส่งมา
แต่ถ้าเป็นคนอื่น…
พอคิดถึงเรื่องนี้ดวงตาของมู่ไป๋ไป่ก็หม่นแสงลง
…
อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องพักแขก เซียวถังอี้กำลังกางแขนให้ซั่วเยว่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา
ในขณะที่ชางหลานเกาะอยู่ที่ราวแขวนเสื้อผ้าใกล้ ๆ
“เจ้าเอาของไปให้นางแล้วหรือยัง?” ชายหนุ่มมองไปที่เหยี่ยวตัวใหญ่พร้อมกับมีรอยยิ้มฉายในดวงตาของเขา “เจ้าปลุกนางหรือไม่?”
พอชางหลานได้ยินคำถามของเจ้านาย มันก็เงยหน้าขึ้นพูดว่า “นายท่านอย่ากังวลไปเลยขอรับ ตอนที่ข้าเข้าไป ข้าขยับตัวเบามาก ท่านจ้าวอสูรที่นอนหลับสนิทไม่ทันสังเกตเห็นข้าเลยขอรับ”
เซียวถังอี้พยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ “ดีมาก”
เมื่อคืนเขานอนไม่หลับทั้งคืนเพราะมีเรื่องให้คิดมากมาย
เช้านี้เขาจึงสั่งให้ซั่วเยว่ไปที่ตลาดเพื่อซื้อของที่มู่ไป๋ไป่ชอบกินมาให้ จากนั้นเขาก็บอกให้ชางหลานนำมันไปส่งให้นางเงียบ ๆ
ในเวลานี้เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรเพื่อแสดงความขอบคุณหญิงสาวได้บ้าง
สิ่งที่เขาพอทำได้ก็มีเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้
เมื่อวานเขาได้ยินซั่วเยว่พูดถึงว่ามู่ไป๋ไป่กับเซียวถังถังคุยกันว่าอยากออกไปหาซื้อของกินด้านนอก
เพราะเหตุนี้เขาจึงได้ออกคำสั่งคนของตนไป
“นายท่าน…” ซั่วเยว่เหลือบมองไปทางเหยี่ยวตัวโตอย่างลังเลก่อนจะถามว่า “ท่านกำลังคุยกับชางหลานอีกแล้วหรือขอรับ?”
เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของเซียวถังอี้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้
ในตอนแรกเขาคิดว่าสมองนายท่านอาจจะได้รับการกระทบกระเทือน แต่ต่อมาเขาก็รับรู้ว่ามันไม่เป็นอย่างที่เขาคิด
ทว่าหลังจากองครักษ์หนุ่ม ได้รู้ความจริง เขาก็ต้องตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
เขาตกใจมากถึงขั้นที่ว่าแม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อที่เห็นผู้เป็นนายพูดคุยกับชางหลานเป็นตุเป็นตะ
“ใช่” เซียวถังอี้พยักหน้า “เจ้าไปคอยจับตาดูไป๋ไป่เอาไว้ หากเจ้าได้ยินว่านางอยากกินหรืออยากได้อะไรก็ให้ไปเตรียมไว้ล่วงหน้า”
“แล้วข้าจะสั่งให้ชางหลานไปส่งของให้อีกที”
ซั่วเยว่รู้ว่าองค์หญิงหกช่วยชีวิตเจ้านายของตนเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ในเรื่องนี้
หลังจากเซียวถังอี้แต่งตัวเสร็จแล้ว เขาก็เดินลงไปชั้นล่างในฐานะจวงอี้หราน
ที่ผ่านมาเขานอนอยู่บนเตียงมาเป็นเวลาหลายวันจนแทบจะลืมไปแล้วว่าท้องฟ้าข้างนอกมีหน้าตาเป็นอย่างไร
เช้าวันนี้อากาศดีมาก ร่างสูงจึงยืนเงียบ ๆ อยู่ที่ลานบ้านของโรงเตี๊ยมสักพัก ขณะที่เขากำลังจะเดินไปที่ลานด้านหน้า เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากบนหลังคา
“ในที่สุดท่านก็ลุกขึ้นจากเตียงได้แล้ว” อวี้เซิ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนหลังคาพร้อมกับถือขวดน้ำเต้าไว้ในมือ “ข้าคิดว่าท่านจะต้องนอนอยู่เฉย ๆ อีกสัก 2-3 วันเสียอีก”
เซียวถังอี้หรี่ตามองอีกฝ่าย จากนั้นก็ยกยิ้มมุมปากพูดว่า “ท่านดื่มแต่เช้าขนาดนี้ ไม่กลัวเจียงเหยาจับได้หรือ?”
อวี้เซิ่งเงยหน้ากระดกสุรา ก่อนจะอ้าปากส่งเสียงอย่างมีความสุข “อ้าาา~ ข้าไม่ได้กลัวนางสักหน่อย ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการเสแสร้ง ปกติแล้วข้าจะดื่มตอนไหนก็ได้ตามใจตัวเอง”
ฝ่ายที่ได้ยินเลิกคิ้วขึ้นและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันดังแว่วมาไกล ๆ
“เจ้าฟังที่เขาพูดสิ ทำไมเขาไม่พูดถึงเรื่องที่ตัวเองถูกไล่ออกจากห้องนอนเมื่อคืน แล้วต้องมานอนอยู่บนหลังคาตลอดทั้งคืน”
“เฮอะ… ผู้ชายก็แบบนี้แหละ รักหน้าตาของตัวเอง”
เซียวถังอี้มั่นใจว่าตนไม่เคยได้ยินเสียงทั้ง 2 นี้มาก่อน เขาจึงคาดเดาได้อย่างคร่าว ๆ แล้วมองไปทางอื่นแบบไม่มีพิรุธ
จากนั้นเขาก็เห็นนกกระจอก 2 ตัวเกาะอยู่บนกิ่งไม้ไม่ไกล
แล้วนกทั้ง 2 ก็ดูเหมือนจะรับรู้ถึงสายตาของเขา พวกมันจึงหันมาสบตากับชายหนุ่ม
“มนุษย์คนนี้สบายดีแล้ว ตอนที่ข้าเห็นเขาในวันนั้นข้าก็คิดว่าเขาตายไปแล้วเสียอีก”
“ท่านจ้าวอสูรของเราช่างเก่งกาจยิ่งนัก นางสามารถชุบชีวิตคนให้ฟื้นกลับคืนมาได้ด้วย”
“แน่นอนอยู่แล้ว มีใครในโลกหล้านี้ที่ท่านจ้าวอสูรไม่สามารถรักษาได้อีกล่ะ?”
นกกระจอกทั้ง 2 รู้สึกภาคภูมิใจในตัวของมู่ไป๋ไป่มากในยามที่พูดถึงนาง ถ้าสังเกตให้ดี ๆ จะเห็นว่าพวกมันกำลังยืดอกที่มีขนฟูฟ่องขึ้น นั่นทำให้ดวงตาของเซียวถังอี้อ่อนลงเล็กน้อย
ที่แท้สิ่งที่หญิงสาวพบเจอทุกวันนั้นน่าสนใจมาก
“นี่ท่านกำลังเหม่ออะไรอยู่หรือ?” อวี้เซิ่งนอนอยู่บนหลังคาตลอดทั้งคืนท่ามกลางลมหนาว แม้ว่าจะดื่มสุราเพื่อให้ร่างกายอุ่นขึ้น แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ พอมีลมพัดโชยมาร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน “ท่านออกมาเช่นนี้ไป๋ไป่รู้หรือไม่?”
“ท่านอย่าได้ฝืนตัวเองอีกเลย เป็นเพราะท่าน เราจึงล่าช้าไปหลายวันแล้ว”
“ถ้าเราไม่เดินทางกลับเมืองหลวงในเร็ว ๆ นี้ เราคงจะพลาดงานฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา”
เซียวถังอี้กระชับเสื้อคลุมกันหนาวของตัวเองพลางพูดว่า “ไม่ต้องกังวล เราจะไปถึงที่นั่นทันเวลา”
สิ้นเสียงพูด อวี้หวานหว่านก็วิ่งออกมาพร้อมกับตะโกนสุดเสียง “ท่านพ่อ! ท่านแม่มาแล้ว รีบเก็บไหสุราของท่านไปซะ!”
อวี้เซิ่งที่กำลังดื่มอยู่บนหลังคารีบพ่นสุราในปากออกทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ เขาหันไปมองลูกสาวก่อนที่เขาจะไม่สนใจสิ่งที่ตนเพิ่งคุยโวต่อหน้าเซียวถังอี้แล้วโยนไหสุราลงไปที่สนามหญ้า พอทิ้งหลักฐานเสร็จเขาก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เขาเกรงว่าถ้าเขาชักช้าไปเพียงก้าวเดียว เขาก็จะโดนภรรยาสาวจับได้
บัดนี้อดีตนักฆ่าอันดับ 1 วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนจนนกกระจอกบนต้นไม้ต่างพากันส่งเสียงหัวเราะเจี๊ยวจ๊าว
มันทำให้บรรยากาศภายในลานด้านหน้านั้นผ่อนคลายลงมาก แต่บรรยากาศภายในห้องของมู่ไป๋ไป่กลับเคร่งเครียดผิดปกติ
เซียวถังถังเรียกหลัวเซียวเซียวเข้ามาตามที่มู่ไป๋ไป่สั่ง และได้ถามอวี้หวานหว่านที่พบกันระหว่างทาง ซึ่งคำตอบที่นางได้รับก็คือ ของที่วางอยู่ข้างเตียงนั้นไม่ใช่ของที่พวกนางซื้อมา
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 156
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น