บทที่ 402: เจ้าไม่เห็นหรือว่านางเสแสร้ง?
ที่ด้านนอกประตู มู่จวินเซิ่งกำลังยืนพิงผนัง ดวงตาของเขาหลุบลงต่ำในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาดูเรียบเฉย
พอชายหนุ่มได้ยินเสียงเปิดประตู เขาก็เงยหน้าขึ้นมองหลัวเซียวเซียวด้วยความตกใจเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานเขาก็ได้สติกลับมาแล้วถามว่า “ไป๋ไป่เป็นอย่างไรบ้าง?”
หญิงสาวรีบปิดประตูเพื่อปิดบังสายตาของอีกฝ่าย จากนั้นจึงตอบเสียงเบาว่า “องค์หญิงเป็นลมเพราะพระองค์เหนื่อยมากจนเกินไป ท่านเจ้าหุบเขาเจียงได้ตรวจชีพจรขององค์หญิงและเขียนเทียบยาเอาไว้แล้วเพคะ”
“ตอนนี้หม่อมฉันกำลังจะไปต้มยาให้องค์หญิงเพคะ”
“เหนื่อยเกินไปอย่างนั้นหรือ?” มู่จวินเซิ่งขมวดคิ้วพร้อมกับที่เขาหรี่ตาลง “เหตุผลเพียงเท่านั้นหรือ?”
หลัวเซียวเซียวไม่คาดคิดว่าองค์ชายรองจะสงสัยขึ้นมา
แม่ทัพหนุ่มมองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว แล้วเขาก็ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “เจ้ามีสมุนไพรครบหรือยัง ถ้ายังไม่ครบ ข้าจะให้คนไปซื้อที่ร้านขายยามาให้”
“เพคะ” หลัวเซียวเซียวถอนหายใจด้วยความโล่งอก “องค์ชายรอง พระองค์ลืมไปแล้วหรือว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน เนื่องจากอาการของจอมยุทธ์จวง องค์หญิงหกจึงได้สั่งให้คนของหอไป่เฉ่าส่งสมุนไพรมาให้มากมาย ตอนนี้สมุนไพรที่เก็บไว้ที่ห้องด้านล่างยังคงเหลืออยู่ไม่น้อย ซึ่งมันเพียงพอแล้วเพคะ”
หลังจากมู่จวินเซิ่งได้ยินสิ่งที่หญิงสาวพูด เขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เขาเพียงแค่ส่งสัญญาณให้นางเดินตามเขาไป
หลัวเซียวเซียวมองชายร่างสูงราวกับว่าไม่อยากให้เขาไปกับนางด้วย ในขณะที่นางกำเทียบยาเอาไว้แน่น
แม้ว่าแม่ทัพหนุ่มจะไม่ใช่หมอ แต่เขาสู้รบอยู่ที่ชายแดนมานานหลายปี เขาย่อมพอจะมีความรู้พื้นฐานทางด้านการรักษา
สิ่งที่เจียงเหยามอบให้นางก็คือเทียบยาบำรุงเลือด ถ้ามู่จวินเซิ่งอยู่กับนาง เขาจะต้องสังเกตเห็นความผิดปกติแน่นอน
พอถึงเวลานั้นนางเกรงว่าจะไม่สามารถปกปิดมันเอาไว้ได้อีก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หลัวเซียวเซียวก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว และเริ่มรู้สึกเสียใจที่ตนตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
บางทีนางควรจะบอกองค์ชายรองไปตามตรงเกี่ยวกับสภาพร่างกายขององค์หญิงหกหรือไม่?
“มีอะไรหรือ?” พอมู่จวินเซิ่งเห็นหญิงสาวเอาแต่ยืนนิ่งเงียบ เขาจึงหันกลับไปมอง “เจ้าเพิ่งคิดออกหรือว่าต้องการใช้สมุนไพรอย่างอื่น?”
หลัวเซียวเซียวฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายพลางตอบว่า “ไม่ใช่เพคะ… เพียงแค่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว องค์ชายรองควรกลับไปพักผ่อนที่ห้องดีหรือไม่เพคะ?”
“ท่านเจ้าหุบเขาสามารถดูแลองค์หญิงได้ องค์ชายรองไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้”
มู่จวินเซิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าจะไม่ให้ข้ากังวลได้อย่างไรกัน”
ไป๋ไป่เป็นน้องสาวของเขา นางเป็นองค์หญิงของราชวงศ์ หากไป๋ไป่เป็นอะไรไป หลังจากกลับไปถึงเมืองหลวง เขาจะให้คำอธิบายกับทุกคนว่าอย่างไร
พอคิดถึงเรื่องนี้ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ทางด้านหลัวเซียวเซียวที่เห็นสีหน้าเศร้าหมองของอีกฝ่าย นางก็เลิกกังวลใจแล้วยิ้มปลอบเขาเบา ๆ “องค์ชายรอง พระองค์อย่าคิดมากไปเลย พรุ่งนี้องค์หญิงก็จะฟื้นแล้วเพคะ”
“ถ้าองค์หญิงรู้ว่าองค์ชายรองไม่ยอมบรรทมทั้งคืน พระองค์คงจะโทษตัวเองแน่”
มู่จวินเซิ่งคิดอยู่พักหนึ่งแล้วรู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นมีเหตุผล เขาจึงพยักหน้ารับเบา ๆ “เอาเถอะ เช่นนั้นคืนนี้ก็ลำบากเจ้ากับท่านเจ้าหุบเขาแล้ว”
หลังจากหลัวเซียวเซียวมองส่งชายร่างสูงกลับเข้าไปในห้อง นางก็รีบเดินลงไปที่ชั้นล่าง
กว่าที่หญิงสาวจะต้มยาเสร็จก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสาง
เซียวถังถังเป็นกังวลเรื่องของมู่ไป๋ไป่มากจึงนั่งเฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงทั้งคืน ดังนั้นทันทีที่มู่ไป๋ไป่ตื่นขึ้นมา เธอก็มองเห็นศิษย์น้องเป็นคนแรก
“ไป๋ไป่!” เซียวถังถังมองผู้เป็นศิษย์พี่ที่กำลังลืมตาขึ้นช้า ๆ พร้อมกับที่ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “ฮือ ๆๆ ไป๋ไป่ ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว ท่านทำให้ข้ากลัวแทบตาย”
“ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง ยังเวียนหัวอยู่หรือไม่ แล้วแผลที่มือล่ะยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”
“ทำไมท่านถึงได้ทำอะไรมุทะลุเช่นนั้น ถ้าท่านไม่สามารถช่วยชีวิตผู้ชายคนนั้นเอาไว้ได้ก็ช่างหัวมันสิ เหตุใดท่านต้องสนใจด้วยว่าเขาจะเป็นหรือตาย?”
“ดูแขนของท่านตอนนี้สิ มันมีรอยกรีดลึกถึงเพียงนั้น ถ้ามันกลายเป็นรอยแผลเป็นขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
ปัจจุบันมู่ไป๋ไป่ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่ ทันทีที่เธอลืมตาขึ้นมา เธอก็ได้ยินเสียงเซียวถังถังพูดไม่หยุด มันจึงทำให้เธอนอนลืมตานิ่งอยู่นาน
จนกระทั่งเธอเห็นใบหน้าซีดเซียวของเจียงเหยา เธอก็รู้ว่าความลับของเธอได้ถูกเปิดเผยไปแล้ว
ดังนั้นหญิงสาวจึงลอบถอนหายใจ เธอไม่คาดคิดว่าความลับของตนจะถูกเปิดเผยเร็วขนาดนี้
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนเธอเสียเลือดมากเกินไป สุดท้ายแล้วร่างกายของเธอก็ทนรับไม่ไหวจนเป็นลมหมดสติ
“ท่านอาจารย์…” มู่ไป๋ไป่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย แล้วเริ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “ท่านพาถังถังออกไปก่อนเถอะ นางกำลังจะฆ่าข้าแล้ว”
“เอ๊ะ ไป๋ไป่ ทำไมท่านถึงทำกับข้าเช่นนี้!” เซียวถังถังขยี้ดวงตาที่บวมแดงเหมือนปลาทองด้วยความรู้สึกเสียใจ “ข้าเฝ้าอยู่ข้างเตียงท่านตลอดทั้งคืน จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ”
ขณะนี้เจียงเหยาลุกขึ้นเดินไปหาลูกศิษย์คนโตโดยไม่สนใจลูกศิษย์คนรองที่ยังคงวุ่นวายอยู่ข้างเตียง แล้วมุ่งตรงไปจับชีพจรของอีกฝ่าย
“ท่านอาจารย์ ข้าเพียงแค่เสียเลือดมากเกินไป” มู่ไป๋ไป่พูดพลางมองดูสีหน้าของผู้เป็นอาจารย์ “หลังจากได้นอนพักข้าก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ”
เจียงเหยาแค่นเสียงในลำคอ “เฮอะ นั่นน่ะสิ ข้าลืมไปว่าเจ้ามีวิธีขจัดพิษหลิวกวง แม้แต่ร่างกายของเจ้า เจ้าก็ยังรู้อย่างชัดเจน ข้าคงไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของเจ้า”
“ถังถัง เราออกไปกันเถอะ”
“หา?” เซียวถังถังเหลือบมองอาจารย์ของตนด้วยความงุนงง “ท่านอาจารย์ ออกไปไหนหรือ ไป๋ไป่เพิ่งตื่นขึ้นมาเอง ถ้านางเป็นลมล้มพับไปอีกล่ะ?”
“เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่นางเพิ่งพูดไปเมื่อกี้หรือ?” เจียงเหยาจ้องลูกศิษย์คนโตเขม็ง “นางบอกว่านางอยู่คนเดียวได้ มันเป็นเพราะว่าเราวุ่นวายมากเกินไปจนรบกวนนางอยู่ทั้งคืน”
มู่ไป๋ไป่จับน้ำเสียงของอาจารย์ได้ เธอรู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกรธ เธอจึงแอบสบถในใจเพราะว่าเธอเสียเลือดไปมากจนทำให้สมองมึนงง
เพราะฉะนั้นหญิงสาวเลยแสร้งทำตัวน่าสงสารเพื่อร้องขอความเมตตาจากอีกฝ่าย “ท่านอาจารย์ ข้าผิดไปแล้ว เมื่อกี้ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น เป็นเพราะว่าข้ารู้สึกปวดหัวและเพิ่งตื่นก็เลยพูดจาเหลวไหลกับท่าน”
“โชคดีที่เมื่อคืนนี้ท่านอาจารย์กับถังถังคอยดูแลข้า ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะฟื้นเร็วขนาดนี้หรือไม่”
“ท่านอาจารย์ ท่านลองตรวจชีพจรข้าอีกครั้งดูเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาอีก”
หญิงสาวพูดจบแล้วก็ทำท่าทางจะล้มลงบนเตียง
ภาพตรงหน้าทำให้เซียวถังถังสะดุ้งตกใจแล้วรีบไปช่วยพยุงอีกฝ่าย ก่อนจะตะโกนบอกอาจารย์อย่างเป็นกังวล “ท่านอาจารย์! ท่านเห็นหรือไม่ว่าไป๋ไป่จะเป็นลมอีกครั้งแล้ว ท่านรีบมาตรวจนางดูเร็วเข้า!”
“เมื่อคืนนี้นางดื่มยาไปแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วไยนางถึงเป็นลมอยู่อีก หรือมีอาการอะไรที่ท่านตรวจหาสาเหตุไม่พบ?”
เจียงเหยาจ้องอีกฝ่ายด้วยความโมโห “จะมีอาการอะไรที่ข้าคนนี้ตรวจไม่พบ เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่านางเสแสร้ง”
เสแสร้ง?
เซียวถังถังหันกลับไปมองมู่ไป๋ไป่ด้วยความประหลาดใจและเห็นว่าอีกฝ่ายขยิบตาให้ตนอยู่
หญิงสาวถึงกับพูดไม่ออกทันที
นี่เป็นเพียงแค่การแสดงจริง ๆ!
แต่พอเซียวถังถังคิดถึงมิตรภาพระหว่างพวกนางทั้ง 2 นางก็เลือกที่จะช่วยศิษย์พี่ใหญ่
ดังนั้นหลังจากที่มู่ไป๋ไป่ส่งสัญญาณ นางก็ทำเสียงตกใจพูดกับเจียงเหยาว่า “ท่านอาจารย์! ท่านอาจารย์มาดูหน่อยสิ ข้าไม่คิดว่าไป๋ไป่กำลังเสแสร้งอยู่”
เซียวถังถังตะโกนบอกผู้เป็นอาจารย์ นั่นทำให้ความมั่นใจของเจ้าหุบเขาหมอเทวดาสั่นคลอนลงเช่นกัน นางจึงชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเดินเข้ามาดูด้วยความเป็นกังวล
เมื่อเจียงเหยาเดินมาถึงข้างเตียง นางก็เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของมู่ไป๋ไป่ นางจึงรู้ได้ทันทีว่าตนถูกลูกศิษย์หลอกเข้าแล้ว “เจ้าพวกเด็กแสบ เจ้ายังกล้าหลอกอาจารย์ด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านอาจารย์ ๆ ข้าไม่กล้าแล้ว!” มู่ไป๋ไป่รู้ว่าเจียงเหยารักตนมาก ดังนั้นเธอจึงทำท่าทางออดอ้อนอีกฝ่ายเต็มที่ “ข้าแค่กลัวว่าท่านจะโกรธข้า ท่านอาจารย์ ข้าแค่ไม่กล้าบอกท่านเท่านั้น...”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 165
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น