ตอนที่ 26 .. “ ทำด้วยใจให้ด้วยรัก ”

พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

-A A +A

ตอนที่ 26 .. “ ทำด้วยใจให้ด้วยรัก ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ 

   เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึง เหตุการณ์ของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น

.. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. พัชฌา

 

(เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ)  พัชฌา

ขอขอบคุณ วงเดอะเซ็นต์ นักบุญทั้ง 9 จาก ค่ายนิธิทัศน์-ออนป้า

ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย

เมฆดำ - เดอะ เซ้นท์

https://youtu.be/pluwflZM2es

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 26 .. “ ทำด้วยใจให้ด้วยรัก ”

   แล้วเทียนหอมก็ตบมือเรียกทุกคนให้รีบเคลื่อนย้ายทันที เคลื่อนพล Clear พื้นที่ ขิงก็วิ่งขึ้นไปปิดบนบ้านล๊อกทุกอย่างพอเห็นว่าเรียบร้อยก็บอกเผด็จ “เรียบร้อยแล้วค่ะผู้การ”

   เผด็จก็บอกให้รีบไปที่ฮอร์อย่ารีรอมืดมากแล้ว ฮอร์มีสองลำ ลำแรกก็ชุดของเทียนหอมที่มาด้วยกัน ลำที่สองมีครอบครัวแทนไท สน เผด็จและโบว์ ขิงดูแลพ่อ ส่วนเผด็จดูโบว์ เมียสลบไปตอนไหนไม่รู้

<<<<< ===== >>>>>

   ฮอร์บินกลับมาถึงฐานแล้ว เบ็นซ์และแป๋ว เป็นห่วงโบว์ ไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง ขมมผิง ขนมเบื้องโบกมือให้และวิ่งมาหาพ่อพร้อมเกศินีและแม่ผาด ทุกคนลงจากฮอร์แล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เผด็จก้มลงไปหอมหน้าผากลูกสาวกอดด้วยแขนขวา ข้างซ้ายกอดเกศินีแล้วก็วิ่งเข้าฐาน แป๋ว เบ็นซ์ ช่วยกันอุ้มโบว์ลงเปล แล้วก็วิ่งตามกันไป ขิงกับสนประคองแทนไทลงเปล แล้วก็วิ่งเข้าฐานเช่นกัน ที่เหลือก็ช่วยตัวเอง อีกลำของเทียนหอมพอลงถึงพื้นก็รีบวิ่งเข้าฐาน แล้วเทียนหอมก็ให้สัญญานทั้งสองลำกลับหน่วยได้

   เผด็จวอร์บอกให้กันตภณ ไปรับครอบครัวเขาขึ้นฮอร์มาตั้งแต่บ่ายแล้ว ก่อนที่จะไปรับที่หุบเขา เพราะอยากทำให้แม่รู้ว่า เขารักลูกไม่ได้ทอดทิ้งวันนี้เป็นวันลอยกระทง อยากทำให้ลูกเซอร์ไพร์สและก็ได้ผล ทุกคนมีความสุขมากที่ครอบครัวอยู่ครบ

----- ***** -----

   ย้อนไปดูทับทิมกับอัธวุฒิ เมื่อตอน 16.30 น. เมื่อออกจากหุบเขา ฮอร์บินตรงไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ประมาณครึ่งชั่วโมง เครื่องก็ลงจอดที่บนอาคาร อัธวิทย์ได้วอร์บอกแล้ว ทุกคนจึงมารอ เจ็บหนักๆมี ทับทิมกับอัธวุฒิ ทั้งสองคนมือไม่ปล่อยจากกันมาตลอดทาง เมื่อลงจากเครื่องมือถึงแยกออกจากกันได้ รถก็รีบเข็นเปลของทั้งสองคนไปยังห้องฉุกเฉินแยกไปคนละห้อง แตงโมไปดูน้อง ปูนก็ตามไปด้วย อัธวิทย์ไปดูพ่อ ที่เหลือก็แยกย้ายกันไปพักและกลับหน่วย ทับทิมได้รับบาดเจ็บมาก เพราะเอาตัวมากันบังแรงระเบิดให้กับอัธวุฒิ ทำให้เศษลังไม้ไม่ใหญ่มากกระเด็นมาปักที่ท้องเธอลึกพอประมาณ 2 อัน ใกล้ๆไส้ติ่ง

   ส่วนอัธวุฒิแขนทั้งสองข้างเลือดไหลไม่หยุดโดนยิงที่แขนขวาแผลใหม่และข้างซ้ายแผลเก่าที่อักเสบ แขนเริ่มชา หมดสติไปตอนไหนไม่รู้ หมอได้ทำการช่วยชีวิตของทั้งสองทันที เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงหมอผ่าตัดเอากระสุนของอัธวุฒิและเย็บแผลให้แขนทั้งสองข้างเรียบร้อย ส่วนทางทับทิมหลังจากดึงหน้ากากตัวเองและหน้ากากอ๊อกซิเย่นออก หมอสาวกับทีมก็รีบช่วยทันทีกินเวลานานมากเกือบชั่วโมง หมอต้องระวังเป็นพิเศษ พยายามเอาเศษไม้ออกจากท้องอย่างปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะอันหนึ่งมีตะปูที่เป็นสนิมติดมาด้วย เมื่อเอาออกมาได้ก็ฉีดยากันบาดทะยักให้เรียบร้อย ส่วนอีกอันไม่มีตะปูก็จริงแต่ปักลงไปลึกมาก

   ทับทิมเหมือนจะทนไม่ไหวกับบาดแผลในครั้งนี้ การเต้นของหัวใจอ่อนมากจนน่าเป็นห่วง “หมอคะ คนไข้แย่แล้ว” สัญญานชีพใกล้เหลือศูนย์ หมอรีบหยิบเครื่องปั๊มหัวใจให้ทันที แตงโมกับปูนเดินสวนกันเหมือนเดินสวนสนามเป็นห่วงทับทิม ปั๊มครั้งแรกไม่สำเร็จ สัญญานขาดเป็นเส้นตรง เสียงดังตื๊ด “กลับมา กลับมาหาฉันก่อน สาวน้อย”

   หมอสาวอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วหมอก็ขออีกที ปั๊มลงไปใหม่ ได้ผล สัญญานชีพจรเริ่มกลับมาแล้ว

“ขอบใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงๆ” พอสัญญานชีพเริ่มกลับมาหมอสาวก็มีกระจิตกระใจรักษาต่อ จนผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เย็บแผลปิดได้สำเร็จเรียบร้อย เล่นเอาเหงื่อตกไปทั้งทีม

   พอไฟหน้าห้องผ่าตัดดับ หมอสาวเดินออกมาพร้อมเข็นทับทิมไปยังห้อง ICU แตงโมและปูน วิ่งเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงทับทิม ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 18.30 น. เวลาเดียวกันกับที่เผด็จกำลังต่อสู้กับเหล่าร้ายทางเมืองกาญจน์ หมอสาวยิ้มให้กับแตงโมและปูน พร้อมกับถอดหน้ากากอนามัยออก

“น้องผมเป็นยังบ้างครับหมอ” ปูนวิ่งไปดูเพื่อนที่สภาพดูไม่ได้ ที่ปากมีอ๊อกซิเย่นคาบอยู่ หลับนิ่งหายใจระรวยๆอ่อนมาก

“ปลอดภัยแล้วค่ะในเบื้องต้น แต่ยังไม่ 100% คนไข้ร่างกายอ่อนแอและบอบช้ำมาก หยุดหายใจไปครั้งนึง ประมาณ 5 วิ ทางเราก็ดึงกลับมาได้ ถือว่าโชคดีมาก เอาหละค่ะหมอคงบอกอาการคุณเบื้องต้นได้แค่นี้นะคะขอตัวก่อน”

   แล้วหมอก็เดินจากไป แตงโมเดินไปหาปูนซึ่งยืนมองเพื่อนอย่างกังวล ยืนร้องไห้อยู่หน้าห้อง ICU แตงโมเดินไปดูเช่นกัน ปูนหันไปซบอกแตงโมแล้วร้องไห้โฮ แตงโมเอามือมาลูบหัวและปลอบเพื่อให้ปูนหายเครียด

   แล้วก็หันไปดูสภาพน้องที่นอนเหมือนผักอยู่บนเตียง

“นี่หรือผลของการทำดี เราคิดผิดหรือคิดถูกวะ ที่ลากน้องกับเพื่อนมาทำงานพวกนี้” เมื่อคิดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาทันที

----- ^^^^^ -----

   ตัดกลับมาที่ฐาน เวลาตอนนี้ 19.00 น. ทุกคนอิดโรยกับการกรัมศึกในครั้งนี้ โบว์ได้ถูกนำเข้าห้องรักษาพิเศษ โดยการรักษาของหมอไตรทศและเกศินี เผด็จขอทั้งสองคนไว้อย่างหนึ่งคืออย่าถอดหน้ากากเธอ ทั้งสองขอเหตุผล เผด็จบอกไม่ต้องถามให้ทำตามที่เขาขอเป็นพอ ทั้งสองก็ยอม เพราะนางแมวป่าถือว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่มีบทบาทในการถล่มรังโจร มีความดีที่เข้ามาช่วยในเหตุการณ์ครั้งนี้จึงหมดข้อสงสัยทำการรักษาให้เป็นอย่างดี ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนก็เดินออกมา เพ็ญพยายามมองเผด็จอย่างไม่คลาดสายตา จนเบียร์ต้องเรียกสติกลับมาทุกครั้ง หมอไตรทศเดินมาหาเผด็จ ยิ้มให้แล้วเอามือแตะไหล่เบาๆ

   เกศินีนั่งลงข้างๆแล้วจับมือสามีและยิ้ม “เธอปลอดภัยแล้วนะพี่เด็จ อย่าห่วงเลย สบายใจได้ หนูให้ยานอนหลับและวิตามินกับเธอแล้วได้พักผ่อนสักนิดก็จะดีขึ้น ดูพี่เป็นห่วงเด็กคนนี้มากนะคงจะเป็นคนสำคัญมากคนหนึ่งไม่งั้นคงไม่ลงทุนอุ้มมาด้วยตัวเอง”

   แล้วเกศินีก็เอามือขวาแตะมือซ้ายสามีเบาๆกำเอาไว้และก็ลุกไปเหมือนน้อยใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีอยู่ในข้อตกลง หมอไตรทศบอกเพิ่มอีกนิดเสริม “ช่วงนี้ห้ามให้เธอบู๊ล้างผลาญแบบนี้อีกนะครับผู้การ เพราะร่างกายเธอตอนนี้บอบช้ำมากแต่ยอมรับว่าอึดมากขอบอก ไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน รักษามาก็เยอะ เจอคนมาก็แยะ คนอะไรใจสู้ชะมัด ทั้งๆที่เจ็บขนาดนั้น”

   เบ็นซ์และแป๋ววิ่งเข้ามาถามอาการ “น้องหนูเป็นไงบ้างค่ะหมอ” ไตรทศหันไปยิ้มให้

“ปลอดภัยแล้วครับเข้าไปหาได้เลย” ทั้งสองคนไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปเลย แล้วหมอก็เดินจากไป ถอดเสื้อกราวใส่แขนไปหาอะไรทานเพราะยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า

   วันนี้วันดีวันลอยกระทง เผด็จบอกใครอยากไปลอยไปเที่ยวเชิญได้ตามสบาย เขาจัดรถตู้ไว้ให้แล้ว 2 คัน ทุกคนดีใจมาก ก็เลยแยกย้ายรีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ยกโขยงไปกันไปหมด โดยมีงบพิเศษก้อนหนึ่งประมาณหมื่นให้ ฝากไว้ที่เทียนหอม 

   เผด็จกลับมาที่บ้านตัวเอง เกศินีจงใจเข้ามาอาบน้ำให้เผด็จ ได้ผล บรรยากาศเป็นใจคลายเครียด เผด็จเลยจัดให้หนึ่งดอก หลังออกมาจากห้องน้ำก็นอนคุยกัน เผด็จบอกให้เกศินีพาลูกและแม่ไปงาน เขาไม่ไปเพราะไม่ชอบ เกศินีอ้อนอยากให้สามีไปด้วย

“พี่ฝากลูกกับแม่ด้วยนะ” เผด็จลูบผมเกศินีขณะที่นอนกอด “หนูอยากให้พี่ไปด้วย นานๆเราจะได้อยู่กันครบพ่อแม่ลูกนะพี่”

   เผด็จไม่ชอบคนเซ้าซี้มันน่ารำคาญเกศินีก็รู้ถึงสิ่งนี้ดี แต่ก็ยังดื้อ จนเผด็จต้องลุกขึ้นจากเตียง เกศินีรีบดึงตัวสามีลงมาแล้วกอดไว้ แล้วก็ขอโทษ “โอเครๆหนูขอโทษ หนูผิดไม่งอนนะคนดีของหนู”

   เผด็จทำท่าไม่พอใจ เกศินีจึงหอมแก้ม แล้วเล้าโลมเอาใจ

“ไม่ไปก็ไม่ไป หนูไปคนเดียว” ไม่มีคำตอบจากเผด็จ จากนั้นเขาก็เสร็จเกศินีอีกครั้งกับการเล้าโลมเอาใจของยอดภรรยา

   หลังจากเสร็จกิจเรื่อง Sex ถึง 2 ครั้ง เกศินีมีความสุขตามความปรารถนาของเธอแล้ว เธอก็ยอมทำตามความต้องการของสามี เพราะ ทำด้วยใจให้ด้วยรักเกศินีแต่งตัวเสร็จก็ก้มลงไปจูบปากและหอมแก้มสามีซึ่งนอนหมดแรงอยู่บนเตียงสภาพเปลือยเปล่า

***** ----- *****

   ทุกคนมีความสุขมากที่ได้มาเที่ยวงานนี้ เพราะถือว่าเป็นโบนัสพิเศษหลังจากรอดตายกันมา แถมมีเงินให้ใช้ ทุกคนไปลอยกระทง อธิฐานขอพรกันใหญ่ หลายคนมีความสุขเหมือนไม่ได้ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆอะไรมาเลย เกศินีพาลูกๆและแม่สามีมาเที่ยว ทุกคนมีความสุข จะมีก็แต่ขิงที่นั่งเฝ้าพ่อ เบ็นซ์ แป๋วนั่งเฝ้าโบว์ อัธวิทย์นั่งเฝ้าพ่อ และแตงโมกับปูนที่นั่งเฝ้าดูอาการทับทิม ในค่ำคืนนี้

  

   หลายชั่วโมงผ่านไป เผด็จตื่นขึ้นมา ก็อาบน้ำอีกครั้ง แล้วก็เดินลงไปที่ห้องพักของโบว์ซึ่งยังคงนอนหลับ แต่ไม่ได้เข้าไปคงได้แต่ยืนมองอยู่หน้าห้อง เบ็นซ์ แป๋ว และโบว์ได้ถอดหน้ากากออกและเปลี่ยนชุดเก่าออกใส่ชุดใหม่ที่เกศินีเอามาให้

>>>>> ***** <<<<<

   รุ่งเช้าทุกคนก็แยกย้ายเดินทางกลับสู่ กทม. แทนไท ขิง โบว์ เบ็นซ์และแป๋ว เผด็จให้ขึ้นฮอร์ไป เพราะร่างกายยังไม่แข็งแรง โบว์ยังเจ็บขา แขน คอและหน้าอก โดยมีเกศินี เป็นผู้รับผิดชอบ แทนไท มีอาการแทรกซ้อนของโรคหัวใจกำเริบหมอไตรทศเป็นผู้ดูแลส่งให้ถึงโรงพยาบาล และ หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผ่านไป ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่เหตุการณ์ปกติ ใครเคยทำอะไรก็ทำไป

   ข่าวออกอย่างครึกโครมเกี่ยวกับการปราบปรามอย่างเงียบๆในครั้งนี้ ทุกฝ่าย เอกชนรวมทั้งภาครัฐดีใจมาก ที่อย่างน้อยแหล่งผลิตแห่งใหญ่ก็ได้ถูกกำจัดไปได้อีกแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะยังหาเจ้าของที่แท้จริงไม่ได้ เชี่ยวเมื่อได้รับแจ้งรายงานจากท่านนายกรัฐมนตรี ก็ยิ้มหน้าบาน มีผลงานโดยที่ไม่ต้องออกแรง รถขนยาเหลือเป็นหลักฐานเพียงคันเดียวที่นำกลับมาได้ แทนไทต้องเก็บความอดสูไว้เองอย่างเงียบๆไม่ให้ใครรู้ ฉัตรเทพถึงแม้ว่าจะไม่ได้ของแต่ก็สะใจที่ ไม่มีใครได้อะไรไปเลย แต่ต้องหาวิธีฆ่าสามสาวให้ได้

----- ^^^^^ -----

   1 เดือนผ่านไป ทุกคนก็ทำงานกันไปตามปกติ คนที่ป่วย นอนโรงพยาบาลก็ดูแลรักษากันไป คนที่หนีก็หนีไป คนที่อยู่ก็ดูแลกันไปตามอัตภาพ..เนื่องจากโบว์ยังนอนพักรักษาตัว ยังไม่หายดี เบ็นซ์จึงต้องมาสอนพิเศษลูกๆเผด็จแทน ซึ่งไม่ขอก็ต้องมา เพราะอยากมาอยู่แล้วจึงทำให้เบ็นซ์และเผด็จใกล้ชิดกันมากขึ้น มีความสนิทสนมกันมากขึ้นจนขนมผิงไม่พอใจ ถึงขนมผิงจะชอบโบว์มากกว่าเบ็นซ์ แต่ก็ไม่อยากให้ใครเป็นแฟนพ่อทั้งนั้น จึงพยายามทำทุกวิถีทางที่ไม่ให้เขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน เวลาพักก็เข้ามาป่วน พ่อไม่ได้เอ๊ะใจ ก็นึกว่าลูกมาเล่นด้วยช่วงนี้เผด็จเลยได้อยู่บ้านยาวไม่ได้ไปไหน ถือว่าพักร้อนไปในตัว แต่ข้อตกลงที่ให้ไว้กับเกศินีก็ยังทำตามปกติคือ 1 สัปดาห์ไปหา 1 วัน ช่วงนี้ก็เลยทำให้ทุกฝ่าย Happy ยังไม่มีใครแผลงฤทธิ์ รอให้ระเบิดเวลาทำงานก่อนเถอะ

----- ****** -----

   เบ็นซ์พยายามที่จะปิดกั้นตัวเอง พยายามหนีใจตัวเองที่จะไม่รักไม่ชอบเผด็จ เพราะหลังจากที่ได้คลุกคลีกับเขาบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องการต่อสู้ ไปเที่ยวและรอยยิ้ม เธอมั่นใจว่ามีความสุขแน่ถ้าได้อยู่กับชายคนนี้ ที่คิดเช่นนั้นเพราะเธอไม่รู้ว่าโบว์เป็นคนรักของเผด็จ..สามอาทิตย์ผ่านไป โบว์เริ่มดีขึ้น ขาที่เจ็บเริ่มดีขึ้น ดีนะที่ไม่หัก สภาพร่างกายเริ่มจะสมบูรณ์แต่ยังไม่ร้อย% ขาเริ่มเดินเองได้แล้ว ไม่ต้องนอนแกล่วบนเตียง วันนี้เลยขอหมอลงมาเดินเที่ยวข้างล่างรับลมโดยเบ็นซ์พานั่งรถเข็นลงมา

“เป็นไงบ้างพี่เบ็นซ์ ได้ไปบ้านคุณอาสมใจแล้วซิ” โบว์พูดแบบเสียใจนิดๆที่ตัวเองไม่ได้ไปอยู่ใกล้ๆสามี เบ็นซ์ยิ้มนิดๆ

“ดีใจซิ คุณอาน่ารักและสุภาพกับพี่มาก วันๆไม่ได้ไปไหนนั่งๆนอนเล่นอยู่กับลูกๆที่บ้านดูอบอุ่นดี นี่แหละคือสิ่งที่พี่ต้องการ”

“แล้วเขาไม่ถามถึงหนูเหรอว่าหายไปไหน ใจดำมากเลยนะ” โบว์พูดแบบน้อยใจสามี <แล้วเขาจะรู้ไหมว่าหล่อนเจ็บหนะ>

“ถาม พี่ก็บอกไปว่า แกมีงานด่วน ต้องไปต่างประเทศเกือบเดือน มีคนเขาให้ไปเป็นล่ามที่เมืองจีน ก็เท่านั้น” โบว์มองเบ็นซ์

“ช่างกล้าเนาะ บอกคุณอาแบบนั้นไปได้ยังไง หนูให้บอกอีกอย่างแล้วทำไมพี่ไปบอกอีกอย่าง แค่บอกว่าหนูไม่สบาย เป็นหวัด มันก็จบแล้ว หายเมื่อไหร่จะกลับไปสอนเหมือนเดิม”

   เบ็นซ์ทำท่าผิดกับน้องสาวแกล้งทำปากจู๋ โบว์หันไปมอง “บ้า..ช่างเถอะ”

----- ****** -----

   เชี่ยวเรียกอัธวุฒิมาคุยเรื่องงานหมั้นและแต่งกับเพ็ญ ว่าจะเอายังไง

“ว่าไงอัธวุฒิ เมื่อไหร่ ฉันจะได้จัดงานซะทีคนอื่นเขาก็รู้กันทั่ว เลื่อนมาก็ครั้งนึงแล้ว เห็นว่ามีงาน มีภาระกิจ ลูกผู้ชายหนะ พูดอะไรไป รับปากอะไรใครแล้วมันต้องทำให้ได้” เชี่ยวดูเหมือนจะหัวเสียมาก “สุขภาพก็ดีขึ้นแล้วไม่ใช่รึ หมั้นก่อนก็ได้ ว่าไง”

   อัธวุฒิไม่รู้จะพูดยังไงรู้ว่าเพ็ญไม่เอาด้วยแน่ และตอนนี้ตัวเขาเองก็รักชอบคบหาอยู่กับทับทิมแล้ว ไม่อยากให้ทับทิมเสียใจ ไม่ได้ชอบเพ็ญเหมือนเมื่อก่อน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะตั้งแต่ได้ไปเยี่ยมและดูแลทับทิมบ่อยๆก็มีความรู้สึกดีๆให้กันโดยไม่รู้ตัวทั้งคู่

“ท่านครับ ผมขอให้ท่านกลับไปคิดดูใหม่อีกสักครั้งได้ไหมครับ ท่านก็รู้ว่าคุณหนู เขาไม่ได้รักและชอบผม ผมไม่อยากหักหาญน้ำใจใคร” อัธวุฒิพยายามถ่วงเวลาเพื่อจะหาทางออกให้ดีที่สุด เพราะนี่มันเรื่องใหญ่ของคนสามคนเลยนะเนี่ย จะเอาไงดี

“ได้..ถ้าผมกลับไปถามเพ็ญแล้ว เพ็ญตกลง กลางเดือนหน้าเป็นอันว่าจบนะ ฉันจะได้สั่งให้เขาพิมพ์การ์ดทันที”

“เออ..มันไม่เร็วไปเหรอครับท่าน” อัธวุฒิลุกขึ้นเพื่อต่อรอง “ตามนี้นะ หมดเรื่องแล้ว ฉันมีงาน ออกไปได้แล้ว” เชี่ยวตัดบท

   อัธวุฒิเดินออกมา แล้วหันไปมองเพ็ญ ที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้อง เพ็ญหันมา ไม่พูดอะไร เขาดูนาฬิกาที่ข้อมือ เลิกงานแล้วไม่รู้จะไปไหน ก็เลยตรงไปที่โรงพยาบาล ซื้อดอกไม้ไปฝากทับทิมซึ่งนอนพักรักษาตัวอยู่เหมือนเดิม แต่หน้าไม่ยิ้ม ทับทิมเลยถาม

“คุณอาเป็นอะไรคะ ทำไมหน้าตาไม่ยิ้มเลย” อัธวุฒิ เอื้อมไปจับมือทับทิม แล้วถอนหายใจ ตบที่มือเบาๆ แล้วนั่งลงอย่างช้าๆ

   ทับทิม เอามือที่เหลืออีกข้างมาจับแล้วลูบเบาๆเหมือนให้กำลังใจ แล้วส่งยิ้มให้ อัธวุฒิปล่อยมือแล้ว ไปลูบผมทับทิมเบาๆ

“มีอะไรค่อยๆพูดออกมา ไหนคุณอาเคยบอกหนูว่ามีอะไรเราจะไม่ปิดบังกันไงคะ คนรักกันย่อมไม่มีอะไรเป็นความลับ”

“คือ จะให้อาพูดยังไงดีหละ” แล้วอัธวุฒิก็ลุกขึ้นยืน ทับทิมค่อยๆดันตัวขึ้นมาโดยเอามือขวาเอื้อมมาดึงแขนคนรัก

“ที่รัก” ทับทิมเรียกอัธวุฒิ เขาคอตกลงเหมือนไม่มีทางออก แล้วก็ค่อยๆนั่งลง ทับทิมพยายามถ่อสังขาร ทั้งๆที่เจ็บอยู่มาหาแฟน

“มีอะไรก็บอกหนูได้นะหนูรับได้ เราพึ่งเริ่มคบกันดูใจกัน ยังไม่ถึงเดือน มันคงไม่มีอะไรลึกซึ้งหรอก” แล้วทับทิมก็นิ่ง

“เรื่องลูกสาวของท่าน ผบ.ใช่ไหม ที่อาเคยเล่าให้หนูฟังว่า ท่าน ผบ.ต้องการให้อาแต่งกับนางหนะ” อัธวุฒิพยักหน้า ถอนหายใจ

“ท่าน ผบ.เขาต้องการให้อาแต่งงานกับคุณหนูเพ็ญเร็วๆนี้ กลางเดือนหน้า” เท่านั้นแหละ ทับทิมตกใจปล่อยมืออัธวุฒิทันที แล้วเอนตัวกลับลงไปนอน น้ำตาเริ่มไหลซึมออกมาอย่างเร็วโดยไม่รู้ตัว ถึงเสียงไม่ดังมาก แต่อัธวุฒิก็ได้ยิน จึงหันกลับไปดูและปลอบใจ

   ขณะนั้นปูนเปิดประตูเดินเข้ามาพอดี “ทำอะไรหนะ” ปูนเดินไปดึงตัวอัธวุฒิออกมาแล้วผลักออกไปอย่างแรง

“ร้องไห้” ปูนหันไปถามอัธวุฒิ

“คุณทำอะไรเพื่อนฉัน อย่านึกว่าแค่รู้ความลับว่าเราเป็นใคร แล้วจะมารังแกกันได้ง่ายๆ แบบนี้นะ ฉันไม่ชอบ”

“ผมไม่ได้ทำอะไรเพื่อนคุณเลยนะ อยู่ดีๆ ทับทิมเค้าก็ร้องไห้ออกมาเอง ผมแค่จะเข้าไปถามดู ว่าเป็นอะไร ก็เท่านั้น”

“แล้วทำไมต้องโอบด้วย เดินไปถามดีๆก็ได้ เดินอ้อมมาแบบนี้หนะ” ปูนชี้หน้าอัธวุฒิแบบไม่เกรงใจความอาวุโสเลย เพราะโกรธ

   แล้วปูนก็ดูเพื่อนที่กำลังนอนร้องไห้อยู่ “ทับทิม ทับทิม เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรแกบอกฉัน ใครบอกมา ฉันจะไปจัดการมันเอง” แล้วปูนก็มองไปที่อัธวุฒิ

   ทับทิมโบกมือ แล้วเอามือขวายื่นมาจับมือซ้ายเพื่อน “ไม่ใช่เขา ไม่ใช่เขา ไม่ใช่เขา”

“แล้วใคร” ปูนเค้นความจริง “ท่าน ผบ.” ปูนงง ผบ.มาเกี่ยวอะไร

   ทับทิมไม่อยากปิดบังเพื่อนอีกต่อไปแล้วกับเรื่องนี้ จึงบอกความจริงกับปูนว่า เธอกับอัธวุฒิชอบกัน รักกัน ตกลงตัดสินใจเริ่มคบกันมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่กล้าบอกใครอีกอย่างกลัวแตงโมจะว่า อาจจะเป็นเพราะความใกล้ชิดและความเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอของอัธวุฒิที่ทำให้กับเธอ เพราะ ทำด้วยใจให้ด้วยรัก

   ระหว่างที่เล่านั้น ทับทิมก็หันไปกวักมือเรียกให้อัธวุฒิมานั่งบนเตียงข้างๆเธอ อัธวุฒิก็ตามใจแฟน ลงมานั่งข้างๆ ทับทิมขยับตัวไปซบอ้อมอกอัธวุฒิแล้วกอดไว้ เมื่อปูนรู้ความจริงทั้งหมดถึงกับผงะทันที

“อะไรนะ แกกับผู้กำกับ” ทับทิมพยักหน้าขณะที่กอดอัธวุฒิอยู่

“แล้วจะให้อาทำยังไง อาตื้อและตันไปหมดแล้ว” อัธวุฒิพูดออกมาแบบสิ้นหวัง จนทำให้ปูนต้องถอยกรูดออกมาทันที งงมาก

“เอ้อ..” ปูนไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้ว เลยยกมือขอโทษอัธวุฒิก่อนอันดับแรก อัธวุฒิโบกมือว่า ไม่เป็นไร แล้วก็ลงมานั่งข้างเพื่อน

“แล้วคุณอาจะทำยังไงต่อไปหละค่ะ” ทับทิมเป็นห่วงคนรัก เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาของแฟนที่กำลังไหลซึมออกมา จนปูนเห็นใจ

“บอกตามตรงนะ ไม่รู้ เพราะท่าน ผบ.ไม่ฟังใครเลย ไอ้ตอนนั้นเราเองก็ดันไม่กล้าที่จะปฏิเสธิตั้งแต่ครั้งแรก เพราะตอนนั้นยอมรับใจมันเป๋ๆไปบ้าง” ทับทิมหยิกแขนอัธวุฒิ แล้วทำงอนใส่ หันหน้าหนี

   อัธวุฒิเลยเอื้อมมือไปจับหน้าแฟนหันกลับมาแล้วก็จูบปากทันทีโดยที่ไม่สนใจว่ามีใครนั่งอยู่ตรงนั้น ปูนเหมือนเป็นส่วนเกินเลยเนาะ รีบลุกถอยกรูดอีกครั้งไปติดข้างฝา สักพักเขาก็ปล่อย

“มั่นใจรึยังว่าอามีหนูคนเดียว” ทับทิมพยักหน้า เจอลูกนี้เข้าไป ระทวยเลยหมดฤทธิ์ พอเหตุการณ์ปกติ ปูนกลับลงมานั่งใหม่

“อาขอตัวกลับก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้าก็แล้วกัน คิดถึงนะเด็กโง่” แล้วก็ก้มไปหอมหน้าผากแฟนอีกครั้ง และก็กลับไป

   หลังจากที่อัธวุฒิกลับไป ปูนก็เค้นความจริงเอากับเพื่อนอีกรอบ แบบไม่เกรงใจแล้ว เพราะเห็นตำตาขนาดนี้ ตาร้อนเลย

“บอกมาเลย เอาให้ละเอียดเลยนะไอ้เตี้ย ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ตอนไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมมันถึงไวขนาดนี้”

   แล้วทับทัมก็หยิบรูปที่อยู่ใต้หมอนออกมาและยื่นให้กับปูน “อะไร” ปูนงง กับสิ่งที่ทับทิมยื่นให้ 

“ก็สิ่งที่แกอยากได้เมื่อหลายเดือนก่อนไง ที่ทะเลาะกับฉันเมื่อครั้งนั้นหนะ จำได้ไหม ก็รูปนี้แหละ” แล้วปูนก็หงายดู รูปอัธวุฒิ

“ไอ้เตี้ยนี่แก” ทับทิมพยักหน้า เขินก็เขิน อายก็อาย แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เมื่อความฝันเป็นจริงขึ้นมา โอกาสมาแล้ว ถ้าไม่ลองมันก็ไม่รู้ เธอก็เลยยอมเสี่ยงกับความรักในครั้งนี้ เมื่ออธิบายให้เพื่อนฟังจนหมดไส้หมดพุง ปูนจึงเข้าใจเพื่อนและไม่ข้องใจอีกเลย

“แล้วแกไม่ห่วงเรื่องอายุเหรอไงวะ เขารุ่นพ่อแกเลยนะ ลูกเขายังแก่กว่าแกเลย โอ๊ย..ไอ้เตี๊ยเอ๊ย แกคิดอะไรของแกเนี่ย”

“ก็เพราะรักไงเพื่อน ทำด้วยใจให้ด้วยรัก ความรักมันไม่มีคำว่าผิดมันถูกเสมอถ้าเราเข้าใจและใช้มันให้เป็น แกไม่เคยรักใครแกไม่รู้หรอกว่ามันมีความสุขแค่ไหน เมื่อได้คิดถึงใครสักคน อยากทำอะไรด้วยกัน เดินจูงมือกัน จ้องตากัน ทานข้าวด้วยกัน ถึงเวลานอนมีเขาอยู่ข้างๆตื่นขึ้นมาก็มีเขาอยู่ข้างๆหาอะไรให้เขาทาน ชีวิตมันก็แค่นี้แหละฉันไม่ต้องการอะไรเลย แค่นี้มันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ”

“แล้วนี่ถ้าพี่โมรู้หนะ บ้านแตกแน่แก” พอปูนพูดประโยคนี้ขึ้นมา ก็ทำให้ทับทิมคอตกหน้าเศร้าไปเลย ปูนเลยเดินเข้ามาปลอบใจ

“ก็นี่แหละฉันถึงไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใครนอกจากแกคนเดียวเลยนะไอ้ปูน แกเป็นเพื่อนรักของฉันคนเดียวที่ฉันไว้ใจ แกช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับช่วยฉันก่อนได้ไหม พอถึงเวลาดีๆที่เหมาะสมฉันจะบอกพี่โมเองเรื่องฉันกะคุณอาหนะ และเวลาที่ฉันไปไหนมาไหนกับคุณอา พี่โมจะได้ไม่สงสัยไง นะช่วยฉันหน่อยนะเพื่อนนะ ฉันไม่เคยขออะไรแกเลยในชีวิตนี้ตั้งแต่คบกันมา ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกและสุดท้ายเลยแล้วกัน นะ” ทับทิมพยายามอ้อนวอนเพื่อนเพื่อความรักของเธอ จะได้สมหวัง

“นี่แกจะให้ฉันเป็นไม้กันหมา เพื่อโกหกพี่โมเหรอ ฉันไม่เอาด้วยหละ ถ้าเขาจับได้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ฉันมิตายแหงแก๋เหรอแก”

“ไม่หรอก” ทับทิมมั่นใจ “ทำไมแกถึงมั่นใจขนาดนั้นวะ” ปูนข้องใจ

“ก็เพราะว่า พี่โมรักแก” เท่านั้นแหละ ปูนเงียบไปเลย

   สักพัก ปูนนึกขึ้นมาได้ ยังติดใจอยู่อีกเรื่องเลยถามทันที “ถามจริง” เอาศอกซ้าย กระทุ้งแขนขวาทับทิมเบาๆ 2 ครั้ง แล้วยิ้มนิดๆ

“อะไร” ทับทิมกำลังดูทีวี “ได้กันยัง”

   ทับทิมหันไปมองเพื่อน “บ้า..นอนแง็กอยู่แบบนี้ จะเอาเวลาไหนไปทำกัน อีบ้า คิดได้ไง”

***** ///// *****

   หลายวันผ่านไป โบว์เริ่มหายดี จึงกลับมาพักรักษาตัวที่คอนโด เบียร์เข้ามาพยุงช่วย และรับเอาของไปวางไว้ที่โซฟา

“เป็นไงบ้างพี่ หายดีรึยัง หนูขอบอกจากใจเลยนะพี่ ว่าพี่สาวหนูอึดจริงๆเจอขนาดนั้น เป็นหนูดับไปนานแล้ว”

“มันก็ไม่ถึงอะไรขนาดนั้นหรอกไอ้เบียร์” โบว์หันไปคุยกับเบ็นซ์

“พรุ่งนี้พี่ไม่ต้องไปแล้วนะ หนูจะไปเอง หนูไหวแล้ว”

“อย่าพึ่งเลย พี่ไปเองไม่เป็นไร ตอนนี้คล่องแล้วสนุกดี คุณครูพี่เบ็นซ์” โบว์อ้าปากจะพูด เบ็นซ์เลยตัดความรำคาญ

“เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปด้วยโอเครไหม จบนะ ไป ไป ไปนอนพักผ่อน แล้วตอนเย็นพรุ่งนี้จะได้มีแรงไปกัน”

   เบ็นซ์ดันโบว์ขึ้นไปบนห้อง แป๋วเดินออกมาจากห้องน้ำ

“ตกลงเอาไงต่อวะ” เบียร์เดินกลับเข้าห้อง แป๋วหันไปมองเบียร์นิดๆ

“เรื่องอะไร มันหลายเรื่อง” เบ็นซ์เดินเข้ามาถามหยิบส้มมาปอกไปด้วย

“ฉัตรเทพ” แป๋วพูดสั้นๆ เบ็นซ์เดินมาทิ้งตัวลงที่โซฟา

“นี่มันแปลกมากเลยนะ เดือนเต็มๆเงียบยังกะเป่าสาก ไม่มีความเคลื่อนไหวจากพวกนั้นเลย มันยังไงๆไม่รู้ ฉันมีความรู้สึกไม่ดีเลย ลางสังหรณ์มันบอกว่า ไม่นานเนี่ย ต้องมีเรื่องเข้ามาหาพวกเราแน่”

   แป๋ววิตกกังวล เพราะลางสังหรณ์นางไม่เคยพลาด

“เอาน่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราห้ามมันไม่ได้ ให้มันมาก่อนเถอะ แล้วค่อยขจัดมันไปที่ละเปราะ เชื่อฉัน” เบ็นซ์ถอนหายใจ

>>>>> ----- <<<<<

“เอาเป็นว่าผมจะให้แต่งหลังปีใหม่นะเพราะผมถามเพ็ญแล้ว เพ็ญก็ไม่ได้ว่าอะไร”

   เชี่ยวลักไก่อัธวุฒิง่ายๆแบบไม่ให้ตั้งตัว

“แต่ผมว่า ผมขอคุยกับคุณหนูเองดีกว่าได้ไหม ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณหนูเค้าอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับผม”

“เลื่อนมานานแล้ว เพราะผมเห็นว่ารักษาตัว บาดเจ็บ นี่ก็ดีขึ้นมากแล้วนี่ ก็จะจัดการให้มันจบๆไป ถ้ายังไม่อยากแต่ง ก็หมั้นก่อน ยังไงก็ต้องหมั้น ห้ามบิดพลิ้ว 15 มกรา ถือว่านี่เป็นคำสั่ง”

   เชี่ยวตัดบทบังคับดื้อๆ จนทำให้อัธวุฒิทำตัวไม่ถูกจริงๆ

***** ///// *****

   หลังจากที่ทุกคนหายดี ก็ดำเนินชีวิตตามปกติ เบ็นซ์ โบว์ไปสอนลูกๆเผด็จที่บ้าน เผด็จไปหาเกศินี ทับทิมก็แอบออกมาเที่ยวมาจู๋จี๋กับอัธวุฒิ โดยมีปูนมาเป็นไม้กันหมา จีจี้มาเที่ยวกับหมอไตรทศ สนิทกันมากขึ้นเมื่อตอนที่หมอดูแลและรักษาพ่อเธอจนหาย 

>>>>> ----- <<<<<

   เพ็ญพยายามติดต่อเผด็จเพื่อจะคุยเรื่องงานหมั้นระหว่างเขากับอัธวุฒิที่กระจายไปแล้ว แต่ก็ติดต่อไม่ได้สักที จนต้องมาหาถึงบ้านคำตอบที่ได้คือให้บอกความจริงพ่อไปและทำตามใจตัวเอง เมื่อบอกว่าให้ทำตามใจตัวเองจึงหลุดความจริงที่อึดอัดมานาน

“ได้ค่ะอาเต๋า ให้หนูทำตามใจตัวเองใช่ไหม” เธอจ้องและมองหน้าเผด็จ แล้วก็ตะโกนออกไปเสียงดังมาก จนคนในบ้านต้องชะโงกหน้าออกมาดู ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังบ้าน

“หนูรักอาเต๋า ได้ยินไหมคะ ว่าหนูรักอาเต๋า คนเดียวที่หนูจะแต่งและใช้ชีวิตด้วยคืออาเต๋า”

   เผด็จตกใจมากที่เพ็ญพูดประโยคนั้นออกมา ที่เพ็ญกล้าพูดออกไปก็เพราะทำด้วยใจให้ด้วยรัก เผด็จก็เลยพูดกับเพ็ญตรงๆเช่นกัน

“อาไม่ได้รักเพ็ญแบบนั้น ไม่สามารถแต่งงานกับเพ็ญได้ อามีคนที่รักอยู่แล้ว”

   เผด็จพูดความในใจออกไป เพราะอึดอัดเหมือนกัน

“อีนางแมวป่าคนนั้นใช่ไหม หนูเห็นนะที่หุบเขาหนะว่าทำอะไรกันในพุ่มไม้”

   เพ็ญระเบิดอารมณ์ออกมา ไม่ยอมฟังใคร

“อาว่าเพ็ญกลับไปก่อนดีกว่าป่ะ แล้วบอกความจริงกับพ่ออาจะช่วย เรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้ พ่อแกเป็นคนหัวดื้อ ฉันรู้ดี”

   แล้วผาดก็เดินเข้ามาแก้ปัญหาให้ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง “ไปคุยกับย่าทางโน้นก่อนลูก ย่ามีเรื่องจะคุยด้วย ไปนะคนดี”

“เพ็ญฟังย่านะลูก อาเต๋าเขารักหนูเหมือนลูกเลี้ยงหนูมาตั้งแต่แบเบาะเขาไม่สามารถมองหนูและคิดเป็นอย่างอื่นได้ ตัดใจซะนะลูก”

   ไม่รู้ว่าย่าผาดพูดอะไรต่ออีก เพ็ญถึงได้ยอมกลับไปโดยไม่ร่ำลาใครเดินร้องไห้ออกไปแล้วขับรถออกไปอย่างเร็วแทบจะเหาะเลย

----- ***** -----

   เมื่อเวลาผ่านพ้นไปจนเบ็นซ์คิดว่ามันคงถึงเวลาที่เหมาะสมต้องตัดสินใจแล้ว เพราะนี่มันก็ใกล้จะถึงวันคริสต์มาสและปีใหม่แล้ว จึงมาบอกโบว์ว่าชอบเผด็จมาก

“โบว์จะทำยังไงดีให้คุณอามาขอพี่สักที คบเป็นแฟนกันมาก็นานแล้วอยากขยับตำแหน่งและฐานะเป็นมากกว่าแฟน ที่เขาเรียกว่าภรรยาหนะ ทำไงๆช่วยพี่คิดที เราขอเขาเองดีไหม หรือว่าทุบหัวแล้วลากเข้าถ้ำเหมือนคนยุคหินดี”

   โบว์เลยอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาดื้อๆไม่พูดอะไร เพราะพูดไม่ออก พอสอนหนังสือเสร็จ ก่อนออกจากบ้านก็แอบปาเข็มบินทิ้งจดหมายไว้ที่กระจกหน้าต่างห้องนอนของเผด็จ เผด็จเดินเข้าห้องมาเห็นจดหมายจึงเปิดอ่าน “คืนนี้ขอพบด่วน ไม่มามีเรื่อง..เมีย”

   พอเผด็จมาถึงที่คอนโด ความหึงขึ้นหน้า งอน ไปต่อว่าเผด็จ พอเห็นตัวไม่พูดอะไร หยิบของใกล้ตัวเหวี่ยงใส่ปาใส่อย่างเดียว

“เดี๋ยว น้องแมว นี่มันอะไร เรียกป๊ามา แล้วไม่พูด กลับมาปาอะไรใส่เนี่ย คุยกันก่อน เมียจ๋า” โบว์ไม่สนใจพูดไปเหวี่ยงไป เดือด

“ก็รู้ว่านี่เมีย แล้วยังทำเจ้าชู้โปรยเสน่ห์ไปทั่ว ไอ้แก่เสน่ห์แรงนักใช่ไหม ทำให้สาวๆหลงรักตามๆกัน สัญญาอะไรไม่เคยทำได้”

“หนูเอาอะไรมาพูด ป๊าไม่เข้าใจ” เผด็จเดินยกมือกันเข้าไปหาจนประชิดตัว รวบมือได้ ก็กดแขนลง ความหึงขึ้นหน้า โบว์สะบัดแขนกระทุ้งเอวผัวอย่างแรงจนจุกตัวงอ หันมาตบหน้าผัวดังเพลี๊ยะอย่างแรง แล้วผลักผัวจนเซ เอานิ้วชี้ดันไปที่หน้าจนล้มนั่งกับพื้น

“เพ็ญเอย เบ็นซ์เอย เกศินีเอย โอ๊ย..แล้วยังจะมีใครอีกเนี่ยที่หนูไม่รู้” ยิ่งพูดยิ่งแค้น

“ทำแบบนี้จะให้หนูเชื่อใจป๊าได้ยังไง อย่าหวังว่าจะได้หนูเป็นเมียแบบ 100% เลย แค่เป็นแฟนที่ดีไม่นอกลู่นอกทางยังทำให้หนูไม่ได้ ขืนให้ร่างกายความสาวหนูไปเจ็บช้ำกันพอดี”

   เผด็จลุกขึ้นมาแล้วเดินตรงมากอดโบว์เอาหน้าซบที่แก้มแล้วหอมแก้มซ้ายและขวาเบาๆโบว์ยืนร้องไห้หันมาทุบมาตีไหล่ผัวอย่างแรงทุบจนไม่อยากจะทุบ พอหมดแรงก็ได้แต่ยืนร้องไห้ซบอกผัวอย่างเดียว

“ร้องออกมาให้หมด ถ้าคิดว่ายังไม่สบายใจและอึดอัด”

   เผด็จไม่พูดอะไรรวบขาโบว์และอุ้มไปนอนที่เตียงแล้วเริ่มเล้าโลมให้เธอหายเครียดได้ผล โบว์เริ่มมีอารมณ์ร่วมจนเคลิ้มจากนั้นก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ เผด็จถอดเสื้อเธอออกทั้งนอกและใน ถอดรองเท้าบู๊ท กางเกงขายาวของเธอจนเหลือแต่บิกินี่ตัวน้อยเช่นเดิม จากนั้นก็ทำให้โบว์หายเครียด ตามแบบฉบับเดิม ประกบปากจูบ ไซร์ซอกคอ มีความสุข จนหลับ นอนกอดกันไปจนถึงเช้า

----- ^^^^^ -----

   รุ่งเช้าวันใหม่ที่สดใส โบว์นอนกอดผัวขาก่ายอยู่บนตัวอย่างมีความสุข มือขวาโอบอยู่บนอก แขนขวาเผด็จโอบตัวเธอไว้ โบว์รู้สึกตัวขึ้นมาก่อนเสมอทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตาจ้องมองไปที่เผด็จเมื่ออารมณ์ดีแล้วก็เลยแกล้งผัวดีกว่าค่อยๆจับผมเธอแหย่เข้าไปในรูจมูกผัว เผด็จยุกยิกอยู่ สองสามครั้ง ก็ลืมตา “แกล้งอะไรป๊าหนะ” โบว์รีบเอาเต้าข้างขวาของเธออุดปากเผด็จทันที ไม่ให้พูด

>>>>> ----- <<<<<

   เบ็นซ์ ขับรถพาแป๋ว และโบว์ ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศหลังจากที่เร่งถ่ายแบบให้เสร็จก่อนสิ้นปี มาจอดรถที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งแถวๆชานเมือง เธอเดินลงรถแล้วก็เดินไปหาที่นั่งใต้ต้นไม้ สักพักก็ร้องเพลงออกมาและบอกโบว์

< ใจอ่อน- ฝน ธนสุนทร > https://www.youtube.com/watch?v=ltzztV2qwGM

“พี่ตัดสินใจแล้ว วันปีใหม่นี่แหละพี่จะบอกคุณอาเองว่ารักและอยากแต่งงานอยู่กินด้วยกัน ในเมื่อเขาไม่ยอมพูด พี่ก็จะยอมเป็นฝ่ายพูดเอง ใครจะว่าพี่ไม่ยางอายพี่ก็ยอม อย่าว่าพี่นะโบว์ แกก็เหมือนกันนะไอ้แป๋ว บอกตามตรงมันทนเก็บไว้ไม่ไหวแล้ว ยิ่งนานมันก็ยิ่งจุกอยู่ตรงนี้ (ชี้ไปที่ใจ) ในเมื่อมันรักไปแล้ว ไม่รู้ว่าฉันใจอ่อนได้ยังไง ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่คราวนั้น” แป๋วเข้าใจ

“ตามใจแกนะเบ็นซ์ เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันคงห้ามอะไรแกไม่ได้แล้วใช่ไหม ในเมื่อห้ามไม่ได้ ฉันก็คงต้องสนับสนุน”

“ขอบใจมากนะเพื่อน แล้วแกหละโบว์” โบว์ไม่รู้จะตอบยังไงพี่สาวดี ผัวทั้งคนจะยกให้กันง่ายๆได้ยังไง มันต้องมีทางออกซิ

 >>>>> ***** <<<<<

   โบว์ เพ็ญ ขนมผิง น้อยใจเผด็จ โดยเฉพาะโบว์ เป็นหนักสุด เพราะเป็นแฟนจริงๆกลุ้มใจ พี่สาวก็มาขอปรึกษาว่าชอบแฟนตัวเอง ถึงขั้นอยากแต่งงาน

  แป๋วมาที่ร้านตามปกติกำลังจัดร้านเพราะลูกน้องยังไม่มา กำลังก้มๆเงยๆจัดของ สนเดินเข้ามาเห็นราคาเมมติดไว้ว่าราคาพิเศษ จึงเคาะกระจกเพื่อถาม < ก๊อกๆๆๆ > “ขา กรุณารอสักครู่ค่ะ”

   แป๋วเงยหน้าขึ้นมาต้องสะดุ้งตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว

“ตัวนี้ราคาเท่าไหร่ครับ เห็นเขียนว่าราคาพิเศษ กี่ Gb ครับเนี่ย”

   แป๋วล้วงมือเข้าไปแล้วหยิบออกมา “ตัวนี้ใช่ไหมคะ” เธอส่งให้

“ครับ กี่ Gb แล้วเท่าไหร่ครับ” แป๋วมองหน้าสน จนสนแปลกใจ

“อ้าวคุณ..บนหน้าผมมีอะไรรึเปล่าครับ” สนถามออกไปอีกครั้ง

“16 Gb 100 บาทค่ะ ราคาพิเศษ”

   แป๋วใจสั่นตุ๊บๆ เมื่อสนอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ทำไม เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเนี่ย

สักพักสนวางเงินให้ “เครครับผมเอาตัวนี้ถูกดี ยี่ห้อดีซะด้วย นี่นะครับตัง” แป๋วหยิบถุงส่งให้

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง” แล้วก็เดินออกไปเลย

   สนเอากระเป๋าสตางค์ยัดใส่กระเป๋าหลัง แต่มันไม่เข้า หล่นตุ๊บลงไปกับพื้น กระเด็นไปอยู่ข้างตู้ร้านแป๋ว พอค่ำแป๋วปิดร้าน บอกให้ลูกน้องเก็บร้านให้เรียบร้อย เธอเดินออกมาจากร้านเหมือนขาเหยียบโดนอะไรสักอย่างจึงก้มลงไปดู เห็นเป็นกระเป๋าตัง จึงเปิดดูว่าของใคร ต้องตกใจอีกครั้ง

“จ.ส.ต.ไพรสน พิทักษ์ธรรม” ทั้งรูปทั้งชื่อเต็มๆเธอรีบเก็บลงในกระเป๋าสะพาย แล้วกลับคอนโดทันที

   สนขับรถไปรับจีจี้ที่คลินิกของหมอไตรทศแฟนเธอ ระหว่างรอเลยเดินลงไปหาของที่ 7 ทานหยิบของมาพอจะจ่ายตังที่เคาน์เตอร์ก็ต้องพบว่าหากระเป๋าตังค์ยังไงก็ไม่เจอ

“ว่าไงคะคุณ ถ้ายังไม่พร้อมขอฉันก่อนนะฉันรีบ” หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งถาม

“ครับๆ เชิญก่อนเลยครับ ขอโทษด้วย” แล้วสนก็เอาของไปวางไว้ที่เดิม แล้วเดินกลับไปยังรถ จีจี้เดินออกมาพอดีเห็นแปลกๆ

“หาอะไรหนะสน” สนเงยหน้าขึ้นมา

“กระเป๋าตังครับ ไม่รู้ว่าทำหล่นที่ไหน ไม่รู้ตัวเลย” พูดไปหาไป จี้จี้รำคาญอยากกลับบ้าน

“เอ้าเอาของฉันไปก่อนฉันให้ ไม่ต้องหาแล้ว” จีจี้ส่งแบ็งค์ 500 ให้

“อะไรครับคุณหนู ทำไมมากจัง ร้อยเดียวก็พอ” สนเกรงใจ

“เอาไปเถอะ ถือว่าเป็นเบี้ยเลี้ยงพิเศษแล้วกัน ไปไป ฉันง่วงแล้ว”

  สนตัดใจรับเงินมาและก็เปิดประตูให้จีจี้ แล้วขับรถกลับทันที

***** ----- *****

   วันเวลาผ่านไปจนถึงใกล้วันสิ้นปีใหม่ วันที่ 30 ธันวาคม ทุกคนมีความสุขกันตามอัตภาพ อัธวิทย์เริ่มมีความรู้สึกดีๆให้กับขิงมากขึ้นไม่จับผิดพูดดีทำดีกับเธอ หมอไตรทศกับจีจี้ก็ตกลงเป็นแฟนกันได้สักพัก เผด็จอารมณ์ดีก็เลย บอกทุกคนในทีมว่าจะพาไปเที่ยว

“เห็นบอกว่าอยากไปเห็นเกาะส่วนตัวฉันใช่ไหม” เขาเปิดลำโพงไปยังฐานลับ พูดต่อหน้าลูกๆเบ็นซ์ โบว์ ในวันพิเศษคือไม่เรียน

“ช่ายๆ ถั่วต้มค่ะเจ้านาย” เทียนหอมตะโกนเข้ามา

“นะนะ เจ้านาย เห็นได้ข่าวว่าสวยมาก” กันตภณ บิ้วอยากให้เจ้านายไฟเขียว

“เอาเป็นว่าปีนี้ฉันอนุญาตพาไปก็แล้วกัน” เสียงโห่ร้องกันทั้งศูนย์

“แล้วใครจะเฝ้าฐานหละคะนาย” เทียนหอมอยากรู้

“เรื่องร้ายไปหมดแล้ว ปีใหม่ปีนี้ฉันใจดีให้หยุดยาว 5 วันวันที่ 5 มกรา ค่อยกลับมาเจอกันตามปกติ เอาไหม”

   เสียงโห่ร้องครั้งที่สอง “เย้ๆๆ..รักเจ้านายที่สุดเลย” เทียนหอมตะโกนออกมา

“ผมก็ด้วย” กันตภณตะโกนสวนเข้าไป เสียงโห่ร้องดังลั่นเข้าโทรศัพท์

“เทียนหอมบอกพวกเรานะตอนนี้ผมอนุญาตให้กลับได้เลยใครจะไปวันนี้เจอกันที่บ้านผม 5 โมงเย็น ถ้าเหรด อด ผมไม่รอนะ ส่วนใครจะกลับไปหาญาติๆที่บ้านก็ให้เขาไป ปิดฐานแล้วเปิดสัญญานทิ้งไว้ก็พอ ถ้ามีอะไรมันจะวิ่งเข้าเครื่องผมเอง บาย”

>>>>> ***** <<<<<

   วันนี้อัธวุฒิพาทับทิมมาเที่ยวสวนนงนุชนับวันทั้งสองคนยิ่งรักกันมากขึ้น ปูนเหมือนไม่มีตัวตนเลยในสายตาของสองคนบางครั้งก็เซ็ง เลยเดินไปหาที่นั่งคนเดียว มองไปยังต้นไม้ที่สวยงามแล้วก็นึกถึงคำที่ทับทิมพูด มันสะกิดใจเธออยู่ตลอดเวลาจะทำไงดีกับใจ

“พี่โมเขารักแก เมื่อไหร่แกจะใจอ่อนสักทีวะไอ้ปูน ดูอย่างฉันซิตอนนี้สมหวังมีความสุขแล้ว แกลองเปิดใจมองคนที่เขารักเราบ้าง อย่ามัวแต่มองหาคนที่เรารัก ไม่งั้นเดี๋ยวแกจะเสียใจ ชีวิตเราเกิดมาหนเดียวตายหนเดียวนะโว๊ยเพื่อน กลับไปคิดดู ฉันบอกได้แค่นี้”

   แล้วปูนก็หันไปมองเพื่อนที่กำลังมีความสุขกับคนรัก สักพักแตงโมโทรเข้ามา พอปูนรับ เสียงดังออกมาก่อนเลย อย่างโกรธ

“พวกแกอยู่ไหนกันเนี่ย ฉันโทรหาไอ้เตี้ยไม่ติดเลย จะไปไหมเที่ยวหนะ” ปูนอ้าปากหวอ เอามือปิดปากตัวเอง ตกใจ ที่ลืม

“อุตส่าห์จองตั๋วให้ ไหนบอกว่าอยากไปเที่ยวไงมาเก๊าหนะ” แตงโม โมโหมาก

“เอ้อ..หนูลืมไปเลยแล้วจะไปวันไหนหนะพี่ หนูจะได้บอกไอ้เตี๊ยมัน” ปูนพยายามแก้ตัวให้เพื่อน

“ไม่ทันแล้ว ตอนนี้พี่อยู่สนามบินกันแล้ว จะเลื่อนไฟท์ก็ไม่มีเต็มหมด งั้นอยู่เที่ยวที่นี่กันสองคนแล้วกันนะปูน พี่กับไอ้ปริ๊นซ์คงต้องไปแล้ว เขาเรียกเช็กอินแล้ว จะได้ไปคืนตั๋วเขาด้วย ครึ่งราคาก็ยังดี ดูแลตัวเองด้วยนะ พี่เป็นห่วง” แล้วก็วางสาย ทับทิมเดินมา

“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้นหละไอ้ปูน”

   ทับทิมจูงมือป๋องมาไม่ปล่อยเลย ( ตอนนี้อัธวุฒิบอกให้เรียกป๋องเพราะเป็นแฟนแล้ว )

“แกลืมอะไรไปรึเปล่าวะไอ้เตี๊ย” ปูนจ้องหน้าเพื่อน

“มีความสุขจนทำให้เพื่อนเดือดร้อนเนี่ย” ทับทิมมองหน้า งง

“มาเก๊า จำได้ไหม วันนี้ ต้องเดินทาง” ปูนบอกง่ายๆสั้นๆ

“เอ้อ..ใช่ ฉันลืมเลย” แล้วก็หันไปมองหน้าแฟน “หนูลืมเลยอาป๋อง”

“แล้วจะเอายังไงหละครับ” ป๋องถามแฟน

“พี่โมด่าฉันยับเลยแกเมื่อกี้ ก็แกเล่นปิดเครื่องก็เลยโทรมาหาฉันนะซิเมื่อกี้”

“ขอโทษจริงๆนะเพื่อน แล้วตอนนี้พี่โมอยู่ไหน” ทับทิมอยากรู้

“ขึ้นเครื่องไปแล้ว” ทับทิมรู้สึกผิดมากกับการเหลวไหลในครั้งนี้

“เอางี้ไม่ต้องคิดมาก ไม่ได้ไปมาเก๊างั้นเราก็ลงใต้กัน เมื่อกี้ผู้การโทรมาชวนอาและทีมลงไปเที่ยวเกาะส่วนตัวแก เราจะไปที่นั่นกัน”

“เมื่อไหร่คะ” ทับทิมถาม “วันนี้ 5 โมงเย็น ป่ะงั้นพวกเรากลับไปเตรียมตัวกันพรุ่งนี้จะได้ไปสนุกกัน ไม่เอาไม่ขี้มูกโป่ง ไม่สวย”

<<<<< ===== >>>>>

   16.00 น. ทุกคนมารวมตัวกันกันครบที่บ้านเผด็จ เขาเดาได้ว่าใครจะมาบ้าง ก็เลยเช่ารถบัสติดแอร์คันใหญ่ไว้หนึ่งคัน จุคนได้สบายๆเกือบ 50 คนและไม่ผิดถ้าซื้อหวยถูกไปแล้ว ทุกคนเมื่อได้มาเจอกันอีกก็เฮฮาตามประสาคนรู้จัก มากันครบทีมทุกคนไม่ขาด มีแต่จะเกิน งานนี้เผด็จชวนครอบครัวขิงมาด้วยสนจึงได้เจอเพื่อนๆ เผด็จก็ยังคงให้เทียนหอมเป็นแม่งานเช่นเดิม เพราะเป็นเหมือนเลขาส่วนตัว

“เอ้าๆเช็กชื่อกันหน่อย มีใครมาบ้าง ขึ้นแล้วอย่าลืมไปเซ็นชื่อตรงทางขึ้นข้างบนอีกรอบนะจ๊ะกันพลาด ทุกคน”

   อัธวุฒิ ทับทิม ปูน กันตภณ เนตรอัปสร เนเน่ พู่กัน คร้าม สน หมู อิงฟ้า เพ็ญ เบียร์ อ้อม ม่านมุก ขิง แทนไท เทียมฟ้า จีจี้ คฑา ไตรทศ จ่ามิ่ง จ่าหมง อัธวิทย์ เชี่ยว นมแม้น ย่าผาด ขนมผิง ขนมเบื้อง ต้นกล้า แป๋ว เบ็นซ์ โบว์ และเกศินี เมื่อครบแล้ว เทียนหอมก็ไปรายงานนาย “ครบทุกคนแล้วนาย” เผด็จเปิดสัญญานลับแล้วก็ขึ้นรถ เทียนหอมขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายบอกคนขับออกรถได้เลย

<<<<< ===== >>>>>

   ประมาณ 16.30 ล้อเลื่อนเคลื่อนออกจาก กทม. ตลอดระยะทางที่ไป บางคนมีความสุขมาก บางคนมีความทุกข์ บางคนก็นอนดูวิวข้างทาง บางคนก็หลับ บางคนก็เล่นไพ่ บางคนก็หน้างอ บางคนก็มีความหวัง แต่ละคนไม่เหมือนกัน ขนมผิงจองพ่อตลอดทาง แต่เพราะชอบโบว์ จึงดึงโบว์ไปนั่งด้วยข้างๆ เผด็จซ้ายสุด ติดหน้าต่าง ขนมผิงกลาง ถัดไปก็โบว์ เบ็นซ์นั่งกับแป๋วอีกฟากตรงข้ามกัน เกศินีนั่งอยู่หลังเผด็จ ที่เหลือก็กระจายกันไป

  

อัธวุฒินั่งจู๋จี่กับทับทิม ปูนนั่งหน้าบูด เพ็ญนั่งกับเบียร์ไม่ค่อยมีความสุขเพราะไม่ได้อยู่ข้างเผด็จในโอกาสดีๆแบบนี้ กลุ่มพญายมไม่สนใจใครเฮฮาอย่างเดียวโดยเฉพาะกันตภณ จีจี้สวีทกับหมอ ต้นกล้านั่งอยู่หลังสุด

   รถวิ่งผ่านความมืดจาก กทม.ไปจนถึงเช้ามืด ประมาณ ตี 5.15 ประมาณ 12 ชั่วโมง ถึงเข้าเขตสุราษฏร์ธานี ลงจากรถแล้วก็ต้องไปต่อเรืออีก เผด็จบอกคนขับว่าอีก 5 วันมารับที่นี่ เมื่อบอกวันเวลาเรียบร้อย เทียนหอมจ่ายเงินให้ รถก็กลับไป แล้วเดินไปดูเรือ

“เอ้าพวกเรา สู้กันอีกไหม 13 ชั่วโมงผ่านมา”

   เผด็จแซว แต่บางคนดูจะไม่ไหวซะแล้ว เช่นผาด แม้น เชี่ยวและแทนไท

“เรือมาแล้วนาย” เทียนหอมตะโกนบอก

“เอ้าเชิญครับ เชิญครับ ค่อยๆลงนะครับ เดินไปที่ท่า เดินดีๆ ไม่ต้องรีบอากาศกำลังดี”

   พอทุกคนลงเรือครบ คร้าม สน หมู จ่าสนและจ่ามิ่ง ก็ขนของและเสบียงลงตามจนครบ เทียนหอมสั่งออกเรือ ไม่ถึงชั่วโมง เรือก็มาถึงเกาะส่วนตัวที่ไม่ธรรมดา มันได้ถูกออกแบบเป็นรีสอร์ทกลางทะเล เผด็จได้ให้คนในพื้นที่คนพื้นเพแถวนี้มาค้าขาย มาเปิดร้าน ทำมาหากินที่นี่โดยเสรี โดยเก็บค่าเช่าในราคาที่ถูกแสนถูก มีเครื่องปั่นไฟเป็นของตัวเองที่ให้แสงสว่างไปทั่วเกาะ นี่คือรายได้ส่วนหนึ่งของเขาที่กินไปจนตายก็ไม่หมด

   ประมาณ 7 โมงเช้าทุกคนขาได้เหยียบลงบนเกาะพร้อมๆกัน เทียนหอมพาทุกคนเดินตรงไปยังที่พักทุกคนตะลึงกับความสวยและหรูหราของเกาะนี้ ระหว่างทางผู้จัดการออกมาต้อนรับเจ้านายอย่างดี เอาพวงมาลัยมาคล้องคอทุกคน

“เจ้านาย ขอโทษนะคะ” ผู้จัดการขอกอดเพราะนานๆจะมาสักที และจากนั้นก็ไปจับมือทักทายทุกคน แล้วก็กล่าวเปิดงาน

   เผด็จยิ้มไม่ได้ว่าอะไร “นานๆเจ้านายจะมาสักทีรับรองต้องประทับใจไปอีกนานพวกเราต้อนรับเต็มที่ ขอต้อนรับคณะทัวส์ปีใหม่ขอขอบใจที่เลือกมาเค้าส์ดาวน์ที่นี่กันนะคะ รีสอร์ท ฟ้าสวยน้ำใส ของเรา ขอต้อนรับอย่างเป็นทางการตั้งแต่บัดนี้ เชิญทานอาหารเช้าได้ทางนี้เลย ขอให้มีความสุขกับทริปส์นี้ ขาดตกบกพร่องอะไรไป ต้องการอะไร มีอะไรที่ไม่สะดวกบอกพวกเราได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงได้เลย”

   แล้วทุกคนก็ไปนั่งทานอาหาร เผด็จเรียกผู้จัดการมาซุบซิบอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ เพ็ญเดินมาตาม แล้วผู้จัดการก็จากไป เพ็ญเดินเข้ามาหา “คุณย่าให้มาตามค่ะ” แล้วเผด็จก็เดินไป เพ็ญไม่ลืมที่จะกระโดดเกาะแขนคนที่เธอรัก แล้วเผด็จก็เข้าไปทานอาหาร พักผ่อน

>>>>> ***** <<<<<

   ช่วงกลางวันไม่มีอะไร ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง พอได้ห้องได้ที่พัก ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนนอนหลับกันเกือบหมด เผด็จบอกทุกคน

“ตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไปลงมาสนุกกันได้ที่ริมหาดนะและพอทุ่มนึงเป็นต้นไปเราจะย้ายขึ้นไปบนเชิงเขา ขอให้พวกเราพักผ่อนนอนหลับกันตามอัธยาศัยได้เลย ใครอยากทำอะไรก็เต็มที่แล้วเจอกันตอนเย็น” ทุกคนเฮ เทียนหอมแจกกุญแจบ้าน

   เทียนหอมพยายามจัดให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ว่าใครควรอยู่กับใคร เธอจัดตั้งแต่บนรถแล้วและดูความเหมาะสมมากที่สุด ตามใจใครไม่ได้ ครอบครัวแทนไทหลังนึง ทีมพญายมหลังนึง ทีมตำรวจสาวหลังนึง+ปูน ทับทิม และอิงฟ้า เชี่ยวและเพ็ญไปอยู่บ้านเผด็จ ทีมตำรวจชายหลังนึง+ไตรทศและต้นกล้า ประมาณนี้ ทุกคนเมื่อได้รู้ว่าใครอยู่กับใครหลังไหน ก็ส่งตัวแทนมารับกุญแจและแยกย้าย กันไปพัก โบว์งงเลยถามเทียนหอม แล้วพวกเธอหละ ลืมอะไรไปรึเปล่า

“เดี๋ยวพี่แล้วพวกหนูหละ ทำไมถึงไม่ได้” เทียนหอมเปิดเช็คดูอีกที

“ไม่รู้ซินายจัดมาให้แค่นี้อยากรู้ต้องไปถามนายเอาเองนะพี่ขอตัวก่อนง่วงแล้ว” เบ็นซ์เดินเข้ามาถามโบว์

“ตกลงยังไงเนี่ย แล้วตกลงพวกเราสามคนจะนอนไหนเนี่ย”

   สักพักผู้จัดการคนเดิมเดินตรงมายังกลุ่มของโบว์ที่กำลังจิตแตกอยู่

“ขอโทษจร้า น้องคนไหน ใครชื่อ บัวบูชาคะ” โบว์ หันมาตอบ

“หนูค่ะ มีอะไรเหรอคะ” ผู้จัดการส่งกุญแจพิเศษให้ไม่เหมือนใคร

“นี่อะไรเหรอคะพี่” โบว์ไม่เข้าใจ “กุญแจที่พักไงคะ”

   เบ็นซ์เดินมาดูมันต่างจากพวกนั้นมาก “ทำไมไม่เหมือนกัน ต่างกันยังไง”

“เชิญทางนี้ดีกว่าค่ะ” ผู้จัดการไม่ตอบอะไรรีบพาโบว์และคณะไปทันที เพราะถ้าช้ารับรองตกงาน แป๋วบอกให้ตามไปเดี๋ยวก็รู้

   เดินไปได้สักระยะก็แยกกับกลุ่มนั้น “พี่คะไม่ใช่ทางโน้นเหรอ ผิดทางรึเปล่า” โบว์มองกลุ่มที่มาด้วยกัน

“ทางนี้ค่ะ ตามมา” แล้วผู้จัดการก็พามาถึงบ้านหลังพิเศษสุดที่เผด็จเตรียมไว้ให้อย่างหรู

   ดีสุดบนเกาะนี้พอๆกับบ้านเจ้าของรีสอร์ทเลย “ไอ้โบว์” เบ็นซ์ตกใจ

“หรูมาก ขอบอก” แป๋ว ตกใจมาก “พี่ค่ะ อย่าบอกนะว่า หลังนี้”

   ผู้จัดการพยักหน้า โบว์คืนกุญแจให้กับผู้จัดการ แล้วเดินไปจากตรงนั้น แป๋วกับเบ็นซ์ เดินตาม

“น้องค่ะ” ผู้จัดการเรียก โบว์ยังเดินต่อ “ถ้าไม่อยากให้พี่ตกงาน ช่วยรับไว้ก่อนได้ไหม” โบว์จึงหยุดได้

“ส่วนน้องจะเอาไม่เอา จะอยู่ไม่อยู่ น้องไปคุยกับเจ้านายพี่เองได้ไหม พี่ขอร้องเถอะ ได้ไหม พี่ยังมีภาระอีกมากที่ต้องรับผิดชอบ”

   แป๋วเขย่าตัวโบว์ “เห็นใจเขาหน่อยนะโบว์ นะพี่เขาทำตามหน้าที่” โบว์หันไป

“เอาน่าโบว์นอนก่อนคืนนึง พรุ่งนี้ค่อยไปคุยกะคุณอานะ”

   โบว์เดินไปขอกุญแจจากผู้จัดการแล้วก็เดินตรงไปยังบ้านของเผด็จ ที่อยู่ถัดขึ้นไปอีกด้านนึงทันที

“ไอ้โบว์” แป๋ววิ่งตาม โบว์เดินไปถึงที่บ้าน มองเข้าไป ไม่มีใคร

“มาหาใครค่ะ ” เกศินีเดินออกมา

“คุณอา..เออ เจ้าของที่นี่หนะค่ะ” เกศินีจำโบว์ไม่ได้

“สามีพี่ไม่อยู่ พาลูกขึ้นไปบนเขา พี่กำลังจะตามไป พอดีลงมาเอาของ มีอะไรด่วนไหมค่ะ เดี๋ยวพี่จะบอกเขาให้” โบว์นิ่งไปเลย

“ขา น้องค่ะ” เบ็นซ์กับแป๋วเดินตามมาทัน

“ว่าไงไอ้โบว์” เกศินีปิดประตูแล้วรีบเดินไปเพราะเผด็จรออยู่ โบว์เหมือนช๊อก เพราะคำว่า “สามี”

   แป๋วเขย่าตัวโบว์ “ไอ้โบว์” โบว์รู้สึกตัวไม่พูดอะไร แล้วก็รีบเดินไปยังบ้านพักหลังนั้นทันที

“อะไรวะเหนื่อยนะโว๊ย” แล้วทั้งสามสาวก็เข้าบ้านหลังนั้นไป นอนหลับพักผ่อนยาวตั้งแต่วินาทีนั้น

   จนเย็น ทุกคนก็ออกมาร่วมงานตามคำบอกของเผด็จ ของกินที่เตรียม มาคร้าม หมูและสน ก็ช่วยกันขนออกมา มีการปิ้งย่าง สนุกสนานรับปีเก่า ทุกคนมีความสุขโดยเฉพาะอัธวุฒิและทับทิม จนเวลาได้ล่วงเลยไปจนถึง 4 ทุ่ม ตอนนี้ไม่มีใครสนใจใครทั้งสิ้น ปูนก็ถูกปล่อยทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียวเหงาๆกับพวกเพื่อนใหม่ เบ็นซ์ก็เซ็งๆจะหาเวลาอยู่กับเผด็จก็หาตัวไม่เจอตั้งแต่เช้า โบว์เบื่อๆจึงเดินหายไปในความมืดคนเดียว แป๋วหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ

   เบ็นซ์มีความรู้สึกว่าเหมือนมีใครคอยจ้องดูเธออยู่นานแล้ว เธอจึงหันซ้ายหันขวาดูรอบๆ ไม่นานเธอก็มองไปเห็นสายตาของใครคนหนึ่ง ซึ่งกำลังจ้องเธออยู่อีกฝั่งของกองไฟและกำลังเดินเข้ามาหาเธอ พอเข้ามาใกล้ๆถึงตัวเธอก็ต้องใจ หลุดปากออกมา “พี่ต้น”

   เธอไม่เชื่อสายตาตัวเอง ต้นกล้า < รุ่นพี่ที่มหาลัยพละศึกษา คนรักเก่าของเบ็นซ์ ที่เบ็นซ์เคยหักอก และเขาก็ไม่เคยลืมเบ็นซ์ คอยตามช่วยเหลือเบ็นซ์มาตลอดลับๆโดยที่เบ็นซ์ไม่รู้ตัว >

“พี่ต้น พี่มาอยู่นี่ได้ไง” ต้นกล้า เอามือขวาลูบแก้มเบ็นซ์ แล้วบรรจงจูบไปที่ปากของเธอเบาๆช้าๆ เบ็นซ์เคลิ้มอยู่พักนึง จึงสะบัดตัวออก “พี่ต้น พี่ต้น ทำอะไร”

   แล้วเบ็นซ์ก็เดินหนีไปอีกทางหนึ่ง ต้นกล้าเดินตาม แล้วดึงแขนเบ็นซ์ เบ็นซ์เสียหลักเอนมาอยู่ในอ้อมแขนขวาของเขา แล้วก็มองหน้าต้นกล้า เธอดันตัวออกมายืน แล้วมองหน้า

“พี่ยังไม่ได้บอกหนูเลยว่าพี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ต้นกล้ายิ้ม และก็หันหลังให้ เบ็นซ์เดินตามไปพูดด้วย ยังไงวันนี้ต้องรู้เรื่องให้ได้

“นานแล้วซินะที่เราไม่ได้เจอกัน 8 ปีเต็มๆที่เบ็นซ์หักอกพี่ แล้วหนีหายไม่ติดต่อพี่เลย”

 “หนูขอโทษ แต่มันก็ผ่านมานานแล้ว” เบ็นซ์รู้สึกผิดและละอายใจในการกระทำ

“พี่ยังไม่ลืมหนู คนเลวๆคนนี้อีกเหรอ” ต้นกล้า เอื้อมมาจับมือเบ็นซ์ “คงยากครับ ก็น่าจะรู้”

   ห้าทุ่มทุกคนกำลังสนุกอยู่ที่ริมเขาด้านนอก ป๋องและทับทิม แอบหนีกลับมาพลอดรักและหาความสุขกันที่ห้องพักโดยไม่มีใครรู้ ทับทิมตัดสินใจยอมเป็นของอัธวุฒิ เพื่อให้จบปัญหาของเขากับเพ็ญ อัธวุฒิปิดไฟแล้วทิ้งร่างกายที่เปลือยเปล่าทับร่างของทับทิม ที่นอนเปลือยรอเขาอยู่ ทั้งสองมีความสุขกับรสสวาทที่ได้มอบให้แก่กันกี่ยกก็ไม่รู้ได้ ในค่ำคืนวันนี้ เท่าที่ใจสองคนปรารถนา

   โบว์ เห็นเผด็จยืนอยู่คนเดียวที่ต้นไม้ เลยตัดสินใจเพื่อจะให้จบๆไปกับเรื่องของเบ็นซ์และเพ็ญ จึงปาเข็มบินไปที่ต้นไม้นั้นพร้อมจดหมาย เผด็จแปลกใจว่านางป่ามาที่นี่ได้ยังไง จึงเปิดจดหมายอ่าน “จำบ้านที่เราอยู่ด้วยกันได้ไหมที่รัก หนูรอป๊าอยู่ที่นั่น เดี๋ยวนี้”

   เผด็จรีบวิ่งไปหาโบว์ที่บ้านหลังนั้นทันที มองขึ้นไปบนบ้านก็มืดเงียบ แต่พอเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ก็เจอนางแมวป่าในสภาพที่เผด็จต้องอึ้ง คือเธอไม่ใส่อะไรเลย ล่อนจ้อน เปลือย ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ท่ามกลางแสงเทียนริบหรี่ที่เธอจุดเอาไว้ที่หัวเตียง 1 แท่ง

“ล๊อกห้องซิค่ะที่รัก” เผด็จเหมือนต้องมนต์สะกด ล็อกห้องแล้วค่อยๆเดินเข้าไปหาโบว์ช้าๆ

   โบว์ค่อยๆถอดเสื้อและกางเกงของเผด็จออกอย่างช้าๆทีละชิ้น จนร่างของเผด็จเปลือยเช่นกัน เธอใช้มือจับน้องชายของเขาเดินมาช้าๆจนถึงเตียง แล้วก็หันหน้าไปเป่าเทียนให้ดับ ห้องมืดสนิทมีแต่เพียงแสงจันทร์ที่ลอดเข้ามาพอเห็นร่างคนเป็นเงาๆยังไงก็ไม่เห็นหน้า โบว์ถอดหน้ากากของเธอออกวางไว้ที่หัวเตียง

   จากนั้นก็เริ่มบรรเลงเพลงรักเพื่อให้เป็นเมียโดยสมบูรณ์ 100% เสียทีให้รางวัลกับผัวที่เธอรักเสียทีไม่อยากทรมานผัวและตัวเองอีกต่อไปเพราะที่จริงแล้วเธอก็ต้องการเช่นกัน เผด็จระดมจูบโบว์ โบว์จับน้องชายเผด็จยัดเข้าใส่น้องสาวของเธอเองโดยไม่รีรอ

   จากนั้นก็บรรเลงเพลงรักกันอีกคู่โดยไม่รู้ว่าคืนนั้นเสร็จไปกี่ยก เผด็จให้สร้อย สัญลักษณ์ PC กับนางแมวป่า ตามคำสัญญาที่เคยบอกไว้ เขาสวมให้กับเมียในคืนวันที่ได้เสียกัน

“ขอบใจนะคะป๊าที่ทำเพื่อหนู หนูสัญญาว่าจะไม่ถอด จนกว่าป๊าจะหมดรักหนู”

   ทั้งเผด็จและอัธวุฒิถือว่า ได้ของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในวันปีใหม่ โดยไม่คาดคิดและไม่คาดฝัน โบว์ ในคราบนางแมวป่า ยอมเป็นของเผด็จ ทับทิม ยอมเป็นของอัธวุฒิ ในวันสิ้นปี คืนวันที่ 31 ธ.ค.

   เสียงพลุดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อตอนเค้าน์ดาวน์ ทุกคนมีความสุขมากในวันปีใหม่นี้ โดยเฉพาะเผด็จและอัธวุฒิ ที่ได้เมียสมใจอยากทั้งคู่ ครอบครัวของแทนไทได้อยู่ด้วยกันครบ เกศินีได้อยู่กับลูก เบ็นซ์ได้กลับมาเจอกับต้นกล้า พวกเขาได้ดูพุด้วยกัน แป๋วได้อยู่กับเบียร์ จีจี้ได้อยู่กับหมอไตรทศ เชี่ยวได้อยู่กับแม่นมของตน กลุ่มพญายมได้อยู่เฮฮาด้วยกัน อ้อมและม่านมุกได้อยู่กับอัธวิทย์ ถึงแม้จะแค่คืนเดียวก็ถือว่าดี อิงฟ้าได้อยู่ใกล้หมูคนที่เธอรัก สนได้แต่ยืนดูแลเพ็ญอยู่ห่างๆไม่กล้าเข้าไปหา หลังจากพลุได้หมดลง ทุกคนก็เฮฮากันต่อ เมาเละ เมากลิ้ง เมาหงาย ปล่อยผีหนึ่งวัน บางคนก็อยู่ต่อ บางคนก็เดินกลับไปนอนพักผ่อน บางคนก็เดินคุยกันไป

   ความสุขมาได้ก็ไปได้ ไม่มีอะไรอยู่กับเราได้นาน แล้วโบว์ก็หายตัวไปในตอนรุ่งสาง ทับทิมยังคงนอนกอดป๋องอยู่ ที่ทั้งสองสาวทำไปก็เพราะ ทำด้วยใจให้ด้วยรัก อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ก็ขอให้เป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน พวกเธอคิดแบบนั้น

   รุ่งเช้าวันใหม่ แสงแรกของวันที่ 1 มกรา ก็มาถึง แสงแดดยามเช้าส่องลอดเข้ามาแยงตาเผด็จ เขารู้สึกตัวขึ้นมาก็เอามือควานหาเมียสุดที่รัก ควานยังไงก็หาไม่เจอ หันไปดูนาฬิกาที่ข้างฝา 6 โมง 15 มองดูตัวเองกับสภาพที่เปลือยล่อนจ้อน เขาลุกขึ้นจากเตียง เห็นรอยเลือดบนที่นอน

“น้องแมว นี่เธอบริสุทธิ์จริงๆเหรอนี่”

   คราบเลือดของการเปิดซิงค์ เขายิ้มเพราะดีใจที่โบว์เป็นคนแรกของเขา จากนั้นเขาก็อาบน้ำและใส่ชุดเดิมลงบ้านไป เผด็จหาโบว์ยังไงก็ไม่พบ โบว์ได้หนีเขากลับไปนอนที่บ้านพักที่เขาจัดให้ตั้งแต่ตี 5 แล้ว โดยที่เบ็นซ์และแป๋วยังนอนหลับกันอยู่เลย โบว์ ไม่อยากเป็นนางแมวป่าอีกแล้ว เมื่อตัดสินใจเป็นเมียเผด็จ จึงเก็บชุดอย่างมิดชิด รุ่งเช้าวันใหม่ วันที่ 1 ม.ค. โบว์นอนยิ้มมีความสุขมากกับการตัดสินใจในครั้งนี้

   7 โมงเช้ากลุ่มของหมง มิ่ง หมูและสน เดินกลับขึ้นมาที่บ้านพัก

“ไม่รู้ว่าเมื่อคืนผู้กำกับหายไปไหนนะหาไม่เจอ” หมงเดินจะไปห้องน้ำมีความคิดสนุกๆขึ้นมากะว่าจะเซอร์ไฟรส์อัธวุฒิเลยย่องไปที่ห้องกะจะขโมยของไปแกล้งซะหน่อย จึงค่อยๆบิดลูกบิดเบาๆ

   อัธวุฒิลืมล๊อกห้อง เพราะมัวแต่หาความสุขกับแฟน หมงค่อยๆแง้ม ก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็นคือ อัธวุฒิกับทับทิมนอนแก้ผ้าเปลือยกายกอดกันอยู่บนเตียงทั้งคู่ หมงจึงรีบปิดประตูเบาๆแล้วล็อกให้ทันที รีบออกไปบอกเพื่อนๆข้างนอกว่า ให้รีบลงไปไม่ก่อน อัธวิทย์ตามมาทีหลังจะขึ้นบ้านอาบน้ำขึ้นไม่ได้

“ห้ามผมทำไมจ่า ผมจะขึ้นไปเปลี่ยนชุด” หมงลากอัธวิทย์ลงมาจากบันได “เปลี่ยนไม่ได้”

“ทำไมจะเปลี่ยนไม่ได้ เละมาทั้งคืนเลยเนี่ยเหม็นด้วย ยัยสองหมวดนั่นเล่นสาดเบียร์ใส่ผม ผมขอตัวก่อน จะได้ไปทานมื้อเช้า”

“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้” หมงยื้ออัธวิทย์จนเพื่อนๆต้องเข้ามาถาม

“มันมีอะไรขึ้นบนนั้นวะไอ้หมง ถึงขึ้นไม่ได้หนะ” มิ่งถาม

   แล้วหมงก็กระซิบไปที่หู มิ่งตกใจเอามือปิกปาก “จริงดิ” หมงพยักหน้า

“กูเห็นกะตาสองข้างของกูเนี่ยเต็มๆเลยไม่มีสแตนอิน”

“ตกลงมันเรื่องอะไรกัน” มิ่งตัดสินใจบอกอัธวิทย์ จึงเดินไปกระซิบ

   อัธวิทย์ก็มีอาการเหมือนมิ่งเมื่อกี้ แล้วก็ถอนหายใจ เดินไปอีกทางแบบไร้จุดหมาย แล้วข่าวนี้ก็แพร่กระจายรู้กันในกลุ่มนี้ จากนั้นก็แยกย้ายเดินไปหาห้องน้ำที่บ้านหลังอื่นกันเท่าที่จะหาได้

   สักพักอัธวุฒิรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าทับทิมนอนอยู่ตรงหน้าเขา เขาบรรลงจูบหน้าผากเมีย ทับทิมค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาก็เห็นป๋องอยู่ตรงหน้า เธอยังคงอายหน้าแดง เพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้ เมื่อคิดขึ้นมาก็อายเพราะไม่รู้ว่าทำลงไปได้ยังไงเผลอตัวเผลอใจยอมเสียตัวให้กับผู้ชายทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงาน

   ป๋องมองหน้าเมีย ไม่พูดอะไร หอมแก้มขวาที่เอียงอยู่

“ยังไม่อิ่มอีกเหรอ” ทับทิมถาม

“ยัง” ป๋องตอบสั้นๆ “บ้าคุณอาเนี่ย เมื่อคืนก็หลายรอบแล้วพอแล้วหนูช้ำไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าตายอดตายอยากมาจากไหนเอาแรงมาจากไหน เห็นแบบนี้แรงดีไม่มีตกเลยนะเนี่ย” เธอพูดแก้เขินขณะที่กอดป๋องอยู่

“รักอาไหม” ป๋องถามเพื่อความมั่นใจ

“ถามได้ ถ้าไม่รักจะให้เหรอ แล้วคุณอาหละ รักหนูบ้างไหม หรือแค่เล่นๆแก้เหงา” ป๋องจ้องหน้าเมีย

“รักซิถามได้ รักมากด้วย” แล้วก็หอมแก้มเมียทั้งสองข้าง ทับทิมก็หอมกลับ

   ทับทิมลุกขึ้นจะไปอาบน้ำ เพราะร่างกายยังเปลือยอยู่ ป๋องไม่สนใจ ดึงทับทิมลงมากอด

“ว๊ายคุณอา” ไม่พูดอะไรจัดไปอีกหนึ่งยก ทับทิมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร พอเสร็จป๋องก็ไม่อยากลุกจากเมียไปไหน กอดทับทิมไว้ แกล้งหอมแก้มซ้ายขวาอยู่สองรอบ จนทับทิมต้องเบรค

“พอแล้วหนูหายใจไม่ออก พอแล้วหนูหิวข้าวจะไปอาบน้ำ”

   ทับทิมลุกขึ้นนั่ง ป๋องอ้อนเมีย ดึงแขนแล้วก็มือจับปทุมถันเอาคางมาเชยที่ไหล่ซ้าย

“นะนะขออีกยก” ทับทิมหันไปหยิกผัว

“นี่แหนะจะเอาอีกเหรอ พึ่งเสร็จไปหยกๆไม่เอาพอแล้ว หนูหิว”

   ป๋องทำตาเว้าวอนแล้วให้เหตุผล “เดี๋ยวพอกลับไปจากที่นี่อาก็แทบไม่ได้เจอและมีเวลาอยู่กับหนูแบบนี้อีก นะอีกยกเดียวจริงๆ”

“ไม่” ยังไงทับทิมก็ใจแข็งปฏิเสธ “อย่ามาอ้อนอย่ามาขอเลย แรกๆใหม่ๆก็แบบนี้ๆพอนานๆไปหมดโปรจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย”

   เมื่อขอดีๆไม่ได้ เมียไม่ยอม ป๋องก็ไม่สนใจ เพราะอยากจริงๆ ป๋องดึงเมียลงมาแล้วจัดต่ออีกหนึ่งยกทันที

“ว๊าย คุณอา” หลังจากที่เสร็จกิจครั้งนี้ ทับทิมหมดแรงจริงๆ เพราะโดนติดๆกันทั้งคืนแล้วยังจะมาโดนต่ออีก 2 ยกเมื่อกี้ ทับทิมค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นมา พึ่งสังเกตุว่า มีคราบเลือดอยู่บนที่นอนประมาณนึง เธอจึงก้มไปมองที่หว่างขาของเธอ เอามือปาดขึ้นมาดู แล้วเลื่อนมือนั้นให้ป๋องดู

“อาเป็นคนแรกของหนูนะรับรู้ไว้ด้วย นี่เยื่อพรหมจรรย์ของหนูขาดแล้ว หนูจะไม่ลืมวันนี้เลย เพราะฉะนั้นอาอย่าทิ้งและทำให้หนูเสียใจเป็นอันขาดได้ยินไหมคะ ตอนนี้หนูก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียอาแล้ว ในเมื่อหนูให้ความสาวของหนูกับอาไปแล้ว ก็เมตตาหนูด้วยแล้วกัน” ทับทิมพูดจบก็กอดป๋อง ป๋องลูบหัวทับทิมเบาๆ

“อารับปากครับว่าจะมีหนูคนเดียวรักและไม่มีใครอีก”

   พอป๋องเผลอ เธอก็ค่อยๆโน้มตัวลงไปเอามือขวาที่ว่างอยู่ กำและบีบน้องชายป๋องแล้วดึงขึ้นอย่างแรง

“โอ๊ย” แล้วรีบกระโดดลงจากเตียงเข้าห้องน้ำทันที ป๋อง นอนกุมน้องชายตัวเองจนตัวขดเลย

“แสบจริงนะ แม่คุณ เดี๋ยวก่อน รอให้ถึงตอนกลางคืนก่อนเถอะ จะทำโทษให้เข็ด”

<<<<< ---------- >>>>>

   โบว์หลังจากที่ตื่นก็ออกมาเดินเล่นที่ริมหน้าผา ขณะที่เดินขึ้นไปก็เห็นเผด็จ นั่งมองออกไปที่ทะเลเหมือนไม่มีความสุข เหงาๆ ยังไงไม่รู้ จึงเดินเข้าไปทักทาย “อากาศดีนะคะคุณอา”

   เผด็จหันมาแล้วก็หันกลับไป ยกแก้วโกโก้ร้อนๆดื่ม โบว์ขึ้นไปนั่งเป็นเพื่อน

“ครับ อาเจอที่นี่โดยบังเอิญเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนที่มาไล่จับพ่อค้ายา มันหนีขึ้นมาที่เกาะนี้ แล้วทำความเสียหายกับชาวบ้านที่นี่ อาทนไม่ได้ก็เลยฝังมันที่นี่ โดยไม่ได้ส่งตัวให้กับทางการแล้วก็ขึ้นฝั่งไปสอบถามรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับเกาะนี้ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ”

“แล้วคุณอาทำยังไงถึงได้มาเป็นเจ้าของที่นี่หละคะ อย่าบอกนะคะว่าสถาปนาตัวเองแบบพระมหากษัตริย์สมัยก่อน” โบว์หัวเราะ

“เปล่าจร้า ถ้าจะยึดเป็นของตัวเองคงไม่ได้ เพราะเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ ถ้าจะเช่าได้ เขาให้ราคาถูกมากปีละหมื่นสองและออกใบถือครองกรรมสิทธิ์ให้ตลอดชีพ เพราะมันรกร้างเลยไม่มีใครกล้ามาลงทุน อาเห็นวิถีชีวิตของพวกชาวบ้านก็ชอบและอีกอย่างอาอยากให้พวกเขามีรายได้ด้วยจะได้มีสุขภาพชีวิตที่ดีไม่ไปเป็นโจรผู้ร้ายที่ไหน จึงตัดสินใจมาทำ ลงทุนเองทุกอย่าง หมดไปเยอะ”

“คุณอาทำมานานแล้วเหรอค่ะ ธรรมชาติสวยมาก ขอบอกเลยว่าตาถึง หนูยังชอบเลย ถือว่าอดทนมากเลยนะคะ ดูไม่ออกเลยว่าเมื่อก่อนเป็นยังไงหนูนับถืออาจริงๆ” เผด็จมีความรู้สึกว่านางแมวป่าอยู่ใกล้ๆเพราอะไรก็ไม่รู้ จึงเอื้อมไปจับมือแล้วก็โอบไหล่โบว์

   โบว์ไม่ได้ขัดขืนอะไร กลับมีความสุขซะอีกที่ได้อยู่ในอ้อมกอดผัว เธอเอียงหัวไปซบอกเผด็จโดยไม่รู้ตัว แล้วก็มองดูธรรมชาติ สักพักก็เดินจูงมือกันลงไปทานอาหาร

   พอเข้าเขตสโมสร โบว์ก็ต้องแกะมือออกจากเผด็จ ทั้งๆที่ไม่อยากเอาออก “คุณอาปล่อยค่ะ”

“ทำไมหละ” เผด็จแปลกใจ “เดี๋ยวมีคนเห็นหนูยังไม่อยากงานเข้า เอาไว้กลับ กทม.ก่อนแล้วกันหนูจะตามใจคุณอานะคะคนดี”

   เผด็จทำหน้าปากจู๋ โบว์หอมแก้มซ้ายขวา เป็นมัดจำให้ก่อน เผด็จถึงยอม เพราะรักถึงตามใจ ทำด้วยใจให้ด้วยรัก พอเดินเข้าไปก็พบว่า เจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น กำลังชุลมุนกลางสโมสร เสียงดังเอะอะระหว่างเชี่ยวกับอัธวุฒิอยู่

“คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไงอัธวุฒิ”

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 27 .. “ สายตาที่มีไว้มองแต่เธอ ”

ตอนที่ 26 .. “ ทำด้วยใจให้ด้วยรัก ”

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.