บทที่ 309 สงครามกลางเมืองเอลฟ์
บทที่ 309 สงครามกลางเมืองเอลฟ์
8 โมงเช้า
หลังออกกำลังกายกันจนเสร็จลู่หยางและฮั่นจงก็ได้นั่งกินข้าวบนโต๊ะอาหารเดียวกันกับสมาชิกคนอื่น ๆ ซึ่งอาหารที่พวกเขากินก็เป็นอาหารหม้อเดียวกันกับที่ลูกน้องของพวกเขากินไม่ได้มีอะไรที่มีความพิเศษมากกว่ากันเลยแม้แต่นิดเดียว
ขณะเดียวกันมู่ยี่ก็เป็นเด็กที่มีอายุน้อยมากที่สุดภายในกลุ่ม ฮั่นจงจึงจัดโปรแกรมฝึกให้เด็กหนุ่มโดยเฉพาะ และถึงแม้การฝึกในทุก ๆ วันจะทำให้มู่ยี่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังพยายามอดทนเพื่อผ่านพ้นอุปสรรคไปให้ได้
“ค่อย ๆ กินไม่ต้องรีบ เดี๋ยวสำลัก” ลู่หยางส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเมื่อได้เห็นมู่ยี่กินข้าวด้วยความเร็วราวกับพายุ
“ผมต้องพยายามให้หนักกว่านี้ ตอนนี้ผมยังผอมและอ่อนแอมากเกินไป” มู่ยี่กล่าวหลังจากดื่มนมเข้าไปแก้วใหญ่
ลู่หยางหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ แต่ภายในใจกลับรู้สึกขมขื่นอยู่ไม่น้อย เพราะท้ายที่สุดเขาก็รู้ดีว่าสาเหตุที่เด็กคนนี้อยากจะแข็งแกร่งขึ้นเร็ว ๆ ก็เพราะว่าอีกฝ่ายต้องการจะปกป้องครอบครัว
“ที่นายเป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็ดีมากแล้ว” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับลูบหัวมู่ยี่เบา ๆ จากนั้นเขาก็หันไปถามฮั่นอวี่ว่า
“ตอนนี้ได้เอมเมอรัลด์คริสตัลมากี่ชิ้นแล้ว?”
“เรารวบรวมพวกมันเก็บไว้ในคลังของร้านตีเหล็กได้ 106 ชิ้นแล้วครับ ว่าแต่พวกมันมีประโยชน์จริง ๆ เหรอ?” ฮั่นอวี่กล่าว
“มีประโยชน์สิ มีประโยชน์มาก ๆ ด้วย” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรขอให้เจียงเจ๋อทำเรื่องลาให้เขา 1 สัปดาห์และกลับเข้าไปภายในเกมอีกครั้ง
ระหว่างนี้ชายหนุ่มก็ได้บอกให้มู่หยูและฮั่นอิ่งใช้ประโยชน์จากเจ้าก้อนเขียวในการสังหารมอนสเตอร์ต่อ ส่วนตัวเขาได้นำของที่ได้มาในช่วงหลายวันนี้กลับไปยังร้านตีเหล็กทางตอนเหนือของเมือง
ฮั่นจงกำลังสร้างอุปกรณ์ แต่เมื่อเขาเห็นลู่หยางแบกถุงเก็บของขนาดใหญ่ 6 ถุงกลับมา เขาจึงรีบถามออกไปด้วยความตกใจว่า
“นั่นมันอะไรน่ะ ทำไมถึงเยอะขนาดนั้น?”
ลู่หยางพาฮั่นจงไปที่คลังของร้านตีเหล็ก ก่อนที่จะนำบลูปริ้นทั้งหมดออกมาให้ ซึ่งมันเป็นบลูปริ้นของอุปกรณ์ 5 อาชีพอย่างละ 6 ชุด แล้วถ้าหากว่ามันนับรวมกับบลูปริ้นของอาวุธแล้วมันก็มีบลูปริ้นถูกนำออกมาทั้งหมด 56 แผ่น
“ลู่หยางบลูปริ้นพวกนี้มันเป็นของมีค่ามากเลยนะ หากเราผลิตพวกมันออกมาขายได้ มันจะสร้างกำไรให้พวกเราอย่างงามแน่ ๆ” ฮั่นจงกล่าวด้วยแววตาอันเป็นประกาย
“อาจารย์ช่วยคัดเลือกคน 56 คนมาผลิตอุปกรณ์พวกนี้ทีนะครับ แต่อย่าเพิ่งขายพวกมันออกไป ผมมีแผนอื่นที่อยากจะทำก่อน” ลู่หยางกล่าว
“แผนอะไรงั้นเหรอ?” ฮั่นจงถามด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อวานผมได้ไปพบกับผู้อาวุโสคนหนึ่งและได้ข้อคิดกลับมาเยอะมาก ผมเลยอยากจะลองแผนการใหญ่ดูสักครั้ง” ลู่หยางตอบ
ปัจจุบันบลัดบราเธอร์มีสมาชิกเกินกว่า 180,000 คนแล้วและด้วยกิลด์ขนาดใหญ่ขนาดนี้แม้จะไม่มีสายลับแฝงตัวเข้ามาภายในกิลด์ แต่มันก็ต้องมีคนนำเรื่องราวภายในกิลด์ออกไปเปิดเผยต่อคนนอกอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะเรื่องบลูปริ้นและอุปกรณ์ระดับทองที่พวกเขาเพิ่งได้รับมา ที่ถึงแม้คนที่รู้เรื่องนี้จะมีเพียงแค่สมาชิกดั้งเดิม 13,000 คน แต่ลู่หยางก็ไม่อยากจะไว้ใจใคร 100% เขาจึงตัดสินใจเพิ่มความปลอดภัยไปอีกขั้น โดยให้ร้านตีเหล็กของฮั่นจงเป็นคนรับผิดชอบทำอุปกรณ์บางส่วนขึ้นมา
ในระหว่างที่กิลด์ขนาดใหญ่อื่น ๆ กำลังยุ่งอยู่กับการบุกดันเจียนและป้อมปราการ ลู่หยางก็กำลังวางแผนการสร้างความอ่อนแอขึ้นมาปลอม ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายประเมินความแข็งแกร่งของพวกเขาผิดไป
ด้วยข้อมูลที่หลุดรอดออกไปจากกิลด์ มันจะทำให้คนนอกคิดว่าพวกเขากำลังเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างช้า ๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ร้านตีเหล็กของฮั่นจงสร้างอุปกรณ์ได้มากพอ ลู่หยางก็จะนำอุปกรณ์เหล่านั้นจู่โจมจุดตายของเดธโซลโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาได้ตั้งตัว
“แล้วร้านจะหาวัตถุดิบมาจากไหน? ร้านของเราไม่มีวัตถุดิบสร้างอุปกรณ์พวกนั้นหรอกนะ” ฮั่นจงกล่าว
ลู่หยางหยิบเอมเมอรัลด์คริสตัลทั้ง 106 ชิ้นออกมาจากลังพร้อมกับพูดว่า
“ผมจะเอาคริสตัลพวกนี้เดินทางไปยังเมืองหลวงของเผ่าเอลฟ์ แล้วเอาพวกมันไปแลกวัตถุดิบกลับมาเองครับ”
เอมเมอรัลด์คริสตัลเป็นไอเท็มพิเศษที่ดรอปออกมาจากต้นไม้ปีศาจพันปี และถึงแม้มันจะเป็นไอเท็มที่ไม่มีประโยชน์อะไรต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่สำหรับดรูอิดซึ่งเป็นอาชีพพิเศษของเผ่าเอลฟ์แล้วพวกมันเป็นของที่มีประโยชน์มาก เพราะท้ายที่สุดอุปกรณ์ระดับทองและระดับแพลตตินั่มเลเวล 30-50 ของอาชีพดรูอิดต่างก็ล้วนแล้วแต่จะต้องใช้เอมเมอรัลด์คริสตัลเป็นวัตถุดิบหลักด้วยกันทั้งนั้น
หลังออกมาจากร้านตีเหล็กลู่หยางก็เดินทางไปยังประตูวาร์ป ก่อนที่จะจ่ายเงิน 10 เหรียญทองเพื่อเทเลพอร์ตไปยังเมืองท่าบริเวณใต้สุดของแผนที่ที่มีชื่อว่ากอริททาเนีย
นี่คือจุดหมายปลายทางที่มีค่าเทเลพอร์ตแพงมากที่สุดภายในเกม แต่มันก็คือเมืองท่าที่ทำให้ผู้เล่นเผ่ามนุษย์สามารถนั่งเรือไปยังเมืองโกลด์โรยอลตี้ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเผ่าเอลฟ์ได้
เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าเอลฟ์มีความสัมพันธ์แบบเป็นกลาง ดังนั้นผู้เล่นจึงไม่จำเป็นจะต้องปลอมตัวในระหว่างการเดินทางข้ามดินแดน แต่เพื่อไม่ให้การเดินทางครั้งนี้กลายเป็นจุดสนใจ ลู่หยางจึงได้ปลอมตัวกลายเป็นผู้เล่นเผ่าเอลฟ์
หลังนั่งเรือเป็นเวลานานลู่หยางก็เดินทางมาจนถึงท่าเรือนอกเมืองโกลด์โรยอลตี้ในที่สุด แต่หลังจากที่เขาลงจากเรือเพียงแค่ไม่นาน มันก็มีเสียงตะโกนด่าพร้อมกับเสียงอาวุธปะทะกันดังมาแต่ไกล
ชายหนุ่มรีบหันมองไปทางต้นเสียงก่อนที่จะได้พบผู้เล่นหลายพันคนกำลังปะทะกันบริเวณทุ่งราบด้านนอกท่าเรือ โดยฝ่ายหนึ่งมีกำลังอยู่ประมาณ 5,000 คน แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ค่อยได้เปรียบอีกฝ่ายหนึ่งที่มีกำลังพลอยู่เพียงแค่ประมาณ 3,000 คน
ห่างออกไปไม่ไกลบริเวณท่าเรือก็มีผู้เล่นเผ่าเอลฟ์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังมองดูการต่อสู้ในครั้งนี้และพูดคุยกับสหายที่อยู่ใกล้ ๆ
“นี่มันครั้งที่ 6 ของเดือนนี้แล้วใช่ไหม?”
“ใช่ กิลด์โนเบิลกับกิลด์ก็อดเรล์มต่อสู้กันดุเดือดจริง ๆ”
…
ลู่หยางรีบเดินไปใกล้ ๆ ฝูงชนในทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามเอลฟ์ที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส
“พี่ชาย เรื่องมันเป็นมายังไงงั้นเหรอครับ?”
“น้องชาย นายพึ่งมาใหม่สินะ ฉันขอบอกเลยว่านายมาถามถูกคนแล้ว ตอนนี้คือช่วงที่กิลด์ 2 ยักษ์ใหญ่กำลังทำสงครามกัน โดยฝ่ายที่มีสัญลักษณ์รูปดาบคู่สีดำคือกิลด์โนเบิล ส่วนอีกฝ่ายที่มีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์เสี้ยวสีฟ้าคือกิลด์ที่มีชื่อว่าก็อดเรล์ม กิลด์ทั้งสองกิลด์นี้มีจำนวนสมาชิกใกล้เคียงกันและเดือนนี้พวกเขาก็ปะทะกันมาเป็นครั้งที่ 6 แล้ว”
ในระหว่างที่ลู่หยางกำลังถามหาข้อมูลอยู่นั้น การต่อสู้ก็เริ่มทวีความดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยฝ่ายกิลด์ก็อดเรล์มที่มีคนน้อยกว่าเริ่มรวมกำลังกันบุกไปยังจุดอ่อนของศัตรู ขณะที่กิลด์โนเบิลที่มีจำนวนคนมากกว่าก็กำลังแบ่งคนออกไปโจมตีขนาบข้างเพื่อเจาะแนวรับของศัตรูด้วยเช่นกัน
ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่นั่นเอง จู่ ๆ มันก็มีเสียงร้องคำรามดังขึ้นมาจากกิลด์ก็อดเรล์ม และทันใดนั้นมันก็มีเอลฟ์กลายร่างเป็นเสือชีต้า ก่อนที่เขาจะกระโจนเข้าไปภายในกลุ่มของกิลด์โนเบิล
เสือชีต้าที่แปลงร่างมีความรวดเร็วและว่องไวเป็นอย่างมาก จนทำให้มันสามารถสังหารสมาชิกกิลด์โนเบิลได้อย่างรวดเร็ว
ไม่กี่วินาทีต่อมามันก็มีเสียงร้องคำรามดังขึ้นมาจากฝ่ายกิลด์โนเบิลด้วยเช่นกัน ก่อนที่มันจะมีผู้เล่นบางส่วนกลายร่างเป็นเสือชีต้าและเริ่มโจมตีเสือชีต้าของกิลด์ก็อดเรล์ม
นี่คือสกิลของอาชีพดรูอิดซึ่งเป็นอาชีพเฉพาะของเผ่าเอลฟ์ โดยอาชีพนี้ก็จะมีความพิเศษไม่ต่างไปจากพาลาดินที่มีสกิลทำให้เป็นอมตะ แต่สกิลพิเศษของดรูอิดคือการแปลงร่างเป็นเสือชีต้า, มนุษย์ต้นไม้และหมีขนาดใหญ่
นี่คืออาชีพที่โดดเด่นทางด้านการพีเคโดยเฉพาะ เพราะดรูอิดมีความสามารถทางในด้านการรักษา, มีพลังชีวิตที่ค่อนข้างสูงและสามารถโจมตีได้อย่างรุนแรง ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาชีพที่ค่อนข้างโดดเด่นอาชีพหนึ่งเลยทีเดียว
ในชาติก่อนเมื่อทางเซิฟเวอร์มีการเปิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ ลู่หยางก็จดจำได้ว่าการประเมินว่าฝ่ายไหนจะได้รับชัยชนะ มันก็มักจะประเมินว่าในกองกำลังฝ่ายไหนมีอาชีพพิเศษอย่างดรูอิดหรือพาลาดินเยอะกว่ากันแน่
ในสนามรบที่อยู่ตรงหน้าลู่หยางก็ได้สังเกตเห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีจำนวนของดรูอิดใกล้เคียงกัน เพียงแต่ดรูอิดของทางกิลด์โนเบิลมีความแข็งแกร่งกว่าดรูอิดของทางฝั่งก็อดเรล์มมากพอสมควร
เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไป มันก็เป็นฝ่ายกิลด์ก็อดเรล์มที่เริ่มเพลี่ยงพล้ำ
“เก่งจริงก็อย่าหนีสิวะ!” หัวหน้าทีมของกิลด์โนเบิลตะโกนใส่กองกำลังของกิลด์ก็อดเรล์มที่กำลังวิ่งแตกกระเจิง
“ซีโร่ซอร์โรว์ คราวนี้ฝากไว้ก่อนเถอะ คราวหน้าพวกเราได้เห็นดีกันแน่!” ผู้เล่นที่เป็นเหมือนหัวหน้าทีมของกิลด์ก็อดเรล์มตะโกนขึ้นมาก่อนที่พวกเขาจะรีบวิ่งหนีไป
“น่าเสียดายจริง ๆ กิลด์ก็อดเรล์มพ่ายแพ้อีกแล้วสินะ” ผู้เล่นกลุ่มข้าง ๆ ลู่หยางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจกันออกมา
“ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีดรูอิดเท่า ๆ กันไม่ใช่เหรอครับแล้วทำไมความแข็งแกร่งของพวกเขาถึงแตกต่างกันมากขนาดนี้?” ลู่หยางถาม
เอลฟ์ชายมองไปยังลู่หยาง ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาอย่างไม่ค่อยใส่ใจมากนัก
“ความแตกต่างมันอยู่ที่อุปกรณ์ไง ทางฝั่งกิลด์ก็อดเรล์มมีอุปกรณ์ระดับทองเลเวล 30 ของดรูอิดอยู่น้อยจนเกินไป”
ลู่หยางพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็ได้กำหนดเป้าหมายการเดินทางในครั้งนี้ไปที่กิลด์ก็อดเรล์ม
นี่สินะคือประโยชน์ของการสนใจเรื่องชาวบ้าน อิอิ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 163
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น