บทที่ 240: ความจริง
กว่าที่มู่ไป๋ไป่จะได้เข้านอนก็เกือบจะรุ่งสางแล้ว ถึงกระนั้นเธอก็ตื่นขึ้นมาหลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นาน
เมื่อตื่นนอนและทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย เธอก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักฉือซิ่งเพื่อคารวะไทเฮาตามปกติ จากนั้นจึงไปคารวะมู่เทียนฉง
เนื่องจากฮ่องเต้หนุ่มไม่ได้เข้าประชุมเช้า เธอจึงไม่ได้พบเขา
เด็กหญิงที่ได้รับรายงานดังนั้นก็กลับมาอย่างสงบ
เวลาต่อมา เธอมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวเพื่อปรุงอาหารส่งไปให้ผู้เป็นพ่อ เสร็จแล้วเธอก็กลับไปยังตำหนักอิ๋งชุน
เดิมทีเธออยากจะไปพูดคุยกับหว่านผิน แต่ทันทีที่เธอกลับมาถึง เธอก็ได้ยินว่ามู่จวินฝานเสด็จมา เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขา
“ท่านพี่รัชทายาท!” คนตัวเล็กไม่ได้เจอพี่ชายคนโตมาหลายวันแล้ว ในเวลาเช่นนี้เขาไม่ได้หลบเลี่ยงเธอ อีกทั้งเขายังมาหาเธอที่ตำหนักอิ๋งชุนด้วยตัวเอง นั่นทำให้เธอรู้สึกประทับใจมาก
“ไป๋ไป่” มู่จวินฝานกำลังดื่มชารออยู่ในสวน พอเขาได้ยินเสียงเรียกของน้องสาว มุมปากของเขาก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว “เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
“ข้ากลับมาแล้ว!” มู่ไป๋ไป่รีบพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย เธอกอดเขาเต็มแรงและหยอกล้อกันอยู่พักหนึ่งก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้น
“ท่านพี่รัชทายาท ทำไมวันนี้ท่านถึงมาหาข้าได้ล่ะ? ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้ท่านยุ่งมาก”
“มีเรื่องเกิดขึ้นกับตำหนักอิ๋งชุน ไม่ว่าข้าจะยุ่งมากเพียงใด ข้าก็ยังต้องมาดูสักหน่อย” เด็กหนุ่มกอดน้องสาวและมองนางด้วยสายตาจริงจังในขณะที่ถามว่า “ทำไมเจ้าไม่รีบส่งคนไปส่งข่าวให้ข้าตั้งแต่เมื่อวาน?”
“เจ้าลืมพี่ชายคนนี้ไปแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่!” มู่ไป๋ไป่รีบส่ายหัวปฏิเสธเพราะกลัวว่าเขาจะเข้าใจตนผิด “ข้าเองก็เพิ่งรู้เรื่องของท่านแม่ตอนดึกมากแล้ว ข้ายุ่งอยู่กับการสอบสวนจนลืมส่งคนไปรายงานข่าวที่ตำหนักท่านพี่เสียสนิทเลย”
“เจ้าไม่ได้ลืมพี่จริง ๆ ใช่หรือไม่?” มู่จวินฝานถามย้ำอีกครั้ง
“จริงแท้แน่นอนเพคะ!” คนตัวเล็กตอบเสียงหนักแน่น เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ใครกันที่บอกว่าการจะขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดจะต้องโหดเหี้ยม? คนพวกนั้นต้องมาดูพี่ชายคนโตของเธอเสียก่อน!
“ดีแล้ว” เด็กหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอกและลูบหัวของน้องสาวด้วยความเอ็นดู “วันนี้สถานการณ์ในวังหลวงค่อนข้างซับซ้อน”
“เจ้าไม่สามารถลงมือได้ด้วยตัวเอง”
“ข้าได้ส่งคนไปสืบสวนเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานน่าจะได้ข่าว”
“ท่านพี่รัชทายาทไม่ต้องกังวล” มู่ไป๋ไป่ดึงแขนเสื้อพี่ชายแล้วยิ้มอย่างมีความสุข “เซียวถังอี้มาหาข้าเมื่อคืน เขารับปากว่าจะช่วยข้า!”
หลังจากเด็กหญิงได้ยินสิ่งที่เซียวถังอี้บอกเมื่อวานนี้ เธอก็รู้สึกชาที่หัวใจเล็กน้อย สิ่งต่าง ๆ ประดังประเดเข้ามามากมายภายในคืนเดียวจนเธอตั้งรับแทบไม่ทัน
นอกจากนี้มู่เทียนฉงยังไม่ให้เธอเข้าพบเมื่อเช้า นั่นทำให้เธออดเป็นกังวลไม่ได้ เธอทำได้เพียงทำอาหารส่งไปให้เขาเท่านั้น
แต่ปัจจุบันความไม่สบายใจและความผิดหวังทั้งหมดได้ถูกขจัดออกไปเพราะพี่ชายคนโต
เธอรู้ว่าในวังหลวงแห่งนี้ยังมีคนที่ยืนอยู่เคียงข้างเธอโดยไม่มีเงื่อนไข อีกทั้งเธอไม่ได้สู้กับศัตรูเพียงลำพัง
“จริงหรือ?” มู่จวินฝานรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เพราะถึงอย่างไรน้องสาวของเขากับเสด็จอาก็ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้ในระหว่างที่เดินทางไปชายแดน
“จริง ๆ นะเพคะ” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มแฉ่ง “ท่านพี่รัชทายาท แม้ว่าเซียวถังอี้จะเป็นคนที่น่ารำคาญไปสักหน่อย แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนดีมาก”
เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ “ข้าไม่ค่อยได้ยินเจ้าพูดเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับเสด็จอาเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในเมื่อเสด็จอายินดีช่วยเหลือเจ้า เช่นนี้ข้าก็ค่อยโล่งใจหน่อย”
จากนั้นมู่จวินฝานก็ไม่ได้รั้งอยู่ที่ตำหนักอิ๋งชุนนานมากนัก เขากำชับให้มู่ไป๋ไป่ส่งคนไปแจ้งเขาทันทีหากนางต้องการอะไร แล้วเขาก็ได้ทิ้งองครักษ์เงาเอาไว้คอยรับใช้นางด้วย
“เจี่ยอี ท่านช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่?” จู่ ๆ คนตัวเล็กก็เกิดความคิดขึ้นมา เธอจึงไหว้วานให้เขาช่วยงานบางอย่าง “ท่านช่วยไปที่อุทยานหลวงเพื่อจับสัตว์ที่อยู่แถวนั้นกลับมาให้ข้าที”
“สัตว์?” องครักษ์หนุ่มทำหน้าสับสน “องค์หญิงหก พระองค์ต้องการสัตว์ชนิดใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ตัวอะไรก็ได้เอามาเถอะ!” มู่ไป๋ไป่ยิ้มกว้าง “ขอแค่ให้มันมีชีวิตอยู่ก็พอ!”
เธอเกือบลืมไปแล้วว่าแม้นเมื่อวานนี้จะไม่มีบุคคลที่ 3 อยู่ในอุทยานหลวง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มี ‘สิ่งอื่น’ ที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลานั้น
ขอเพียงแค่เธอจับสัตว์ที่อยู่แถวนั้นมาได้สัก 2-3 ตัวแล้วนำมาสอบสวน เรื่องทุกอย่างอาจจะถูกเปิดเผยใช่หรือไม่?
ทันทีที่เจี่ยอีได้รับคำสั่งแปลก ๆ เขาก็แยกตัวออกไป เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับกระสอบที่บรรจุงูหลายตัว
“องค์หญิงหก เนื่องจากหิมะตกหนักจนเกินไป งูพวกนี้จึงเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่สามารถพบได้ในอุทยานหลวง” องครักษ์หนุ่มพูดขณะที่วางกระสอบลงด้วยท่าทางรังเกียจเล็กน้อย
องครักษ์เงาของรัชทายาทผู้สง่างามจะต้องมาทำตามคำสั่งเด็กคนหนึ่งให้ไปจับงูในสวน
หากองครักษ์เงาคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า คนพวกนั้นจะต้องล้อเลียนเขายันลูกบวชแน่
ปัจจุบันงูพวกนี้กำลังจำศีล ตอนที่พวกมันถูกขุดออกมา พวกมันก็พยายามเลื้อยหนีเพียงอย่างเดียว จึงทำให้การจับสัตว์ในครั้งนี้ไม่ยากนัก
ถัดมา มู่ไป๋ไป่นั่งลงแล้วยื่นมือออกไปสะกิดพวกมันเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “พวกมันยังไม่ตาย!”
“องค์หญิงหก พระองค์จะทำอย่างไรกับงูพวกนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” เจี่ยอีอดไม่ได้ที่จะถามออกมา เขาได้รับคำสั่งจากองค์รัชทายาทให้คอยช่วยเหลือเด็กหญิงในการสืบสวนเรื่องของหว่านผินผู้เป็นแม่ของนาง เขาจึงสงสัยว่าการจับงูมาให้นางมันเกี่ยวข้องกับการสืบสวนอย่างไร
“อืม…” มู่ไป๋ไป่เผยรอยยิ้มลึกลับให้กับอีกฝ่าย “ความลับน่ะ”
ต่อมา จื่อเฟิงและหลัวเซียวเซียวก็ช่วยกันพาตัวองครักษ์หนุ่มออกไปอย่างรู้งาน จากนั้นทั้ง 2 คนก็เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องขององค์หญิงหกเหมือนยักษ์เฝ้าประตูในตำนาน
จนกระทั่งเหลือเธอเพียงคนเดียวในห้องเท่านั้น เธอก็เอ่ยถามงูว่า “เจ้างูน้อย เมื่อวานเจ้าเห็นหรือได้ยินอะไรในอุทยานหลวงบ้างหรือไม่?”
“ท่านจ้าวอสูร…” งูหลายตัวเงยหน้าขึ้นอย่างเกียจคร้านและก้มศีรษะให้มู่ไป๋ไป่ “คารวะท่านจ้าวอสูร”
“พวกเจ้าไม่ต้องมากพิธี รีบเงยหน้าขึ้นเถอะ” เด็กหญิงกล่าวพลางโบกมือไหว ๆ “เจ้าตอบข้าก่อน...”
“เมื่อวานเรากำลังจำศีลอยู่ในสวน” งูตัวหนึ่งพูดออกมาช้า ๆ “เราไม่ได้ยินอะไรเลย”
“...”
ปฏิกิริยาเฉยชาของพวกมันทำให้คนตัวเล็กรู้สึกอารมณ์เสียไม่น้อย
“เจ้าลองทบทวนใหม่อีกครั้ง เรื่องนี้สำคัญกับข้ามาก”
“เมื่อวานตอนบ่ายเจ้าได้ยินเสียงผู้หญิง 2 คนหรือไม่?”
มู่ไป๋ไป่พยายามให้พวกมันย้อนนึกถึงความทรงจำที่ผ่านมา
ยามนี้งูหลายตัวดูเหมือนจะเหนื่อยมาก ดังนั้นพวกมันจึงเลื้อยตัวนอนหมอบอยู่บนพื้น ในขณะที่มันเอ่ยว่า “อา… ท่านจ้าวอสูร พอท่านพูดเช่นนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะนึกอะไรขึ้นมาได้”
“มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ส่งเสียงน่ารังเกียจปลุกข้าให้ตื่น”
“ดูเหมือนว่า—” ก่อนที่งูตัวนั้นจะทันได้พูดอะไรต่อ จู่ ๆ งูเขียวก็พูดแทรกขึ้นมา “ข้าเองก็จำได้เหมือนกัน ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะพูดถึงหว่านผินแล้วเรื่องอื่น ๆ ที่ข้าจำได้ไม่ชัดเจน แต่มันเป็นคำที่ไม่น่าฟังทั้งสิ้น”
มู่ไป๋ไป่ที่ได้ยินคำบอกเล่าของพวกงูตกใจมาก
ถูกต้องแล้ว ผู้หญิงที่ว่านั้นจะต้องเป็นลี่เฟยแน่นอน
“ใช่ ๆ” งูดำเงยหน้าขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นสารเลวยิ่งนัก เพราะนางเดินผ่านบริเวณที่ข้าจำศีลจึงทำให้ข้าสะดุ้งตื่น แถมยังใส่ร้ายข้าบอกว่าข้าทำให้นางกลัวด้วย”
“ข้าจึงไล่นางออกไป ทำให้นางตกใจจนล้มลง”
“ฮ่า ๆๆ!”
“นางล้ม?!” มู่ไป๋ไป่จ้องงูตัวที่พูดเขม็ง “เจ้าคือตัวที่ทำให้นางตกใจกลัวหรือ?”
“ใช่แล้ว!” งูดำไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงพยักหน้าตอบรับอย่างภาคภูมิใจ “นี่เป็นเรื่องจริง! ตอนนั้นมีคนเฝ้าดูอยู่ ถ้าท่านจ้าวอสูรไม่เชื่อ ท่านสามารถไปขอคำยืนยันจากคนผู้นั้นได้”
“ข้าจำได้ว่าคนคนนั้นใส่ชุดสีฟ้าที่ดูงดงามมาก”
ชุดสีฟ้า!
เมื่อวานซูหว่านสวมชุดฟ้าไม่ใช่หรือ?
มู่ไป๋ไป่รู้สึกประหลาดใจมาก เธอไม่คาดคิดว่าจะได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเร็วเช่นนี้
ที่แท้ลี่เฟยก็ตกใจกลัวงูจึงล้มลง จากนั้นนางก็ใส่ร้ายป้ายสีท่านแม่ของเธอ
“!!!”
แต่ลี่เฟยจะแน่ใจได้อย่างไรว่าซูหว่านจะไม่กล้าพูดอะไร?
มู่ไป๋ไป่ยกมือขึ้นลูบคางและจมดิ่งเข้าไปในความคิดของตัวเอง


แสดงความคิดเห็น