บทที่ 235: มีบางอย่างเกิดขึ้น

-A A +A

บทที่ 235: มีบางอย่างเกิดขึ้น

“หา?” มู่ไป๋ไป่เอียงคอและนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะตอบว่า “ข้าแค่โสงสาย…”

“จริงหรือ?” เซียวถังอี้ถามพลางยกสุราดื่มจนหมดจอก

แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือเสียงกรนเบา ๆ ของเจ้าตัวเล็ก ปรากฏว่านางเผลอหลับไปเสียอย่างนั้น 

ชิงหานที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะมองดูสีหน้าของผู้เป็นนายของเขาเงียบ ๆ

เขาอยู่ข้างกายคอยรับใช้เซียวถังอี้มาตั้งแต่เด็ก นอกจาก ‘เซียวถังถัง’ แล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นใครกล้าเข้าใกล้เจ้านายของเขามาก่อนเลย

“เจ้าออกไปก่อน” เด็กหนุ่มเอ่ยปากสั่งราวกับว่าเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ในห้อง “แล้วส่งคนไปที่ตำหนักอิ๋งชุนเพื่อแจ้งข่าวว่าหิมะตกหนักจนเกินไป องค์หญิงหกจะเสด็จกลับหลังจากหิมะเบาลง”

 “ขอรับ” ชิงหานตอบรับแล้วถอยออกไป ก่อนที่จะไปทำตามคำสั่ง เขาได้หันกลับมามองโดยไม่ได้ตั้งใจและเห็นเซียวถังอี้อุ้มมู่ไป๋ไป่ไปวางไว้ที่ตั่ง

ในลานกว้าง องครักษ์เงาที่เข้ามารับคำสั่งเห็นชิงหานยืนเหม่อลอยอยู่ที่ทางเดิน เขาจึงตบไหล่เรียกสติอีกฝ่ายเบา ๆ พร้อมกับถามว่า “ทำไมเจ้าถึงยืนนิ่งอยู่แบบนี้? นายท่านทำอะไรให้เจ้าลำบากใจหรือ?”

“เปล่า” องครักษ์หนุ่มส่ายหัว ก่อนจะพูดอย่างไม่แน่ใจว่า “ข้าแค่รู้สึกว่านายท่านดูเปลี่ยนไปมากหลังจากกลับมาจากชายแดนครั้งนี้”

“หรือข้าคิดมากไปเอง?”

ขณะนี้มู่ไป๋ไป่ที่ถูกฤทธิ์ของสุราเล่นงานนอนหลับลึกมากกว่าปกติ หากไม่มีเสียงกระแทกประตูดัง ๆ เธอคงจะนอนหลับได้จนถึงเช้า

ก๊อก ๆๆๆ!

“ใครน่ะ… บังอาจมารบกวนความฝันของข้า… เซียวเซียว รีบพาคนพวกนี้ออกไปเร็วเข้า” คนตัวเล็กขยี้ตาลุกขึ้นนั่ง ทำให้เสื้อคลุมสีดำค่อย ๆ หลุดออกจากร่างกายของเธอ โชคดีที่ภายในห้องอบอุ่นเพียงพอ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกหนาวมากเท่าไหร่ แต่อุณหภูมิที่ต่ำลงก็ทำให้เธอมีสติและตระหนักได้ว่าตนไม่ได้อยู่ในตำหนักอิ๋งชุน

“หวา! ฟ้ามืดแล้ว!” มู่ไป๋ไป่มองไปนอกหน้าต่าง เธอตกใจมากจนต้องรีบกลิ้งลงจากตั่งมาสวมรองเท้าแล้ววิ่งออกจากห้องไป “โอ๊ย เซียวถังอี้ ผู้ชายคนนั้นไม่คิดจะปลุกข้าเลยหรืออย่างไร” 

“วันนี้ข้าสัญญากับท่านแม่แล้วว่าจะกลับไปกินข้าวเย็นกับนาง ข้าต้องรีบกลับแล้ว ไม่รู้ว่าจะทันเวลาหรือไม่”

ก๊อก ๆๆๆ!

เสียงเคาะประตูยังคงดังไม่หยุด 

“เลิกเคาะได้แล้ว ข้าตื่นแล้ว!”

เด็กหญิงขมวดคิ้วขณะเปิดประตูออกไปด้วยสีหน้าติดจะรำคาญเล็กน้อย 

“อ๊ะ! ทำไมหิมะถึงได้ตกเยอะขนาดนี้ เซียวเซียว ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” มู่ไป๋ไป่มองคนที่มีหิมะปกคลุมทั่วใบหน้าและร่างกาย แล้วรีบดึงอีกคนเข้ามาด้านใน

“เจ้านี่นะ ทำไมเจ้าต้องมาเองด้วย เจ้าเลือกนางกำนัลให้มารายงานแทนก็ได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่เจ้ามาที่นี่จะทำอย่างไร”

“หากเจ้าถูกไอเย็นจนป่วยอีกครั้ง ข้าไม่มีโสมมาช่วยชีวิตเจ้าอีกแล้วนะ” คนตัวเล็กเอ่ยปากดุคนของตนยาวเหยียด

“องค์หญิงหก เกิดเรื่องขึ้นแล้วเพคะ!” หลัวเซียวเซียวจับมือคนตรงหน้าอย่างเป็นกังวล “วันนี้หว่านผินไปเดินเล่นในอุทยานหลวงและบังเอิญพบกับลี่เฟย”

“หม่อมฉันไม่ทราบว่าเหตุใดจู่ ๆ ลี่เฟยถึงได้ล้มลงจนตกพระโลหิต”

“หา?!” มู่ไป๋ไป่กับตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามว่า “ลี่เฟยตั้งครรภ์แล้วหรือ?”

“เพคะ” หลัวเซียวเซียวตอบในขณะที่ดึงมือองค์หญิงหกออกไปข้างนอก “ครรภ์ของลี่เฟยยังไม่ได้โตมาก ดังนั้นพระสนมจึงยังไม่ได้บอกใคร”

“แล้วอย่างไร?” มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “นางตกเลือด แต่นางก็ไม่สามารถตำหนิท่านแม่ของข้าได้อยู่ดีใช่หรือไม่?”

“องค์หญิงหก พระองค์ไม่รู้อะไร” หลัวเซียวเซียวกล่าวพลางมองไปรอบ ๆ พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ นางก็ขยับเข้าไปกระซิบข้างหูอีกฝ่ายว่า “ในตอนนั้นมีเพียงหว่านผินกับลี่เฟยอยู่ที่อุทยานหลวงเพียงลำพังเพคะ”

“หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ลี่เฟยก็เอาแต่ตะโกนว่าหว่านผินผลักตน”

“ไร้สาระ!” ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เปลี่ยนเป็นดุดันทันทีที่ได้ยินสิ่งที่สหายตัวน้อยบอก “ท่านแม่ของข้าจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร?”

ปกติซูหว่านมักจะอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวเสมอมา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะทำเช่นนั้น

“แน่นอนว่าพวกเราทุกคนเชื่อในตัวของหว่านผิน” หลัวเซียวเซียวเม้มปากแน่น ก่อนจะพูดออกมาอย่างยากลำบากว่า “แต่กุญแจสำคัญในเรื่องนี้ก็คือ ในตอนนั้นมีเพียงหว่านผินกับลี่เฟยเท่านั้นที่อยู่ในเหตุการณ์”

“นอกจากนี้ ปัจจุบันลี่เฟยสูญเสียบุตรไปแล้วเพคะ…”

หากเรื่องนี้เป็นเรื่องขัดแย้งระหว่างพระสนมในวังหลวงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

แต่เมื่อมีการสูญเสียบุตรเกิดขึ้น มันจะเปลี่ยนกลายเป็นเรื่องร้ายแรงทันที

มู่ไป๋ไป่เข้าใจเหตุผลนี้เป็นอย่างดี และใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้น “เจ้าแน่ใจหรือว่าลี่เฟยสูญเสียบุตร? ไม่ใช่ว่านางสร้างเรื่องหลอกพวกเราหรอกหรือ?”

เรื่องนี้อย่าได้โทษเธอที่สงสัยลี่เฟย นั่นเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นเจ้าเล่ห์มากเกินไปเองต่างหาก

ก่อนหน้านี้นางยังสามารถแสดงละครได้ถึงแม้ว่านางจะถูกจับได้ว่ามีชู้ก็ตาม ในตอนนี้เพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากท่านพ่อของเธอกลับคืนมา นางย่อมต้องยอมทำทุกวิถีทาง

“หม่อมฉันเห็นกับตาตัวเองเพคะ” หลัวเซียวเซียวพยักหน้า “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันได้ขอให้หมอหลวงฉินที่เราคุ้นเคยเข้าไปตรวจสอบและยืนยันว่าลี่เฟยสูญเสียบุตรจริง ๆ”

“ชิ!” มู่ไป๋ไป่กัดริมฝีปากแน่นขณะทำหน้าถมึงทึง “เรารีบกลับตำหนักก่อน ท่านพ่อรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง?”

หลัวเซียวเซียวรีบเดินตามองค์หญิงหกไปและตอบว่า “ฝ่าบาทกำลังหารือเรื่องสำคัญอยู่เพคะ ดังนั้นข่าวนี้จึงยังไม่ไปถึงหูฝ่าบาท แต่ไทเฮาได้ไปถึงตำหนักของลี่เฟยแล้ว” 

“มันเป็นเพราะว่าลี่เฟยเอาแต่ป่าวประกาศว่าหว่านผินผลักตน ดังนั้นตอนนี้หว่านผินจึงถูกกักตัวอยู่ที่ตำหนักอิ๋งชุนเพคะ”

เด็กหญิงกลัวว่าเรื่องนี้จะร้ายแรงมาก นางจึงได้รีบมาหาท่านอ๋องเพื่อตามหาองค์หญิงหกและรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟังด้วยตัวเอง

“เช่นนั้นเราไปที่ตำหนักของลี่เฟยก่อน” มู่ไป๋ไป่เปลี่ยนทิศทางที่จะมุ่งหน้าไปแล้วพูดว่า “ส่วนทางด้านท่านแม่เจ้าช่วยข้าหน่อย ให้จื่อเฟิงคอยติดตามและปกป้องท่านแม่ของข้าไว้ อย่าให้ใครก็ตามที่มีเจตนาไม่ดีเอาเปรียบนางได้” 

“องค์หญิง พระองค์ไม่ต้องกังวล หม่อมฉันได้กำชับเรื่องนี้กับจื่อเฟิงเอาไว้ก่อนที่จะเดินทางมาแล้วเพคะ” หลัวเซียวเซียวพยักหน้ารับคำ “ตอนนี้จื่อเฟิงคอยเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องของหว่านผินเอาไว้โดยไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปใกล้ได้”

พอได้ยินดังนี้มู่ไป๋ไป่ก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง “เซียวเซียว ข้าโชคดีมากที่มีเจ้าอยู่ข้างกาย”

“องค์หญิง พระองค์กำลังพูดเรื่องอะไรเพคะ?” หลัวเซียวเซียวส่ายหัวพลางยิ้มจาง ๆ “ถ้าหากพระองค์ไม่ช่วยชีวิตหม่อมฉันเอาไว้ ตอนนี้หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”

มู่ไป๋ไป่ใจดีกับนาง แล้วปฏิบัติต่อนางอย่างดีเสมอมา อีกฝ่ายเห็นคุณค่าของนางและไม่เคยทำให้นางรู้สึกว่าตนเป็นคนต่ำต้อยเลยสักครั้ง มันจึงทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณขององค์หญิงหกมาก

แน่นอนว่านางจะตอบแทนคนผู้นี้ด้วยความภักดีไปตลอดชีวิต

ขณะนี้ตำหนักของลี่เฟยจุดตะเกียงสว่างไสว และมีนางกำนัลคอยถืออ่างน้ำที่เปื้อนเลือดเข้าออกกันไม่ขาดสาย

พอมู่ไป๋ไป่มาถึงที่หมาย เหล่านางกำนัลก็ทำเพียงแค่ทักทายเธออย่างเร่งรีบโดยที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะเรียกใครบางคนมาถามว่าไทเฮาอยู่ที่ไหน ก่อนจะมุ่งหน้าไปหาพระนาง

เมื่อเด็กหญิงมาถึงสถานที่ที่ไทเฮาพำนัก เธอก็พบว่านอกจากไทเฮาที่อยู่ที่นั่นแล้ว ยังมีหรงเฟยและพระสนมคนอื่น ๆ อยู่อีกด้วย

“องค์หญิงหกมาที่นี่ด้วยหรือ?” หรงเฟยเหลือบมองคนที่มาเยือนแล้วเหยียดยิ้มมุ่งร้าย “มาเร็วทีเดียว”

“ไป๋ไป่ถวายบังคมไทเฮา” มู่ไป๋ไป่ไม่แม้แต่จะมองหรงเฟยด้วยซ้ำ หลังจากทำความเคารพผู้เป็นย่าเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันไปทำความเคารพพระสนมคนอื่น ๆ

“เหตุใดไป๋ไป่จึงมาอยู่ที่นี่?” ไทเฮากวักมือเรียกหลานสาวตัวน้อยพร้อมกับเอ่ยถาม “วันนี้หิมะตกหนักมาก เจ้าจะต้องสวมเสื้อผ้าหนา ๆ ให้มากกว่านี้หน่อย จะเป็นอย่างไรหากเจ้าเป็นไข้ลมหนาว”

“ไม่เป็นไรเพคะ ดูสิ ตัวไป๋ไป่ยังอุ่นอยู่เลย” มู่ไป๋ไป่นั่งลงข้างไทเฮา ก่อนจะกวาดตามองไปรอบ ๆ แล้วถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเสียงหวาน “หม่อมฉันได้ยินว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับลี่เฟย หม่อมฉันจึงเป็นกังวลมากก็เลยอยากจะมาดูสักหน่อย”

“ท่านย่า เกิดอะไรขึ้นกับลี่เฟยเพคะ?”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.