ตอนที่ 938 ห้ามังกรกลืนมุก

-A A +A

ตอนที่ 938 ห้ามังกรกลืนมุก

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 938 ห้ามังกรกลืนมุก

หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างภายในฐานทัพของกลุ่มกบฏเรียบร้อยแล้ว เทพขาวเทพดำก็นำพาเซี่ยเฟยกลับไปส่งยังสถานที่ที่พวกเขานัดพบกันเมื่อไม่กี่วันก่อน

“บรรพบุรุษบอกนายเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วเหรอว่าเขาไม่อยากเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏ?” เทพดำกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“บรรพบุรุษไม่ได้บอกอะไรผมเลย ผมตัดสินใจเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นายตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง!? นายกำลังจะบอกว่าที่นายปฏิเสธไม่เข้าร่วมกับกลุ่มกบฏไม่ใช่คำสั่งจากบรรพบุรุษของนายงั้นเหรอ” ทั้งเทพขาวและเทพดำต่างก็สะดุ้งขึ้นมาพร้อมกัน

“ผมเชื่อว่าถึงแม้บรรพบุรุษจะเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายผลลัพธ์มันก็ยังเป็นเหมือนเดิม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า ระหว่างนั้นดวงตาของเขาก็กวาดมองไปยังสองพี่น้องและเมื่อเห็นว่าทั้งคู่กำลังหดหู่ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจก่อนจะอธิบายขึ้นมาเพิ่มเติม

“ผมขออนุญาตพูดด้วยความเคารพต่อพวกคุณนะ จิตใจของผู้คนกว้างใหญ่ดังท้องทะเล พวกคุณควรจะปลีกตัวออกมาได้แล้ว การอยู่กับกลุ่มกบฏต่อไปไม่สามารถตอบรับสิ่งที่พวกคุณคาดหวังเอาไว้ได้อย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มพูดถึงเรื่องที่แนะนำให้เทพขาวเทพดำออกมาจากกลุ่มกบฏ ท้ายที่สุดเมื่อผู้นำทั้งสามคนของกลุ่มกบฏมีเจตนาที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ มันก็ยากที่พวกเขาจะบรรลุผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ในอนาคตได้

“ทำไมนายถึงพูดแบบนั้นล่ะ? นายคิดว่ากลุ่มกบฏแข็งแกร่งไม่พองั้นเหรอ?” เทพดำกล่าวถามอย่างสับสน ขณะที่เทพขาวยังคงยืนนิ่งอย่างเงียบ ๆ

“ช่วงสองวันที่ผ่านมาผมสามารถบอกได้เลยว่ากลุ่มกบฏมีความแข็งแกร่งอย่างเพียงพอแล้ว แต่ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวมันยังไม่พอ หากจิตใจของทุกคนภายในกลุ่มยังไม่รวมเป็นหนึ่งเดียว มันก็ยากที่กลุ่มกบฏจะทำภารกิจใหญ่ที่พวกคุณตั้งเป้าหมายเอาไว้ได้”

“ผมขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้พวกคุณเข้าใจ ความจริงแล้วบรรพบุรุษยังไม่เคยพบกับผมด้วยซ้ำ แล้วทำไมเขาถึงให้ผมมาเป็นตัวแทนเจรจาในเรื่องสำคัญแบบนี้?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“เพราะว่าเขาเชื่อใจในตัวนาย” เทพขาวกล่าวตอบขึ้นมาเบา ๆ ขณะที่เทพดำยังคงนิ่งคิดอย่างสับสนต่อไป

“นั่นคือเหตุผลที่ทำไมผมถึงเชื่อในตัวของบรรพบุรุษ เพราะเขาก็ให้ความเชื่อมั่นในตัวผมกลับมาเหมือนกัน สมาชิกทุกคนภายในตระกูลต่างก็ให้ความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกระดับสูงหรือสมาชิกระดับล่างต่างก็ล้วนแล้วแต่มีหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองอย่างชัดเจน”

“เมื่อไหร่ก็ตามที่สมาชิกภายในตระกูลมีอันตราย ทุกคนก็พร้อมใจกันที่จะเสี่ยงชีวิตปกป้องแม้กระทั่งสมาชิกที่อ่อนแอที่สุดเอาไว้ แต่คุณลองดูกลุ่มกบฏของพวกคุณให้ดี ๆ พวกคุณน่าจะรู้ว่าทั้งสามผู้นำของกลุ่มมีลักษณะนิสัยเป็นยังไง เท่าที่ผมได้เห็นคร่าว ๆ จากสองวันที่ผ่านมานี้ เครนมีนิสัยตรงไปตรงมา, คีมอเป็นพวกจิตใจสกปรกและทูม่าเป็นพวกหน้าซื่อหลังหลอก”

“สิ่งที่พวกเขาต้องการจากสกายวิงคือให้พวกเราเข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์ แต่พวกเขากลับปราศจากความจริงใจ และนั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมไม่ว่าจะเป็นผมหรือบรรพบุรุษต่างก็ไม่อยากคิดคบกับคนหน้าซื่อใจคดแบบนี้”

แม้ว่าคำอธิบายของเซี่ยเฟยจะเรียบง่าย แต่มันก็ทำให้เทพขาวเทพดำไตร่ตรองคำพูดเหล่านั้นเป็นเวลานาน

“ผมทนไม่ไหวแล้ว! ฝากพวกคุณคุ้มกันผมด้วย ผมต้องเริ่มกระบวนการพัฒนาเดี๋ยวนี้เลย” จู่ ๆ ชายหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน ก่อนที่จะนั่งลงขัดสมาธิโดยไม่สนใจจะฟังคำตอบจากพี่น้องคู่นี้เลยแม้แต่นิดเดียว

แต่เดิมเม็ดพลังงานหลากสีภายในสมองของเขามันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานอยู่แล้ว เมื่อเขาทำการสังหารกบฏทั้งเจ็ดคนบริเวณริมทะเลสาบ พลังงานภายในสมองของเขาก็เริ่มเกิดความผันผวน และวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการระบายพลังงานออกมานั่นก็คือการใช้พลังไปกับการฝึกฝน

“อีกแล้วเหรอ!? นี่มันครั้งที่ 2 แล้วนะ นายคิดว่าพวกเราเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของนายหรือยังไง” เทพดำส่ายหัวไปมาอย่างหงุดหงิด

เมื่อพลังงานภายในสมองถูกปลดปล่อยออกมา มันก็ส่งเสียงร้องคำรามดังลั่นไปทั่วทั้งอากาศ

“เราไม่ได้เจอเขาแค่ไม่นานพลังของเขาพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?” เทพขาวสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ หลังจากที่เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังงานอันรุนแรง

“ศักยภาพในการพัฒนาของเขาอยู่ในจุดที่ไร้ที่สิ้นสุดจริง ๆ หรือว่าเขาจะมีคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 9 ในตำนาน” เทพดำกล่าว

“เป็นไปไม่ได้หรอก ทั่วทั้งดินแดนกฎมีปรมาจารย์นักหลอมพลังระดับสูงสุดอยู่เพียงแค่ 2 คน และพวกเขาแต่ละคนต่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเผ่าเทพและเผ่ามาร ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเป็นคนของสกายวิง แต่เขาก็ไม่มีทางได้ครอบครองคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 9 หรอก” เทพขาวกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

โดยสาเหตุที่สองพี่น้องรู้สึกตกใจมาก นั่นก็เพราะความผันผวนของพลังงานที่เซี่ยเฟยปลดปล่อยออกมามีความรุนแรงมากยิ่งกว่าคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 9 ในตำนาน 

เมื่อพลังของเซี่ยเฟยพัฒนาขึ้นพร้อม ๆ กับการที่สมองได้ถูกพัฒนาจากชิ้นส่วนอาร์ค มันจึงทำให้เม็ดพลังงานภายในสมองของเขามีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน ทั้งปริมาณ, ความจุและคุณภาพของพลังงานที่ถูกเก็บเอาไว้จึงเพิ่มขึ้นสูงมากขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่อาจประมาณการได้ 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อพลังงานนี้ถูกปล่อยให้เล็ดลอดออกมา เทพดำกับเทพขาวจึงมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความตกตะลึง

เซี่ยเฟยมุ่งเน้นความสนใจไปที่การฝึกฝนโดยใช้พลังงานปริมาณมหาศาล อักขระกฎภายในสมองของเขาถูกถักทอขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อท้าทายอุปสรรคในระดับราชันย์

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในดินแดนกฎคือจอมกฎที่ถูกเรียกว่าจอมเทพหรือจอมมารเท่านั้น ตัวตนของราชันย์จึงเป็นรองจากยอดพีระมิดเพียงแค่ก้าวเดียว

“นี่มัน 6 ชั่วโมงแล้วนะ เขามีพลังงานมากขนาดนั้นได้ยังไง?” เทพขาวกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเมื่อระดับพลังงานเพิ่มขึ้นพลังงานที่จำเป็นจะต้องใช้สำหรับการฝึกฝนก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน แต่เซี่ยเฟยนั่งนิ่งอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าทั้งความอดทนและปริมาณพลังงานสำรองที่ชายหนุ่มกักตุนเอาไว้ต่างก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับที่ไม่น่าเชื่อ

ด้วยการฝึกฝนในระดับอันบ้าคลั่งประกอบกับพลังงานปริมาณมหาศาล อุปสรรคที่ขวางหน้าจึงถูกละลายลงไปเรื่อย ๆ และนี่ก็คือวิธีที่ชายหนุ่มได้ใช้ในการพัฒนามาโดยตลอด

ในช่วงเวลาค่ำคืนจู่ ๆ มันก็มีเหตุการณ์อันแปลกประหลาดเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน โดยเหตุการณ์แรกคือมันได้มีลูกบอลแสงสีขาวปรากฏเหนือศีรษะของชายหนุ่ม ก่อนที่ลูกบอลแสงนี้จะพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และหยุดชะงักอยู่กลางอากาศไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน

“ดูนั่น! นั่นมันไข่มุกพลังงาน หมายความว่าตอนนี้เขาใกล้จะกลายเป็นราชันย์กฎแล้ว” เทพดำอุทานขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“มันคือไข่มุกพลังงานจริง ๆ หลังจากนี้มันก็จะเป็นปรากฏการณ์ห้ามังกรกลืนมุกเข้าไปสินะ” เทพขาวพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้นด้วยเช่นกัน

ทันทีที่เทพขาวพูดจบมังกรยักษ์ 5 ตัวก็เปล่งแสงสว่างอันเจิดจ้าออกมาจากร่างของเซี่ยเฟย

“เร็วมาก! ห้ามังกรทะยานกลืนไข่มุกพลังงานเข้าไปแล้ว หมายความว่าในตอนนี้เขาได้กลายเป็นราชันย์เต็มตัว!” เทพดำอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจในระหว่างที่มังกรแสงทั้งห้าทะยานขึ้นไปกลืนไข่มุกสีขาวที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า

ปรากฏการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที แต่มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนกับพวกเขาได้พบกับปาฏิหาริย์จนยากจะลืมเลือนปรากฏการณ์ห้ามังกรกลืนมุกไปชั่วชีวิต

“ยินดีด้วยที่ตอนนี้นายได้กลายเป็นราชันย์กฎเรียบร้อยแล้ว เหลืออีกไม่ไกลนายก็จะกลายเป็นนักรบอมตะแล้วสินะ” เทพดำกล่าวอย่างมีความสุข ขณะที่เทพขาวก็พยักหน้าให้กับเซี่ยเฟยด้วยเช่นกัน

ในโลกปลาใหญ่กินปลาเล็กความแข็งแกร่งของแต่ละคนคือตัวกำหนดโชคชะตาของพวกเขาอย่างแท้จริง และการพัฒนาด้วยความแข็งแกร่งอันบ้าคลั่งของเซี่ยเฟยก็สามารถดึงดูดความสนใจของเทพดำและเทพขาวไปอย่างฉับพลัน

“พวกคุณอย่าล้อผมเล่นเลย ต่อหน้าพวกคุณทั้งสองคนผมไม่กล้าอวดอ้างความแข็งแกร่งของตัวเองหรอก” เซี่ยเฟยกล่าวขณะค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ

“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ นายลองไปถามบรรพบุรุษของนายก็ได้ว่าความเร็วในการพัฒนาของนายมันทุบสถิติของใครหลาย ๆ คนในดินแดนกฎแล้วด้วยซ้ำ” เทพดำกล่าวอย่างจริงจัง

“ผมมีเรื่องสงสัยแต่ไม่รู้ว่าควรจะถามพวกคุณดีหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาอย่างแผ่วเบาเมื่อเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“ถามมาได้เลย”

“ผมรู้สึกว่าพลังของกฎแห่งความโกลาหลเหนือกว่ากฎใด ๆ ทั้งของทางฝั่งเทพและทางฝั่งมาร ในเมื่อพวกคุณทั้งสองเป็นคนคิดค้นกฎนี้ขึ้นมา แล้วทำไมพวกคุณถึงต้องคอยตามคนอื่นอย่างพวกทูม่าด้วย?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

ทันใดนั้นเทพดำก็รีบเคลื่อนตัวเข้ามาปิดปากเซี่ยเฟยเอาไว้ ขณะสายตาของเขากวาดมองพื้นที่บริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขากลัวว่ามันจะมีใครเข้ามาได้ยิน

“อย่าพูดถึงกฎแห่งความโกลาหลในที่สาธารณะแบบนี้ พวกทูม่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราครอบครองพลังที่ท้าทายจักรวาลเอาไว้ พลังของกฎแห่งความโกลาหลน่ากลัวมากเกินไป หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปพวกเราทั้งสามคนก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายกว่าเดิม” เทพดำกล่าวอย่างจริงจัง

เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้รู้ว่าเทพขาวกับเทพดำซ่อนพลังของกฎแห่งความโกลาหลเอาไว้

“จริง ๆ แล้วพวกเราไม่ใช่คนที่สร้างกฎแห่งความโกลาหลขึ้นมา เราแค่ไปเจอมันมาพร้อมกับหงส์ครามโดยบังเอิญ แต่ใครจะไปคิดว่าพวกมันจะนำหายนะครั้งใหญ่มาให้กับพวกเรา” เทพดำกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

“พวกคุณบังเอิญไปเจอกฎแห่งความโกลาหลมางั้นเหรอ? แล้วใครมันเป็นคนคิดค้นกฎที่ทรงพลังแบบนี้ขึ้นมา” เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ

ทั้งเทพขาวและเทพดำต่างก็ส่ายหัวพร้อมกันเป็นสัญญาณว่าพวกเขาไม่รู้

“ตอนแรกฉันก็คิดว่าหลังจากที่ฉันได้รับกฎแห่งความโกลาหลมาตาเฒ่าพวกนั้นจะมีความสุข แต่ความเป็นจริงกลับกลายเป็นพวกเราถูกไล่ล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โชคดีที่พวกเรายังพอมีความสัมพันธ์กับเครนอยู่บ้าง เราถึงได้หนีมาพักพิงกลุ่มกบฏอยู่แบบนี้” เทพดำกล่าว

หลังจากสนทนากันต่อไปอีกสักพักเซี่ยเฟยก็ได้รู้ว่าสองพี่น้องได้พบกับกฎแห่งความโกลาหลและหงส์ครามในระหว่างการเดินทางโดยบังเอิญ ส่วนใครเป็นคนทิ้งพวกมันแม้แต่เทพขาวกับเทพดำก็ยังไม่รู้ข้อมูลในส่วนนี้เหมือนกัน

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็กล่าวคำอำลาเพื่อเดินทางกลับ โดยเขาวางแผนจะไปรับแท่งทองและไปหาโอโร่เพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับอดีตจอมมารคนนี้กันแน่

“ความสามารถของเซี่ยเฟยน่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ ฉันหวังว่าเขาจะโชคดีกว่าคนอื่น ๆ นะ” เทพขาวกล่าวอย่างเคร่งขรึมหลังจากเจมินี่จากไปในระยะไกล

“นั่นสินะ เซี่ยเฟยคงยังไม่รู้ว่าสกายวิงเคยมีอีวิลวิงคนอื่นมาก่อน แต่อีวิลวิงพวกนั้นกลับหายตัวไปอย่างลึกลับทั้งหมดเหลือเซี่ยกู่เฉิงเอาไว้เพียงคนเดียว” เทพดำกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

***************

ปริศนาใหม่มาอีกแล้วสินะ…

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.