ตอนที่ 913 คำเชิญชวน
ตอนที่ 913 คำเชิญชวน
“คุณคือหยิงเฟยจากศูนย์วิจัย 137 หรือเปล่า?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 คนเริ่มบทสนทนาหลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกไปเปิดประตู
“ใช่ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เชิญคุณตามพวกเรามาด้วย ทางคณะกรรมการมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ” พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวเชิญอย่างสุภาพ ซึ่งชายหนุ่มก็รู้อยู่แต่แรกแล้วว่าคนพวกนี้กำลังจะทำอะไร เขาจึงจงใจแสดงท่าทีประหลาดใจออกไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหันไปกล่าวคำอำลากับฟลินน์
แวบ!
เข็มทิศมิตินำเซี่ยเฟยเข้ามาภายในห้องโถงที่เขาไม่คุ้นเคย โดยภายในห้องแห่งนี้มีแสงสว่างอันเจิดจ้าแต่มีการตกแต่งอย่างเรียบง่าย บนโต๊ะภายในห้องมีของว่างวางรอเอาไว้อยู่แล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจงใจเตรียมทุกอย่างเอาไว้
เซี่ยเฟยเดินไปนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับหยิบของว่างขึ้นมากินอย่างสบายใจ จากนั้นเขาก็หยิบเข็มทิศมิติออกมาเพื่อดูว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ที่ไหน เพราะพื้นที่บริเวณโดยรอบถูกปิดทึบเอาไว้ทั้งหมด เขาจึงไม่สามารถใช้สายตาระบุตำแหน่งในปัจจุบันของตัวเองได้
“หยุด!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนตะโกนขึ้นมาในทันที จากนั้นพวกเขาก็เข้ามาตรวจค้นชายหนุ่มโดยละเอียด ซึ่งเซี่ยเฟยก็แสร้งทำเป็นอารมณ์เสียแต่เขาก็ไม่ได้ทำการขัดขืน
จากนั้นทุกสิ่งที่สามารถระบุตำแหน่งในปัจจุบันได้ก็ถูกนำออกไป แม้แต่มีดที่ชายหนุ่มเอาไว้ใช้ปลอกผลไม้ก็ถูกนำออกไปด้วย
ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นประท้วง แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองยืนนิ่งราวกับต้นไม้ โดยไม่สนใจการประท้วงจากชายหนุ่มเลยแม้แต่นิดเดียว
เซี่ยเฟยไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องกลับมานั่งลงบนโซฟาด้วยใบหน้าที่โกรธเคือง ก่อนที่เขาจะพยายามมองสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างระมัดระวัง
จากนั้นไม่นานชายชราร่างอ้วนก็เดินเข้ามาภายในห้อง เซี่ยเฟยจึงพยายามมองผ่านประตูออกไป แต่เขาก็เห็นเพียงแค่ทางเดินยาว ๆ เขาจึงไม่ได้รับเบาะแสอะไรเพิ่มเติม
“ฮ่า ๆ ๆ นายคือหยิงเฟยสินะ ฉันคือเมแกนดำรงตำแหน่งรักษาการประธานคณะกรรมการของบริษัท พวกเรามานั่งคุยกันเถอะ” เมแกนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นี่คุณประธานมันไม่ใช่ว่าบริษัทให้อิสระกับพวกเรางั้นเหรอ? ผมแค่อยากจะโทรหาศาสตราจารย์ฟลินน์ แต่พวกเขายึดเข็มทิศมิติผมไปแล้วยังยึดเอาของอื่น ๆ ไปอีกเยอะเลยด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหันไปมองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนอย่างไม่พอใจ
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนนี้ก็ยังคงสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดา ๆ แต่ถูกฝึกมาให้รับมือสถานการณ์ลักษณะนี้โดยเฉพาะ
“นายเข้าใจผิดแล้ว บริษัทยังคงให้อิสระพนักงานทุกคนอย่างเต็มที่ แต่ทางบริษัทก็มีกฎระเบียบในเรื่องรักษาความลับด้วยเหมือนกัน เพราะตอนนี้เรากำลังอยู่ในศูนย์เทคโนโลยี นายน่าจะรู้นะว่าศูนย์เทคโนโลยีมีความสำคัญกับบริษัทยังไง เรื่องรักษาความปลอดภัยจึงเข้มงวดมากกว่าเดิมเป็นธรรมดา” เมแกนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยแสดงอาการชะงักค้างพร้อมกับเบิกตากกว้างขึ้นมาด้วยความตกตะลึง เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงศูนย์เทคโนโลยี
“พูดตามตรงเลยนะว่าบุคลากรที่โดดเด่นแบบนายคือคนที่จะปรากฏตัวขึ้นมาในรอบ 1,000 ปี คนที่ชื่นชมนายจึงไม่ได้มีเพียงแต่ฉันเท่านั้น แต่พนักงานทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่ตระหนักถึงความสามารถของนายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ตอนนี้ฉันเลยมีเรื่องสำคัญมาก ๆ ที่จะต้องมาพูดคุยกับนาย” เมแกนกล่าวอย่างภาคภูมิใจเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของเซี่ยเฟย
“เชิญพูดได้เลยครับ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสุภาพ
“ฮ่า ๆ ๆ หยิงเฟยนายรู้จักทีมวิจัยลับของบริษัทไหม?” เมแกนกล่าวถามหลังจากหัวเราะอย่างพอใจ
“ทีมวิจัยลับ!? ในบริษัทมีข่าวลือเรื่องทีมของนักวิจัยชั้นยอดอยู่ คุณกำลังจะบอกว่าข่าวลือเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยแสร้งตะโกนออกไปอย่างตกใจ
“ใช่แล้ว ทีมวิจัยลับทีมนั้นมีอยู่จริง ๆ และพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการบริษัทด้วย ท้ายที่สุดพวกเขาก็คือตัวแทนของเทคโนโลยีระดับสูงสุดของบริษัท ทางคณะกรรมการจึงไม่มีสิทธิ์จะไปชี้นิ้วสั่งการพวกเขาได้”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับด้วยท่าทางอันจริงจังทำให้เมแกนเห็นว่าเขากำลังตั้งใจฟังเป็นอย่างดี
“เอาล่ะฉันจะพูดตามตรงเลยนะ ตอนนี้ทีมวิจัยลับกำลังให้ความสนใจในตัวนายมาก และพวกเขาก็ต้องการจะเชิญนายเข้าร่วมทีมด้วย” เมแกนกระซิบขึ้นมาเบา ๆ อย่างลึกลับ
สีหน้าของเซี่ยเฟยเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที คล้ายกับว่าเขากำลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ซึ่งทักษะในการแสดงของเขาจัดอยู่ในระดับดาราฮอลลีวูดอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นไม่นานมันก็มีสัญญาถูกยื่นมาให้เขาเป็นปึกหนา ซึ่งมันเป็นสัญญาที่ต้องลงนามเพื่อให้เขามีสิทธิ์เข้าร่วมกับทีมวิจัยลับ
“ถ้าผมเซ็นสัญญานี้ มันก็หมายความว่าผมจะสูญเสียอิสรภาพ และต้องถูกควบคุมจากหัวหน้าทีมโดยสมบูรณ์จนกว่าสัญญาจะสิ้นสุดลงในอีก 300 ปีต่อมา แล้วผมก็ไม่สามารถที่จะเปิดเผยตัวตนของตัวเองได้ แบบนั้นมันไม่ได้หมายความว่าตัวตนของผมมันถูกลบให้หายออกไปจากจักรวาลงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้วหลังจากที่เขาได้อ่านสัญญาปึกหนาไปได้นิดหน่อย
“นายต้องตัดสินใจเรื่องนี้ให้ดี ๆ หากนายต้องการที่จะเข้าร่วมกับทีมนักวิจัยชั้นยอดก็ต้องเสียสละอะไรบางอย่างไปด้วยเหมือนกัน แต่ฉันขอบอกเลยนะว่ามันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้ทำงานกับนักวิจัยชั้นยอดแบบนี้” เมแกนกล่าวพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ
เซี่ยเฟยก้มศีรษะแสดงท่าทีครุ่นคิดออกมาอย่างหนัก จากนั้นเขาก็ตบต้นขาตัวเองอย่างแรงและตะโกนขึ้นมาว่า
“ครั้งหนึ่งในชีวิตอย่างน้อยผมก็จะต้องเข้าไปศึกษาเทคโนโลยีระดับสูงสุดพวกนั้นให้ได้!!”
เมแกนกล่าวชมซ้ำ ๆ ว่าการตัดสินใจของชายหนุ่มคือการตัดสินใจอันชาญฉลาด แต่ในความเป็นจริงเขากลับคิดอยู่ภายในใจว่า
‘สมกับเป็นตัวประหลาดจากสาขาอิสระจริง ๆ เขาไม่คิดที่จะอ่านสัญญาอย่างละเอียดด้วยซ้ำ แต่ตราบใดก็ตามที่นายเซ็นสัญญา ตอนนั้นแม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนายได้’
—
เมแกนนำเซี่ยเฟยเดินไปตามทางเดินเข้าสู่ศูนย์วิจัยเทคโนโลยี ซึ่งในระหว่างนี้เซี่ยเฟยก็กวาดสายตามองไปยังมุมต่าง ๆ อย่างสนใจ แต่บริเวณข้าง ๆ ชายหนุ่มมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยคุมเข้มอยู่เสมอ คล้ายกับว่าในตอนนี้เขาได้สูญเสียอิสรภาพในชีวิตของตัวเองไปแล้ว
ศูนย์เทคโนโลยีมีขนาดใหญ่กว่าศูนย์วิจัยอื่น ๆ หลายเท่า เพราะท้ายที่สุดสถานที่แห่งนี้ก็คือศูนย์วิจัยหลักของบริษัทฟิกส์ เพียงแค่จำนวนของนักวิจัยเพียงอย่างเดียวมันก็มีจำนวนเกินกว่า 100,000 คนแล้ว
“ทีมวิจัยลับทำงานในชั้นใต้ดินงั้นเหรอครับ? สภาพแวดล้อมมันไม่ดูแย่เกินไปหน่อยเหรอ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้วขณะที่พวกเขากำลังเดินลงไปชั้นใต้ดิน
“ทีมวิจัยลับคือสมบัติของบริษัทเรา แล้วเราจะให้พวกเขาทำงานในสถานที่แบบนั้นได้ยังไง ที่ที่เรากำลังจะไปเป็นเส้นทางเดียวที่จะนำไปสู่ศูนย์วิจัยของทีมวิจัยลับต่างหาก” เมแกนกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
หลังจากเดินไปตามเส้นทางพร้อมกับหักเลี้ยวตามมุมต่าง ๆ อีกหลายมุม ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้เห็นห้องโถงเปิดโล่งที่มีประตูมิติค่อนข้างโบราณตั้งอยู่ด้านใน
ทันใดนั่นเองเมแกนก็หยุดเดินและหันไปพยักหน้าให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนรีบวิ่งมาคว้าตัวเซี่ยเฟยเอาไว้และฉีดยาเข้าไปบริเวณลำคอของชายหนุ่ม
ตลอดกระบวนการนี้ชายหนุ่มจงใจที่จะไม่ตอบโต้ ซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังต้องการจะพาเขาไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก ดังนั้นเมแกนจึงทำการวางยาสลบเขาเสียก่อน
“มีปัญหาอะไรไหม?” เมแกนถามขณะเดินไปมองเซี่ยเฟย
“ไม่มีปัญหาอะไรครับ ผมทำการตรวจสอบสมองกับร่างกายของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะฝึกฝนร่างกายมาบ้างแต่มันก็ไม่มีอะไรที่พวกเราจะต้องกลัว” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายงานอย่างเคร่งครัด
คนเหล่านี้ย่อมไม่รู้ว่าหลังจากที่สมองของเซี่ยเฟยดูดซับชิ้นส่วนอาร์คเข้าไป คลื่นพลังที่เขาปลดปล่อยออกมามันก็ดูไม่ต่างไปจากคนธรรมดา เมแกนจึงไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังนำตัวหมาป่าเดียวดายของสกายวิงเข้าสู่ส่วนที่ลึกลับที่สุดของบริษัท
“พาตัวเขาไป” เมแกนสั่งการ
“ครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนตอบรับ ก่อนที่พวกเขาจะหิ้วปีกชายหนุ่มเข้าไปในประตูมิติ
หลังจากเฝ้าดูเซี่ยเฟยจากไป เมแกนก็เดินไปยังทางเดินอันมืดมิด แต่ในคราวนี้เขาไม่ได้เดินตามเส้นทางเดิมที่เขาเข้ามา เพราะเขาหักเลี้ยวไปยังเส้นทางใหม่ที่นำไปสู่ประตูมิติอีกหนึ่งบาน
แวบ!
เมื่อเมแกนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเขาก็เข้ามายังสถานที่ที่ถูกป้องกันด้วยกำแพงโลหะหนา โดยตรงกลางเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีชายคนหนึ่งกำลังถูกชาย 4 คนกดตัวลงบนโต๊ะ
“พวกนายทำอะไรอยู่?! พวกนายทำกับศาสตราจารย์ฟลินน์แบบนี้ได้ยังไง รีบปล่อยตัวเขาไปเร็วเข้า!” เมแกนกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสี่รีบถอยไปในทันที ก่อนที่พวกเขาจะขยับเก้าอี้โซฟาอันแสนสบายให้ชายชราร่างอ้วนคนนี้ได้นั่งลง
ฟลินน์ค่อย ๆ ลุกยืนขึ้นอย่างเจ็บปวดพร้อมกับมองไปยังชายตรงหน้าด้วยแววตาแห่งความโกรธเกรี้ยว
ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าทันทีที่เซี่ยเฟยถูกส่งตัวไปยังทีมวิจัยลับ ฟลินน์ก็ถูกจับตัวมาในทันที เพราะคณะกรรมการยังไม่ได้ให้ความไว้วางใจเซี่ยเฟยขนาดนั้น
“เมแกน นายจับฉันมาที่นี่ทำไม?!” ฟลินน์คำรามด้วยสีหน้าอันจริงจัง โดยไม่เกรงกลัวชายชราร่างอ้วนคนนี้เลยด้วยซ้ำ
“ฟลินน์ นายน่าจะรู้อยู่แล้วว่าหุ่นยนต์ต่อสู้ตัวนั้นสำคัญกับเรามากแค่ไหน ตอนนี้นายมีอยู่ 2 ทางเลือกคือบอกความจริงกับพวกเรามาหรือจะอยู่ที่นี่ตลอดไป” เมแกนกล่าวอย่างเย็นชา
“หุ่นยนต์ตัวนั้นเป็นฝีมือของหยิงเฟย ฉันไม่รู้ว่ามันสร้างขึ้นมาได้ยังไง?” ฟลินน์ตอบกลับเหมือนกับที่เขาได้ตกลงกับเซี่ยเฟยเอาไว้
“ลองทรมานเขาดูไหมครับ? เผื่อเขาจะพูดความลับได้ง่ายมากขึ้น” เจ้าหน้าที่ด้านหลังถามเมแกน
“มันยังไม่ถึงเวลาปล่อยเขาเอาไว้ที่นี่ก่อน” เมแกนกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
แต่ในระหว่างที่ชายชราร่างอ้วนกำลังจะเดินออกไป จู่ ๆ ฟลินน์ก็ตะโกนขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“ใช่ ฉันเป็นคนสร้างหุ่นตัวนั้นขึ้นมาเอง”
“นายเนี่ยนะเป็นคนสร้างหุ่นตัวนั้นขึ้นมา? ถ้านายมีความสามารถขนาดนั้นจริง ๆ นายคงจะไม่ถูกไล่ออกไปในตอนนั้นหรอก” เมแกนหัวเราะขึ้นมาเสียงดังเมื่อได้ยินว่าหุ่นยนต์รบตัวนั้นคือฝีมือของฟลินน์
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกแกกำลังวางแผนทำอะไรอยู่ แต่พวกแกอย่ามาดูถูกพวกเราเป็นอันขาด ตอนนี้หยิงเฟยถูกส่งตัวไปค่ายกักกันแล้ว ฉันเชื่อว่าอาจารย์คาวิสย่อมมีวิธีการรีดความลับของเขาออกมา พวกเรามารอดูกันเถอะว่าเขาจะทนเก็บความลับเอาไว้ได้นานสักแค่ไหน” เมแกนกล่าวอย่างเย็นชา
หลังจากนั้นเมแกนก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรต่อสักคำ เหลือเพียงแค่ฟลินน์ที่กำลังแอบบ่นอยู่ภายในใจ เพราะเขาไม่ได้รู้เรื่องถึงแผนการใด ๆ ของเซี่ยเฟยเลย เขาจึงไม่แน่ใจจริง ๆ ด้วยซ้ำว่าแผนการกระโจนเข้าถ้ำเสือในคราวนี้ใครจะเป็นคนหัวเราะคนสุดท้ายกันแน่
***************
ฟลินน์จะรอดไหมเนี่ย?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 275
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น