ตอนที่ 879 สองศึก
ตอนที่ 879 สองศึก
เขตอาคมปีศาจสิงโตคำรามคือเขตอาคมที่ใช้พลังจากกฎแห่งความมืดดักจับศัตรูในพื้นที่ และค่อย ๆ บีบอัดพลังลงมาเพื่อใช้ความมืดกัดกินศัตรูที่อยู่ภายใน
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้เรียนรู้กฎแห่งความมืด เขาจึงประยุกต์ใช้กฎมิติในระหว่างการสร้างเขตอาคมนี้ ซึ่งมันก็คงจะมีเพียงแต่คนบ้าแบบเขาเท่านั้นที่ใช้พลังของทางฝั่งเทพในการกระตุ้นเขตอาคมของฝั่งมาร
เขตอาคมของทางเผ่ามารย่อมถูกปรับปรุงให้มีความเข้ากันได้กับพลังของเผ่ามารโดยเฉพาะ การพยายามใช้พลังของเผ่าเทพในเขตอาคมของเผ่ามารแบบนี้มันจึงทำให้เขตอาคมเริ่มเกิดความไม่เสถียร
ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้เซี่ยเฟยจะมีความสามารถในการควบคุมเขตอาคมปีศาจสิงโตคำรามได้ แต่ก็อย่าลืมว่าสถานที่ที่เขากำลังยืนอยู่ในปัจจุบันนี้คือดินแดนของเผ่าเทพ การพยายามใช้เขตอาคมของเผ่ามารในพื้นที่ของเผ่าเทพจึงถือว่าเป็นการกระทำที่บ้าบิ่นอย่างแท้จริง
“วันนี้ไม่พวกแกก็ฉันจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!!” เซี่ยเฟยร้องคำรามขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เพราะการที่เขาตัดสินใจใช้เขตอาคมของเผ่ามารในดินแดนของเผ่าเทพ มันก็หมายความว่าเขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องจบการต่อสู้ลงที่นี่ให้ได้
“นั่นมันเขตอาคมของเผ่ามารไม่ใช่เหรอ?!” บลายอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง เพราะเขาไม่คิดว่านักรบสกายวิงอย่างเซี่ยเฟยจะกล้าใช้เขตอาคมของเผ่ามารขึ้นมาในสถานที่แห่งนี้จริง ๆ
อย่างไรก็ตามเขตอาคมปีศาจสิงโตคำรามก็ทำให้ชายตาบอดเหงื่อไหลซึมขึ้นมาทั่วทั้งร่าง เพราะอย่าลืมว่าเขตอาคมของทางฝั่งมารถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับนักรบของทางฝั่งเทพโดยเฉพาะ
ทั่วทั้งดินแดนกฎคนที่ไม่สนใจเรื่องเผ่าพันธุ์อย่างเซี่ยเฟยมีไม่มากนัก เพราะในสายตาของนักรบโดยทั่วไปจอมมารอย่างโอโร่คือตัวร้ายที่จะต้องถูกกำจัดโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามในสายตาของชายหนุ่มโอโร่คือสหายที่ดี แม้กระทั่งเพื่อนสนิทของเขาอย่างเฉินตง เขาก็พร้อมจะยินดีให้สหายเข้าไปพัฒนาในดินแดนของทางฝั่งมารด้วยเช่นกัน
ในสายตาของเซี่ยเฟยมีเพียงมิตรกับศัตรู 2 สิ่งเพียงเท่านั้น ซึ่งศัตรูทุกคนจะต้องถูกกำจัดและสหายทุกคนจะต้องถูกปกป้องไม่ว่าสหายคนนั้นจะอยู่ทางฝั่งเทพหรือฝั่งมารก็ตาม
พลังของกฎมิติทำให้เขตอาคมบีบตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในความเป็นจริงการใช้พลังมิติในการขับเคลื่อนเขตอาคมปีศาจสิงโตคำรามนี้ มันกลับให้ผลดีมากกว่าการใช้พลังของกฎแห่งความมืดในการขับเคลื่อนเขตอาคมเสียอีก
บางทีแม้แต่นักรบมารที่ออกแบบเขตอาคมนี้มาก็คงจะนึกไม่ถึงว่าวิธีการใช้เขตอาคมอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แท้ที่จริงแล้วมันควรจะต้องขับเคลื่อนเขตอาคมด้วยพลังมิติของทางฝั่งดินแดนเทพ
นักฆ่าทั้งสองเริ่มแสดงความกังวลออกมาอย่างชัดเจน และพวกเขาก็เริ่มปลดปล่อยพลังของตัวเองเพื่อทำลายเขตอาคมนี้ออกไป
ตูม ๆ ๆ
บลายมีพลังอยู่ในระดับราชันย์ขั้นที่ 2 ขณะที่เลมมีพลังอยู่ในระดับราชันย์ข้างที่ 1 อย่างไรก็ตามถึงแม้พวกเขาจะทุ่มเทพลังจู่โจมเข้าใส่เขตอาคมอย่างเต็มที่ พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำลายเขตอาคมนี้แล้วหนีไปยังพื้นที่บริเวณด้านนอกได้
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาทางเซี่ยเฟย เพราะพวกเขาเดาว่าจุดที่ชายหนุ่มยืนอยู่นั้นควรจะเป็นพื้นที่ที่มีความผันผวนของเขตอาคมมากที่สุด
“ขนอุย ฆ่าพวกมันซะ!!” เซี่ยเฟยร้องตะโกนอย่างดุร้าย
อสูรน้อยในร่างแปลงของชายหนุ่มพุ่งตัวไปข้างหน้าในทันที ขณะที่เซี่ยเฟยยกฝ่ามือขึ้นก่อนที่จะจู่โจมเข้าใส่เขตอาคมของตัวเอง
ตูม!
โจมตีใส่เขตอาคมของตัวเอง?
เซี่ยเฟยบ้าไปแล้วงั้นเหรอ?!
พลังของกฎแห่งความโกลาหลได้เปิดช่องว่างในเขตอาคมขึ้นมาอย่างฉับพลัน เมื่อบลายกับเลมได้เห็นโอกาสพวกเขาก็พยายามมุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ในตำแหน่งนั้น เพื่อหลบหนีออกไปจากเขตอาคมที่อันตรายแห่งนี้
โอกาส?
จู่ ๆ เซี่ยเฟยจะเปิดโอกาสให้ศัตรูได้ยังไง นอกเสียจากว่าโอกาสนี้มันจะแฝงไปด้วยกับดักที่เขาได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า
ขนอุยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างน่าหวาดกลัว และในขณะที่บลายกับเลมอยู่ห่างจากทางออกเขตอาคมไม่กี่วินาที เจ้าตัวน้อยก็อ้าปากและส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างน่าสยดสยอง
โกลเด้นฟาลคอน!
สิ่งที่ชายหนุ่มทำไม่ได้มีเพียงแค่การหลอกล่อศัตรูเข้ามาติดกับดัก ซึ่งเป็นวิธีการที่อีกฝ่ายเคยใช้กับเขาเท่านั้น แต่เขายังใช้สิ่งประดิษฐ์ที่เคยเป็นสมบัติของสหายศัตรูในการจัดการกับศัตรูทั้งสองคนนี้อีกด้วย
อิ้ว!
เสียงร้องคำรามของขนอุยเป็นสิ่งที่ทรงพลังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเมื่อมันได้ถูกเสริมพลังด้วยโกลเด้นฟาลคอน มันจึงทำให้เสียงร้องคำรามของอสูรตัวน้อยมีความอันตรายราวกับการจู่โจมด้วยอาวุธมายา
เสียงร้องคำรามของอสูรศักดิ์สิทธิ์ประสานพลังเข้ากับพลังของสิ่งประดิษฐ์อันทรงพลังและควบคู่ไปกับเขตอาคมอันบ้าคลั่ง มันจึงยากที่จะทำให้ศัตรูหนีรอดไปจากกับดักที่น่าหวาดกลัวครั้งนี้ได้
—
บริเวณห่างออกไปไม่ไกลนัก ผู้อาวุโสทั้งสองคนของสกายวิงก็ยังคงจับตาดูการต่อสู้ในครั้งนี้อยู่อย่างใกล้ชิด
มันคงจะเป็นเรื่องโกหกถ้าหากจะบอกว่าตระกูลไม่ได้กังวลเรื่องของเซี่ยเฟยเลย เพราะอย่าลืมว่าชายหนุ่มคนนี้คืออีวิลวิงคนที่ 2 นอกเหนือจากบรรพบุรุษของพวกเขา
หากพวกเขาไม่สนใจในตัวชายหนุ่ม เซี่ยกู่เฉิงผู้ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสกายวิงคงจะไม่รีบร้อนนำตัวเซี่ยเฟยขึ้นมาสู่เผ่าเทพตั้งแต่วันแรกที่อีกฝ่ายพัฒนากลายเป็นจักรพรรดิกฎแบบนี้ เพียงแต่พวกเขาคอยแอบดูแลความปลอดภัยให้กับเซี่ยเฟยอย่างลับ ๆ เท่านั้น
“คราวนี้ฉันเชื่อแล้วว่าทำไมบรรพบุรุษถึงบอกว่าเซี่ยเฟยจะสามารถดูแลตระกูลของพวกเราได้ในอนาคต แผนการของเขาช่างเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ อีกอย่างในตระกูลของเราก็ไม่มีใครสร้างเขตอาคมที่ทรงพลังแบบนี้ขึ้นมาได้นานมากแล้ว” เซี่ยเค่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เขตอาคมของเขาทรงพลังจริง ๆ แต่การตัดสินใจของเขาก็เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมากเหมือนกัน เขาคิดยังไงถึงใช้เขตอาคมของเผ่ามารในดินแดนเผ่าเทพแบบนี้ ในหัวเขาไม่ได้คิดถึงปัญหาที่จะตามมาหลังจากนี้เลยงั้นเหรอ?” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจมากนัก
“บรรพบุรุษเคยบอกเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือไงว่าการจัดการกับศัตรู พวกเราไม่จำเป็นจะต้องเลือกวิธีการ อีกอย่างฉันก็เคยเห็นคนที่เคยทำอะไรคล้าย ๆ แบบนี้อยู่เหมือนกัน” เซี่ยเค่อกล่าว
“ใคร?” เซี่ยเหลียนหนิงถาม
“บรรพบุรุษ” เซี่ยเค่อตอบ
เซี่ยเหลียนหนิงถึงกับพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งเมื่อสหายได้นำเซี่ยเฟยไปเปรียบเทียบกับบรรพบุรุษ
อย่างไรก็ตามความบ้าคลั่งของเซี่ยเฟยก็ทำให้เซี่ยเหลียนหนิงรู้สึกชื่นชมชายหนุ่มคนนี้มาก เพราะถ้าหากว่าเซี่ยเฟยไม่ได้ใช้แผนการบ้า ๆ แบบนี้ มันก็ยากที่เขาจะกำจัดนักรบที่ทรงพลังกว่าอย่างบลายกับเลมได้
“แย่แล้ว! มีพวกเจ้าชายกำลังบุกเข้าไปในภูเขา” เซี่ยเค่ออุทานขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
พวกเจ้าชายคือคำเรียกลูกหลานของนักรบในเผ่าเทพที่ยังคงอาศัยภายในดินแดนแห่งนี้อยู่ และถึงแม้เจ้าชายส่วนใหญ่จะเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถมองข้ามได้ง่าย ๆ
“ฆ่าพวกมันให้หมด!” เซี่ยเฟยตะโกนบอกขนอุยเสียงดัง
อสูรตัวน้อยเคลื่อนตัวลงจากภูเขาอย่างรวดเร็วและปฏิบัติตามคำสั่งของเซี่ยเฟยอย่างไม่ลังเล
อิ้ว!
เสียงร้องคำรามของขนอุยดังขึ้นมาอีกครั้งก่อให้เกิดคลื่นเสียงอันทรงพลังสังหารกลุ่มเจ้าชายทุกคนจนหมด
“โหดเหี้ยมมาก! เซี่ยเฟยไม่คิดจะถามด้วยซ้ำว่าคนพวกนั้นเป็นใคร เขาไม่กลัวว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเด็กพวกนั้นจะมาแก้แค้นเขาบ้างเหรอ?!” เซี่ยเหลียนหนิงอุทานขึ้นมาเบา ๆ ซึ่งความโหดเหี้ยมของชายหนุ่มที่แสดงออกมามันก็ถึงกับทำให้พวกเขาเกือบจะพูดไม่ออก
ความจริงแล้วการลงมือของชายหนุ่มย่อมไม่สร้างปัญหาใด ๆ ตามหลังมาอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้เซี่ยเฟยจะไม่ลงมือแต่พวกเขาทั้งสองก็ไม่คิดจะปล่อยให้ใครรอดชีวิตกลับไปได้อยู่แล้ว
สิ่งที่สำคัญคือเซี่ยเฟยสังหารอย่างเด็ดขาดมากจนเกินไป เพราะก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเคลื่อนไหว ชายหนุ่มก็เลือกสังหารทุกคนโดยไม่ลังเลคล้ายกับว่าเขาจะสังหารคนทุกคนที่เห็นเขตอาคมนี้ และเขาก็จะไม่หยุดสังหารจนกว่าเขตอาคมจะปิดตัวลง
—
การต่อสู้ของสกายวิงไม่ได้จำกัดอยู่ในพื้นที่ของเผ่าเทพเท่านั้น เพราะนักรบสกายวิงอีกสองคนก็กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดภายในมัดดี้ที่อยู่ห่างไกลด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันเซี่ยกวงไห่กับเซี่ยเกิงผู้ซึ่งเป็นราชันย์ขั้นที่ 8 และผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหากำลังเผชิญหน้ากับ 2 ราชันย์และ 2 จักรพรรดิจากเผ่าไคลีของทางฝั่งมาร
ในช่วงท้ายของการต่อสู้มันก็ทำให้ดวงดาวที่พวกเขายืนอยู่นั้นเกือบจะพังทำลาย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ในครั้งนี้มันเป็นการต่อสู้ที่โหดร้ายมากเพียงใด
ตอนจบของการต่อสู้ 2 จักรพรรดิกับ 1 ราชันย์ของเผ่าไคลีถูกสังหารลง เหลือเพียงนักรบระดับราชันย์อีกคนที่เซี่ยกวงไห่จงใจไว้ชีวิตคนเดียวเท่านั้น
“พวกแกเข้ามาในมัดดี้ทำไม?” เซี่ยกวงไห่ตะโกนถาม โดยนักรบคนนี้คือนักรบระดับราชันย์ขั้นที่ 4 ซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าทีมของเผ่าไคลี
ในช่วงแรกนักรบชาวไคลีคนนี้ค่อนข้างที่จะดื้อรั้น แต่หลังจากที่เขาถูกทรมานมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็เริ่มเปิดปากบอกความลับออกมา
“พวกเราได้ข่าวว่ามีอาวุธมายาอยู่ในมัดดี้ พวกเราจึงถูกส่งมาสำรวจว่ามันมีอาวุธมายาอยู่จริงไหม”
“อาวุธมายาธาตุอะไร?” เซี่ยกวงไห่ถาม
“ข่าวมี 2 ข่าว ข่าวหนึ่งบอกว่าเป็นนทีบริสุทธิ์ธาตุน้ำกับอีกข่าวบอกว่าเป็นต้นสนไร้วันสลายธาตุพืช”
ต้นสนไร้วันสลายคืออาวุธมายาธาตุพืชที่แข็งที่สุดในบรรดาอาวุธมายาธาตุพืชทั้งหมด ความแข็งของอาวุธชิ้นนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่อาวุธมายาธาตุโลหะก็ยังเจาะทำลายไม่ได้ ถ้าหากเซี่ยเฟยสามารถหลอมรวมต้นสนไร้วันสลายเข้ากับหงส์ครามของชายหนุ่มได้ มันย่อมช่วยเพิ่มพลังให้กับเซี่ยเฟยได้อย่างมหาศาล
“พวกแกมาคนเดียวหรือมีคนอื่นมาด้วย?” เซี่ยกวงไห่ถามอีกครั้ง
เผ่าไคลี, อิโดซ่าและซุยซู ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้ ๆ กัน ทั้งสามเผ่าพันธุ์นี้จึงมีความสัมพันธ์อันไม่ธรรมดา ซึ่งการที่มันมีนักรบเผ่าไคลีปรากฏตัวในพื้นที่บริเวณนี้ มันก็อาจจะหมายความว่ามันได้มีนักรบอีกสองเผ่าพันธุ์ที่เหลืออยู่ใกล้ ๆ
เมื่อนักรบเผ่าไคลีสารภาพว่ามีนักรบเผ่าอิโดซ่าและซุยซูเดินทางมาด้วย เซี่ยกวงไห่กับเซี่ยเกิงก็ขมวดคิ้วอย่างปวดหัว ก่อนที่เซี่ยกวงไห่จะใช้ขวานฟันร่างของศัตรูออกเป็น 2 ท่อน
หลังจากมีข่าวหลุดออกไปมันก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกไม่นานจะต้องมีนักรบจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ถูกส่งเข้ามาในมัดดี้ด้วยเช่นกัน และถ้าหากว่ามันได้มีนักรบถูกส่งเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ มันก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
“พวกเราถอยก่อนดีไหม?” เซี่ยเกิงถามอย่างเคร่งเครียด
“ถอย? พวกเราถอยไม่ได้เด็ดขาด รีบบอกให้ผู้อาวุโสส่งกำลังเสริมมาเพิ่ม ไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะต้องเอาต้นสนไร้วันสลายกลับไปให้ได้!” เซี่ยกวงไห่พูดเสียงดังขณะเก็บขวานเอาไว้ตรงบริเวณชุดเกราะด้านหลัง
***************
ใครจะเจอก่อนกันล่ะทีนี้?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 312
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น