บทที่ 10 พลังของลีร่า
บทที่ 10 พลังของลีร่า
ลีร่าเคลื่อนไหวราวกับพายุหมุน ดาบนิลในมือตวัดรวดเร็วเกินสายตาจะมองตามทัน อัศวินที่เหลืออยู่ไม่กี่นายไม่สามารถต้านทานการโจมตีที่รุนแรงและคาดเดาไม่ได้ เธอใช้ดาบของพวกมันที่ตกอยู่บนพื้นเป็นอาวุธเสริม ทิ่มแทง ซัดปา และเหวี่ยงใส่ศัตรูอย่างไม่ลังเล เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่วลานหมู่บ้าน ก่อนที่อัศวินคนสุดท้ายจะทรุดฮวบลง ใบหน้าของพวกมันแข็งค้างด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
“แก! ไอ้ปีศาจ!” อัลดัส หัวหน้าหมู่บ้าน พยายามจะวิ่งหนี แต่ถูกลีร่าพุ่งเข้ามาขวางทางไว้ในพริบตา ดวงตาของลีร่าฉายแววเย็นชาไร้ความปรานี
‘จัดการมัน! ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำ!’ เสียงของอีเร็นคำรามก้องอยู่ในห้วงความคิดของลีร่า แรงแค้นผลักดันให้เธอต้องจบชีวิตชายผู้นี้ที่ทอดทิ้งและสังหารเด็กหญิงอย่างไร้ซึ่งมโนธรรม
“ตาย”
ลีร่าตวัดดาบขึ้นสูง ตั้งใจจะจบชีวิตของอัลดัสในดาบเดียว ทว่า... ก่อนที่คมดาบจะสัมผัสผิวกายของหัวหน้าหมู่บ้าน ร่างของเฟรดริคก็พุ่งเข้ามาขวางไว้ เขาประสานมือสองข้างเข้าด้วยกัน พลังเวทมนตร์สีทองเรืองรองก่อตัวขึ้นกลายเป็นบาเรียเวทมนตร์
แสงวาบปกคลุมร่างของอัลดัสไว้ทั้งหมด ดาบนิลของลีร่าปะทะเข้ากับกำแพงพลังงานอย่างจัง เกิดเสียงสะท้านสะเทือนเล็กน้อย แต่บาเรียนั้นกลับไม่แตกสลาย
“เวทผนึกรึ!”
ลีร่าอุทานในใจ ความประหลาดใจปรากฏในดวงตา ร่างของเอเรนชะงักไปเล็กน้อย พลังเวทมนตร์โบราณของเธอเองยังคงถูกผนึกไว้ ทำให้เธอไม่สามารถตอบโต้ด้วยเวทมนตร์ในรูปแบบที่คุ้นเคยได้
‘น่ารำคาญ!’ เสียงของอีเร็นกรีดร้องอย่างไม่พอใจ ‘จัดการมัน!’
ลีร่าเหลือบมองร่างไร้วิญญาณของเด็กหญิงในอ้อมแขน ภาพใบหน้าซีดเซียว ดวงตาที่ปิดสนิท และรอยน้ำตาแห้งกรัง ยิ่งตอกย้ำความโกรธแค้นในใจเธอ
“แก...” ลีร่าคำรามเสียงต่ำ ดวงตาจับจ้องไปที่เฟรดริค
“จะต้องชดใช้!”
เธอตัดสินใจวางร่างอันไร้วิญญาณของเด็กสาวลงข้างๆ อย่างแผ่วเบา สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่เฟรดริคและอัลดัสที่อยู่หลังบาเรียป้องกัน
‘ใช้มัน!’ เสียงของอีเร็นดังขึ้นอีกครั้ง
‘พลังที่แท้จริงของเจ้า!’
ลีร่าหลับตาลงชั่วขณะ เธอรวบรวมสมาธิไปยังแก่นกลางของร่างเอเรน พลังแห่งศาสตราวิญญาณที่เพิ่งตื่นขึ้นเริ่มไหลเวียนรุนแรงขึ้นในทุกอณูของร่างกาย เธอกำหนดจิต ดึงพลังที่ไหลเวียนนั้นขึ้นมาหลอมรวมกับเจตจำนงของตนเอง และใช้มันเพื่อ เสริมกำลังในการต่อสู้
ร่างของเอเรนเรืองรองด้วยแสงสีเงินจางๆ ออร่าแห่งพลังแผ่กระจายออกไปรอบตัว ลีร่ารู้สึกถึงพละกำลังที่มหาศาล ความว่องไวที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และความแข็งแกร่งที่เหนือกว่ามนุษย์ เธอสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับทุกสิ่งรอบตัว ราวกับสายลม ดิน และต้นไม้ต่างตอบสนองต่อเจตจำนงของเธอ
“นี่แหรือ…คือพลังที่แท้จริงของเอเรน!”
เฟรดริคอุทาน ใบหน้าของเขาเริ่มแสดงความกังวลอย่างชัดเจน
“ระวัง! มันไม่เหมือนพลังศาสตราโลหิตที่เราได้รับรายงานมาจากท่านผู้นั้น!”
เฟรดริคยกมือขึ้นร่ายเวท เขาไม่รอช้าที่จะตอบโต้ เปลวไฟสีแดงฉานปะทุขึ้นจากฝ่ามือของเขา พุ่งเข้าใส่ลีร่าราวกับกระสุนเพลิง ลีร่าพยายามหลบหลีก แต่เฟรดริคไม่ใช่แค่อัศวินธรรมดา เขายังเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่เชี่ยวชาญ การโจมตีด้วยเวทเพลิงรุนแรงและรวดเร็วจนเธอแทบจะหลีกไม่พ้น
“อย่าได้คิดว่าจะทำอะไรข้าได้!”
เฟรดริคคำราม พลางร่ายเวทอีกบทหนึ่ง ทันใดนั้น เงาร่างของลีร่าก็เริ่มบิดเบี้ยว ร่างกายของเอเรนรู้สึกหนักอึ้งราวกับถูกกดทับ พลังที่เพิ่งได้รับมาเริ่มถูกบั่นทอนลง
‘เวทมนตร์ผนึก...’
ลีร่าคิดในใจ ‘มันพยายามจะผนึกพลังวิญญาณของข้า!’
การโจมตีด้วยเวทเพลิงที่รุนแรงผสมกับการผนึกพลัง ทำให้ลีร่าในร่างเอเรนเริ่มเสียเปรียบ เธอกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว แรงกระแทกจากการโจมตีของเฟรดริคทำให้ร่างกายของเอเรนเจ็บปวดแสบร้อน เธอพยายามตอบโต้ แต่พลังแห่งศาสตราวิญญาณเริ่มติดขัดราวกับถูกขัดขวาง
‘นี่ เราคงสู้ไม่ได้’
ความคิดอ่อนแอแล่นเข้ามาในจิตใจของลีร่า ร่างกายที่ยืมมาของเอเรนอ่อนล้าจากการต่อสู้ต่อเนื่องและผลกระทบของยาพิษเมื่อคืน ประกอบกับพลังที่ถูกผนึก ทำให้เธอเริ่มท้อแท้
“ยอมแพ้เสียเถิด ผู้ครอบครองศาสตราโลหิต!”” เฟรดริคตะโกนด้วยน้ำเสียงมีชัย
“พลังของเจ้ายังไม่สมบูรณ์!”
“ไม่มีทาง! ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็จะไม่ยอมแพ้คนอย่างแก!”
ลีร่าคำราม ดวงตาเปล่งประกายความมุ่งมั่น เธอตัดสินใจใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมด พลังแห่งศาสตราวิญญาณที่ถูกเสริมกำลังขึ้น ปรากฏเป็นเกล็ดน้ำแข็งคมกริบพุ่งออกจากมือของเธอเข้าใส่เฟรดริคราวห่าฝน จากนั้นเธอก็พุ่งเข้าประชิดตัว ใช้หมัดที่เต็มไปด้วยพลังอันมหาศาลของเอเรนต่อยเข้าใส่บาเรียเวทมนตร์อย่างต่อเนื่อง เสียงปะทะดังกึกก้องไปทั่วลาน
“เจ้าบ้า!”
เฟรดริคตะโกน พลังน้ำแข็งที่เธอใช้ แม้จะไม่ใช่เวทมนตร์โบราณของเธอ แต่ก็รุนแรงพอที่จะทำให้บาเรียสั่นคลอน และหมัดที่เธอกระหน่ำใส่ก็หนักหน่วงจนเขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนไปถึงกระดูก
ลีร่ากัดฟันสู้ เธอรู้ดีว่านี่คือทั้งหมดที่เธอมีแล้ว พลังในกายของเอเรนร่อยหรอลงอย่างรวดเร็วจากการใช้พลังศาสตราวิญญาณอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความอ่อนล้าถึงขีดสุด
เฟรดริคเห็นช่องว่าง เขาถอยห่างออกมาเล็กน้อย แล้วรวบรวมพลังเวทเพลิงทั้งหมดที่มี สร้างเป็นลูกไฟขนาดยักษ์สีแดงฉาน
“จบแล้ว! ผู้ครอบครองศาสตราโลหิต!”
ลูกไฟพุ่งเข้าใส่ลีร่าที่กำลังอ่อนแรงและไร้การป้องกัน ความรู้สึกอ่อนแอและการยอมแพ้เริ่มเข้าครอบงำจิตใจของลีร่า อีกครั้ง และเมื่อจิตใจของเธอกำลังสั่นคลอน พลังแห่งศาสตราโลหิต อีเร็น ที่ถูกผนึกไว้ในจิตวิญญาณของเธอมานานนับศตวรรษ ก็เริ่มเคลื่อนไหว…
‘โง่เขลา!’ เสียงของอีเร็นคำรามก้องในห้วงสำนึกของลีร่า
‘เจ้าจะยอมแพ้แค่นี้หรือ!... ถ้าเป็นเช่นนั้นเอาร่างนี้มาให้ข้า… และปล่อยให้ข้าจัดการ!’
ศาสตราโลหิต อีเร็น ไม่ยอมให้ลีร่ายอมแพ้ง่ายๆ มันพยายามจะเข้าควบคุมร่างของเอเรนโดยสมบูร รีล่ามองเปลิวเพลิงที่พุ่งเข้าใส่
ลีร่าไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น เธอรู้สึกถึงแรงดึงจากอีเร็นที่พยายามจะเข้ายึดครอง แต่เธอกลับเลือกที่จะใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดในการสร้างสิ่งที่เธอทำได้ดีที่สุดการป้องกัน แม้จะรู้ว่ามันอาจจะไร้ความหมายก็ตาม
ลีร่าพยายามรวบรวมพลังของตนเองที่เหลือเพียงน้อยนิดขึ้นมาอีกครั้ง เพียงพอที่จะก่อร่าง บาเรียน้ำแข็ง ขนาดใหญ่ขึ้นมาโอบล้อมร่างของเธอไว้ทันเวลาที่ลูกไฟเพลิงของเฟรดริคพุ่งเข้าปะทะ เสียงระเบิดดังสนั่น เกล็ดน้ำแข็งแตกกระจายราวกับแก้ว แต่บาเรียยังคงยืนหยัดได้เพียงชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มแตกร้าวและละลายอย่างรวดเร็ว
ไอสีดำสนิท เริ่มก่อตัวขึ้นรอบบริเวณร่างของลีร่าในร่างเอเรน มันไม่ใช่ไอเย็นยะเยือก แต่มันคือ พลังแห่งความตาย ที่แผ่พุ่งออกมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณของศาสตราโลหิต อีเร็น ที่พยายามจะครอบงำ ดวงตาของลีร่าซึ่งยังคงเป็นสีเงินดุจท้องฟ้าในยามค่ำคืนเริ่มแปลเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ
มันมีประกายสีแดงเข้มเรื่อเรืองขึ้นจากภายใน ราวกับเปลวไฟที่กำลังจะปะทุขึ้นในความมืดมิด เส้นผมสีเงินของลีร่าเริ่มมีประกายสีดำจางๆ ปรากฏแทรกขึ้นมา ราวกับกำลังถูกกัดกินด้วยพลังลึกลับบางอย่าง
ร่างของเธอยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางเปลวไฟและไอน้ำที่ระเหิดขึ้นจากการปะทะกัน
เฟรดริคมองเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยความตกใจ ดวงตาของเขาสะท้อนความสยองขวัญ
“นี่มัน... พลังอะไรกันแน่!” เฟรดริคพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขารับรู้ได้ว่าพลังที่กำลังแผ่ออกมาจากร่างของเอเรนนั้นไม่ใช่พลังเวทมนตร์ทั่วไป แต่มันเป็นบางสิ่งที่เก่าแก่กว่า ดิบเถื่อนกว่า และเต็มไปด้วยความมืดมิดที่ไม่อาจเข้าใจได้ มันคือพลังที่พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่ง
ลีร่ารู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่แล่นไปทั่วร่างจากการต่อสู้และการถูกดึงรั้งจากอีเร็น แต่ในความเจ็บปวดนั้น เธอกลับรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาอย่างควบคุมไม่ได้ มันเป็นพลังที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนในฐานะผู้ครอบครองศาสตราโลหิต และไม่ใช่พลังของศาสตราวิญญาณที่เพิ่งตื่น


แสดงความคิดเห็น