บทที่ 260 เดธแมสเซนเจอร์

-A A +A

บทที่ 260 เดธแมสเซนเจอร์

บทที่ 260 เดธแมสเซนเจอร์

ในชาติก่อนกิลด์ขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากได้พ่ายแพ้ให้กับแอนเชียนท์เซนทิพีดควีน ซึ่งทางผู้พัฒนาก็เคยเปิดเผยตัวเลขออกมาว่าช่วงที่ผู้เล่นบุกเบิกแผนที่เลเวล 30 กันใหม่ ๆ แอนเชียนท์เซนทิพีดควีนก็เคยสังหารผู้เล่นไปมากกว่า 30,000 คนใน 1 เดือน และโดยเฉลี่ยแล้วพิษของมันจะสังหารผู้เล่นได้มากกว่า 1,000 คนต่อ 1 วัน

บอสตัวนี้มีความแตกต่างจากไทแรนท์สเกเลตัลที่มีเลเวลเท่ากันหรือแม้แต่ดีม่อนโซลที่มีเลเวลสูงกว่า เพราะบอสเหล่านั้นผู้เล่นสามารถใช้ทักษะอันเหนือชั้นในการเอาชนะพวกมันได้ แต่แอนเชียนท์เซนทิพีดควีนจะมีการโจมตีแบบทั่วทั้งหน้าจอจนทำให้แม้แต่กิลด์ขนาดใหญ่ก็ไม่มีทางที่จะต่อสู้ได้เลย

เวลาผ่านพ้นไปนานกว่าครึ่งปีและในขณะที่กิลด์ต่าง ๆ กำลังหมดความอดทน ผู้เล่นภายในกิลด์คนหนึ่งก็บังเอิญพบว่านักรบคนหนึ่งภายในกิลด์ของพวกเขาไม่เสียพลังชีวิตไปเลยแม้แต่หน่วยเดียว แม้ว่าอีกฝ่ายจะถูกโจมตีด้วยพิษของแอนเชียนท์เซนทิพีดควีนก็ตาม

ในระหว่างที่ทุกคนคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นความผิดพลาดจากระบบ จู่ ๆ ในเวลาอีกไม่ถึง 1 นาทีต่อมาผู้เล่นคนนั้นก็ตายเพราะพิษอย่างกะทันหัน

หัวหน้ากิลด์ ๆ นั้นได้ทำการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด และในที่สุดเขาก็ค้นพบว่าทำไมลูกกิลด์ของตัวเองถึงไม่ได้รับความเสียหายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แม้จะได้รับพิษจากบอสไปแล้วก็ตาม

แท้ที่จริงแล้วก่อนที่นักรบคนนั้นจะสู้กับแอนเชียนท์เซนทิพีดควีน เขาก็ได้ต่อสู้กับแบล็คพินเซอร์มาก่อนและได้รับพิษจากแมลงตัวนี้มาแล้ว ซึ่งตามกฎของเกมหากผู้เล่นได้รับพิษ ผู้เล่นคนนั้นจะไม่ได้รับผลจากพิษชนิดเดิมซ้ำหรือไม่ได้รับพิษชนิดอื่นเข้ามาแทนที่ ส่วนสาเหตุที่นักรบคนนั้นเสียชีวิตก็เพราะพิษจากแบล็คพินเซอร์หมดเวลาลง เขาจึงได้รับพิษจากแอนเชียนท์เซนทิพีดควีนเหมือนกับผู้เล่นคนอื่น ๆ

นับตั้งแต่การค้นพบครั้งนั้น มันก็ทำให้แอนเชียนท์เซนทิพีดควีนหล่นลงจากแท่นบอสที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ และได้กลายเป็นมอนสเตอร์ธรรมดาที่แม้แต่ผู้เล่นเลเวล 20 ก็ยังกล้ามาท้าทาย

ลู่หยางท่องคาถาเพื่ออัญเชิญนกฟีนิกซ์ออกมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็สังหารแบล็คพินเซอร์เลเวล 7 ที่ตัวเองควบคุมอยู่ 1 ตัวเพื่อเปิดช่องให้เขาควบคุมแบล็คพินเซอร์เลเวล 1 ตัวใหม่ จากนั้นเขาก็สั่งให้แบล็คพินเซอร์พ่นพิษใส่นกฟีนิกซ์

หลังจากการโจมตีไปไม่กี่ครั้ง ร่างของนกฟีนิกซ์ก็เต็มไปด้วยพิษสีเขียว

ลู่หยางสั่งให้นกฟีนิกซ์บินไปทางแอนเชียนท์เซนทิพีดควีน และเมื่อระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายร่นลงมาเหลือเพียงแค่ 10 เมตร เขาก็สั่งให้นกฟีนิกซ์หยุดเคลื่อนไหวพร้อมกับสั่งให้แบล็คพินเซอร์เลเวล 7 วิ่งไปยังตำแหน่งที่แอนเชียนท์เซนทิพีดควีนซ่อนตัวอยู่

เสียงแปลก ๆ จากใต้ดินดังขึ้นมาอีกครั้ง และเมื่อร่างของแบล็คพินเซอร์เลเวล 7 วิ่งไปจนถึงจุดซ่อนตัวของแอนเชียนท์เซนทิพีดควีน มันก็ถูกขาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนคว้าเอาไว้ในทันที

-42,660 (คริติคอล)

แอนเชียนท์เซนทิพีดควีนพุ่งตัวออกมาจากพื้นดินพร้อมกับกินแบล็คพินเซอร์เลเวล 7 เข้าไป ซึ่งในเวลาเดียวกันมันก็ได้มีลูกไฟพุ่งเข้าไปใส่ร่างของแอนเชียนท์เซนทิพีดควีนอย่างแม่นยำ

-2,460

เมื่อได้เห็นว่ายังมีศัตรูอยู่แอนเชียนท์เซนทิพีดควีนก็อ้าปากกว้างก่อนจะพ่นพิษสีเขียวออกมาทั่วทั้งบริเวณ อย่างไรก็ตามถึงแม้หมอกพิษจะเคลื่อนที่ผ่านร่างของนกฟีนิกซ์ไป แต่พิษของบอสกลับไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับนกฟีนิกซ์เลยแม้แต่นิดเดียว

ระหว่างนั้นนกฟีนิกซ์ก็ยังคงพ่นลูกไฟโจมตีเข้าใส่แอนเชียนท์เซนทิพีดควีนอย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังชีวิตของมันลดลงไปอีกมากกว่า 2,000 หน่วย

ลู่หยางพยักหน้าให้กับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นเขาก็หาที่นั่งสบาย ๆ เพื่อมองดูนกฟีนิกซ์สู้กับตะขาบที่พยายามพ่นน้ำลายอยู่ตัวหนึ่ง

เมื่อเวลาผ่านไปครบ 5 นาทีลู่หยางก็สั่งให้แบล็คพินเซอร์เลเวล 7 ตัวที่ 2 เข้าไปรับการโจมตีแทนนกฟีนิกซ์ และสั่งให้นกฟีนิกซ์กลับมาถูกพิษจากแบล็คพินเซอร์เลเวล 1 อีกครั้ง จากนั้นเขาก็สั่งให้มันกลับไปพ่นลูกไฟเข้าใส่บอสต่อ

กระบวนการเดิม ๆ ถูกเล่นวนไปซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง และในที่สุดแอนเชียนท์เซนทิพีดควีนก็เสียชีวิตพร้อมกับระเบิดกองไอเท็มออกมากองใหญ่

ระบบ: คุณสังหารแอนเชียนท์เซนทิพีดควีนได้สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 40,000 หน่วย

ร่างของลู่หยางกลายเป็นแสงสว่างพร้อมกับเทเลพอร์ตไปยังตำแหน่งของบอสอย่างฉับพลัน จากนั้นเขาก็หยิบดาบโค้งสีดำที่เปล่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาจากพื้น

เดธแมสเซนเจอร์ (ระดับตำนาน)

เลเวล 30

พลังโจมตี 256-291

ความแข็งแกร่ง +50

ความอดทน +30

พลังกาย +50

พลังโจมตีเพิ่มเติม +64

สกิลประจำอุปกรณ์ ทุกครั้งที่โจมตีจะสร้างความเสียหายสูงสุดและมีโอกาสทำให้เป้าหมายติดพิษ

ช่องอัญมณี 3 ช่อง

“นี่มันดรอปเดธแมสเซนเจอร์ลงมาจริง ๆ เหรอเนี่ย?” ลู่หยางอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อขณะถือดาบยาวภายในมือ

อาวุธชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นอาวุธที่ดีที่สุดสำหรับนักรบและพาลาดินก่อนเลเวล 30 เพียงแต่ว่ามันมีอัตราการดรอปที่ต่ำเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคืออาวุธชิ้นนี้สามารถปลดล็อคอาชีพลับของนักรบได้

ลู่หยางทำการเก็บดาบยาวไว้ในกระเป๋า ก่อนที่เขาจะหยิบบลูปริ้นอีกชิ้นขึ้นมาทำการตรวจสอบ

บลูปริ้น: อีเทอนอลโกลด์แดกเกอร์ (ระดับทอง)

อาวุธชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในมีดที่ดีที่สุดสำหรับโจรก่อนเลเวล 30 ลู่หยางจึงเก็บมันเข้าใส่กระเป๋าพร้อมกับมองหาไอเท็มพิเศษชิ้นอื่น ๆ ต่อ

น่าเสียดายที่ไอเท็มที่เหลือต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นของธรรมดา ลู่หยางจึงเก็บพวกมันใส่กระเป๋าแล้วพานกฟีนิกซ์เดินหาอีวิลพินเซอร์ที่เคยวิ่งหนีไป

กว่าจะหาตัวอีวิลพินเซอร์ตัวนั้นเจอพลังชีวิตของมันก็ฟื้นฟูกลับมาจนเต็มแล้ว ชายหนุ่มจึงสั่งให้นกฟีนิกซ์โจมตีอีกครั้ง ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานมันก็ดรอปคัมภีร์เอนชานท์ลงมา 1 ชิ้น

คัมภีร์เอนชานท์เสื้อคลุม: ต้านทานธาตุไฟ +50

ชายหนุ่มเก็บคัมภีร์ใส่กระเป๋าพร้อมกับเดินสำรวจทั่วแผนที่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในคราวนี้เขาก็ไม่ได้พบกับอีวิลพินเซอร์อีกแล้ว เขาจึงใช้คัมภีร์ย้อนกลับเทเลพอร์ตไปยังเมืองเซนต์กอลล์

หลังจากทอยลูกเต๋าแห่งโชคชะตาเพื่อเพิ่มความโชคดีให้กับตัวเอง ชายหนุ่มก็ทำการอัปเกรดเดธแมสเซนเจอร์จนถึง +10 และฝังอัญมณีเพิ่มพลังโจมตีระดับ 10 ลงไปในดาบอีก 3 เม็ดจนทำให้อาวุธชิ้นนี้มีพลังโจมตีสูงถึง 256-541 หน่วย

“ว่างไหม?” ลู่หยางติดต่อไปถามเจียงเจ๋อ

“มีอะไร? ตอนนี้ฉันอยู่ที่เมืองเซนต์กอลล์” เจียงเจ๋อถาม

“ช่วยมาที่บ้านร้างทางใต้ของเมืองหน่อย” ลู่หยางกล่าว

“ได้ เดี๋ยวฉันรีบไป”

ในเวลาเพียงแค่ไม่นานเจียงเจ๋อก็เดินทางมาถึง เขาจึงรีบถามออกไปด้วยความประหลาดใจว่า

“มีอะไรรีบบอกมาเลย ฉันยังมีเรื่องต้องกลับไปจัดการอีกเยอะมาก”

ลู่หยางหยิบเดธแมสเซนเจอร์ออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับยื่นให้กับสหาย

“เอานี่ไป ฉันให้”

เจียงเจ๋อมองดาบเล่มสีดำอย่างสงสัย และเมื่อเขาทำการตรวจสอบสถานะของมัน มันก็ถึงกับทำให้เขาต้องสบถออกมาอย่างหยาบคาย

“เชี่ย! นายไปเอามันมาจากไหนเนี่ย นี่มันอาวุธเทพชัด ๆ” เจียงเจ๋อกล่าว

“ฉันเพิ่งได้มันมา นายเอามันไปใช้เถอะ อ้อ ตอนที่นายติดตั้งอาวุธนี้ก็ลองไปที่วิหารเทพสงครามดู มันจะทำให้นายเปลี่ยนเป็นอาชีพลับเบอเซิกเกอร์ได้” 

“ขอบใจมาก” เจียงเจ๋อกล่าวอย่างตื่นเต้น

“นายจะมาเกรงใจอะไรกัน ของ ๆ ฉันมันก็เหมือนกับของของนายนั่นแหละ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับตบไหล่เจียงเจ๋อด้วยรอยยิ้ม

คำพูดนี้เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจของลู่หยางจริง ๆ เพราะในชาติก่อนเขาติดหนี้บุญคุณเจียงเจ๋ออยู่เยอะมาก ขณะที่ในชาตินี้อีกฝ่ายก็มาช่วยจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ภายในกิลด์อย่างมากมายโดยไม่บ่นอะไรสักคำ การได้พบกับเพื่อนดี ๆ อย่างเจียงเจ๋อจึงทำให้ลู่หยางมักจะคิดกับตัวเองว่าเขาคือคนที่โชคดี

“ไม่ต้องห่วง หลังฉันจัดการเรื่องของกิลด์เสร็จเดี๋ยวฉันจะรีบไปเก็บเลเวล” เจียงเจ๋อกล่าว

“พยายามเข้าล่ะ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

แม้ว่าเจียงเจ๋อจะไม่ได้มีความโดดเด่นเหมือนกับเหล่าบรรดาแม่ทัพคนอื่น ๆ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ตัวเองสั่งสมมา เขาก็มีความเชื่อว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาเจียงเจ๋อให้กลายเป็นผู้เล่นชั้นยอดคนหนึ่งได้

หลังจากพูดเรื่องเดธแมสเซนเจอร์เสร็จ เขาก็ได้หยิบคัมภีร์เอนชานท์และบลูปริ้นออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับพูดว่า

“ให้นักตีเหล็กกับนักเอนชานท์ที่เราทำสัญญาเรียนรู้ของพวกนี้ซะ ถ้าหากคนของเรายังมีไม่พอนายก็สามารถเปิดรับสมัครตามที่นายเห็นสมควรได้เลย”

 

 


เผื่อใครงง นักเอนชานท์คือนักเสริมพลังนะ ดังนั้นคัมภีร์เอนชานท์เสื้อคลุมก็คือคัมภีร์เสริมพลังเสื้อคลุม

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.