บทที่ 102 ขยะแขยง!!
ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อได้ยินประโยคที่ออกมาจากผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าผมกับมันไปหมั้นหมายอะไรกันตอนไหน ก่อนจะปรับสีหน้าเรียบจ้องกลับไปที่มันอย่างขอให้มันอธิบายให้ผมฟัง
“กูว่ามึงมีเรื่องที่ยังไม่บอกกูนะ...เรน่า” ผมเอ่ยเสียงเรียบที่ทรงพลังกดดันไปที่คนตรงหน้า เพราะมันรู้ดีว่าถ้าเมื่อไรที่ผมใช้น้ำเสียงนี้ มันไม่ควรที่จะมีอะไรปิดบังผม
“เอ่อ...” ร่างทรงเสน่ห์ยืนบิดไปมาดูกระวนกระวายเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายจากตรงไหน
“พูด!!” เสียงตวาดลั่นของผมทำให้เรน่าถึงกับสะดุ้งทันที
“บอกแล้วๆ โอ๊ยยย...อย่าเสียงดังสิ ตกอกตกใจหมด” เรน่าลนลานตอบอย่างคนทำอะไรไม่ถูก
“ก็พวกท่านส่งเรน่ามาให้ถามเรื่องผู้หญิงคนนั้น แล้วก็...เอ่อ...” เรน่าดูลังเลที่จะพูดประโยคต่อไป
“ถ้ามึงยังลีลาไม่เลิก ก็ไม่ต้องพูด กลับไปซะ” ผมหงุดหงิดเริ่มที่จะหมดความอดทน ไม่รู้มันจะประวิงเวลาโอ้เอ้ไปถึงเมื่อไหร่
เรน่าหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะโพล่งสิ่งที่พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกไปอีกครั้ง...
“พวกท่านให้เซฟรับผิดชอบเรื่องการหมั้นของเราสองคนด้วย” สิ้นประโยค เรน่ากลั้นหายใจเพื่อฟังคำตอบด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก
และแล้วสิ่งที่ผมได้ยินอีกครั้ง ก็เป็นการตอกย้ำว่าผมไม่ได้เข้าใจผิด หรือว่าหูฝาดไป
“หมั้น!!กูไปหมั้นกับมึงตอนไหน...ห๊ะ...เรน่า” ผมที่รวบรวมสติถามออกไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เพราะพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าผมไปตกลงหมั้นกับมันตอนไหน
“ก็คือว่า...ตอนนั้นพ่อของเรน่าเขาจะจับให้แต่งงานกับลูกมาเฟียอีกตระกูลหนึ่ง แล้วเซฟก็รู้ว่าเรน่าไม่อยากแต่ง เรน่าก็เลยอ้างกับท่านไปว่า...” เรน่าพูดเจื้อยแจ้วก่อนจะหลุบเสียงต่ำเมื่อถึงประโยคที่เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
“ว่าอะไร!!” ผมที่เริ่มเข้าเค้าอะไรบางอย่าง ตะคอกเรน่าออกไปด้วยความโมโห
“ว่าเซฟขอเรน่าหมั้นแล้วด้วยสร้อยเส้นนี้” เรน่าพูดพร้อมยกข้อมือโชว์สร้อยเจ้าปัญหา ถ้าผมรู้ว่าการที่ผมสั่งซื้อสร้อยให้เรน่า เพียงเพราะเธออยากได้การออกแบบของดีไซน์ระดับโลกที่ดันมาสนิทกับผมเพราะเราทำธุรกิจค้าอัญมณีด้วยกัน จะกลับมาสร้างปัญหาให้ผมถึงเพียงนี้ ผมแม่งจะไม่ยุ่งเด็ดขาด
“แต่มึงก็รู้ต้นสายปลายเหตุของการได้มาของสร้อยเส้นนี้” ผมพูดกลับโดยไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด พร้อมด้วยอาการหัวเสียสุดๆ
“ก็ใช่...แต่เซฟค่ะ ตอนนั้นเรน่าไม่รู้จะทำยังไง เรน่าไม่ทันคิด เลยบอกท่านไปแบบนั้น เซฟช่วยเรน่าได้ไหม เราหมั้นกันปลอมๆ ก็ได้นี่น่า แล้วพอเรื่องนี้มันซาๆ เราค่อยถอนหมั้นกันทีหลัง” เรน่าพูดแกมขอร้องให้ผมทำตามแผนการของเธอ
ผมได้แต่อึ้งแล้วอึ้งอีก จนไม่รู้จะสรรหาคำบรรยายไหนมาอธิบายความรู้สึกของผมที่มีในตอนนี้ได้เลย ผมมองตรงไปที่คนตรงหน้า ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เพราะสุดจะทนกับการกระทำของมัน
“มึงกล้ามากนะที่ทำแบบนี้ แล้วอีกอย่างมึงยังมีหน้ามาขอให้กูเลิกกับเอลิซทั้งๆ ที่มึงรู้ว่ากู...” ผมเหลืออดกับคนตรงหน้า ที่ตอนนี้แทบจะไม่เหลือคำว่าเพื่อนให้กับเธออีกแล้ว
“ซะ...เซฟค่ะ” เรน่าเอ่ยเรียกชื่อเขาเสียงสั่น ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าใสจะขมุกขมัวไปด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ
แต่เขากลับไม่ยี่หระต่อภาพตรงหน้าเลยสักนิด ก่อนที่จะเอ่ยปากออกไปอย่างไม่มีเยื่อใย
“ไสหัวไปให้พ้นหน้ากูซะ แล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก นี่กูยังเห็นแก่ความสัมพันธ์ของสองตระกูลอยู่นะ ไม่อย่างนั้น เรน่า!! แม้แต่ร่างที่ไร้ลมหายใจของมึงกูก็จะไม่ให้พ่อแม่มึงมาเอาออกไปจากที่นี่ได้” สิ้นเสียงกร้าวที่ผมพ่นใส่หน้าอดีตเพื่อนผู้หญิงคนเดียวของผม ผมก็หันหลังให้เธอทันทีเพื่อที่จะรีบเดินตรงไปหาผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด
ผมแม่งโคตรโมโห จนอยากจะบีบคอเรียวยาวนั้นให้แหลกคามือ มันคิดว่ามันเป็นใครถึงมีหน้ามาให้ผมเลิกยุ่งกับผู้หญิงที่ผมรัก เพื่อจะไปรับผิดชอบกับปัญหาที่ผมไม่ได้ก่อ
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะทันได้ก้าวเท้าเดินออกไป...
หมับ!!
มือบางก็ตรงเข้ามาคว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้ทันที พร้อมกับเสียงคร่ำครวญที่ตามมา
“ฮึกๆๆ เซฟ อย่าไล่เรน่าเลยนะ เซฟก็รู้ว่าเรน่าคิดยังไงกับเซฟ” ความเสียใจที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ริมฝีปากบางเอ่ยบอกถึงความรู้สึกภายในใจที่อยู่ก้นบึ้ง ที่เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดเอ่ยบอกออกมา จนกระทั่งเมื่อความรู้สึกที่ว่ากำลังจะเสียเขาไปได้เกิดขึ้น
ดวงตาสีเทาเข้มหันกลับมาจ้องมองใบหน้าสวย อย่างไม่รู้สึกหวั่นไหวในสิ่งที่เธอพูดแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดยังไงกับเขา
แต่เป็นเพราะว่าเขาเองก็ชัดเจนมาเสมอว่าเธอเป็นได้แค่เพื่อนของเขาเท่านั้น และตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยมีท่าทีหรือให้ความหวังอะไรกับเธอแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาคิดกับเธอมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือความเป็นเพื่อน และเขาก็คิดมาเสมอว่าเธอจะมองเขาเป็นเพื่อนอย่างที่เขามองเธอได้สักที
แต่จนสุดท้ายแล้วเธอก็ยังคิดเป็นอื่นไม่เคยเปลี่ยน แล้วยังกลับมาคิดใช้ลูกเล่นมารยาสกปรก อ้างการโดนจับแต่งงานเพื่อที่จะเอามาใช้ต่อรองกับครอบครัวเพื่อที่จะได้ครอบครองเขา การกระทำแบบนี้มันช่างน่าสะอิดสะเอียนที่สุด
ผมมองไปยังมือบางที่ยังจับข้อมือของผมแน่น มือของเธอสั่นเทาเพราะความกลัวและเสียใจ น้ำตาของเธอที่กำลังไหลลงมามันช่างไม่มีผลต่อความรู้สึกของผมเลยสักนิด...ผมไม่สงสารเธอเลย!!
“ปล่อยกู!!” ผมสะบัดมืออันบอบบางที่เกาะกุมอยู่ที่ลำแขนแกร่งของผมทิ้งอย่างไม่ไยดี
โดยก่อนที่ผมจะเดินจากไป ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เอ๊ะ...ถ้างั้นก็แปลว่าที่มึงพูดกับเอลิซไปเมื่อกี้ มึงคิดอย่างที่พูดจริงงั้นสิ” เขานึกถึงประโยคที่ผู้หญิงคนนี้พูดกับคนที่เขารักในตอนแรกที่ว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเขา โดยที่เขาหลงคิดไปว่าเธอแค่ล้อเล่นตามประสาเพื่อนเท่านั้น
เธอที่ถูกต่อว่า ก้มหน้าสะอื้นหนักขึ้นไปอีก เพราะในใจเธอก็หวังลึกๆ ให้ชายที่เธอมีใจด้วยหวั่นไหวกับคำพูดของเธอบ้าง...
เขาที่แค่นเสียงหัวเราะในลำคอ ด้วยความรู้สึกระอาคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก
“หึหึ...มึงรู้ไหมกูขยะแขยงผู้หญิงแบบมึงที่สุด ผู้หญิงที่ใช้มารยาต่ำๆ คิดจะมัดมือชกผู้ชายไปแต่งงานด้วย...มันช่างน่าขยะแขยง!! ”
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 25
แสดงความคิดเห็น