บทที่ 89 สักวันหนึ่ง...
กิตที่เกร็งตัวรอลุ้นอารมณ์ของเจ้านายอยู่นั้น ถึงกับโล่งใจขึ้นเมื่อได้ยินเสียงสวรรค์จากผู้ที่เป็นเจ้านาย...
“เออ ถ้างั้นก็แล้วไป” เขาปล่อยมือออกจากคอเสื้อของลูกน้องคนสนิท ก่อนจะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็ไม่ใช่ไม่เชื่อคำพูดของลูกน้อง แต่จะให้ทำไงได้ก็คนมันหึงนี่หว่า...
ฟู่~~
เสียงพ่นลมหายใจของกิตถูกทอดถอนออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งใจ เกือบซวยแล้วไม่ล่ะ กิตได้แต่คิดอยู่ในใจ
“งั้นมึงก็รีบออกไปได้ล่ะแม่งขัดจังหวะกูจริงๆ” เขาบ่นลูกน้องอย่างหัวเสียเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวไปมาเบาๆ
“อ่อ...แล้วก็มึงไปบอกให้แม่บ้านมาเก็บกวาดห้องทำงานกูด้วยล่ะ” เขาเอ่ยปากสั่งลูกน้องอีกครั้งด้วยท่าทางเข้มขรึม
แต่ฉันรู้ดีว่าในใจของเขาตอนนี้คืออายมากกกกก ฉันได้แต่สมน้ำหน้าเขาอยู่ในใจ ก็เล่นหึงไม่ดูตาม้าตาเรือดีนัก หน้าแตกยับไปเลยไหมเนี้ย...ฮ่าๆๆ
"ไม่ต้องเป็นกังวลครับนาย ผมได้ให้แม่บ้านที่นี่จัดการไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ ตอนนี้ทุกอย่างภายในห้องทำงานเรียบร้อยเอี่ยมอ่องเหมือนไม่มีสงครามเกิดขึ้นเลยครับ” กิตที่เมื่อเห็นเจ้านายไม่เอาความกับเขาแล้ว ก็ได้ทีหยอกเย้าเจ้านายกลับไปบ้าง ถือสะว่าเป็นค่าตอบแทนที่เขาโดนเข้าใจผิดฟรีก็แล้วกัน
สายตากร้าวถูกส่งไปเชือดเฉือนคนที่เป็นลูกน้องทันที
“กวนตีนกูนักนะมึง แดกตีนกูก่อนอาหารเช้าดีไหม...ห๊ะ” เขาเอ่ยพูดด้วยท่าทางไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก ก่อนจะแสร้งยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาทำทีจะยกขึ้นไปเตะลูกน้องคนสนิท พร้อมกับลอบยิ้มที่มุมปากเบาๆ
“โอ๊ยยยย นายครับ เช้าที่ไหนกันล่ะครับนาย นี่มันจะเที่ยงอยู่แล้วคร้าบบบบ” กิตยังไม่วายกวนตีนเจ้านายของเขาอีกสักที โดยที่เจ้าตัวยังพูดไม่ทันจบ ก็รีบใส่เกียร์หมาวิ่งหนีไปที่ประตูของห้องทำงานทันทีเพื่อที่จะได้หลีกออกไปให้พ้นบาทาของเจ้านาย
“ไอ้กิต!!ไอ้ห่านิ มึงนี่น่ะ” เขาส่ายหัวเบาๆ ให้กับความกวนตีนของลูกน้องตัวเอง ก่อนจะเดินมายังที่นอนแล้วยื่นถุงเสื้อผ้าให้คนใต้ผ้าห่มได้เอาไปใส่
ฉันที่ได้ยินบทสนทนาทุกอย่างระหว่างเขากับลูกน้อง ก็อดยิ้มเอ็นดูให้กับความสนิทสนมของเขาทั้งสองคนไม่ได้ พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัว เป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง เป็นเหมือนเพื่อนที่สามารถตายแทนกันได้
“ขอบคุณค่ะ” ^-^ ฉันเอื้อมมือไปรับถุงเสื้อผ้ามา พร้อมส่งยิ้มหวานไปให้คนตรงหน้า ก่อนจะเปิดดูว่าป้าเสริมเตรียมเสื้อผ้าอะไรมาให้ฉัน
“ยิ้มแบบนี้เดี๋ยวก็ได้คลานลงเตียงหรอก” เขาที่ขึ้นมานั่งข้างๆ ฉันบนที่นอนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังมากนัก พร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ฉัน
“เฮียว่าไงนะคะ” ฉันที่มัวแต่ดูของในถุงเสื้อผ้า ไม่ทันได้ฟังว่าเขาพูดว่าอะไร
“เปล๊าาา!! “เขาที่เอนลงนอนด้านข้างของฉันพร้อมกับประสานมือทั้งสองข้างของตัวเองหนุนหัวไว้ บอกด้วยท่าทีสบายๆ
เสียงคีย์สูงขนาดนี้ ต้องมีอะไรแน่ๆ ฉันเงยหน้ามองเขาทันที
“บอกมานะ...นี่แน่ะ! นี่แน่ะ!” ฉันพลิกตัวที่นั่งอยู่หันไปหาเขา แล้วถามหาคำตอบจากเขา พร้อมกับลงมือจี้เอวเขาด้วยความหมั่นไส้
“ฮ่าๆๆ เอลิซ ฮ่าๆๆ เฮียจั๊กจี้ ฮ่ๆๆๆ” เขาที่ดิ้นไปมาหลบการจี๋เอวของฉัน
“จะบอกไม่บอก...ห๊ะ...บอกไม่บอก” ฉันที่ยังออกแรงจี๋ไปที่เอวเขาด้วยความสะใจ
“ฮ่าๆๆ พอแล้วค่ะ เฮียจะขาดใจอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ” เขาที่ยังหัวเราะกับความบ้าจี้ของตัวเอง ก็ได้คว้าข้อมือบางเอาไว้แล้วดึงเข้ามาแนบอก
ร่างทั้งร่างถูกแรงดึงจนล้มลงไปบนแผงอกหนา สายตาสองคู่ประสานกันทันที ดวงตาสีเทาเข้มลุ่มลึกมักเปล่งประกายมีเสน่ห์เสมอเมื่อมีใบหน้าหวานทอดอยู่บนสายตาคู่นั้น
เราทั้งสองต่างคนต่างมองกันเนิ่นนาน เหมือนอยากจะดูแววตาแต่ละฝ่ายให้แน่ชัดว่ามีตัวเองอยู่ในนั้นจริงๆ ไหม
มือหนาคลายออกจากข้อมือบาง แล้วย้ายเปลี่ยนมาเป็นโอบกอดแทน
“เฮียรักเอลิซนะคะ รักมากจนไม่รู้จะใช้คำพูดไหนมาบอกถึงความรู้สึกในตอนนี้ได้เลย” เขาเอ่ยบอกออกมา เมื่อร่างบางนุ่มนิ่มที่เขาชอบซบแนบแอบอิงอยู่กับอก มันเป็นสิ่งที่เขาอยากจะบอกกับเธอทุกวันเวลา ทุกนาที ทุกครั้งที่นึกออก เขาสัญญาว่าเขาจะบอกเธอ
ฉันที่ตอนนี้ได้นอนแอบอิงอยู่บนร่างแกร่ง หัวทุยที่วางอยู่บนอกเขาทำให้หูแนบอยู่ตรงบริเวณที่หัวใจเต้นพอดี หัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ ระรัวเพิ่มความเร็วนิดๆ เมื่อคำบอกรักถูกเปล่งออกมา
ฉันที่ได้แต่นอนยิ้มให้กับคำบอกรักที่หวานซึ้งของเขาด้วยความเต็มตื้นที่มากล้นในหัวใจ เขามักจะขยันทำให้หัวใจฉันเต้นแรง พองโต และเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข จนบางครั้งก็อดเผลอกลัวไม่ได้ว่าความรู้สึกแบบนี้จะหายไปสักวัน
“แล้วเอลิซล่ะคะ รักเฮียบ้างไหม?” ในที่สุดเขาก็เอ่ยถามประโยคนี้ขึ้นมา
ดวงตากลมโตใสสั่นระริกขึ้นมาทันที ฉันคิดมาตลอดว่าถ้าเขาถามคำถามนี้กับฉัน ฉันควรจะตอบว่ายังไง ถามว่าฉันรักเขาไหม ฉันรักเขา และคิดว่ารักเขามากพอๆ กับที่เขารักฉัน แต่ทุกครั้งที่ฉันอยากจะบอก ก็มักจะมีความรู้สึกกลัวจากบาดแผลของความรักครั้งที่แล้วมาทำให้สะดุดอยู่เสมอ จนฉันลังเลที่จะพูดออกไป
ถ้าใครจะมองว่าฉันขี้ขลาด ‘ใช่’ ฉันยอมรับ
ฉันแค่ยังไม่แน่ใจแม้ว่าฉันยอมที่จะให้โอกาสเขา แต่ลึกๆ แล้วฉันยังคงมีความลังเล และกลัวว่าฉันจะเจ็บอีก ถ้าการที่ฉันไม่บอกคำว่ารักออกไป จะทำให้เขายังโหยหาฉันอยู่แบบนี้ ฉันก็ยังอยากจะให้มันเป็นแบบนั้นต่อไป และสิ่งสำคัญคือฉันอยากจะมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายฉันเหมือนครั้งนั้นอีก
ในขณะที่ฉันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เขาที่รอคำตอบจากฉันก็ได้ก้มลงมาจูบที่หัวของฉันเบาๆ เพื่อกระตุ้นให้ฉันตอบคำถามของเขา
ฉันเงยหน้ามองไปที่ใบหน้าคมเข้มของเขา ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วใบหน้า ความหล่อที่จัดว่าหล่อมาก โครงหน้าที่เป็นดั่งลูกรักพระเจ้า ที่ใครเห็นใครก็รักใครก็ชอบ ใบหน้านี้ที่ใครได้มองก็ยากที่จะปฏิเสธ นี่ยังไม่นับที่ได้มองใกล้ๆ แบบนี้อีก ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะตอบคำถามนี้ได้ไม่ยาก
ฉันส่งรอยยิ้มหวานที่คิดว่าสวยงามที่สุดไปให้เขา โดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไร ก่อนจะโน้มตัวขึ้นไปประทับริมฝีปากเบาๆ ลงบนริมฝีปากหนา ฉันใช้เวลาจรดริมฝีปากอยู่อย่างนั้นนานเพียงพอที่ฉันจะส่งความรู้สึกของฉันตอนนี้ไปให้เขาได้ และฉันหวังว่าเขาจะรับรู้ถึงมัน
ริมฝีปากอิ่มถูกถอนออกมา ก่อนที่ฉันจะยกหัวกลับมาซบที่อกเขาดั้งเดิม
รอหน่อยนะคะ...สักวันหนึ่งแล้วเอลิซจะบอกเฮีย
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 37
แสดงความคิดเห็น