บทที่ 73 ศัตรูของศัตรูเท่ากับมิตร
--- เซฟ Talk ---
ความหงุดหงิดเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจของผม นับตั้งแต่ที่เริ่มมีผู้ชายมากหน้าหลายตาดาหน้าเข้ามาจีบเมียผม ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจที่ปะทุ อารมณ์ภายในกายที่มันเดือดพล่านจนอยากจะทำปืนลั่นใส่คนพวกนั้นสักแม๊กสองแม๊ก
แต่ยังดีที่เมียแสนสวยของผมไม่แยแสพวกมันเลยสักนิด พวกมันเลยโชคดีที่ไม่ต้องกินลูกตะกั่วของผมแทนข้าว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะระงับความโกรธลงไปได้ ได้แต่พยายามข่มใจยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับกำหมัดแน่นอยู่ภายในห้องทำงานเพื่อจับตาดูสถานการณ์ตรงหน้าต่อไป
แต่แล้ว!! การปรากฏตัวของใครคนหนึ่ง ที่กำลังเดินเข้าไปหาเมียผมที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ ก็ทำคิ้วผมกระตุกด้วยความรู้สึกตงิดๆ ในใจ สัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงความไม่ชอบมาพากล จากความรู้สึกคุ้นเคยต่อชายตรงหน้า ทำใจของผมเต้นระรัวดั่งกลองชุด ใบหน้าคุ้นตาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ก่อนจะถึงบางอ้อขึ้นมาในทันใด เมื่อข้อมูลที่เกี่ยวกับคนคนนั้นหลั่งไหลเข้ามาในโสตประสาทไม่ขาดสาย เขาที่หน้าเหมือนกับคนในรูปที่ผมเคยได้รับจากไอ้กิต ด้วยข้อมูลนั้นมันทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าคนคนนั้นคือใคร
‘มาคินทร์ วงศ์เวชรุ่งเรือง’ ลูกชายคนโตของ ผู้นำตระกูลวงศ์เวชรุ่งเรืองคนปัจจุบัน มาเฟียที่กำลังมีเรื่องกับผมอยู่ แต่เนื่องจากลูกคนนี้เกิดจากเมียสองเลยไม่เป็นที่สำคัญของทั้งคนในตระกูลและนอกตระกูล...หึ เพราะอย่างนี้สินะ มันถึงส่งมาทำงานกระจอกๆ อย่างให้มานั่งจับตาดูความเคลื่อนไหวของผม
จากข้อมูลแม้ไอ้มาคินทร์จะเป็นลูกเมียรองของผู้นำตระกูลนั้น แต่โปรไฟล์กลับใช้ได้เลยทีเดียว จะประมาทคนคนนี้ไม่ได้เลย ด้วยความโดดเด่นด้านการศึกษาที่เป็นถึงแพทย์แถมเรียนควบบริหาร เรียนขนาดนี้ถ้าไม่ได้วางแผนมักใหญ่ใฝ่สูงจะชิงตำแหน่งผู้สืบทอด แปลว่าก็น่าจะวางแผนอนาคตของตัวเองไว้ดีเลยทีเดียว...หึ เป็นคนที่น่าจับตาดู อนาคตอาจจะเป็นศัตรูหรือพันธมิตรที่ดีเยี่ยมก็เป็นได้
แต่...ถึงแม้จะไม่เป็นที่รู้จักของแวดวงไฮโซเพราะไม่เคยได้ออกงานในฐานะลูกชายคนโตผู้นำตระกูลวงศ์เวชรุ่งเรือง แต่ถ้าลองพ่อมันใช้ให้มาทำงานแฝงตัวหาข้อมูลให้ตระกูล งั้นก็แปลว่าทางนู้นก็ไว้ใจในตัวมันอยู่ไม่น้อยและถ้าผู้นำตระกูลวงศ์เวชรุ่งเรือง ไม่ถือเอากฎที่ลูกเมียน้อยไม่มีสิทธิ์มาคุมตระกูลได้ แล้วยกตำแหน่งนี้ให้คนคนนี้ ป่านนี้ตระกูลวงศ์เวชรุ่งเรืองคงจะขึ้นมาเป็นคู่ต่อสู้ที่ดูจะสมน้ำสมเนื้อกับตระกูลธิพัฒน์เดชะไพศาลได้มากที่สุด แต่น่าเสียดายที่วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่มันจะได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ถ้ามันบังอาจมายุ่งกับเมียรักของผม...
เนื่องจากผมได้แต่ยืนมองดูผ่านกระจกด้านบนจึงไม่รู้ว่าตอนนี้มันกับเธอสองคนคุยอะไรกัน แต่ดูท่าทางที่แม่เมียตัวน้อยของผมหัวเราะระริกระรี้ยิ้มระรื่นให้ไอ้มาคินทร์แล้ว เพียงแค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมแทบคลั่งอยู่แล้ว มือที่กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด ฟันที่ขบกันดังกรอดส่งผลให้เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองไปที่ภาพตรงหน้าอย่างไม่กะพริบตาด้วยกลัวว่าจะพลาดช็อตเด็ดช็อตสำคัญไป นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้บลูทูธเฮงกะบ๊วยที่ติดอยู่กับพนักงานเคาน์เตอร์บาร์ที่ใช้ติดต่อฟังเสียงตั้งแต่แรกสัญญาณถูกตัดขาดไปแล้ว ผมคงไม่ร้อนใจขนาดนี้หรอก
ความโมโหที่ก่อตัวเป็นพายุพัดโหมไฟในใจให้ลุกโชนไม่พอ ยังมีความรู้สึกกลัวเพิ่มขึ้นอีก เมื่อสมองเอาภาพที่อยู่ตรงหน้ามาสร้างเป็นจินตนาการให้ผมเพิ่ม ภาพที่เธอพูดคุยก็มีเสียงจากจินตนาการว่าเธอหยอกเย้าพูดคำหวานจ๊ะจ๋า ภาพที่เธอหัวเราะสมองก็จินตนาการว่าเธอถูกอกถูกใจคนตรงหน้าจนแทบอยากจะทอดกายให้กับเขา ภาพที่เธอยืนมือออกไป...ก็....เดี๋ยวนะ....จับมือ...เธอจับมือกับมัน...มันจับมือกับเธอ!!......
อ๊ากกกกกก!!!!!
สิ้นเสียงในสมองของผม...
ผมรีบหมุนตัวเดินไปหยิบปืนที่ลิ้นชักโต๊ะทำงานเตรียมตัวจะลงไปจัดการไอ้คนที่อยากจะเคลมเมียชาวบ้าน ผมจะทำให้ได้รู้ว่าถ้าใครที่มันคิดจะมายุ่งกับคนของเซบาสเธีย จุดจบมันจะเป็นยังไง...
ความใจร้อนของผม ยังไม่เร็วเท่าไอ้กิตลูกน้องคนสนิทที่รู้ใจผมที่สุด มันรู้ดีว่าถ้าลองความโมโหได้ครอบงำผมแล้ว แม้แต่ผับที่นี่ก็อาจจะเหลือแต่ชื่อ มันจึงรีบมาขว้างหน้าผมไว้ทันทีพร้อมอ้าแขนขว้างไว้
“ใจเย็นๆ ครับนาย” กิตเอ่ยด้วยความร้อนใจ
“ถอยไป” น้ำเสียงเหี้ยมที่ทำให้ลูกน้องต้องลอบกลืนน้ำลายด้วยความหวาดหวั่น
“นายใจเย็นๆ ก่อนครับ เชื่อผมเผื่อเราจะใช้ประโยชน์จากการนี้ได้นะครับ” กิตเอ่ยในสิ่งที่ตนคิดไว้
“กูบอกให้ ถอยไป!!!” เสียงตะวาดลั่นจนลูกน้องคนสนิทหลับตาปี๋
“นายฟังผมก่อน ใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวจะเสียการใหญ่นะนาย” กิตยังคงยืนขว้างไว้แบบนั้นด้วยหัวใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
“มึงจะถอยออกไปดีๆ หรือจะแดกลูกตะกั่วกูก่อนมัน” เวลานี้ผมไม่ได้ขู่แต่ผมเอาจริง
“ผมไม่เอาลูกตะกั่วนายหรอก มันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ผมอยากให้นายฟังผมก่อน ใจเย็นๆ ก่อนนะนาย” เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานมันก็ยังกวนตีนผมได้อยู่
“มึงไม่เห็นที่มันจับมือเมียกูอยู่หรือไง...ห๊ะ!!” ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ยิ่งคิดถึงภาพนั้นก็ยิ่งอยากจะเหนี่ยวไกใส่แม่งสักนัดสองนัด
“เห็นครับเห็น แต่นายฟังผมก่อนนะ เรารอดูมันก่อนดีไหม นี่ก็ถิ่นเรา ผมเชื่อว่ามันรู้ดีมันไม่กล้าทำอะไรผลีผลามหรอก อีกอย่างการที่มันเข้าหาคุณเอลิซโดยที่มันไม่ได้กลัวว่านายจะเห็น นั่นอาจจะเป็นเพราะมันไม่ได้คิดร้ายอะไรกับคุณเอลิซก็ได้มันเลยไม่กลัว แล้วถ้าข่าวที่เราได้มาว่ามันไม่ลงรอยกับตระกูลวงศ์เวชรุ่งเรืองเป็นเรื่องจริง ศัตรูของศัตรูก็เท่ากับมิตรไม่ใช่หรอนาย” กิตกลั้นใจพูดในสิ่งที่คิดออกมาหมดรวดเดียว
ผมฟังที่กิตมันร่ายยาวจนแทบไม่หายใจ แม้ความโมโหที่อยู่ภายในกายมันจะล้นทะลักออกมาตามรูขุมขนจนแผ่รังสีอำมหิตกระจัดกระจายไปทั่วแล้วก็จริง แต่สิ่งที่ลูกน้องตัวดีของผมมันพูดก็น่าคิดเหมือนกัน อย่างน้อยเบื้องต้นก็จะได้รู้ว่ามันเข้ามาหาเอลิซด้วยจุดประสงค์อะไร แต่ถ้ามันคิดจะทำร้ายดวงใจของผมละก็...หึ...แม้แต่ศพที่จะฝังดินมันก็ไม่มี
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 58
แสดงความคิดเห็น