ตอนที่ 969 กฎแห่งความโกลาหลขั้นที่ 5

-A A +A

ตอนที่ 969 กฎแห่งความโกลาหลขั้นที่ 5

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 969 กฎแห่งความโกลาหลขั้นที่ 5

“เซี่ยเฟยมันรู้ตัวไหมว่ามันทำอะไรลงไป?! ถ้าหากเขาทำลายเครื่องติดตามออกไปแบบนี้ มันก็หมายความว่าหลังจากนี้เขาจะต้องเผชิญกับความยากลำบากเพียงลำพัง” เซี่ยจิงกุมขมับขณะมีเส้นเลือดปูดโปนอยู่ทั่วทั้งหน้าผาก

จอมเทพทั้งสามต่างก็มองภาพตรงหน้าอย่างปวดหัว เพราะตอนนี้พวกเขาไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยได้อีกแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่าเซี่ยเฟยอาจจะตกอยู่ในอันตรายเพียงลำพังได้ตลอดเวลาโดยปราศจากการสนับสนุนจากตระกูล

“ฉันเคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าเขาเป็นแม่เหล็กดูดปัญหา พวกเราควรจะบอกแผนการกับเขาตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ใช่ปล่อยให้เขาเริ่มมาสร้างปัญหาให้กับเราแบบนี้” เซี่ยจิงเริ่มบ่นเสียงดัง

“เซี่ยเฟยฉลาดมาก แต่เขาก็เป็นคนที่สร้างปัญหาให้แม้กระทั่งคนในตระกูล บรรพบุรุษไม่ได้บอกเขารึไงว่ากระเรียนขาวคือของขวัญจากสหายลึกลับ ที่ไม่มีใครในจักรวาลนี้สามารถทำความเข้าใจวงจรภายในกระเรียนขาวได้ แต่เซี่ยเฟยกลับชำแหละกระเรียนขาวออกมาเพื่อตอบสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเนี่ยนะ” เซี่ยหงเริ่มบ่นด้วยเช่นกัน

“คำถามก็คือเซี่ยเฟยชำแหละกระเรียนขาวออกมาทำไม เหมือนกับว่าเขาคงจะไม่สบายใจถ้าไม่สร้างปัญหาอะไรขึ้นมา” เซี่ยจิงกล่าวพร้อมกับแบะริมฝีปาก

“เลิกบ่นกันได้แล้ว! ตอนนี้เราต้องแยกกันไปหาเซี่ยเฟยก่อน หากใครเจอตัวเขารีบรายงานกลับมาทันที พวกเราไม่สามารถซ่อนแผนการจากเขาได้อีกต่อไป ท้ายที่สุดเขาก็คือดีม่อนวิงของตระกูล เราจะสูญเสียเขาไปไม่ได้เป็นอันขาด!” เซี่ยเหอหลินสั่งการอย่างจริงจัง

“อือ”

“โอเค”

จอมเทพทั้งสามพยักหน้าให้กันก่อนที่พวกเขาจะกระจายหายไปในทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล

เซี่ยเฟยเพียงแค่ทำการปรับแต่งกระเรียนขาวตามสัญชาตญาณ แต่เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการเคลื่อนไหวนี้ได้สร้างปัญหาขึ้นมามากเพียงใด

เจมินี่ยังคงเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเป็นอาวุธมายาธาตุพืชชิ้นที่ 2 ที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในดินแดนดาร์คไนท์

จากข้อมูลที่เขาได้รับมาภายในดินแดนดาร์คไนท์มีการเก็บซ่อนอาวุธมายาธาตุพืชเอาไว้ถึงสองชิ้น โดยในตอนนี้เขาได้รับไม้จันทร์กระซิบมาเรียบร้อยแล้ว เหลืออาวุธมายาอีกชิ้นเขาก็จะเสร็จสิ้นภารกิจภายในดินแดนของศัตรู

“เรายังมีเวลาพักผ่อนอีก 3 วันสินะ” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากตรวจสอบเวลาการเดินทาง

“การเดินทางใช้ดาร์คไนท์ค่อนข้างนานจริง ๆ แต่นายก็สามารถใช้ช่วงเวลานี้ในการฝึกฝนได้ ไม่ว่ายังไงพวกเราก็อยู่ในดินแดนของศัตรู การเพิ่มความแข็งแกร่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมองข้าม” ลินนิจกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ผมรู้สึกว่ากฎแห่งความโกลาหลใกล้ที่จะเลื่อนระดับมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ผมยังไม่มีเวลาไปจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยสักที ภายในสามวันนี้ผมจะพยายามเลื่อนระดับกฎแห่งความโกลาหลไปให้ได้” เซี่ยเฟยกล่าว

“พลังของกฎแห่งความโกลาหลเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากจริง ๆ การเลื่อนระดับมันขึ้นไปอีกขั้นย่อมช่วยเสริมประสิทธิภาพในการต่อสู้ให้กับนายได้อย่างมากแน่นอน เท่าที่ฉันสังเกตมามันดูเหมือนกับว่ากฎแห่งความโกลาหลสามารถใช้ในการลบล้างพลังของศัตรูไปได้ด้วย” ลินนิจกล่าวอย่างตื่นเต้น

“เรื่องนั้นผมรู้มานานแล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังที่แข็งแกร่งกฎแห่งความโกลาหลก็จะสามารถลบล้างพลังพวกนั้นได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นไม่สามารถจะลบล้างพลังทั้งหมดลงไปได้ ถ้าหากกฎแห่งความโกลาหลพัฒนาไปได้มากกว่านี้ บางทีผมก็อาจจะเอาพลังของมันมาพลิกแพลงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจอมกฎได้มากกว่าเดิม” เซี่ยเฟยกล่าว

เวลาทุกวินาทีในดินแดนของศัตรูมีความสำคัญมาก ซึ่งหลังจากที่เซี่ยเฟยทำการตรวจสอบบันทึกการเดินทางของเจมินี่เป็นครั้งสุดท้าย เขาก็เข้าไปภายในมิติฝึกฝนเพื่อพยายามบุกทะลวงกฎแห่งความโกลาหลโดยเร็วที่สุด

กฎแห่งความโกลาหลเป็นพลังที่ฝึกฝนได้ยากมาก ซึ่งมันก็เป็นกฎที่ฝึกฝนได้อย่างยากลำบากมากกว่ากฎแห่งความเร็วที่ถูกขนามว่าเป็นหนึ่งในกฎที่ฝึกฝนได้ยากมากที่สุดในจักรวาลซะอีก

ระหว่างการฝึกเหงื่อก็ไหลท่วมทั้งร่างกายของชายหนุ่มราวกับสายฝน อักขระกฎแห่งความโกลาหลภายในสมองของเขายังคงอยู่ในกระบวนการควบแน่น ระหว่างนี้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าเขาถูกทรมานมาเป็นเวลานาน แต่เซี่ยเฟยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องฝึกฝนอย่างอดทนต่อไป

หลังจากรู้ว่ากฎแห่งความโกลาหลไม่ใช่พลังที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเทพขาวเทพดำ ชายหนุ่มก็มองพลังนี้ในมุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เห็นได้ชัดว่ากฎแห่งความโกลาหลอยู่เหนือกว่ากฎใด ๆ ภายในดินแดนกฎ แต่ความเข้าใจในกฎแห่งความโกลาหลของเขายังตื้นเขินมาก ทำให้เขาไม่สามารถทำความเข้าใจถึงความลึกลับของกฎนี้ได้อย่างถ่องแท้

การพยายามควบแน่นอักขระกฎแห่งความโกลาหลเป็นไปได้อย่างเชื่องช้าและยากลำบากมาก ซึ่งในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังพยายามควบแน่นอักขระอยู่นั้น ภาพเหตุการณ์อันโหดร้ายก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นทีละน้อย

“อย่าคิดว่าฉันจะยอมแพ้!”

เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามอย่างดุเดือดพร้อมกับพยายามใช้พลังทั้งหมดเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคในคราวนี้ไปให้ได้ อย่างไรก็ตามอุปสรรคของการเลื่อนระดับกฎแห่งความโกลาหลก็ยากกว่าอุปสรรคระดับราชันย์มาก แต่ชายหนุ่มก็ยังคงยืนกรานจะฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปให้ได้ เพราะกฎแห่งความโกลาหลขั้นที่ 5 กวนใจเขามาเป็นเวลานานแล้ว

ลินนิจยืนมองดูการฝึกฝนของชายหนุ่มอย่างเงียบ ๆ และได้พบว่าวิธีการฝึกของเซี่ยเฟยเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากเลยทีเดียว 

ท้ายที่สุดไม่ว่าชายหนุ่มจะพบเจอกับอุปสรรคที่ยากลำบากมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังคงพยายามฝ่าฟันอุปสรรคนั้นไปอย่างแน่วแน่ และถึงแม้ว่ามันจะยังไม่มีวี่แววของความสำเร็จ แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดกำลังโดยไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้เลยแม้แต่นิดเดียว

“อีกครั้ง!”

ทัศนคติของเซี่ยเฟยระหว่างการฝึกฝนคือสิ่งที่เรียบง่ายมาก เพราะถ้าหากว่าความพยายามครั้งนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ เขาก็แค่ต้องพยายามฝ่าฟันอุปสรรคอีกครั้งไปเรื่อย ๆ และเขาก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าเขาจะสามารถควบแน่นอักขระกฎได้สำเร็จ

ปัจจุบันชาย 2 คนกำลังเดินเคียงข้างกันอย่างฉันมิตร สิ่งที่แปลกคือฝั่งหนึ่งนั้นคือนักรบจากดินแดนกฎ ขณะที่อีกฝั่งคือนักรบจากดาร์คไนท์

แน่นอนว่า 1 ใน 2 คนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกเสียจากฟูลมูนจากราชวังราชันย์มาร ขณะที่ชายที่อยู่ข้าง ๆ เขาคือเหวินกู่ซื่อองครักษ์ผู้ใกล้ชิดของราชาเหวินต้า ผู้ซึ่งเป็นราชาแห่งดินแดนดาร์คไนท์

“คุณวางแผนจะจัดการกับผู้บุกรุกยังไง? ยานรบของเขาเร็วมากจนทำให้เราไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเขาได้” เหวินกู่ซื่อกล่าวถามอย่างตรงไปตรงมา

“ทำไมเราต้องไปไล่ตามมันด้วย เจ้าเด็กเซี่ยเฟยคนนั้นไม่ได้มาที่ดินแดนดาร์คไนท์เพื่อผจญภัยเล่นแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นมันย่อมไม่ยืนกรานเผชิญหน้ากับองค์หญิงโดยตรง เพราะแม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าเหวินหยิงคือลูกสาวแท้ ๆ ของราชาเหวินต้า การเผชิญหน้ากับองค์หญิงจึงหมายความว่ามันจะต้องเผชิญหน้ากับการป้องกันที่เข้มงวดมากที่สุด” ฟูลมูนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“แล้วคุณคิดว่าเซี่ยเฟยมาที่นี่ทำไม?” เหวินกู่ซื่อถามอย่างสนใจ

“เพราะอาวุธมายาธาตุพืช! ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลมาแล้วว่าบนแขนขวาของเซี่ยเฟยเป็นที่สิงสถิตของหงส์ครามหนึ่งในอาวุธมายาธาตุพืช แต่หงส์ครามที่อยู่กับมันแตกต่างจากบันทึกในประวัติศาสตร์ ฉันจึงคิดว่าเซี่ยเฟยกำลังพยายามหลอมรวมอาวุธมายาธาตุพืชทั้งหมดเข้าด้วยกันอยู่” ฟูลมูนอธิบาย

“หลอมรวมอาวุธมายา!? แค่การที่เขาพิชิตอาวุธมายาได้มันก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากพอแล้ว หากใครต้องการจะหลอมรวมอาวุธมายาเข้าด้วยกันจริง ๆ มันไม่จำเป็นจะต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยเป็นพันเท่าหรอกเหรอ!” เหวินกู่ซื่อถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจ

“อย่าพึ่งกังวลไปเลย สิ่งที่ฉันคิดเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เพราะคนส่วนใหญ่ที่เคยเห็นหงส์ครามแล่นในจักรวาลเมื่อก่อนต่างก็เสียชีวิตไปจนเกือบหมดแล้ว บางทีหงส์ครามอาจจะมีความสามารถแบบนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วก็ได้”

“แต่เราก็ไม่สามารถละทิ้งความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ไปด้วยเหมือนกัน ฉันได้ยินมาว่าดินแดนดาร์คไนท์พยายามรวบรวมอาวุธมายาในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ใช่ไหม? ในบรรดาอาวุธมายาที่พวกคุณรวบรวมมามีอาวุธมายาธาตุพืชอยู่บ้างหรือเปล่า เพราะตามบันทึกอาวุธมายาธาตุพืชสามารถหลอมรวมเข้ากับอาวุธมายาธาตุพืชด้วยกันได้เท่านั้น” ฟูลมูนกล่าวถาม

“ฉันนึกออกแล้ว! องค์หญิงเหวินหยิงคือคนเก็บไม้จันทร์กระซิบเอาไว้ภายในมือ แล้วเธอก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสในระหว่างการเผชิญหน้ากับเซี่ยเฟย ระหว่างการต่อสู้แขนข้างซ้ายของเธอถูกตัดออกทำให้แหวนมิติที่บรรจุอาวุธมายาชิ้นนั้นเอาไว้สูญหายไปในสนามรบด้วยเหมือนกัน” เหวินกู่ซื่อกล่าวด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง

“เป้าหมายของเซี่ยเฟยคืออาวุธมายาธาตุพืชจริง ๆ สินะ ว่าแต่นอกเหนือจากองค์หญิงเหวินหยิงแล้วมีใครในดินแดนดาร์คไนท์ที่ถือครองอาวุธมายาธาตุพืชอยู่อีกไหม?” ฟูลมูนกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ท่านโมฮา! เขาคือผู้ควบคุมสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดภายในเผ่าดาร์คไนท์ของพวกเรา” เหวินกู่ซื่อกล่าว

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปหาโมฮากันเถอะ ถ้าอาวุธมายาธาตุพืชอยู่ที่นั่นมันย่อมเป็นจุดหมายปลายทางจุดต่อไปของเซี่ยเฟยแน่ ๆ” ฟูลมูนกล่าว

“ท่านโมฮามีนิสัยแปลก ๆ น่ะสิ ฉันเกรงว่าเขาคงจะไม่ยอมให้คุณเข้าไปในพื้นที่ของเขาหรอก นอกจากนี้ท่านโมฮายังเป็นอาจารย์ขององค์หญิงเหวินหยิง แม้เซี่ยเฟยจะตัดแขนองค์หญิงได้แต่เขาก็ไม่มีทางเอาชนะท่านโมฮาได้หรอก” เหวินกู่ซื่อกล่าว

“ไม่มีอะไรในจักรวาลนี้ที่เป็นไปไม่ได้ คุณยังไม่เข้าใจสินะว่าดีม่อนวิงคือสิ่งที่น่ากลัวมากแค่ไหน” ฟูลมูนกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

ในฐานะของผู้ที่เคยอยู่ในเผ่าเทพมาก่อน ฟูลมูนจึงรู้ดีว่าดีม่อนวิงคือสิ่งที่น่ากลัวมากแค่ไหน ตราบใดก็ตามที่ผู้มีปีกปีศาจสามารถเรียกปีกทั้งคู่ออกมาได้ เมื่อนั้นผู้ครอบครองปีกก็จะสามารถออกวิ่งด้วยความเร็วเหนือแสง

“เซี่ยเฟยลงมือครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?” ฟูลมูนถามอีกครั้ง

“เมื่อสามวันก่อน พื้นที่ที่เขาลงมือคือดาวเคราะห์ที่องค์หญิงเหวินหยิงอาศัยอยู่” เหวินกู่ซื่อกล่าว

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รีบออกเดินทางกันเถอะ ถ้าหากเราช้าเกินไปบางทีเราอาจจะไปช่วยโมฮาไม่ทัน”

ทันทีที่เซี่ยเฟยเลื่อนระดับกฎแห่งความโกลาหลขั้นที่ 5 ได้สำเร็จ ทั่วทั้งมิติฝึกฝนก็เต็มไปด้วยคลื่นพลังงานอันทรงพลังจนเกือบทำให้มิติแห่งนี้พังทลายลง ซึ่งความผันผวนของพลังงานที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันก็เหนือเกินกว่าในตอนที่เซี่ยเฟยเลื่อนระดับขึ้นมาเป็นราชันย์กฎเสียอีก

“นี่คือผลกระทบจากการเลื่อนระดับงั้นเหรอ?!” ลินนิจเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“มันคือความผันผวนที่เกิดขึ้นมาจากพลังกฎ พูดตามตรงว่าในตอนที่ผมกำลังเลื่อนระดับแม้แต่ตัวผมก็เกือบจะพังทลายลงไปด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า

“มันเป็นพลังที่น่ากลัวมากจริง ๆ ฉันคิดว่าพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมามันอยู่ในระดับที่ฉันเคยเห็นริเวอร์ใช้ในการสังหารศัตรูเลย” ลินนิจกล่าวอย่างตื่นเต้น

“ระดับเดียวกันกับริเวอร์งั้นเหรอ!?” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ลุกยืนขึ้นเพื่อทดสอบพลังของกฎแห่งความโกลาหลที่พึ่งเลื่อนระดับขึ้นมาใหม่

***************

หรือว่าริเวอร์จะเป็นเจ้าของวิชากฎแห่งความโกลาหล?!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.