ตอนที่ 968 วงจรไร้ประโยชน์?
ตอนที่ 968 วงจรไร้ประโยชน์?
ไม้จันทร์กระซิบไม่ใช่อาวุธธรรมดา เมื่อเซี่ยเฟยนำมันออกมามันก็สามารถสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามของหงส์ครามได้ในทันที อาวุธมายาชิ้นนี้จึงเริ่มเรียกคมมีดสายลมพัดโหมกระหน่ำเพื่อสร้างเกราะป้องกันไม่ให้หงส์ครามรุกรานเข้ามา
โดยปกติอาวุธมายาธาตุพืชมักจะมีคุณสมบัติในด้านพลังชีวิตและความแข็งแกร่ง แต่ในกรณีของไม้จันทร์กระซิบถือว่าเป็นกรณีพิเศษ เพราะมันคืออาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการโจมตีโดยเฉพาะ
ใบจันทร์บนลำต้นโบกสะบัดไปมาอย่างรุนแรง ซึ่งการสะบัดแต่ละครั้งมีความรุนแรงราวกับการฟาดแส้ของเทพเจ้า
“นี่น่ะเหรอการโต้กลับของอาวุธมายา? แม้แต่เบญจมาศดาวกระจายก็ไม่เคยสู้กลับแบบนี้เลย ดูเหมือนว่าไม้จันทร์กระซิบจะมีความเหี้ยมโหดมากกว่าอาวุธชนิดอื่น ๆ สินะ” เซี่ยเฟยกล่าวขณะสังเกตการโจมตีของไม้จันทร์กระซิบอย่างระมัดระวัง
ในอดีตทุกครั้งที่เขาทำการหลอมรวมอาวุธมายา อาวุธเหล่านั้นก็จะเริ่มสู้กลับหลังจากที่เขาเริ่มจู่โจมก่อนเท่านั้น แต่ในกรณีของไม้จันทร์กระซิบมันกลับเริ่มโจมตีหลังจากที่มันปรากฏตัวออกมา ระดับความก้าวร้าวของอาวุธชนิดนี้จึงแตกต่างจากอาวุธมายาชนิดอื่น ๆ อย่างชัดเจน
“อาวุธมายาธาตุพืชชิ้นอื่นมีนิสัยอ่อนโยนมากเกินไป อย่างน้อยการได้นิสัยดุร้ายของไม้จันทร์กระซิบไป มันก็จะช่วยยกระดับของหงส์ครามไปจากเดิมอย่างก้าวกระโดด” ลินนิจกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูว่าใครจะดุร้ายได้มากกว่ากัน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
บุคลิกของไม้จันทร์กระซิบค่อนข้างที่จะเย่อหยิ่งมาก เพราะถึงแม้ว่ามันจะรู้ว่าเซี่ยเฟยมีพลังเหนือกว่ามันอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็ยังคงจู่โจมเข้าใส่ศัตรูอย่างไม่ยอมแพ้ ซึ่งนิสัยนี้มันก็ยิ่งทำให้เซี่ยเฟยชื่นชอบอาวุธมายาตรงหน้ามากยิ่งขึ้น
ไม่กี่นาทีต่อมาเซี่ยเฟยก็ปรากฏตัวขึ้นเผชิญหน้ากับไม้จันทร์กระซิบโดยตรง โดยในขณะนี้เขาไม่ได้มีความคิดที่จะหลบหลีกอีกต่อไป แต่ปล่อยให้คมมีดสายลมปะทะกับชุดเกราะอาชูร่าเข้าโดยตรง
“นั่นนายจะทำอะไร? ทำไมถึงไม่หลบล่ะ?” ลินนิจถามอย่างสงสัย
เซี่ยเฟยมีทั้งวิชาเล่ห์กายาและความเร็ว ชายหนุ่มย่อมสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีจากคมมีดสายลมได้อย่างง่ายดาย แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มกลับยืนรับการโจมตีอย่างอดทน จนทำให้ลินนิจไม่สามารถคาดเดาความคิดของชายหนุ่มคนนี้ได้เลย
อย่างไรก็ตามแววตาอันเร่าร้อนของเซี่ยเฟยก็ทำให้ลินนิจรู้สึกใจสั่น เพราะมันราวกับว่าเซี่ยเฟยค้นพบวิธีในการพิชิตไม้จันทร์กระซิบแล้ว
“หลบ? ในเมื่อคู่ต่อสู้อ่อนแอกว่าผมแล้วทำไมผมจะต้องหลบการโจมตีของมันด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวถามเสียงดังพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้ลินนิจสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นไม้จันทร์กระซิบก็ดูเหมือนจะฟังเซี่ยเฟยออกด้วยเหมือนกัน การโจมตีของมันจึงมีอาการสะดุดชะงักค้างไป
“ในเมื่อแกฟาดฟันฉันมา 1 ดาบ ฉันก็จะฟาดฟันใส่แกคืนเป็น 10 เท่า!” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยแววตาอันเยือกเย็น ขณะชี้นิ้วตรงไปยังไม้จันทร์กระซิบอย่างท้าทาย
—
การกระทำหลังจากนั้นของเซี่ยเฟยถึงกับทำให้ลินนิจพูดไม่ออก เพราะหลังจากที่เซี่ยเฟยเริ่มลงมือ กิ่งก้านของไม้จันทร์กระซิบก็ถูกหักจนห้อยต่องแต่งอย่างหมดแรง
“นายจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว! ในอนาคตมันจะต้องกลายมาเป็นอาวุธมายาที่หลอมรวมเข้ากับหงส์ครามนะ ทำไมนายถึงได้โหดร้ายกับมันขนาดนั้น” ลินนิจกล่าวด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ตอนนี้เราไม่มีเวลาแล้ว คุณไม่เห็นเหรอว่าสถานการณ์ซับซ้อนกว่าที่เราคิดเอาไว้มาก ถึงแม้ตอนนี้ผมจะอยู่ในดินแดนดาร์คไนท์แต่ผมกลับรู้สึกว่าทุกย่างก้าวของผมกำลังถูกจับจ้องจากคนภายในดินแดนกฎ” เซี่ยเฟยกล่าวขณะจ้องมองไปที่ไม้จันทร์กระซิบตรงหน้าด้วยแววตาอันเย็นชา
ลินนิจเงียบเสียงพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างครุ่นคิด เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันค่อนข้างจะละเอียดอ่อนมาก แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่ามันมีคนคอยรายงานการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยไปยังดินแดนกฎอยู่จริง ๆ
คำถามสำคัญนั่นก็คือคนที่คอยจับตาดูเซี่ยเฟยอยู่คือใครกันแน่ เพราะคนที่รู้ว่าชายหนุ่มเดินทางมายังดินแดนดาร์คไนท์มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
เซี่ยเฟยทำการตรวจสอบเจมิมี่ซ้ำ ๆ หลายครั้งและสามารถยืนยันได้แล้วว่ายานลำนี้ไม่มีอุปกรณ์ติดตามติดตั้งเอาไว้ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงถูกดักโดยศัตรูผู้แข็งแกร่ง มันจึงทำให้เซี่ยเฟยเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ที่แปลกไปกว่านั้นคือช่วงเวลาที่ชายหนุ่มพักมันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเริ่มลงมืออีกฝ่ายก็จะปรากฏตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ในตอนนี้ที่เขาพยายามพิชิตไม้จันทร์กระซิบมานานหลายชั่วโมงแล้ว แต่มันกลับไม่มีใครเข้ามารบกวนเขาในช่วงเวลานี้เลย
หลังจากพิจารณาทุกอย่างแล้วเซี่ยเฟยก็ได้พบว่ามันมีคนแอบซุ่มดูเขาอยู่โดยเลือกเวลาที่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังขุดหลุมพรางเอาไว้เพื่อให้เขาตกลงไปในหลุมพรางที่ถูกขุดขึ้นมา
ชายหนุ่มไม่เคยพบกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน มันจึงทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อยดังคำกล่าวที่ว่าศัตรูที่มองไม่เห็นคือศัตรูที่น่ากลัวที่สุด และเพื่อที่เขาจะทำภารกิจในครั้งนี้ได้สำเร็จ เขาก็จำเป็นจะต้องกำจัดศัตรูที่มองไม่เห็นคนนี้ลงไปด้วย
“ถึงแม้ว่าไม้จันทร์กระซิบจะได้รับบาดเจ็บแต่ผมก็สามารถใช้พลังงานของผมเพื่อช่วยให้มันฟื้นฟูกลับมาได้ กุญแจสำคัญคือผมจะต้องพิชิตมันให้ได้โดยเร็วที่สุด” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
ช่วงเวลาบีบกระชั้นเข้ามาทุกทีเซี่ยเฟยจึงไม่มีเวลาผูกมิตรกับไม้จันทร์กระซิบเหมือนกับกระบวนการหลอมรวมในครั้งก่อน ๆ ชายหนุ่มจึงใช้วิธีการที่โหดร้ายที่สุดเพื่อทำให้ไม้จันทร์กระซิบยอมจำนนต่อเขาอย่างรวดเร็วที่สุดด้วยนั่นเอง
“หงส์ครามกลืนกินมันเข้าไปซะ!” เซี่ยเฟยออกคำสั่งขณะที่ใบหญ้าทั้งเจ็ดลอยสูงขึ้นราวกับนักล่าที่กำลังจ้องมองไปที่เหยื่อ
—
ขวับ ๆ ๆ ๆ
หงส์ครามโบกสะบัดใบหญ้าไปมาอย่างรวดเร็วเหลือให้เห็นเพียงแค่ภาพติดตาในอากาศ ซึ่งทุกครั้งที่มันโบกสะบัดออกไป มันก็จะก่อให้เกิดคมดาบสายลมซึ่งเป็นคุณลักษณะเด่นของไม้จันทร์กระซิบขึ้นมาด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่หงส์ครามได้หลอมรวมเข้ากับไม้จันทร์กระซิบ ใบหญ้าทุกใบก็เพิ่มความยาวขึ้นเป็น 2 เท่าทำให้ในตอนนี้ใบหญ้าสีฟ้ามีความยาวถึง 10 กิโลเมตรแล้ว
ในอดีตคมมีดสายลมของไม้จันทร์กระซิบเป็นเพียงคมมีดสายลมสั้น ๆ เท่านั้น แต่หลังจากที่มันหลอมรวมเข้ากับหงส์คราม คมมีดสายลมก็มีความยาวและความแหลมคมมากขึ้นกว่าเดิม การหลอมรวมในครั้งนี้ย่อมช่วยให้หงส์ครามสามารถรับมือกับพวกดาร์คไนท์ได้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ที่สำคัญที่สุดคือหงส์ครามเกิดการวิวัฒนาการขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว จนทำให้ใบหญ้างอกเพิ่มขึ้นมาเป็น 8 ใบ ขาดใบหญ้าอีกเพียงแค่ 5 ใบฟ้าก็จะถือว่าได้วิวัฒนาการจนถึงจุดสูงสุด
“มันช่างเป็นคมดาบสายลมที่ทรงพลังจริง ๆ ตอนนี้หงส์ครามก็สามารถโจมตีในระยะไกลได้แล้ว ที่สำคัญไปกว่านั้นในเวลาเพียงแค่วันเดียวมันกลับงอกใบหญ้าเพิ่มขึ้นถึงสองใบ มันช่างเป็นการวิวัฒนาการที่น่าอัศจรรย์มากเลยจริง ๆ” ลินนิจกล่าวอย่างตื่นเต้น
“บางทีหงส์ครามอาจจะเกิดมาเพื่อจัดการกับพวกดาร์คไนท์โดยเฉพาะก็ได้ ระหว่างการต่อสู้ผมได้พบว่าหงส์ครามเป็นอาวุธที่เหมาะสมสำหรับการจัดการกับพวกดาร์คไนท์มากกว่าอาวุธมายาชนิดอื่น ๆ มาก และหลังจากที่มันจัดการกับพวกดาร์คไนท์ได้แล้ว มันก็เกิดการวิวัฒนาการเร็วกว่าในอดีตหลายเท่าตัว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ทันใดนั้นขนอุยที่นอนอยู่ใกล้ ๆ ก็เริ่มพลิกตัวและส่งเสียงกรนขึ้นมาดังลั่น ซึ่งมันก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยนี้กำลังหลับอยู่จริง ๆ หรือกำลังแกล้งหลับอยู่กันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คือมันไม่พอใจที่ช่วงนี้เซี่ยเฟยเอาแต่ชมหงส์ครามมากกว่าที่จะชื่นชมมัน
เซี่ยเฟยกับลินนิจอดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เพราะทั้งคู่รู้ดีว่าขนอุยกับหงส์ครามพยายามแอบชิงดีชิงเด่นกันอย่างลับ ๆ เมื่อหงส์ครามเกิดการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ขนอุยจึงเริ่มรู้สึกกังวลเป็นเรื่องธรรมดา
ชายหนุ่มส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะหยิบนกกระเรียนขาวออกมาจากแหวนมิติเพื่อพิจารณาเครื่องสื่อสารชนิดนี้อย่างละเอียด
“นั่นนายกำลังทำอะไร?” ลินนิจถามอย่างสงสัย
“ผมพยายามคิดทุกอย่างอย่างละเอียดมากที่สุดแล้ว แต่ในบรรดาทุกสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวผมมีเพียงกระเรียนขาวตัวนี้ตัวเดียวเท่านั้นที่ผมไม่เข้าใจ บางทีมันอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมถูกดักซุ่มโจมตีทั้งสองครั้งก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“ตระกูลเป็นคนมอบกระเรียนขาวตัวนี้ให้กับนายไม่ใช่เหรอ หรือว่านายกำลังสงสัยตระกูลของตัวเอง?” ลินนิจกล่าวพร้อมกับสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ถึงแม้ผมจะไม่เชื่อว่าตระกูลจะทรยศผม แต่นกตัวนี้มันก็แปลกมากเกินไปจริง ๆ มันดูไม่เหมือนอุปกรณ์ที่ถูกผลิตจากเทคโนโลยีของดินแดนกฎเลย วงจรสื่อสารพวกนี้มันอยู่เหนือเกินระดับความรู้ของผมไปแล้วชัด ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ฉันว่ามันดูคุ้น ๆ อยู่นะ แต่ฉันจำไม่ได้ว่าฉันเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อน” ลินนิจกล่าว
หลังจากที่ทั้งคู่เริ่มทำการศึกษาอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นเวลานาน เซี่ยเฟยก็ตัดสินใจที่จะแยกชิ้นส่วนกระเรียนขาวเพื่อสำรวจดูวงจรด้านใน
การกระทำของเขาถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เสี่ยงมาก เพราะระดับเทคโนโลยีที่ใช้สร้างกระเรียนขาวขึ้นมาอยู่เหนือเกินกว่าระดับที่เขาจะสามารถทำความเข้าใจได้ หากเขาทำการรื้อมันออกและทำให้วงจรภายในเกิดความเสียหายขึ้นมา มันก็หมายความว่าเขาอาจจะสูญเสียเครื่องสื่อสารชิ้นนี้ไปอย่างถาวร
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็เป็นคนขี้สงสัยมาโดยตลอด และเขาก็พยายามหาคำตอบให้กับสิ่งที่เขาสงสัยอยู่เสมอ ดังนั้นถึงแม้ว่าวิธีการนี้จะเสี่ยงมากแต่เขาก็ยังตัดสินใจชำแหละมันออกมาเพื่อหาคำตอบที่เขาสงสัยภายในใจ
…
ฉึบ!
เซี่ยเฟยขยับนิ้วใช้คีมขนาดเล็กตัดสายไฟเส้นหนึ่งออกจากกลไกของกระเรียนขาวอย่างเรียบร้อย ก่อนที่ทั้งคู่จะพยักหน้าให้แก่กันด้วยความภาคภูมิใจ
“สมกับเป็นนายจริง ๆ ที่สามารถค้นพบวงจรเล็ก ๆ แบบนี้ได้ ที่สำคัญหลังจากที่นายตัดวงจรนี้ออกไปกระเรียนขาวก็ยังทำงานได้ปกติ แสดงให้เห็นว่ามันเป็นวงจรที่ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของกระเรียนขาวเลย” ลินนิจกล่าว
“เรื่องนี้มันผิดปกติมาก ทำไมมันจะต้องมีการติดตั้งวงจรที่ไร้ประโยชน์ภายในกลไกที่ซับซ้อนแบบนี้ด้วย ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตามอย่างน้อยการที่มันถูกทำลายลงไปก็ยังทำให้ผมรู้สึกสบายใจ และถ้าหากว่าหลังจากนี้ยังคงมีคนมาตามล่าผมอยู่ ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะต้องทำอะไรแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
—
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยภาคภูมิใจที่ตัวเองสามารถตัดกลไกไร้ประโยชน์ออกไปได้สำเร็จ ขณะเดียวกันจอมเทพทั้งสามแห่งสกายวิงก็กำลังขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความปวดหัว
“เซี่ยเฟยมันรู้ตัวไหมว่ามันทำอะไรลงไป?! ถ้าหากเขาทำลายเครื่องติดตามออกไปแบบนี้ มันก็หมายความว่าหลังจากนี้เขาจะต้องเผชิญกับความยากลำบากเพียงลำพัง” เซี่ยจิงกุมขมับขณะมีเส้นเลือดปูดโปนอยู่ทั่วทั้งหน้าผาก
***************
พี่เฟยคงบอกว่าก็เรื่องปกตินะ ชิว ๆ 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 586
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น