ตอนที่ 876 สิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์
ตอนที่ 876 สิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์
เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าในเผ่าเทพมีการปล่อยให้เกิดอาชญากรรมขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาอัตราการเสียชีวิตของนักรบภายในดินแดนนี้ก็เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 1,300% และนักรบส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตในการต่อสู้ส่วนตัว
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมทันทีที่เขาเพิ่งก้าวเท้าเข้าสู่เผ่าเทพเขาจึงถูกไล่ล่าในทันทีแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ในอดีตมันต้องไม่มีใครปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอย่างแน่นอน
เมื่อโถงยุติธรรมไม่ได้ทำหน้าที่ทวงคืนความยุติธรรมอย่างที่ควรจะเป็น การสังหารจึงเกิดขึ้นทั่วทุกหนทุกแห่งและมันก็มีการปะทะกันเป็นจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ชั่วข้ามคืนที่โถงยุติธรรมเพิกเฉยต่อหน้าที่ของตัวเอง นักรบเป็นจำนวนมากเริ่มรู้สึกหงุดหงิดและเลือกที่จะไม่ปฏิบัติตัวตามกฎเกณฑ์ดั้งเดิมอีกต่อไป ผู้คนเป็นจำนวนมากเริ่มพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อแก้ปัญหา แทนที่จะรายงานปัญหาไปยังโถงยุติธรรมเหมือนดั่งในอดีต
ด้วยเหตุนี้เองเผ่าเทพจึงตกอยู่ภายใต้ความสับสนอลหม่าน และถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ถึงคำว่าชุลมุนวุ่นวาย แต่มันก็อยู่ห่างจากคำ ๆ นั้นไม่มากนัก
ในเวลาเดียวกันการที่บรรพบุรุษสกายวิงดึงตัวเซี่ยเฟยขึ้นสู่เผ่าเทพในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ และปล่อยให้ชายหนุ่มพยายามเอาชีวิตรอดท่ามกลางความวุ่นวาย มันก็หมายความว่าเขาต้องการให้เซี่ยเฟยทำอะไรบางอย่างโดยที่ไม่ได้บอก
—
ระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังเผชิญหน้ากับนักฆ่า เซี่ยกวงไห่กับเซี่ยเกิงก็กำลังเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยเหมือนกัน
ภายในมัดดี้เต็มไปด้วยมิติอันวุ่นวาย มันจึงมีอันตรายอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง เซี่ยกวงไห่กับเซี่ยเกิงจึงจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง และทำให้การค้นหามีความคืบหน้าล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น
“นายโอเคไหม?” เซี่ยกวงไห่จับไหล่ถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง โดยในปัจจุบันเขาทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกัน ขณะให้เซี่ยเกิงทำหน้าที่เป็นผู้ค้นหา
การพยายามค้นหาสิ่งของเฉพาะเจาะจงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันจำเป็นจะต้องใช้ทั้งพลังงานและแรงกายเป็นจำนวนมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ค้นหาในปัจจุบันยังเป็นมัดดี้ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความยากลำบากในการค้นหาจึงเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 100 เท่า
หลังจากค้นหามาอย่างยาวนาน ในที่สุดเซี่ยเกิงก็เริ่มหมดแรงและถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 8 แต่สภาพแรงกายแรงใจของเขาก็ใกล้ที่จะพังทลายลงไปแล้ว
“ฉันยังทนไหว บรรพบุรุษอุตส่าห์เอาสมบัติล้ำค่าออกมาใช้งานแสดงว่าเรื่องนี้จะต้องมีความสำคัญกับตระกูลมาก ถ้าหากฉันไม่สามารถหาวัตถุโบราณพวกนั้นได้ ฉันก็คงกลายเป็นแค่ตัวตลกของตระกูลแล้ว” เซี่ยเกิงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยล้า
สาเหตุที่สกายวิงมีอำนาจมาจนถึงปัจจุบันไม่ได้เพียงเพราะพวกเขามีนักรบแนวหน้าในจักรวาลเท่านั้น แต่พวกเขายังมีผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ที่คอยสนับสนุนตระกูลอย่างครบครันอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น เซี่ยเหล่าสือซึ่งรับหน้าที่ฝึกฝนเด็กรุ่นใหม่ในตระกูล หรือเซี่ยเกิงผู้ซึ่งมีความสามารถในการค้นหาชั้นแนวหน้าแม้แต่ภายในเผ่าเทพ
แม้ว่าทั้งสองคนนี้จะไม่ได้ความโดดเด่นในเรื่องอำนาจการต่อสู้ แต่พวกเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญของตระกูลที่ช่วยให้สกายวิงยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้
ทั้งสองยังคงเดินหน้าต่อไปท่ามกลางความคืบหน้าอย่างล่าช้า แต่พวกเขาก็ยังคงใช้ความดื้อรั้นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลในการต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้
แต่ในทันใดนั้นเซี่ยกวงไห่กับเซี่ยเกิงที่อยู่บนดาวเคราะห์น้อยก็สังเกตเห็นยานรบทรงกลมสีดำที่เต็มไปด้วยหนามแหลม คล้ายกับเม่นทะเลเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ออกมาในจักรวาล
ทั้งคู่ต่างก็มองไปยังยานลำนี้ด้วยความประหลาดใจ เพราะยานหอยเม่นแล่นออกมาจากช่องว่างมิติ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของความตาย
“อ๊าก!” เซี่ยกวงไห่ส่งเสียงร้องคำรามขึ้นมาอย่างฉับพลัน ขณะที่ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง วินาทีต่อมาชายคนนี้ก็พุ่งตัวออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ และความเร็วที่เขาใช้ยังเป็นความเร็วเต็มกำลังที่เหนือเกินกว่า 4 ล้านเมตรต่อวินาที
เซี่ยเกิงกัดฟันพยายามต่อต้านความเหนื่อยล้าเพื่อไล่ตามสหายของเขาไป และถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยกวงไห่ถึงคลั่งทันทีที่ได้เห็นยานลำนี้ แต่ด้วยหน้าที่ของสมาชิกในตระกูล เขาก็จำเป็นจะต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อปกป้องพื้นที่ด้านหลังของสหายเอาไว้ให้ได้
เซี่ยกวงไห่ปล่อยหมัดเข้าใส่ยานรบหอยเม่นด้วยความเร็วสูง จนก่อให้เกิดเสียงระเบิดและเปลวไฟที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
การโจมตีในครั้งนี้ทั้งทรงพลังและดุร้ายมาก เพราะเขาได้ใช้ความเร็วกว่า 4 ล้านเมตรต่อวินาทีในการทุบทำลายยานสีดำให้แหลกสลายกลายเป็นชิ้น ๆ
…
ครู่ต่อมาเซี่ยกวงไห่กับเซี่ยเกิงก็ลงไปนั่งพักผ่อนบริเวณอุกกาบาตดวงใหญ่
เซี่ยเกิงมองไปยังเซี่ยกวงไห่ด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะได้เห็นชุดเกราะต่อสู้ของอีกฝ่ายที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก แม้แต่มือขวาของเซี่ยกวงไห่ก็กำลังสั่นขึ้นมาเล็กน้อย คล้ายกับว่าชายคนนี้ยังคงไม่สามารถระงับอารมณ์โกรธแค้นของตัวเองได้
“ยานเมื่อกี้มันคือยานอะไร? ทำไมนายถึงรีบเข้าไปทำลายมันขนาดนั้น” เซี่ยเกิงถาม
แม้ว่ายานหอยเม่นจะดูลึกลับแต่มันก็ไม่สมควรจะทำให้เซี่ยกวงไห่โกรธแค้นได้มากขนาดนั้น ซึ่งมันก็หมายความว่าอีกฝ่ายจะต้องมีเรื่องฝังใจกับยานรบในลักษณะนี้
“นายรู้ไหมว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์สูงสุดควบคุมพื้นที่ได้ไกลแค่ไหน?” เซี่ยกวงไห่ถามขณะพยายามสงบสติอารมณ์
“ดินแดนกฎมีพื้นที่ 100,000 ล้านปีแสง” เซี่ยเกิงตอบ
“แล้วนายรู้ไหมว่าห่างออกจากพื้นที่ 100,000 ล้านปีนี้ไป มันคืออะไร?” เซี่ยกวงไห่ถามอีกครั้ง
เซี่ยเกิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะส่ายหัวแสดงความไม่รู้
แม้แต่สมาชิกในเผ่าเทพมันก็มีคนพยายามหาคำตอบเรื่องนี้ไม่มากนัก เพราะท้ายที่สุดชีวิตในดินแดนกฎก็เป็นชีวิตที่สุขสบาย พวกเขาจึงไม่อยากออกไปทำเรื่องยากลำบากเพื่อค้นหาพื้นที่ปริศนาที่พวกเขาไม่รู้จัก
จักรวาลคืออะไร?
จักรวาลใหญ่แค่ไหน?
นอกเหนือจากเผ่าพันธุ์ในดินแดนกฎแล้วบริเวณด้านนอกดินแดนกฎยังมีเผ่าพันธุ์อื่น ๆ อาศัยอยู่อีกหรือไม่?
คำถามเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นคำถามที่ค้างคาใจหลาย ๆ คนมาเป็นเวลานาน แต่มันก็ยังคงไม่มีคำตอบแม้ว่าวิทยาการจะพัฒนามาจนถึงปัจจุบันก็ตาม
“ดาร์คไนท์กำลังใกล้เข้ามา และพวกมันก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว” เซี่ยกวงไห่กล่าวขณะชี้นิ้วไปยังซากยานที่ถูกเขาทำลาย
“พวกมันคือสิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์งั้นเหรอ?!” เซี่ยเกิงสะดุ้งด้วยใบหน้าอันซีดเผือด และเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลออกไปจะกลายเป็นภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่สำหรับดินแดนกฎ
“ตระกูลของเราเป็นหนึ่งในตระกูลที่ชอบออกผจญภัยมากที่สุด พวกเราจึงเข้าใจสถานการณ์มากกว่าตระกูลอื่น ตอนนี้ประตูจักรวาลเริ่มไม่มั่นคงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว พวกสิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วด้วยเหมือนกัน”
“ยานรบเมื่อกี้นี้เป็นหน่วยสอดแนมของพวกมัน ถ้าหากว่าฉันไม่ทำลายมันลงไป พวกมันก็จะส่งข่าวของพวกเรากลับไป” เซี่ยกวงไห่อธิบายขึ้นมาอย่างช้า ๆ ขณะที่สมองของเซี่ยเกิงกำลังเต็มไปด้วยความสับสน
ในที่สุดเขาก็เริ่มเข้าใจว่าคำว่าดาร์คไนท์กำลังใกล้เข้ามามันหมายถึงอะไรกันแน่ ที่แท้จักรวาลก็กำลังเข้าสู่ยุคแห่งความสับสนวุ่นวาย แล้วมันก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมในช่วงนี้บรรพบุรุษของพวกเขาถึงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาดมากกว่าเดิม
—
พื้นที่เขต 19 ของเผ่าเทพ
“ใครบอกให้แกหนีไปจากฉันได้ว่ะ!” เซี่ยเฟยร้องคำรามขณะเร่งทำการโจมตีไปยังบลาย
การที่นักฆ่าพวกนี้สามารถติดตามเขาได้แสดงว่าอีกฝ่ายมีวิธีในการตามหาตัวเขา ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดจึงมีเพียงแค่วิธีการเดียวเท่านั้น คือเขาจะต้องสังหารศัตรูลงทั้งหมดเพื่อไม่ให้ศัตรูเหล่านี้มาสร้างความรำคาญให้กับเขาในอนาคต
ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไปราวกับบินได้พร้อมกับถือบลัดบิวเทียสอยู่ภายในมือ ขนอุยที่อยู่บนไหล่ของเขาเริ่มพ่นลำแสงพลังงาน ขณะที่หงส์ครามขยายใบหญ้าออกไปยาวกว่า 1 กิโลเมตร
หางคิ้วของบลายกระตุกขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาไม่คิดว่าเซี่ยเฟยจะไม่สนใจเดฟและบุกโจมตีมาที่เขาแบบนี้
อย่าลืมว่าทางฝั่งของเซี่ยเฟยมีเพียงแค่คนเดียว แต่ทางฝั่งของพวกเขามีกันถึงสองคน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งคู่ยังมีพลังในระดับราชันย์ ขณะที่เซี่ยเฟยมีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิเท่านั้น
เซี่ยเฟยต้องการจะสู้กับราชันย์ 2 คนพร้อม ๆ กันงั้นเหรอ?!
นี่มันเป็นเรื่องที่บ้าเกินไปแล้ว!!
“อยากตายมากสินะ” บลายกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้นเดฟที่อยู่ไม่ไกลก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้บลายมากยิ่งขึ้น โดยเขาคิดจะใช้ประโยชน์จากในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังจู่โจมเข้าใส่บลายในการสังหารเป้าหมายลงในคราวเดียว
ระหว่างกำลังออกวิ่งด้วยความเร็วสูง จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะข้อเท็จจริงได้พิสูจน์มาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนว่าใครก็ตามที่คิดว่าเขาคือคนโง่ คนคนนั้นก็มักที่จะเป็นคนโง่มากยิ่งกว่า
เมื่อบลัดบิวเทียสเข้ามาใกล้บลายก็เตรียมตัวจะสู้กลับ แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะจู่โจมออกไป จู่ ๆ เขากลับพลิกตัวด้วยท่าทางอันแปลกประหลาดเคลื่อนที่ผ่านชายตาบอดไปอย่างรวดเร็ว
ทุกสิ่งที่เขาทำคือการหลอกล่อให้คนใบ้ออกมาจากพื้นที่ที่ได้เปรียบ ไม่ว่ายังไงการเดินตามแผนของศัตรูก็เป็นสิ่งที่เซี่ยเฟยไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้นเขาจึงเริ่มชักนำให้ศัตรูหลงกลเข้ามาเดินตามในแผนการของเขา แล้วเขาค่อยเผยกลยุทธ์ที่แท้จริงเพื่อตอบโต้ศัตรูในภายหลัง
***************
ตายไหม?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 325
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น