ตอนที่ 862 ห้าจักรพรรดิในตระกูลเดียว
ตอนที่ 862 ห้าจักรพรรดิในตระกูลเดียว
ณ คฤหาสน์ตระกูลวิทเทอร์
หลาย ๆ คนบอกว่าเมื่ออายุมากขึ้นการนอนจะกลายเป็นเรื่องยาก แต่มู่ฉีหยุนผู้ซึ่งเป็นผู้นำตระกุลวิทเทอร์กลับนอนหลับได้อย่างสบายแม้ว่าเขาจะมีอายุสูงมากแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตามในตอนเวลารุ่งสางเหมือนกับมีเสียงเอะอะดังขึ้นมาจากด้านนอก ชายชราจึงเปิดผ้าม่านด้วยความหงุดหงิดเพื่อมองออกไปว่ามันมีความวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นกันแน่
ไม่นานหลังจากนั้นมู่หนานเฉิน ผู้ซึ่งเป็นลูกชายของเขาและเป็นพ่อของมู่ฟู่ผิงก็เดินเข้ามาหาชายชราด้วยท่าทางที่ค่อนข้างตกใจ
“มีเรื่องอะไร?” มู่ฉีหยุนกล่าวถาม
“เมื่อไม่กี่นาทีก่อนมีปรากฏการณ์ 4 มังกรทะยานฟ้าเกิดขึ้นมาครับ” มู่หนานเฉินตอบ
“คราวนี้เป็นคนของตระกูลไหน?” มู่ฉีหยุนสะดุ้งถามอย่างเร่งรีบ
จักรพรรดิกฎคือตัวแทนของนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดภายในดินแดนกฎ และจักรพรรดิกฎเพียงคนเดียวมันก็มีค่ามากกว่ากองทัพนับพัน
แม้ว่าภายนอกตระกูลใหญ่ ๆ จะดูมีความสามัคคี แต่ความจริงแล้วพวกเขากำลังแอบแข่งขันกันอย่างลับ ๆ ถ้าหากว่าตระกูลไหนมีจักรพรรดิกฎคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตระกูลอื่นจะรู้สึกกังวล
ยกตัวอย่างเช่น สงครามระหว่างสกายวิงกับมูนวอร์ดในก่อนหน้านี้ ที่จู่ ๆ จักรพรรดิเซี่ยอู๋เย่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น และการปรากฏตัวของเขาอย่างกะทันหันมันก็ทำให้มูนวอร์ดได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
ย้อนกลับไปในวันนั้นถ้าหากสวนสายลมโดนตระกูลมูนวอร์ดทำลายล้างลงไป มันก็จะทำให้สกายวิงสูญเสียชื่อเสียงอย่างรุนแรง เพราะสวนสายลมเป็นสัญลักษณ์ของตระกูล
ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะในสงคราม แต่มันก็ถือว่าเป็นชัยชนะที่เต็มไปด้วยความด่างพร้อยอยู่ดี ซึ่งมันก็ต้องขอบคุณเซี่ยอู๋เย่ที่ทำให้สกายวิงได้รับชัยชนะอย่างหมดจด
ด้วยเหตุนี้เองมันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจักรพรรดิกฎจึงกลายเป็นตัวกำหนดสถานะของตระกูล เพราะตัวตนของพวกเขาในแต่ละคนมันสามารถที่จะทำลายล้างกองทัพทั้งกองทัพได้ด้วยตัวคนเดียว
“คราวนี้เป็นของตระกูลสกายวิงครับ” มู่หนานเฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“คนบ้าพวกนั้นอีกแล้วเหรอ?!” มู่ฉีหยุนอุทานออกมาจนเกือบจะเป็นลม
ช่วงนี้คำว่าสกายวิงดังขึ้นมาให้เขาได้ยินบ่อยมาก คล้ายกับว่าทั่วทั้งกลุ่มดาวม้าขาวถูกขับเคลื่อนด้วยสกายวิงเป็นหลัก ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่สกายวิงได้รับชัยชนะในสงครามครั้งล่าสุด มันก็ยิ่งทำให้ตระกูลคนบ้าตระกูลนี้ได้รับชื่อเสียงในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น
มู่ฉีหยุนใช้เวลาประมาณครึ่งนาทีเพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและถามออกไปว่า
“เซี่ยกู่เพิ่งจะพัฒนาไปเป็นจักรพรรดิกฎเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง ตอนนี้สกายวิงก็ได้มีจักรพรรดิกฎเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วงั้นเหรอ คนบ้าพวกนั้นมันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ทำไมจู่ ๆ พวกมันถึงได้มีจักรพรรดิกฎเพิ่มขึ้นมาติดต่อกันแบบนี้?”
เหตุผลที่มู่ฉีหยุนประหลาดใจไม่ได้เป็นเพียงเพราะว่าสกายวิงมีจักรพรรดิกฎถือกำเนิดขึ้นมา แต่มันเป็นเพราะว่าสกายวิงมีจักรพรรดิกฎคนที่ 2 ถือกำเนิดขึ้นมาถัดจากจักรพรรดิกฎคนแรกเพียงแค่ไม่กี่วัน
“ตอนนี้สกายวิงก็มีจักรพรรดิกฎ 4 คนแล้วสินะ นอกเหนือจากเซี่ยกู่ที่เพิ่มขึ้นมาจักรพรรดิกฎ อีกคนคือใคร เซี่ยหยู, เซี่ยซิงหรือเซี่ยโม่เหริน?”
“พวกเรายังไม่ได้รับข้อมูลยืนยันครับ แต่ผมเดาว่าเซี่ยซิงน่าจะมีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด” มู่หนานเฉินกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ถ้าหากนับเซี่ยอู๋เย่ด้วยตอนนี้สกายวิงก็มีจักรพรรดิอยู่ทั้งหมด 5 คน ไม่มีตระกูลไหนในกลุ่มดาวม้าขาวที่มีจักรพรรดิกฎมากขนาดนี้อีกแล้ว แม้แต่กลุ่มมังกรฟ้าก็มีจักรพรรดิกฎ 5 คนเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่พวกมันมีสมาชิกในตระกูลไม่ถึง 50,000 คน แต่ทำไมพวกมันถึงมีอัตราการพัฒนาสูงมากขนาดนี้” มู่ฉีหยุนกล่าวขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
มู่หนานเฉินพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เพราะสกายวิงเป็นเพียงตระกูลขนาดเล็กแต่ถึงกระนั้นพวกเขากลับมีจักรพรรดิกฎถึง 5 คน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่ทุกคนไม่สามารถทำความเข้าใจได้จริง ๆ
“มู่ฟู่ผิงเป็นยังไงบ้าง?” มู่ฉีหยุนกล่าวถามด้วยความกังวล และเมื่อเขาได้พูดถึงหลานสาวสุดที่รักน้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนลงมากกว่าเดิม
“ดูเหมือนว่ามู่ฟู่ผิงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเซี่ยเฟย ว่ากันว่าเซี่ยเฟยมีศักยภาพที่จะเติบโตกลายเป็นอีวิลวิงในอนาคตด้วย ยิ่งในตอนนี้สกายวิงเพิ่งจะมีจักรพรรดิกฎเพิ่มขึ้นมาอีกคน ทำไมพวกเราถึงไม่…” มู่หนานเฉินกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเมื่อมองจากสถานการณ์ในปัจจุบัน มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเขาหากจะส่งมู่ฟู่ผิงไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับเซี่ยเฟย
“อย่าพูดเรื่องนี้อีกเด็ดขาด เซี่ยเฟยมันเป็นพวกแม่เหล็กดูดปัญหา ถ้าหากว่ามันต้องการจะแต่งกับหลานสาวของฉันจริง ๆ รอให้มันเป็นจักรพรรดิกฎก่อนแล้วค่อยมาคุยกับฉัน” มู่ฉีหยุนตะคอกกลับไปอย่างเย็นชา เพราะเขารู้สึกไม่ถูกชะตากับเซี่ยเฟยเลยจริง ๆ
—
ณ อาคารสำนักงานมังกรฟ้า
ข่าวเรื่องปรากฏการณ์ 4 มังกรทะยานฟ้าที่เกิดขึ้นภายในสวนสายลมถูกส่งมาหาเฝิงคูชานในทันที และเนื่องมาจากว่าพวกเขาคือกลุ่มนักสู้ที่ทำงานให้กับเผ่าเทพ ข่าวกรองของกลุ่มมังกรฟ้าจึงมีความแม่นยำมากกว่าตระกูลอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามแม้แต่สายลับของกลุ่มมังกรฟ้าก็ยังไม่สามารถสืบทราบได้ว่าผู้ที่พัฒนาเป็นจักรพรรดิในคราวนี้คือเซี่ยเฟย เพราะไม่ว่าใครจะประเมินชายหนุ่มคนนี้เอาไว้สูงแค่ไหน แต่มันก็คงไม่มีใครคิดว่าเซี่ยเฟยจะสามารถพัฒนาจนกลายเป็นจักรพรรดิได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน
“ช่วงนี้สกายวิงทำผลงานได้ดีมากจริง ๆ หากรวมจักรพรรดิคนใหม่แล้วตระกูลของพวกเขาก็มีจักรพรรดิกฎอยู่ถึง 5 คน ทั่วทั้งกลุ่มดาวม้าขาวไม่มีตระกูลไหนมีจักรพรรดิเทียบเท่าได้กับพวกเขาแน่นอน” บรูซกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“ตระกูลอื่น ๆ คงจะไม่ยอมให้สกายวิงมีอำนาจเหนือกว่าพวกเขาหรอก หากฉันเดาไม่ผิดอีกไม่นานคงจะมีคำสั่งลงมาให้เซี่ยบูหยุนกับเซี่ยเทียนขึ้นไปสู่แดนเทพ” เฝิงคูชานกล่าว
“เซี่ยเทียนก็ต้องไปด้วยงั้นเหรอครับ? โดยปกติเขาต้องถูกยกระดับกลายเป็นผู้นำตระกูลก่อนไม่ใช่เหรอ เซี่ยกู่ที่พึ่งเลื่อนระดับมาก่อนหน้านี้ยังมีคุณสมบัติน้อยเกินไป บางทีเขาอาจจะไม่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้นำที่ดีของสกายวิงได้” บรูซกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เซี่ยเทียนเป็นนักรบที่บ้าคลั่งมากเกินไป ถ้าหากเซี่ยบูหยุนไม่อยู่แล้วมันย่อมไม่มีใครสามารถปราบปรามเซี่ยเทียนได้ โอกาสที่พวกเขาทั้งคู่จะถูกดึงตัวขึ้นสู่แดนเทพจึงสูงมาก หากจะมีใครคนใดคนหนึ่งถูกดึงขึ้นไป พวกเขาทั้งคู่ก็สมควรจะถูกดึงขึ้นไปด้วยกัน” เฝิงคูชานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นั่นสินะครับ แต่แบบนี้ผู้นำคนต่อไปของตระกูลสกายวิงก็กลายเป็นจักรพรรดิคนใหม่ที่พึ่งเลื่อนระดับขึ้นมาได้ไม่กี่วัน ผมเดาไม่ได้เลยว่าหลังจากนี้สกายวิงจะกลายเป็นยังไง” บรูซกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“นายจะกังวลมากเกินไปแล้ว กฎแห่งความเร็วของสกายวิงเป็นพลังที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ ถึงแม้ผู้นำคนใหม่จะเป็นจักรพรรดิที่พึ่งเลื่อนระดับขึ้นมาได้ไม่นาน แต่เขาก็ไม่มีทางแพ้จักรพรรดิของตระกูลอื่น ๆ ง่าย ๆ อย่างแน่นอน”
“ดังนั้นถึงแม้ว่ากลุ่มผู้นำคนใหม่ของสกายวิงจะเป็นจักรพรรดิที่พึ่งเลื่อนระดับขึ้นมาเพียงแค่ 2 คน แต่พวกเขาทั้งสองคนก็มีพลังมากพอที่จะค้ำจุนสกายวิงภายในกลุ่มดาวม้าขาวเอาไว้ได้แล้ว นอกจากนี้บรรพบุรุษของสกายวิงยังทิ้งเซี่ยอู๋เย่เอาไว้ในสวนสายลม เชื่อฉันเถอะว่ามันไม่มีใครกล้าเข้าไปแตะต้องสกายวิงในช่วงเวลานี้หรอก” เฝิงคูชานกล่าวพร้อมโบกมือไปมา
บรูซทำได้เพียงแต่พยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ และเขาก็ต้องยอมรับว่ากฎแห่งความเร็วของสกายวิงทำให้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันไม่สามารถยืนหยัดต่อหน้าสกายวิงได้จริง ๆ ดังนั้นสิ่งที่เฝิงคูชานวิเคราะห์ออกมาจึงไม่น่าจะต่างไปจากความเป็นจริงมากนัก
“สงครามระหว่างทั้งสองเผ่าพันธุ์ใกล้เข้ามาแล้ว จักรพรรดิที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ของสกายวิงปรากฏตัวออกมาได้พอดิบพอดีจริง ๆ” เฝิงคูชานกล่าวด้วยความกังวล
“สงครามใกล้จะเริ่มแล้วเหรอครับ?” บรูซถามพาออกไปด้วยความตกใจ
“ฉันก็ตอบไม่ได้หรอกว่าเมื่อไหร่ แต่มันก็คงจะเป็นเร็ว ๆ นี้แหละ” เฝิงคูชานตอบกลับอย่างสงบ
—
ทันทีที่เซี่ยเฟยก้าวเท้าออกมาจากห้องฝึก เขาก็ถูกล้อมเอาไว้ด้วยเซี่ยอู๋เย่และเซี่ยจงไห่ที่ตั้งคำถามขึ้นมาอย่างมากมาย เพราะคนทั้งคู่ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ชายหนุ่มถึงสามารถเลื่อนระดับกลายเป็นจักรพรรดิได้ในช่วงข้ามคืน
เซี่ยเฟยไม่สามารถอธิบายเรื่องชิ้นส่วนอาร์คได้ เขาจึงตอบกลับไปว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
แน่นอนว่าคำตอบของชายหนุ่มย่อมทำให้เซี่ยจงไห่หน้าเสียไป เพราะถ้าหากความบังเอิญสามารถทำให้คนคนหนึ่งกลายเป็นจักรพรรดิได้ มันก็เป็นเรื่องน่าอายที่ถึงแม้เขาจะฝึกฝนมานานหลายปีแต่เขาก็ยังไม่มีพลังใกล้เคียงกับการเป็นจักรพรรดิเลย
ในที่สุดเซี่ยจงไห่ก็ตัดสินใจเข้าไปภายในห้องฝึก ส่วนเรื่องการเล่นหมากรุกเขาได้โยนทิ้งไปจากหัวตั้งนานแล้ว
ย้อนกลับไปเขาคือคนที่ค้นพบว่าเซี่ยเฟยมีสายเลือดสกายวิง และเป็นคนนำชายหนุ่มคนนี้กลับมาที่ตระกูล แต่หลังจากที่เวลาผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่เดือน เด็กหนุ่มตัวเล็กที่ไม่ค่อยโดดเด่นในช่วงเวลานั้นกลับมีระดับพลังแซงหน้าเขาไปไกลแล้ว มันจึงทำให้เซี่ยจงไห่จมปรักอยู่กับความอับอาย
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้มีเวลาพักผ่อนในช่วงสั้น ๆ เฝิงซินเหนียนกับหลางซุนเย่ก็มาหาเขาที่สวนสายลม ชายหนุ่มรู้ดีว่าสหายทั้งคู่มาตามให้เขาไปรายงานตัวที่กลุ่มมังกรฟ้า ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะเข้าไปฝึกกับกลุ่มมังกรฟ้าหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเอง
“ในที่สุดก็เจอตัวนายสักที! นายรู้ไหมว่าฉันมาที่นี่กี่ครั้งแต่ไม่เคยได้เจอกับนายเลย” เฝิงซินเหนียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันได้ยินมาว่าเมื่อเช้ามีจักรพรรดิคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาในตระกูลนายงั้นเหรอ? เขาคนนั้นเป็นใครพอจะบอกฉันได้ไหม?” หลางซุนเย่กระซิบถามขึ้นมาเบา ๆ
เมื่อสหายตั้งคำถามได้ตรงใจเฝิงซินเหนียนก็หูตั้งเพื่อแอบฟังเช่นเดียวกัน
เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้พบว่าข่าวได้แพร่กระจายออกไปด้วยความรวดเร็ว
“มันก็แค่มีคนเลื่อนระดับเป็นจักรพรรดิเพิ่มขึ้นมาอีกคนเดียวไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกนายสองคนถึงต้องสนใจขนาดนั้น?” เซี่ยเฟยถามกลับ
“นายพูดแบบนั้นได้ยังไง?! การมีพลังในระดับจักรพรรดิ มันก็หมายความว่าพวกเขาก้าวขาเข้าไปในแดนเทพครึ่งหนึ่งแล้ว ผู้มีพลังในระดับจักรพรรดิอาจจะถูกเรียกตัวขึ้นไปเบื้องบนเมื่อไหร่ก็ได้ใครจะรู้” หลางซุนเย่อธิบายอย่างเร่งรีบ
“นอกเหนือจากโอกาสในการเข้าสู่แดนเทพแล้ว จักรพรรดิกฎก็มีสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย พวกเรารู้อยู่แล้วว่าเมื่อ 3 วันก่อนผู้ที่เลื่อนระดับกลายเป็นจักรพรรดิคนใหม่ได้คือเซี่ยกู่ แล้วคนที่เลือกระดับเป็นจักรพรรดิได้เมื่อเช้านี้คือใคร เซี่ยซิงงั้นเหรอ?” เฝิงซินเหนียนกล่าวเสริมจากด้านข้าง
“ฉันเอง” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างเฉยเมย
ปั่ก!
ทันทีที่เขาพูดจบเขาก็ถูกหลางซุนเย่ชกหน้าอกเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม
“ฝันไปเถอะ! ถ้านายเป็นจักรพรรดิกฎได้เร็วขนาดนี้ ฉันก็คงจะกลายเป็นจักรพรรดิกฎได้ตั้งนานแล้ว”
“ดูเหมือนว่าฉันจะโกหกพวกนายไม่ได้จริง ๆ สินะ เอาเป็นว่าฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อเช้าฉันพยายามถามคุณตาดูแล้วแต่เขาก็ไม่ได้บอกอะไรกับฉันเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
เฝิงซินเหนียนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แต่หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดเซี่ยเฟยประโยคสุดท้าย เขาก็ทำได้เพียงแต่ส่ายหัวและโทษตัวเองที่หลงเชื่อ ‘คำโกหก’ ของสหาย
“เซี่ยเฟย นายสังเกตไหมว่าตอนนี้สมองของนายถูกปิดโดยสมบูรณ์ มันไม่มีใครสามารถสำรวจได้แม้กระทั่งระดับพลังในปัจจุบันของนายเลย” จู่ ๆ โอโร่ก็กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
***************
ถ้าอยู่ๆ 2 คนนี้รู้ทีหลังว่าพี่เฟยไม่ได้โกหกนะ คงช็อกน่าดู


แสดงความคิดเห็น