ตอนที่ 859 วิวัฒนาการของขนอุย
ตอนที่ 859 วิวัฒนาการของขนอุย
บลัดบิวเทียสถูกตวัดออกไปอย่างว่องไวจนก่อให้เกิดภาพคล้ายกับตาข่ายสีแดงอันแน่นหนา ปกคลุมพื้นที่บริเวณโดยรอบร่างของหุ่นโลหิตทองคำเอาไว้อย่างสมบูรณ์ จนทำให้ยากต่อการหลีกหนีการโจมตีอันบ้าคลั่งในลักษณะนี้ไปได้
อย่างไรก็ตามร่างที่แท้จริงของหุ่นโลหิตทองคำตัวนี้ก็คือนักรบจากเผ่าไนท์ฮอร์กอันน่ากลัว อีกฝ่ายจึงเคลื่อนที่หลบหลีกด้วยท่าทางอันประหลาด ทำให้บลัดบิวเทียสทำได้เพียงแค่เฉียดผ่านร่างของหุ่นเชิดตัวนี้ไปเท่านั้น
ทั้งสองฝ่ายต่างก็เคลื่อนไหวด้วยทักษะเฉพาะตัวอันน่าทึ่ง แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่มีใครสามารถที่จะทำร้ายฝ่ายตรงข้ามของตัวเองได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมครั้งหนึ่งเผ่าไนท์ฮอร์กจึงถูกยกย่องว่าเป็นจุดสูงสุดของดินแดนกฎในหลาย ๆ ด้าน เพราะการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ยังคงเป็นการเคลื่อนไหวอันน่าทึ่ง อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหุ่นโลหิตทองคำตัวนี้เลย เพราะเขาได้เคยพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้มาก่อนแล้ว
สิ่งที่เซี่ยเฟยกำลังสนใจจริง ๆ คือการเคลื่อนไหวของศัตรูที่อาศัยการเคลื่อนไหวของฝ่าเท้าเพียงแค่เล็กน้อย แต่กลับเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
หากชายหนุ่มไม่ได้มีพลังสายความเร็วและได้มีโอกาสฝึกฝนวิชาเล่ห์สังหารมาในก่อนหน้านี้ เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศัตรูตรงหน้าอย่างแน่นอน จังหวะการเคลื่อนไหวของศัตรูจึงทำให้เซี่ยเฟยคอยสังเกตการเคลื่อนไหวนั้นอย่างสนใจ
—
บริเวณรอบนอกของดาวแกนกลาง
สองฝาแฝดตระกูลเบนินใช้สมาธิในการควบคุมหุ่นโลหิตทองคำจนเหงื่อแตกท่วมไปทั่วทั้งร่างกาย ท้ายที่สุดข้อมูลที่พวกเขาได้รับกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซี่ยเฟยก็แตกต่างกันมาก จนทำให้พวกเขาประเมินสถานการณ์ผิดพลาดไปตั้งแต่แรก
วิลโล่, ฮูอาและคูรูต่างก็มองไปยังพี่น้องตระกูลเบนินด้วยความตกใจ เพราะดูจากปริมาณเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมา มันก็สามารถบ่งบอกได้เลยว่าตอนนี้หุ่นโลหิตทองคำกำลังเผชิญหน้ากับการต่อสู้อันยากลำบาก
ศัตรูแข็งแกร่งถึงขนาดสร้างความลำบากให้กับหุ่นโลหิตทองคำขนาดนี้เลยงั้นเหรอ!?
เหล่าบรรดาเสาหลักแห่งซีเครดสปริงต่างก็จ้องมองไปยังภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ แต่เหงื่อบนร่างกายของสองพี่น้องตระกูลเบนินได้พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า พลังของเซี่ยเฟยอยู่ในระดับที่เหนือเกินกว่าจินตนาการของพวกเขาจริง ๆ
“นี่เขากำลังเรียนรู้ฝ่าเท้ารัตติกาลเดือนดับอยู่งั้นเหรอ!?” โซโออุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
เมื่อการต่อสู้ดำเนินผ่านไปเซี่ยเฟยก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงฝ่าเท้ารัตติกาลเดือนดับของเผ่าไนท์ฮอร์กที่หายสาบสูญไปตั้งนานแล้ว จนทำให้การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มในตอนนี้แทบจะเป็นจังหวะเดียวกันกับหุ่นโลหิตทองคำทุกประการ
แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยจะด้อยกว่าฝ่าเท้ารัตติกาลเดือนดับของหุ่นโลหิตทองคำ แต่เขาก็เริ่มเข้าใจการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้แล้ว ตราบใดก็ตามที่เขามีเวลาฝึกฝนอย่างเพียงพอ เขาก็จะสามารถเคลื่อนไหวตามท่าทางของฝ่าเท้ารัตติกาลเดือนดับได้อย่างเชี่ยวชาญไม่ต่างไปจากคนของตระกูลไนท์ฮอร์กตัวจริง
เพียงแค่การที่นักรบสกายวิงมีทักษะของนักฆ่า มันก็ทำให้สองพี่น้องตระกูลเบนินรู้สึกตกใจมากแล้ว เมื่อเซี่ยเฟยได้แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถเรียนรู้ท่าเท้าของศัตรูได้ในระยะเวลาอันสั้น มันก็ยิ่งทำให้สองพี่น้องรู้สึกตกตะลึงมากขึ้นไปอีก
“รวมจิตกันเดี๋ยวนี้!” โซโอส่งเสียงตะโกน
“อือ!!” โซอาส่งเสียงตอบกลับไปอย่างฉับพลัน
ภาพที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือสองพี่น้องตระกูลเบนินเริ่มกอดกันด้วยท่าทางอันแปลกประหลาด พร้อมกับใช้หน้าผากของพวกเขาแนบเข้าหากันอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้หุ่นโลหิตทองคำแสดงพลังออกมาได้อย่างสูงสุด ผู้ควบคุมก็จำเป็นจะต้องออกคำสั่งอย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นกว่านี้ การประสานจิตระหว่างสองพี่น้องในตอนแรกไม่เพียงพอสำหรับการสังหารเซี่ยเฟยอีกต่อไป พวกเขาจึงจำเป็นจะต้องใช้การรวมจิตเพื่อเพิ่มพลังให้กับหุ่นโลหิตไปจนถึงขีดจำกัด
—
ภายในดาวเคราะห์แกนกลาง
สถานการณ์ในปัจจุบันทำให้เซี่ยเฟยต้องรับกับแรงกดดันอย่างหนัก เพราะจู่ ๆ ความเร็วของศัตรูก็เพิ่มสูงขึ้นจนทำให้หุ่นเชิดตัวนี้รับมือยากมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า
เมื่อฝ่าเท้ารัตติกาลเดือนดับถูกนำมาใช้คู่กันกับวิชาเฉือนจันทรายามราตรี มันก็ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวอันน่าเหลือเชื่อจนยากที่จะมีใครสามารถหลีกหนีการเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วของหุ่นโลหิตตัวนี้ได้
นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของดาบเงาดำ!
การพยายามทำให้หุ่นเชิดแสดงพลังออกมาได้จนถึงขีดจำกัดเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะท้ายที่สุดการพยายามบังคับการเคลื่อนไหวของร่างหุ่นเชิดก็มีปัจจัยที่จะนำมาลดประสิทธิภาพของหุ่นเชิดได้อย่างมากมาย ทั้งสองพี่น้องตระกูลเบนินจึงจำเป็นจะต้องรวมจิตเข้าด้วยกัน เพื่อส่งพลังให้หุ่นเชิดโลหิตทองคำแสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่
การส่งพลังรอบใหม่ของสองพี่น้องตระกูลเบนินทำให้สถานการณ์กลับตาลปัตรจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จากในตอนแรกที่เซี่ยเฟยเป็นฝ่ายรุกก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายคอยป้องกัน สร้างแรงกดดันให้กับหมาป่าเดียวดายจากสกายวิงอย่างหนัก
ระหว่างนั้นผิวหนังของหุ่นโลหิตทองคำก็เริ่มโปร่งใสขึ้นจนทำให้มองเห็นหลอดเลือดและอวัยวะภายในร่างของหุ่นได้อย่างชัดเจน ดวงตาของตัวหุ่นที่เคยเป็นสีแดงก็ถูกเปลี่ยนเป็นแววตาสีม่วงอันแวววาว
นี่คือสัญลักษณ์ของการแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่ของเผ่าไนท์ฮอร์ก
แม้ว่านักรบไนท์ฮอร์กคนนี้จะถูกเปลี่ยนจนกลายเป็นหุ่นเชิด แต่เขาก็ยังคงสำรองพลังของตัวเองเอาไว้เพื่อใช้ในยามฉุกเฉินอย่างเช่นในวันนี้
ขณะเดียวกันสมองของสองพี่น้องตระกูลเบนินก็กำลังทุกข์ทรมานอย่างหนัก เพราะการบังคับให้หุ่นโลหิตทองคำแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่ สร้างความเหนื่อยล้าให้กับสมองของพวกเขามากเกินไป และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ต่อสู้อย่างสุดกำลังตั้งแต่แรก นั่นก็เพราะว่าการทำแบบนี้มันจะทำให้พวกเขาเกิดความเหนื่อยล้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้เห็นว่าเจ้านายกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ขนอุยก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างกังวล
อย่างไรก็ตามในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความผันผวนของพลังงานแห่งนี้ ก็ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการแสดงพลังของมันเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเริ่มปล่อยพลังงานออกไป มันก็อาจจะเป็นการจุดชนวนระเบิดของสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาได้ด้วยเช่นเดียวกัน
แม้แต่อาวุธมายาอย่างหงส์ครามก็ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ต่อสู้ในดาวดวงนี้ เพราะใบหญ้าของมันมีความยาวมากเกินไป และมันก็ไม่ได้มีความว่องไวมากเพียงพอจะจับหุ่นโลหิตทองคำที่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วได้
คนเดียวที่สามารถต่อสู้ในสถานการณ์ปัจจุบันคือเซี่ยเฟยเพียงลำพัง และมันก็เป็นการต่อสู้ที่คล้ายกับช่วงเวลาแรกที่เขาจะต้องพึ่งพาเพียงแค่ตัวเอง
ทันใดนั้นจู่ ๆ เซี่ยเฟยก็เร่งความเร็วในการโจมตีก่อให้เกิดแสงดาบนับพันที่เบ่งบานออกมาในเวลาเดียวกัน
นี่คือวิชาเฉือนจันทรายามราตรีที่หุ่นโลหิตทองคำเพิ่งจะใช้ออกมาได้เพียงแค่ไม่นาน สองพี่น้องตระกูลเบนินจึงตกอยู่ในอาการตื่นตะลึง เพราะเซี่ยเฟยไม่เพียงแต่จะเรียนรู้ฝ่าเท้ารัตติกาลเดือนดับไปเท่านั้น แต่เขายังสามารถเรียนรู้วิชาเฉือนจันทรายามราตรีได้อีกด้วย
การเรียนรู้การเคลื่อนไหวของคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่าย ๆ เพราะการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้จำเป็นจะต้องพึ่งพาการฝึกฝนเฉพาะตัว ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะมีคนเลียนแบบการเคลื่อนไหวอันน่าทึ่งของตระกูลไนท์ฮอร์กได้ตั้งนานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ยังไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการพยายามลอกเลียนแบบการเคลื่อนไหวของศัตรูภายใต้การต่อสู้ในสนามรบจริง ๆ เลย เพราะการจะทำแบบนั้นได้มันก็จำเป็นจะต้องมองให้เห็นถึงแก่นแท้การเคลื่อนไหวอย่างว่องไวและลองเลียนแบบการเคลื่อนไหวนั้นออกมาอย่างฉับพลัน
แม้ว่ามันจะเป็นกระบวนการที่ยากอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เซี่ยเฟยก็กำลังขโมยวิชาจากศัตรูภายในสนามรบอยู่จริง ๆ
ความรู้ความเข้าใจของเซี่ยเฟยเรียกได้ว่าเป็นความรู้ความเข้าใจของบุคคลในตำนาน และความสามารถในการลอกเลียนการเคลื่อนไหวของศัตรูในระยะเวลาอันสั้น มันก็ถึงกับทำให้พี่น้องตระกูลเบนินตกตะลึงจนตาตั้งไปทั้งคู่แล้ว
การถูกลอกเลียนแบบการเคลื่อนไหวมันไม่ได้หมายถึงการถูกขโมยวิชาไปเท่านั้น แต่มันยังหมายความว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกศัตรูมองทะลุผ่านจนทะลุปรุโปร่ง
ฉัวะ ๆ
บลัดบิวเทียสเฉียนปะทะเข้าใส่หน้าอกของหุ่นโลหิตทองคำ 2 ครั้งติดต่อกัน ทำให้พลังงานมหาศาลถูกดูดซับออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งพลังงานที่ถูกดูดออกไปมันก็ไม่ใช่เพียงแต่พลังงานของหุ่นโลหิตทองคำเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงพลังงานของพี่น้องตระกูลเบนินที่ส่งกระแสจิตเข้ามาควบคุมหุ่นเชิดตัวนี้ด้วย
ทันใดนั้นหุ่นโลหิตทองคำก็เริ่มโซเซและสูญเสียการควบคุมไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่สองพี่น้องตระกูลเบนินในระยะไกลก็กำลังรู้สึกเจ็บปวดมาก ราวกับว่ามันมีใบมีดถูกสอดแทรกเข้ามาภายในสมองของพวกเขาทั้งคู่
โอกาส!
เซี่ยเฟยพุ่งร่างออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับแทงบลัดบิวเทียสทะลุผ่านลำคอของหุ่นโลหิตทองคำ
แม้แต่ตัวของเซี่ยเฟยเองก็ไม่คาดคิดว่าการกลืนกินของบลัดบิวเทียสจะไม่เพียงแต่ทำให้หุ่นโลหิตทองคำกลายเป็นมัมมี่เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่สองพี่น้องตระกูลเบนินที่ควบคุมหุ่นเชิดจากระยะไกลก็ค่อย ๆ ล้มลงไปทีละคน เนื่องจากการถูกดูดกลืนพลังงานในคราวนี้ด้วย
บลัดบิวเทียสทำให้สมองของสองพี่น้องตระกูลเบนินแตกสลายกลายเป็นชิ้น ๆ ในคราวเดียว!
แม้ว่าผลกระทบครั้งนี้จะทำให้สองพี่น้องยังไม่ตาย แต่มันก็ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นเจ้าชายนิทรา
“ขนอุยมานี่!” เซี่ยเฟยตะโกนอย่างเร่งรีบ เพราะพลังงานภายในสมองของเขากำลังเกิดการผันผวนอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ไม่ว่ายังไงหุ่นโลหิตทองคำก็คือจักรพรรดิกฎระดับสูงแห่งเผ่ามาร ขณะที่สองพี่น้องตระกูลเบนินที่คอยควบคุมหุ่นเชิดจะระยะไกลก็ถูกดูดซับพลังงานผ่านทางหุ่นเชิดเข้ามาด้วยเช่นกัน
พลังงานที่แตกต่างกันจึงถูกผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว จนก่อให้เกิดความผันผวนของพลังงานภายในสมองของเซี่ยเฟยขึ้นมาแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้นการดูดกลืนพลังงานในครั้งนี้มันก็ยังเป็นการดูดกลืนพลังงานครั้งแรกที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากการดูดกลืนพลังงานผ่านทางร่างของศัตรูโดยตรง
ชายหนุ่มเริ่มพลิกฝ่ามือและถ่ายเทพลังงานภายในสมองไปให้กับขนอุย จนทำให้ความผันผวนของพลังงานภายในสมองของเขาค่อย ๆ ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ แต่ในทันใดนั้นขนอุยก็ไม่สามารถกลืนกินพลังงานเพิ่มได้อีกต่อไป ราวกับว่ามันอิ่มเกินกว่าจะกลืนกินพลังงานเข้าไปมากกว่านี้แล้ว
‘อิ่มแล้วเหรอ?’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจ
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ร่างของขนอุยก็ถูกล้อมรอบด้วยแสงสีขาว ขณะที่ร่างของมันค่อย ๆ ขยายขนาดขึ้น
พลังงานรั่ว!?
ขนอุยกำลังจะวิวัฒนาการ!?
—
เมื่อร่างของสองพี่น้องตระกูลเบนินล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด วิลโล่ก็ตระหนักแล้วว่าการว่าจ้างตระกูลเบนินในครั้งนี้มันจบลงด้วยความล้มเหลว
“อ๊าก!” วิลโล่ส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหุ่นโลหิตทองคำในตำนานถึงยังไม่สามารถจัดการกับเซี่ยเฟยได้
หากวัดกันตามความเป็นจริง สกายวิงก็เป็นนักรบที่มีความเก่งกาจในด้านการจู่โจมเป็นทีม ขณะที่ตระกูลไนท์ฮอร์กมีความเก่งกาจในด้านการจู่โจมเพียงลำพัง แล้วหุ่นเชิดที่สร้างขึ้นมาจากร่างของตระกูลไนท์ฮอร์กจะพ่ายแพ้ให้กับนักรบสกายวิงได้ยังไง
“ไอ้พวกสกายวิง! ฉันจะฆ่าแกให้ได้!!” วิลโล่ตะโกนออกไปอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เขารีบมุ่งหน้าเข้าหาดาวแกนกลางอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามจู่ ๆ ดาวแกนกลางก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว ก่อนที่มันจะเริ่มมีเสียงระเบิดดังตามมา
เหตุการณ์นี้ทำให้วิลโล่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เพราะดาวแกนกลางคือสถานที่เก็บซ่อนของชิ้นส่วนอาร์ค และการที่มันมีเสียงระเบิดขึ้นมาแบบนี้มันก็อาจจะเป็นเพราะชิ้นส่วนอาร์คถูกจุดระเบิดขึ้นมาแล้ว
***************
คำถามสำคัญ! คิดว่าขนอุยจะตัวเล็กลงหรือใหญ่ขึ้น?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 414
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น