ตอนที่ 827 ดาร์คไนท์

-A A +A

ตอนที่ 827 ดาร์คไนท์

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 827 ดาร์คไนท์

แต่ทันใดนั้นมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะกาแล็กซีที่เคยสว่างไสวจู่ ๆ มันก็หรี่แสงลงในพริบตา

ภาพแบบนี้เป็นภาพที่หาได้ยากมาก เพราะมันเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าแสงสว่างทั้งหมดถูกดูดกลืนหายไป ทุกคนจึงล้วนแล้วแต่เงยหน้ามองฟากฟ้าจนลืมไปแล้วว่าพวกเขากำลังต่อสู้กันอยู่

“นั่นมันอะไร!?”

ภาพต่อมาคือเงาสีดำเคลื่อนที่ไปมาอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องมาจากระยะทางที่ไกลเกินไปพวกเขาจึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สิ่งเดียวที่ทุกคนรู้สึกคืออารมณ์แปรปรวนภายในจิตใจคล้ายกับว่าวันสิ้นโลกกำลังจะเดินทางมาถึง

เนตรมนตรา! 

ชายหนุ่มแอบเสริมพลังให้กับดวงตาของตัวเองอย่างเงียบ ๆ เพื่อมองเหตุการณ์บนฟากฟ้าให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ชั่วพริบตาเดียวที่เซี่ยเฟยจ้องมองไปบนฟากฟ้า เขาก็รู้สึกตกตะลึงจนชะงักค้างไป เพราะเงาสีดำนั้นดูเหมือนปีศาจในตำนาน สิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากยิ่งกว่าคือมันกำลังมีคนไล่ตามปีศาจตัวนั้นอยู่

ผู้ที่กำลังไล่ตามปีศาจคือนักรบเกราะทองจำนวน 6 คน ก่อนที่พวกเขาจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและฉีกกระชากร่างของปีศาจออกเป็นชิ้น ๆ ภายใต้การโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว

หลังจากกำจัดปีศาจเสร็จสิ้นนักรบเกราะทองทั้งหกก็หายตัวไปในจักรวาลอันมืดมิดอย่างกะทันหัน ซึ่งกระบวนการพวกนี้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงแค่ 2 วินาที ตั้งแต่ที่ปีศาจได้ปรากฏตัวจนกระทั่งนักรบเกราะทองได้หายตัวไป

น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะใช้เนตรมนตรา แต่เขาก็ยังสังเกตรายละเอียดทุกอย่างได้ไม่ชัดเจน แต่สัญชาตญาณของเขากำลังกรีดร้องว่าหากเขาเผชิญหน้ากับคนเหล่านี้ เขาก็คงจะตายตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้รู้ตัวด้วยซ้ำ

ปัจจุบันเขามีพลังต่อสู้ที่แท้จริงเทียบเคียงได้กับจักรพรรดิกฎ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถต้านทานการโจมตีของนักรบเกราะทองทั้งหกได้แม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งมันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่านักรบพวกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากเพียงใด

สิ่งที่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนมากกว่านั้นคือเงาสีดำที่ปรากฏตัวออกมาดูไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเผ่าพันธุ์ใด ๆ เลย และมันก็ดูไม่เหมือนสัตว์อสูรตัวไหนที่เขารู้จัก เพราะวิชามนตราอสูรไม่สามารถทำให้เขามองเห็นเปลวไฟวิญญาณของอีกฝ่ายได้

แต่ในตอนที่เซี่ยเฟยกำลังตกตะลึงอยู่นั้น เสียงของเซี่ยบูหยุนก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันจึงดึงสติชายหนุ่มให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

ปัจจุบันสงครามได้ดำเนินมาจนถึงช่วงสุดท้ายแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่สกายวิงสามารถจัดการกับจักรพรรดิกฎ 5 คนสุดท้ายได้ เมื่อนั้นพวกเขาก็จะเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนี้

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

อย่างไรก็ตามจู่ ๆ เซียงจินเฉิงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน และเสียงหัวเราะนั้นมันยังให้ความรู้สึกที่น่ากลัวและเยือกเย็น

“ดาร์คไนท์กำลังจะมาถึงแล้ว! ถึงแม้วันนี้พวกแกจะฆ่าฉันได้ แต่พวกแกก็จะต้องตายตามฉันไปในไม่ช้า ค่ำคืนอันมืดมิดจะค่อย ๆ กัดเซาะให้พวกแกทรมาน ความตายของพวกแกจะเจ็บปวดมากกว่าฉันนับพันนับหมื่นเท่า!!” เสียงร้องคำรามของเซียงจินเฉิงคล้ายกับเสียงตะโกนสาปแช่งในช่วงวาระสุดท้าย เสียงของเขาจึงเต็มไปด้วยความแหบแห้งและให้ความรู้สึกที่น่ากลัวอย่างที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน

“ไม่ต้องห่วง ถึงแม้แกจะตายพวกเราก็จะใช้ชีวิตอย่างอิสระเหมือนเดิม ดาร์คไนท์มันเป็นเพียงแค่เรื่องในตำนาน ของแบบนั้นมันไม่มีอยู่จริง” เซี่ยบูหยุนตะโกนกลับไป จากนั้นเขาก็โบกแขนออกคำสั่งให้ฝูงหมาป่าทำการโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย

“ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าปล่อยให้ใครเหลือรอดเป็นอันขาด!”

เมื่อฝูงหมาป่าสกายวิงเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ศัตรูก็ถูกฉีกกระชากร่างกายออกเป็นชิ้น ๆ ในที่สุดสงครามอันบ้าคลั่งก็ได้สิ้นสุดลงพร้อม ๆ กับตระกูลมูนวอร์ด, ลัทธิเทพโบราณและลัทธิต้นกำเนิดที่ถูกทำลายล้างอย่างสิ้นเชิง

“เมื่อกี้นายเห็นอะไร? ฉันรู้ว่าสายตาของนายดีกว่าคนอื่นหลายเท่า อะไรคือเงาสีดำนั่น? แล้วอะไรคือแสงสีทองที่ฉีกกระชากเงาดำออกเป็นชิ้น ๆ?” โอโร่กล่าวถาม

“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร สิ่งที่ผมเห็นมันให้ความรู้สึกถึงความว่างเปล่าและสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ มันก็มืดมาก จนทำให้ผมเห็นรายละเอียดอะไรได้ไม่ชัด” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้โอโร่ขมวดคิ้วขึ้นมากกว่าเดิม เพราะเขาแทบที่จะไม่สามารถหาคำตอบใด ๆ ได้จากคำอธิบายของชายหนุ่มคนนี้เลย

เฮ้!

เมื่อสังหารศัตรูกลุ่มสุดท้ายได้สำเร็จ นักรบสกายวิงต่างก็ส่งเสียงร้องและเริ่มการเฉลิมฉลอง คล้ายกับว่าปรากฏการณ์อันแปลกประหลาดในก่อนหน้านี้ มันจะไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่ออารมณ์ของทุกคนเลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามคำพูดสุดท้ายของเซียงจินเฉิงก็ยังคงติดอยู่ภายในใจของเซี่ยเฟย โดยเฉพาะปรากฏการณ์แปลก ๆ ที่อีกฝ่ายเรียกว่าดาร์คไนท์ มันทำให้ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำ ๆ นี้

ต่อมาทุกคนก็ได้กลับไปเลี้ยงฉลองภายในสวนสายลม ซึ่งหลังจากที่ทุกคนดื่มสังสรรค์กันไปสักพัก พวกเขาก็กลับไปพักผ่อนภายในห้อง

“ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมได้เห็นปีศาจ” เซี่ยเฟยเริ่มพูดคุยกับโอโร่หลังจากที่เขาก็ได้กลับมาภายในห้องของตัวเองด้วยเช่นกัน

“นายกำลังพูดถึงเงาดำนั่นงั้นเหรอ?” โอโร่ถามอย่างเร่งรีบ

“อือ”

“บางทีมันอาจจะเป็นคนจากบางเผ่าพันธุ์หรืออาจจะเป็นสัตว์อสูรสักชนิดหรือเปล่า?” โอโร่ถามขึ้นไปอีกครั้งด้วยความไม่มั่นใจ

“ไม่ ผมยืนยันได้ว่ามันไม่ใช่สัตว์อสูรในจักรวาลนี้แน่ ๆ และผมก็คิดว่ามันไม่ใช่คนจากเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาเผ่าพันธุ์ไหนเหมือนกัน เพราะถึงแม้เผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาจะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วโครงสร้างก็ยังจะคงมี 2 แขน, 2 ขา, มีลำตัว, มีศีรษะเหมือนกับพวกเรา”

“แต่ปีศาจตัวนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่รูปร่างของมันจะแปลกประหลาดจนทำให้ผมไม่สามารถระบุตัวตนของมันได้เท่านั้น แต่กลิ่นอายที่มันปล่อยออกมายังทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัวจนเหงื่อไหลท่วมทั้งร่างของผมไปหมด ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกหวาดกลัวอะไรสักอย่างได้มากขนาดนี้” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ

“นายพอจะเห็นร่างมันชัดเจนไหม?” โอโร่ถามอีกครั้ง

“ระยะทางมันไกลเกินไป ถึงแม้ว่าผมจะเสริมพลังให้กับดวงตาแล้ว แต่ผมก็เห็นภาพของมันเพียงแค่ลาง ๆ เท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจคือมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในรูปแบบที่ผมรู้จักแน่ ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

สัญชาตญาณของชายหนุ่มมีความชัดเจนมาก และถ้าหากว่าสัญชาตญาณของเขาหวาดกลัวปีศาจตัวนั้น มันย่อมหมายความว่าปีศาจตัวนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาแน่ ๆ

“แล้วแสงสีทอง 3 เส้นที่ปรากฏตัวขึ้นมาล่ะ มันคืออะไร?” โอโร่ถาม

“ไม่ใช่ 3 แต่เป็น 6 พวกเขาดูเหมือนนักรบที่สวมใส่ชุดเกราะสีทอง ดูจากรูปร่างของพวกเขาแล้วพวกเขาน่าจะเป็นสมาชิกของเผ่าใดเผ่าหนึ่ง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบพร้อมกับแก้ไขความเข้าใจผิดให้กับโอโร่

“นักรบเกราะทอง! บนหมวกของพวกเขามีเขาเหมือนวัวด้วยใช่ไหม?” จู่ ๆ โอโร่ก็รีบถามด้วยแววตาอันเป็นประกาย

“ผมยืนยันให้ไม่ได้ ตอนนั้นผมมองเห็นไม่ค่อยชัด” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ

“นักรบเกราะทองพวกนั้นน่าจะเป็นผู้พิทักษ์ประตูจักรวาล ส่วนเงาดำนั่นก็อาจจะเป็นอสูรกายที่หลุดลอดออกมาจากประตู…” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง หลังจากที่เขานิ่งเงียบไปประมาณ 1 นาที

ประตูจักรวาลเป็นตำนานอันเก่าแก่ของจักรวาลแห่งนี้ ว่ากันว่ามันมีประตูตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในเขตแดนของดินแดนกฎ ส่วนเรื่องที่ว่าด้านหลังของประตูมีอะไรและมีใครอาศัยอยู่ด้านหลังประตูบานนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถที่จะให้คำตอบได้อย่างแน่ชัด

แต่ในวันนี้จู่ ๆ โอโร่ก็ได้พูดถึงเรื่องประตูจักรวาลขึ้นมาอย่างกะทันหัน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังบอกว่าเงาสีดำคือสิ่งมีชีวิตที่หลุดรอดออกมาจากประตูจักรวาล มันจึงทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ไม่มีทาง! เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้!! ผู้พิทักษ์ประตูไม่น่าจะปรากฏตัวขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ส่วนพวกอสูรกายมันก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?” โอโร่พึมพำออกมาอย่างวิตกกังวล พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดึงผมสีทองของตัวเอง

“คุณกำลังพูดถึงอะไร? ใครคือผู้พิทักษ์? แล้วใครคืออสูรกาย?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“เรื่องนี้เป็นตำนานตั้งแต่สมัยโบราณ ก่อนอื่นนายต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมดินแดนกฎถึงถูกแบ่งออกเป็นเผ่าเทพกับเผ่ามาร” โอโร่เริ่มเล่าพร้อมกับถอนหายใจ

“ผมเคยได้ยินตำนานเรื่องนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าตั้งแต่สมัยโบราณมีคนได้ค้นพบการใช้พลังกฎพวกเขาจึงแยกตัวออกมาจากกลุ่มผู้ใช้พลังปกติ เมื่อผู้ใช้กฎได้มารวมตัวกันเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ มันจึงได้ก่อกำเนิดขึ้นมาเป็นดินแดนกฎจนถึงปัจจุบัน”

“เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนในดินแดนกฎก็เริ่มมีการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย พวกเขาจึงเริ่มแยกตัวออกจากกันจนกลายเป็นเผ่าเทพและเผ่ามาร”

“การถือกำเนิดของเผ่าพันธุ์ทั้งสองก่อให้เกิดการแบ่งชนชั้นกันอย่างสมบูรณ์ และถึงแม้ว่าดินแดนของคนธรรมดา, ดินแดนกฎและดินแดนของเผ่าพันธุ์ทั้งสองจะตั้งอยู่ในจักรวาลเดียวกัน แต่พวกเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องของกันและกัน ตามบทบัญญัติที่พวกเขาได้ตกลงกันเอาไว้” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ

“ประวัติศาสตร์ช่างเป็นเรื่องอันตรายจริง ๆ สิ่งที่นายจดจำมามันยังห่างจากความจริงอยู่อีกไกล” โอโร่กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

เซี่ยเฟยเม้มริมฝีปากขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ท้ายที่สุดประวัติศาสตร์ก็คือสิ่งที่ใครบางคนบันทึกเอาไว้ แน่นอนว่าผู้บันทึกไม่จำเป็นจะต้องเขียนความจริงทุกอย่างลงในกระดาษด้วยเช่นกัน เมื่อเวลาผ่านพ้นไปความจริงก็จะค่อย ๆ ถูกลืมเลือน ผู้คนรุ่นหลังก็สามารถที่จะเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ผ่านทางบันทึกที่ถูกทิ้งเอาไว้ได้เพียงเท่านั้น

“พวกอสูรกายรีเวิร์สเป็นสิ่งมีชีวิตอันตรายที่อาศัยอยู่นอกประตูจักรวาล พวกมันมีพลังที่อยู่เหนือเกินกว่าจินตนาการ และถ้าหากว่าพวกมันมีความตั้งใจที่จะทำลายล้างจักรวาล ฉันก็ขอบอกได้เลยว่าพวกมันสามารถทำลายล้างจักรวาลแห่งนี้ได้โดยไม่ยากเย็น” 

“ส่วนจุดประสงค์ดั้งเดิมของสมาคมผู้เฒ่าที่สร้างดินแดนกฎขึ้นมา มันก็ไม่ใช่เพียงเพราะว่าพวกเขาต้องการแยกตัวออกมาจากดินแดนคนธรรมดา แต่มันเป็นเพราะว่าพวกเขาต้องการที่จะปกป้องประตูจักรวาลเอาไว้ต่างหาก” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

‘ประตูจักรวาลคือรังของอสูรกายที่โหดร้ายงั้นเหรอ!?’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างตกตะลึง และเมื่อเขานึกถึงความรู้สึกที่ได้เห็นร่างของอสูรกายตัวนั้น มันก็ทำให้เขาขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“แล้วพวกผู้พิทักษ์ล่ะครับ?” เซี่ยเฟยถาม

“ผู้พิทักษ์ก็คือคนที่พยายามปกป้องประตูจักรวาลเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าไปใกล้ประตูจักรวาลอย่างเด็ดขาด แม้แต่คนจาก 2 เผ่าพันธุ์สูงสุดก็ไม่ได้รับการยกเว้น” โอโร่กล่าวตอบ

“นอกจากเผ่าเทพกับเผ่ามารมันยังมีกองกำลังที่ 3 อยู่อีกงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาเพิ่งจะรู้ว่ามันยังมีกองกำลังอีกกองกำลังหนึ่งที่คอยปกป้องประตูจักรวาลเอาไว้อีกด้วย

“ไม่ใช่แค่สาม นอกจากพวกผู้พิทักษ์แล้วมันยังมีกลุ่มกบฏที่อยากจะออกไปผจญภัยด้านหลังประตูจักรวาลด้วย ดังนั้นถ้าหากนายจะพูดให้ถูก มันก็ควรเรียกว่าภายในจักรวาลนี้มีกองกำลังอยู่ทั้งหมด 4 ฝ่ายต่างหาก” โอโร่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“ฝั่งหนึ่งไม่ต้องการให้ใครเข้าใกล้ประตูจักรวาล ส่วนอีกฝั่งหนึ่งต้องการเปิดประตูจักรวาลนั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ เมื่อเขาได้พบว่ามันยังมีความลับอีกมากมายที่เขายังไม่รู้ โดยเฉพาะเรื่องกลุ่มผู้พิทักษ์และกลุ่มกบฏที่เขาเพิ่งได้ยินวันนี้เป็นครั้งแรก

“แล้วที่คุณบอกว่าอสูรกายพวกนั้นไม่ปรากฏตัวขึ้นมานานมากแล้ว การปรากฏตัวของพวกมันมีความหมายว่าอะไรงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“มันก็หมายความว่าดาร์คไนท์กำลังจะมาถึงแล้วยังไงล่ะ?” โอโร่กล่าวตอบไม่ต่างไปจากคำพูดสุดท้ายของเซียงจินเฉิงก่อนที่เขาจะตาย

***************

จบแล้วสำหรับเนื้อหา E-Book เล่ม 15 ในที่สุดการผจญภัยที่ยาวนานและปัญหาที่ยืดยาวของเซี่ยเฟยก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ในที่สุดพี่เฟยก็ได้เจอครอบครัวในสายเลือดที่เหมาะสมกับความบ้าของแกสักที และสงครามการกำจัดตระกูลมูนวอร์ด, ลัทธิเทพโบราณและลัทธิต้นกำเนิดในครั้งนี้ก็คงจะทำให้ไม่มีใครกล้าหาเรื่องสกายวิงและพี่เฟยอีกต่อไป แต่มันจะเป็นแบบนี้จริงเหรอ? ต้องติดตามกันต่อหลังจากนี้เป็นต้นไป

ประกาศแจ้งข่าว E-Book เล่ม 15 (ตอนที่ 781-827) วางจำหน่ายแล้วน๊า ใครที่รอสอยอยู่จัดได้เลยนะจ้ะ เราแปะลิงก์ไว้ให้แล้วหรือสามารถดูข้อมูลและติดตามข่าวสาวได้ที่เพจ สำนักพิมพ์เซียนอ่าน - Xianaan ได้เหมือนกันนะ (❁´◡`❁)

ช่องทาง MEB >> https://shorturl.asia/Z2GND   ช่องทางเด็กดี >> https://shorturl.asia/z475w ช่องทางปิ่นโต >> https://shorturl.asia/QD42c

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.