ตอนที่ 819 ปลดโซ่
ตอนที่ 819 ปลดโซ่
เหล่าบรรดานักรบสกายวิงได้มารวมตัวกันอยู่อย่างเงียบ ๆ ขณะที่เซี่ยบูหยุนยังคงตรวจสอบเข็มทิศมิติอยู่อย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าเขากำลังรอคอยสัญญาณอะไรบางอย่าง
หลังจากสำรวจบริเวณโดยรอบเซี่ยเฟยก็ได้พบว่าสมาชิกธรรมดาของตระกูลไม่ได้อาศัยอยู่ภายในเมืองสายลมอีกต่อไป คนที่เหลืออยู่ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักรบระดับสูงของตระกูล และทุกคนต่างก็รู้สึกโกรธจนดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ
สัญญาณในลักษณะนี้ย่อมเป็นตัวบ่งชี้ว่าพวกเขากำลังจะโต้ตอบอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งหลังจากที่สกายวิงถูกกดขี่อย่างต่อเนื่องมา 6 วัน 6 คืน ในที่สุดมันก็ใกล้ถึงเวลาที่จะปลดโซ่หมาป่าผู้บ้าคลั่งเหล่านี้แล้ว
เมื่อเวลาล่วงเลยไปจนถึงประมาณตอนเที่ยง มันก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยบูหยุน ขณะเดียวกันประตูมิติก็ถูกเปิดออกจากเซี่ยเทียน โดยมันเป็นประตูมิติขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับผู้คนได้เป็นจำนวนมาก
เมื่อเซี่ยเฟยเดินตามฝูงหมาป่าสกายวิงเข้าไปในประตูมิติ เขาก็ได้พบว่าอีกฟากฝั่งของประตูคือทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ที่ถูกประดับประดาเอาไว้ด้วยดอกไม้อันสวยงาม
น่าเสียดายที่เหล่าบรรดานักรบสกายวิงไม่ได้มีเวลาที่จะชื่นชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามเหล่านี้ เพราะพวกเขากำลังพยายามตามหาศัตรูเพื่อมาระบายความอัดอั้นภายในใจของพวกเขา
เซี่ยเฟยมองไปรอบ ๆ ดาวเคราะห์ที่สวยงามดวงนี้อย่างสับสน และเขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเซี่ยบูหยุนถึงได้นำพาพวกเขามายังสถานที่แห่งนี้
เซี่ยบูหยุนส่งเสียงกระแอมขึ้นมาในลำคอเบา ๆ เรียกความสนใจของทุกคนให้มองมาที่เขาได้ในทันที
“ฉันรู้ว่าในช่วงหลาย ๆ วันที่ผ่านมาทุกคนจะต้องพยายามเก็บกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ศัตรูในคราวนี้เป็นศัตรูที่ทรงพลังอย่างที่พวกเราไม่เคยเจอมาก่อน แต่ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีพลังที่มากกว่าพวกมันก็ยังคงเลือกใช้วิธีลอบโจมตีเพื่อพยายามให้พวกเราเหนื่อยล้าลงเรื่อย ๆ”
“น่าเสียดายที่พวกมันลืมไปว่าพวกเราคือดาบคลั่งที่ถูกปิดผนึก พวกมันคิดว่าพวกเราจะยอมแพ้ง่าย ๆ เพียงเพราะว่ากองกำลังของพวกมันมีจำนวนมากกว่าพวกเรางั้นเหรอ?”
คำพูดปลุกใจของเซี่ยบูหยุนได้กระตุ้นความบ้าคลั่งของทุกคนขึ้นมาอีกครั้ง และสิ่งเดียวที่ทุกคนกำลังรอคอยอยู่ในขณะนี้คือคำสั่งให้ลงมือโจมตีจากผู้นำตระกูล
“ทุกคนน่าจะเดาได้แล้วว่าตอนนี้มันถึงเวลาที่พวกเราจะต้องโต้ตอบ 6 วันที่ผ่านมาพวกเราต้องถูกกดดันอย่างหนัก แต่ความอดทนของพวกเรามันก็ไม่ใช่สิ่งที่ไร้ประโยชน์”
“ช่วงเวลาที่พวกเราตั้งรับอยู่นั้นในที่สุดพวกเราก็ได้พบว่านอกเหนือจากลัทธิเทพโบราณกับตระกูลมูนวอร์ดแล้ว มันยังมีกองกำลังที่ 3 เข้าร่วมทำสงครามกับพวกเราด้วย คนพวกนั้นคือคนจากลัทธิต้นกำเนิดซึ่งเป็นศาสนาหลักอีกหนึ่งศาสนาของเผ่าเมอร์แมน สาเหตุที่พวกเรายังไม่ได้เริ่มตอบโต้ตั้งแต่แรก นั่นก็เพราะพวกเราต้องการจะระบุตัวตนของศัตรูให้ได้อย่างชัดเจนซะก่อน พวกเราจะได้กวาดล้างศัตรูของเราให้หมด”
เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อยเมื่อได้รู้ว่าตลอด 6 วันที่ผ่านมาทางตระกูลพยายามสืบหาตัวตนของกองกำลังที่ 3 อยู่อย่างลับ ๆ
สกายวิงไม่ใช่ตระกูลที่ใช้แต่กำลังโดยไม่ใช่สมอง เพราะถ้าหากว่าพวกเขาไม่ได้มีความฉลาดมากเพียงพอ ตระกูลของพวกเขาก็คงจะไม่คงความยิ่งใหญ่มาได้จนถึงทุกวันนี้
โดยปกติลัทธิแต่ละลัทธิจะแยกออกจากกันโดยสมบูรณ์ แต่ลัทธิเทพโบราณกับลัทธิต้นกำเนิดมีความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน ซึ่งในความเป็นจริงลัทธิเทพโบราณก็คือลัทธิที่แยกตัวออกมาจากลัทธิต้นกำเนิดอีกที
เหล่าบรรดาสาวกของลัทธิต้นกำเนิดค่อนข้างที่จะเก็บตัวอยู่อย่างลึกลับ พวกเขาคอยปฏิบัติตัวตามหลักศาสนาของตัวเองอย่างเงียบ ๆ แตกต่างจากลัทธิเทพโบราณที่มีการประชาสัมพันธ์ลัทธิของตัวเองอย่างต่อเนื่อง หลาย ๆ คนจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้ที่จริงแล้วลัทธิเทพโบราณคือลัทธิที่แยกตัวออกมาจากลัทธิต้นกำเนิดอีกที
ความสัมพันธ์ระหว่างลัทธิทั้งสองลัทธินี้เป็นเหมือนพ่อลูกกัน เมื่อลัทธิตัวพ่ออย่างลัทธิต้นกำเนิดรู้ข่าวว่าลูกของตัวเองถูกสกายวิงลบหลู่ พวกเขาย่อมออกหน้ามาให้การสนับสนุนลัทธิเทพโบราณอย่างแน่นอน นอกจากนี้ตระกูลมูนวอร์ดยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคอยยุยงลัทธิทั้งสองอย่างต่อเนื่อง กองกำลังของสองลัทธิกับหนึ่งตระกูลจึงได้รวมพลังกันมาจู่โจมเข้าใส่สกายวิง
นี่คือเหตุผลที่ศัตรูกล้าปิดล้อมเมืองสายลมอย่างหยิ่งยโส เพราะกองกำลังของพวกเขาคือกองกำลังผสมจาก 3 ฝ่าย ทำให้พวกเขามีความแข็งแกร่งมากกว่าสกายวิงเกือบ 3 เท่า
เมื่อความอัดอั้นเริ่มถูกปลดปล่อยบรรยากาศในพื้นที่บริเวณนี้จึงเต็มไปด้วยจิตสังหารอันบ้าคลั่ง
“ฉันไม่สนหรอกว่าพวกมันจะเป็นใคร ตราบใดก็ตามที่พวกมันกล้ามาหาเรื่องพวกเรา พวกมันก็จะต้องได้รับบทเรียนกลับไปอย่างสาสม”
“พวกเรารีบไปฆ่าพวกมันกันเถอะ!”
“ฆ่ามัน!”
ทุกคนต่างก็ตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งเผยให้เห็นเส้นเลือดบนใบหน้าของเหล่าบรรดาหมาป่าสกายวิงอย่างชัดเจน
“ทุกคนคิดผิดแล้ว คราวนี้พวกเราไม่เพียงแต่จะฆ่าพวกมันเท่านั้น แต่พวกเราจะทำลายล้างพวกมันให้สิ้นซาก!!”
“อีก 3 นาทีบรรพบุรุษของเราในแดนเทพจะเริ่มลงมือพร้อมกับพวกเราด้วย ในเวลานั้นพวกมันจะไม่หลงเหลืออะไรอยู่อีกต่อไป”
“เป้าหมายของเราในครั้งนี้คือกำจัดสมาชิกของตระกูลมูนวอร์ด, คนของลัทธิเทพโบราณกับลัทธิต้นกำเนิดให้หมด ห้ามปล่อยพวกมันให้เหลือรอดกลับไปได้แม้แต่คนเดียว!!” เซี่ยบูหยุนส่งเสียงร้องคำรามขึ้นมาดังลั่นเพื่อปลุกระดมนักรบทุกคนของตระกูล
เฮ้!
เหล่าบรรดานักรบสกายวิงต่างก็ส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกัน เพราะในที่สุดพวกเขาก็จะได้โต้ตอบเข้าใส่ศัตรูของตัวเองแล้ว
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงไปชั่วครู่ เพราะในช่วงเวลา 6 วันที่ผ่านมาทางตระกูลไม่เพียงแต่จะค้นหาว่าศัตรูคือใครเท่านั้น แต่พวกเขายังวางแผนจัดการศัตรูให้สิ้นซากอีกด้วย
แม้แต่บรรพบุรุษของตระกูลที่อาศัยอยู่ในเผ่าเทพก็ยังจะร่วมเคลื่อนไหวไปพร้อมกับพวกเขา ดูเหมือนในคราวนี้มันคงจะไม่มีใครสามารถมาหยุดยั้งความบ้าคลั่งของสกายวิงได้อีกแล้ว
“บ้าไปแล้ว! คราวนี้บรรพบุรุษของนายกำลังจะประกาศสงครามกับแดนเทพ!!” โอโร่อุทานขึ้นมาพร้อมกับกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
“คุณหมายความว่ายังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นายลองคิดดูสิว่าคนของลัทธิทั้งสองกับตระกูลมูนวอร์ดย่อมมีเส้นสายอยู่ที่แดนเทพเหมือนกันด้วยใช่ไหม? ถ้าหากคราวนี้บรรพบุรุษของนายเริ่มทำสงครามตั้งแต่เบื้องบน มันก็เป็นการละเมิดกฎที่ทางแดนเทพได้ตั้งเอาไว้ หลังจากจบสงครามในคราวนี้บางทีสกายวิงก็คงจะอยู่ในดินแดนกฎไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” โอโร่กล่าว
เมื่อเซี่ยเฟยลองพิจารณาดูดี ๆ เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เขาได้คิดเอาไว้จริง ๆ เพราะถ้าหากว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเริ่มจู่โจมศัตรูในแดนเทพ เรื่องราวในคราวนี้มันก็คงจะไม่จบลงง่าย ๆ
“บรรพบุรุษบอกว่าคราวนี้พวกเราจะต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพราะเมื่อพวกเราถอนตัวออกจากเมืองสายลมอย่างกะทันหัน ศัตรูต้องกำลังตกอยู่ในความสับสนอย่างแน่นอน พวกเราจะต้องอาศัยความสับสนในคราวนี้เพื่อกำจัดศัตรูในคราวเดียว”
“แม้ว่าดินแดนกฎจะมีกฎเกณฑ์ครอบเอาไว้แต่ตระกูลของเราก็มีกฎที่ห้ามละเมิดด้วยเช่นกัน บรรพบุรุษย้ำเตือนฉันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าในคราวนี้พวกเราจะต้องกำจัดศัตรูลงให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกมากับอะไรตาม!!” เซี่ยบูหยุนร้องคำรามเสียงดัง
กำจัดศัตรูโดยไม่สนใจว่าจะต้องแลกกับอะไรงั้นเหรอ!!
ก่อนหน้านี้พวกเขาแค่จู่โจมเข้าใส่ศัตรูอย่างละมุนละม่อมเท่านั้น มันจึงไม่มีใครคาดคิดว่าสกายวิงจะกล้าแลกเป็นแลกตายกับศัตรูจนถึงระดับนี้
เมื่อศัตรูกล้าท้าทายพวกเขาซ้ำ ๆ พวกเขาก็จำเป็นจะต้องถอนรากถอนโคนศัตรูให้สิ้นซาก แม้ว่าในที่สุดพวกเขาจะต้องถูกขับไล่ออกจากดินแดนกฎ แต่เหล่าคนบ้าของสกายวิงก็ไม่เคยสนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนั้นเลย
สิ่งที่พวกเขาสนใจมีเพียงคนในตระกูลของตัวเองเท่านั้น!
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้ตระหนักแล้วว่าคำว่าสกายวิง มันมีน้ำหนักมากกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้
เพื่อตระกูลนักรบทุกคนพร้อมจะแบกรับทุกความเสี่ยงที่ถาโถมเข้ามาตลอดเวลา แม้ว่าความเสี่ยงนั้นจะหมายถึงการถูกขับไล่ออกไปจากแดนเทพก็ตาม
“ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว!” เซี่ยจงไห่ส่งเสียงคำรามพร้อมกับดวงตาสีแดงก่ำ
“ทำลายพวกมันให้หมด! อย่าให้ใครเหลือรอดกลับไปได้แม้แต่คนเดียว!!”
ดาบคลั่งที่ถูกผนึกได้รับการปลดปล่อยแล้ว และในคราวนี้พวกเขาก็บ้าคลั่งมากกว่าที่เคยเป็นมาก่อน
เซี่ยเฟยกำหมัดภายในมือแน่นพร้อมกับจิตอสูรภายในร่างที่ถูกปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อมีคำสั่งให้จู่โจมโดยไม่สนใจผลลัพธ์ที่จะตามมา เขาก็พร้อมที่จะปลดปล่อยปีศาจออกมาจากภายในใจของเขาด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นเซี่ยเทียนก็เดินเข้ามาหาเซี่ยเฟยอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นดวงตาสีแดงก่ำที่ไม่ได้มีแว่นหนามาคอยบดบังเอาไว้อีกต่อไปแล้ว
“ฉันขอคุยเรื่องกลยุทธ์ฝูงหมาป่ากับนายหน่อย” เซี่ยเทียนกล่าว
เซี่ยเฟยเคยเห็นกลยุทธ์ฝูงหมาป่าของสกายวิงในสงครามกับตระกูลมูนวอร์ดมาก่อนแล้ว ซึ่งกลยุทธ์การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในครั้งนั้น มันก็สร้างความประทับใจให้กับชายหนุ่มชนิดที่ยากจะลืมเลือน
“ผมคิดว่าผมคงจะปรับตัวเข้ากับทุกคนไม่ได้ง่าย ๆ ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
พูดตามตรงว่ากลยุทธ์หมาป่าของสกายวิงมีการเคลื่อนไหวประสานงานกันที่สมบูรณ์แบบมาก แต่น่าเสียดายที่การต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เซี่ยเฟยย่อมไม่มีเวลาฝึกฝนประสานงานร่วมกับคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นแม้ว่าเขาจะชื่นชมกลยุทธ์หมาป่าของสกายวิงมาก แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเข้าร่วมในกลยุทธ์นี้ได้
“นายกำลังคิดอะไรอยู่? กลยุทธ์ฝูงหมาป่าต้องเรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงแม้นายอยากจะเรียนในตอนนี้แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ฉันต้องการจะบอกคือนายจะต้องกลายเป็นหมาป่าเดียวดายในฝูงหมาป่าของพวกเรา” เซี่ยเทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“หมาป่าเดียวดาย!?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
“ใช่ การเคลื่อนไหวของนายเป็นอิสระจากทุกคน หน้าที่ของนายคือการทำยังไงก็ได้เพื่อทำลายแนวป้องกันของศัตรูและเปิดโอกาสให้นักรบคนอื่น ๆ ในตระกูล”
“ฉันรู้ว่าหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ที่ยากมาก แต่ฉันก็เชื่อว่านายจะต้องรับบทบาทหมาป่าเดียวดายคนแรกของตระกูลได้อย่างดีแน่ ๆ”
***************
สกายวิงประกาศสงครามทั้งฆ่าล้างบางศัตรูทั้งดินแดนกฎและเผ่าเทพ!!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 346
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น