บทที่ 14...2/3

จันทร์ซ่อนใจ

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 14...2/3

          พันธินตื่นเช้ากว่าเวลาปกติ อาจเป็นเพราะเขาหลับมาตลอดบ่ายของเมื่อวาน ทำให้ร่างกายพร้อมสำหรับการทำงานในวันนี้ เมื่อเดินลงมาที่ห้องอาหาร เสียงความคิดของสาวใช้เริ่มไม่กวนใจเขา ไม่ใช่ว่าพวกเธอเหล่านั้นคิดน้อยลง แต่เขาเริ่มชินกับสิ่งที่พวกเธอคิดต่างหากเพราะมันจะคล้ายกันทุกวัน ทำงานเสร็จ รอเวลา เงินเดือนออก ของที่อยากได้ อ้อ วันนี้มีเรื่องหนุ่มในตลาด ก่อนแถมท้ายด้วยตุลยากลับมาแล้ว

          เขายิ้มให้ตุลยา แม้จะรู้ล่วงหน้าไม่ถึงสองวินาที การแสดงออกว่าแปลกใจคงดีที่สุดสำหรับการกลับมาของคนในครอบครัว สองสัปดาห์ผ่านไปเร็วจนเขาลืมไปชั่วขณะว่ายังมีเรื่องค้างคาใจกับแม่เลี้ยงที่อายุเสมือนพี่สาว

          “กลับมาแล้วหรือครับ”

          “ค่ะคุณธิน ตุลกลับมาถึงตอนตีสอง คุณธินสบายดีแล้วนะคะ ได้ข่าวว่าถูกลอบยิง แล้วยังมาแพ้อาหารจนเข้าโรงพยาบาลอีก ตุลดีใจนะคะที่คุณธินยังปลอดภัย”

          “ผมหายดีแล้วครับ ขอบคุณที่ถาม” เรียวปากหนายิ้มเมื่อรู้ได้ว่าตุลยาดีใจที่เขาปลอดภัยจริงๆ ก่อนเอ่ยเรื่องที่จะทำให้สีหน้าของตุลยาซีดเผือด “ไหนๆ คุณตุลก็กลับมาแล้ว ผมคิดว่าเรื่องที่คุยกันค้างไว้ ผมน่าจะไปบอกกับพ่อได้แล้ว”

          “อย่านะคะ” ตุลยาร้องห้ามเสียงหลง

          เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่น คิดสิ มันเรื่องอะไรกัน กลไกของสมองยามที่มนุษย์ตกอยู่ในความกังวลหรือกลัว น่าจะต้องคิดเรื่องที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นไม่ใช่หรือ แล้วทำไมตุลยาถึงไม่คิดถึงเรื่องนั้น หรือว่ามันไม่น่าคิดถึง คงเป็นเรื่องที่น่าดีใจถ้าเขาตัดตุลยาออกไปจากคนที่น่าสงสัยได้

          “จะให้ผมเป็นคนบอกหรือว่าคุณตุลจะบอกเองครับ ผมคิดว่าพ่อน่าจะโกรธน้อยกว่าถ้าคุณตุลเป็นคนพูดเอง แม้ว่ามันจะเสี่ยงบ้านแตกก็ตาม ความจริงใจเป็นสิ่งที่พ่อของผมต้องการ”

          เธอคงต้องทำแบบนั้นสินะ ถึงเหตุการณ์จะผ่านมาเป็นปีแล้วก็ตาม แต่ว่าเธอได้ทำสิ่งนั้นลงไปจริงๆ และไม่น่าให้อภัยได้ แม้ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นเพราะความกลัวจากความรัก ตุลยาถอนใจรวบรวมความกล้า คุณเธียรรักเธอ หวังว่าเขาจะให้อภัยสำหรับการปิดบังมาตลอด

          “ก็ได้ค่ะ ฉันบอกเอง ทำไมคุณธินต้องบังคับฉัน ในเมื่อสิ่งที่ฉันทำก็เพื่อพ่อของคุณ”

          ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ? พันธินอยากถามออกไปแบบนั้น แต่ทำไม่ได้ เมื่อเดินหน้าแล้วต้องก้าวต่อไปเท่านั้น

          “เชิญครับ”

          ร่างสูงเดินตามมาแม่เลี้ยงไปยังสวนชั้นลอยตามที่พ่อบ้านบอก เธียรนั่งอยู่ที่นั่น สายตาพ่อที่มองภรรยาแสดงออกว่ารัก แม้ว่าการแสดงออกด้วยคำพูดจะน้อยครั้ง พ่อของเขาเป็นคนปากแข็งในเรื่องของการแสดงความรู้สึก แต่ว่าตุลยาไม่เคยนำเรื่องนี้มาน้อยใจ

          “ตุลมีเรื่องจะสารภาพค่ะคุณเธียร” เธอกัดริมฝีปากมองใบหน้าของสามีสลับกับลูกเลี้ยงก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผู้ชายที่เธอรักที่สุด เขาดีกับเธอและให้ทุกอย่างกับเธอได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาให้แก่เธอไม่ได้

          ‘ลูกจ๋า แม่ขอโทษ แม่ทำแท้งก็เพื่อที่ลูกจะได้ไม่เกิดมาผิดปกติ’

          “เรื่องอะไรหรือตุล” เธียรถาม

          พันธินมองตุลยา สมองของเธอยอมบอกความลับแก่เขาแล้ว แต่หากว่าเป็นเรื่องนี้ เขาควรปล่อยให้เธอพูดหรือยอมให้มันเป็นความลับต่อไป มือหนายื่นไปวางบนไหล่บางแล้วเป็นฝ่ายพูดขึ้นเสียเอง

          “ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณตุลแค่รู้สึกผิดที่ไปยุโรปคราวนี้ใช้เงินไปมากเท่านั้นเอง ถ้าเรื่องแค่นี้ไม่มีใครว่าอะไรหรอกครับ นานๆ คุณตุลจะไปเที่ยวสักทีใช่ไหมครับพ่อ”

          “ไหนคุณธิน...”

          “พ่อไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ”

          พอแล้วไม่พูดต้องออกมา ถ้าตุลยาฟังความคิดของเขาได้คงเข้าใจ แต่เพราะเธอไม่ได้ยินถึงได้มองเขาอย่างไม่เข้าใจ แม้จะโล่งอกที่ไม่ต้องพูดเรื่องน่าเศร้านั้นออกมา

          เธียรสงสัยท่าทีของลูกชายกับภรรยา แต่เขาเชื่อใจทั้งสองคนเกินกว่าจะคิดเรื่องสกปรกได้ บางเรื่องเขาควรได้รู้ และบางเรื่องเขาควรทำเป็นไม่รู้ แม้จะรู้มาตลอดก็ตาม

          “ไม่ต้องคิดมากหรอก เธอลืมไปแล้วหรือเปล่าฉันดูแลเธอได้”

          “ขอโทษนะคะ” ตุลยายกมือไหว้ เธอรู้ว่าสามีอยากมีลูก เราเกือบทำสำเร็จแล้ว ถ้าเพียงแต่เด็กจะไม่พิการตั้งแต่ในท้อง ทำให้เธอต้องจำใจทำแท้งและบอกเขาว่าตัวเองไม่แข็งแรง ลูกเลยไม่อยู่กับเรา

          นี่เองสินะ ความลับทั้งหมดของตุลยา เธอเป็นคนเสียสละ แต่ไม่พูดอะไร สิ่งที่ทำไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่เธอกลับรู้สึกผิดและกลัวความลับจะเผยออกมา ทั้งที่จริงแล้วเธอกลัวพ่อของเขาเสียใจมากกว่าที่จะถูกโกรธด้วยซ้ำ

          “ผมออกไปดีกว่า คุณตุลไม่ต้องคิดมากหรอกนะครับ”

          ตุลยายิ้มให้พันธิน เขาพยักหน้าแล้วเดินจากมา เมื่อก่อนเขาเคยสงสัยว่าตุลยารักพ่อของเขาจริงๆ หรือเปล่า ตอนนั้นเขาเอาแต่ระแวง ทว่าเวลานี้เขาควรวางใจได้แล้วว่าพ่อได้คู่ชีวิตที่ดีพอจะเชื่อมั่นไปตลอดชีวิต

 

          พันธินกลับไปทานอาหารเช้าเพียงลำพัง เลขาโทรมาถามว่าเขาวันนี้เขาจะเข้าออฟฟิศหรือเปล่าเพราะมีประชุมสำคัญ เขาอยากหัวเราะ สำหรับเอ็มไพร์ กรุ๊ปแล้ว ทุกอย่างคงสำคัญไปหมด เมื่อเลขาได้คำตอบแล้วก็วางสายไป ตุลยาเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะอาหาร สมองของเธอมีคำถามมากมาย

          “ทำไมคุณธินถึงพูดไปแบบนั้น”

          “ผมเปลี่ยนใจ”

          ที่เขาเปลี่ยนใจไม่ใช่เพื่อพ่อ แต่เพื่อตุลยา พ่อรู้แต่ทำเป็นไม่รู้ ถ้าพ่อจงใจให้มันเป็นอย่างนั้น ก็ควรเป็นอย่างนั้นต่อไป การทำตามสิ่งที่หมอวินิจฉัยย่อมเป็นเรื่องที่ตุลยาสมควรทำแล้ว

          “ฉันดีใจนะคะที่คุณธินเข้าใจ ดีจริงๆ ที่ฉันไม่ต้องเก็บความลับนี้ไว้คนเดียว” ตุลยายิ้มกว้าง มันคงเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกดีกับพันธิน ที่ผ่านมาเธอรู้สึกเหมือนถูกเขาจับผิดอยู่ตลอดเวลา

          พันธินเพิ่งเข้าใจ อย่างนี้เองใช่ไหมเหตุผลที่แม่เลี้ยงอยากให้พันแสงเป็นคนกลับมาแทนเขาที่คอยสังเกตจงกลายเป็นเหมือนจับผิด

          “ดูแลพ่อของผมไปตลอดชีวิตนะครับ”

          “ถึงคุณธินไม่บอก ฉันก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้วล่ะคะ ขอบคุณนะคะที่คุณธินเปลี่ยนใจ”

          พันธินพยักหน้าแล้วจัดการอาหารที่เหลือในจานของตัวเอง ตอนนี้คนที่น่าสงสัยก็เหลือแค่จิณณ์กับสรัชสินะ ดรัณเตือนเขาว่าไม่ควรเอาตัวเข้าไปใกล้สองคนนั้นอีก ความระแวงก็เหมือนกลไก เมื่อเริ่มแล้วการที่จะหยุดมันได้มีเพียงสองทาง ทางแรก มีคนไปหยุด หรือไม่ก็รอให้เครื่องพังไปเอง เขาไม่มีทางเข้าไปหยุดแน่ๆ

 

          เย็นวันศุกร์ อรอินทุ์งดรับนัดเพื่อรีบกลับมาบ้านเตรียมทำอาหารสำหรับพันธิน แม้ไม่ใช่โอกาสพิเศษอะไร แต่ความสงสัยควรได้รับคำตอบ ก่อนหน้านี้เธอรวบรวมความกล้าส่งข้อความทางแชทไปชวนเขามากินข้าวด้วยกัน ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน

          ‘พรุ่งนี้มาทานข้าวด้วยนะคะ ฉันอยากทำอาหารขอโทษคุณธินค่ะ’

          เรื่องขอโทษเป็นส่วนหนึ่งของการนัดหมาย เธอมีเรื่องสงสัย ครั้นจะถามเขาตามตรง ถ้าไม่ใช่อย่างที่คิด เขาคงคิดว่าเธอบ้าหรือดูละครมากไป ฉะนั้นการพิสูจน์เล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มีอันตรายจึงเกิดขึ้น เธอแวะตลาดก่อนกลับมาบ้าน ผักหลายอย่างถูกซื้อมาเพื่อประกอบอาหาร แต่หนึ่งในผักเหล่านั้น มีผักอยู่ชนิดเดียวที่เธอจะดูคนกินเป็นพิเศษเชียวล่ะ

          อิชย์กลับมาตอนหกโมงตรง อาหารเกือบเสร็จพอดี พอหกโมงครึ่ง ยัยเฉาก๊วยก็ส่งเสียงงี๊ดๆ แน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหน งานนี้มีวัดดวง ขอให้เธอแค่คิดบ้าๆ ไปเท่านั้น แม้บางครั้งก็อยากให้เป็นเรื่องจริง พันธินเดินเข้ามาในบ้าน อรอินทุ์ออกมาจากห้องน้ำพอดี

          “เชิญค่ะ พ่อรอที่โต๊ะแล้ว คุณธินหายดีแล้วนะคะ”

          “อืม หายแล้ว ฉันไปทำงานตามปกติมาสองวันแล้ว ลุงอิชย์ไม่ได้บอกเธอเหรอ” เขาพ้อเบาๆ นึกว่าอรอินทุ์จะโทรหาเพื่อถามอาการบ้าง แต่เธอกลับส่งข้อความขอนัดกินข้าว

          ฟังแล้วรู้สึกผิดจังแฮะ เพราะเรื่องคืนนั้นที่เขาเผาภาพทำให้อรอินทุ์ไม่แน่ใจว่าควรทำยังไง หากยังสงสัยอยู่ แต่ถ้าดูจากตรงนี้ ยังไงเขาก็เป็นคุณธินชัดๆ เอาน่า ทำแล้วจะได้หายสงสัย คุณแสงชอบหรือไม่ชอบอะไร ทำไมเธอจะไม่รู้

          พันธินยิ้มยังไม่ทันคลายก็อยากถอนใจ อรอินทุ์คิดแผลงๆ อยู่เรื่อย แล้วพอเดินตามเจ้าของบ้านมาในห้องครัวที่แบ่งเป็นส่วนทำอาหารกับส่วนที่กินข้าวก็แทบจะร้องเฮ้อ นี่เธอสงสัยเขาจริงๆ น่ะหรือ

          “ทำไมมีแต่เมนูผักล่ะลูกอร” อิชย์ถาม ปกติแล้วลูกสาวของเขากินผักได้กี่อย่างกัน แต่อาหารมื้อนี้เหมือนยกแปลงผักมาทั้งแปลงเลยละมั้ง

          อรอินทุ์นั่งตรงข้ามกับพันธิน สายตาคมวาวสังเกตเขาผ่านๆ ไม่อยากให้รู้ตัวว่าเธอวางแผนทำอะไรอยู่ เป้าหมายอยู่ที่ผักกะหล่ำปลีห่อหมู พันแสงไม่ชอบกลิ่นของกะหล่ำปลีเพราะว่ามันเหม็นเขียว

          “เพื่อสุขภาพยังไงล่ะคะพ่อ อรทำสุดฝีมือเลย กินข้าวกันเยอะๆ นะคะ”

          “น่าอร่อยจริงๆ ด้วย กินเลยแล้วกันนะ” พันธินยื่นมือไปจับช้อนกลางของชามกะหล่ำปลีห่อหมูเป็นอย่างแรก

          อรอินทุ์มองแทบจ้อง เขาตักไปแล้วและกินอย่างสบายๆ ไม่มีท่าทางอยากคายทิ้งสักนิด ดูถูกใจเสียด้วยซ้ำ ไม่เป็นไรแผนสองยังมี พันแสงกินเผ็ดไม่ได้ รับรองน้ำพริกถ้วยนี้คงบอกอะไรเธอบ้าง

          ‘ไม่กล้ากินล่ะสิท่า ใส่พริกไปสิบเม็ดเชียวนะ ไม่กล้าแน่ๆ’

          พันธินตักน้ำพริกมาใส่ผักกาดลวกแล้วเคี้ยวชอบใจพลางยกนิ้วโป้งให้ อรอินทุ์จ้องเขม็งรอเวลาว่าเมื่อไหร่เขาจะคายทิ้งแล้วดื่มน้ำตาม แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นไปได้ยังไง

          “ไม่ต้องจ้องเหมือนกลัวว่าฉันจะตายเพราะน้ำพริกของเธอขนาดนี้หรอกน่า”

          อิชย์ส่ายหน้ายิ้ม อรอินทุ์สะดุ้งเพิ่งรู้ตัวว่าจ้องพันธินอย่างเอาเป็นเอาตาย เขากินผักกะหล่ำปลีและน้ำพริกโคตรเผ็ดของเธอได้ เพราะฉะนั้นเธอคงคิดมากไปเอง คุณธินจะเป็นคุณแสงไปได้ยังไง ไม่ใช่หนัง Face off สักหน่อย ถึงแม้สองคนนี้จะหน้าเหมือนกัน จนถูกเข้าใจว่าเป็นฝาแฝดบ่อยๆ ก็ตามถอะ

          เฮ้อ! โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่มีใครสงสัยว่าเธอคิดบ้าๆ อะไร

          พันธินยิ้มอยู่ในใจ อรอินทุ์โชคดีที่เขาไม่พูดอะไรต่างหากล่ะ

 

          เมื่ออรอินทุ์สงสัยก็ต้องพิสูจน์ ว่าแต่เธียรจะวางแผนหาคู่ครองให้พันธินอีกแล้ว พันธินไม่ยอมแน่ๆ  แต่เขาจะแก้ปัญหายังไง

แจ้งข่าวนะคะ

1 จันทร์ซ่อนใจ ได้วางจำหน่ายในรูปแบบ E-Book แล้วนะคะ (20/11/2023)  ในหมวด นิยายรัก เว็บ/แอพพลิเคชั่น MEB ค่ะ

ลิงค์ค่ะ

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntz...

2 โบว์ทำโปรโมชั่นเรื่อง จันทร์ซ่อนใจ จากราคาปกติ 249 ลงเหลือ  149 บาท 17 วัน ตอนเหลือเวลา 1 วันค่ะ  สามารถพาอรอินทุ์กับพระเอกของเธอมาไว้ที่ชั้นหนังสือในราคาน่ารักได้แล้วนะคะ

3  โบว์จะลงจันทร์ซ่อนใจให้อ่านถึงบทที่ 14 แล้วหยุดการลงนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาด้วยกันค่ะ

  •  

 

จันทร์ซ่อนใจเป็นนิยายที่จะคุณรู้ว่าการรอคอยและไม่หมดหวัง

สักวันคุณจะสมหวัง...

และร่วมกันหาฆาตกรตัวจริงด้วยกัน หวังว่าจะชอบนะคะ

  •  
  • _บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.