บทที่ 39 รังเกียจไหม!!
ประโยคที่เขาเอื้อนเอ่ยบอกออกมา ยังคงดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทและอบอวลอยู่ในหัวใจที่กำลังสั่นไหว ฉันเงยหน้ามองเขาด้วยความรู้สึกเต็มตื้น ข้างในหัวใจมันพองโตคับแน่นเต้นระรัวจนแทบจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอก
ฉันทำได้เพียงกอดตอบเขากลับไป ใบหน้าซุกเข้ากับอกแกร่งหนาแน่นแข็งแรง ที่ให้ความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาที่ค่อยๆ ซึมออกมาเปื้อนเปรอะไปที่ชุดนอนของเขาจนเขารู้สึกได้
“ร้องไห้ทำไมค่ะ..” เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม
“รังเกียจที่จะเป็นเมียเฮียหรอ” น้ำเสียงเขาดูเป็นกังวล
ฉันซุกหน้าอยู่กับที่ โดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาเลย...
“ถ้าไม่รังเกียจก็เงยหน้ามาบอกเฮียหน่อยได้ไหม ว่าตกลงเป็นเมียเฮียไหมคะ” เขาพยายามดันตัวฉันให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
ฉันยังคงนิ่ง แม้น้ำตาจะแห้งเหือดไปบ้างแล้ว แต่กลับมีบางสิ่งที่ทำให้ฉันต้องหยุดคิด หลายสิ่งหลายอย่างในความคิดของฉันมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะความรู้สึกที่มีต่อเขา
การที่เขาแกล้งลองใจฉัน มันไม่ใช่แค่เขาที่ได้เห็นอะไรชัดเจนขึ้น แต่เป็นตัวฉันเองด้วยที่ทำให้รู้ตัวเองว่าฉันนั้น ‘ยอมรับเขาเข้ามาในหัวใจ’
ฉันค่อยๆ ละตัวออกจากอกของเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขา สายตาของเขาบ่งบอกว่ารอคำตอบจากฉันอยู่ และเหมือนว่าคำตอบนี้มันจะมีความหมายกับเขามากเหมือนกัน
“ว่าไงคะ รังเกียจที่จะเป็นเมียของเฮียไหม”
ฉันมองหน้าเขาสายตาสั่นระริก ดวงตากลมโตพยายามมองเข้าไปในดวงตาสีเทาเข้มที่มีเสน่ห์คู่นั้นให้ลึกขึ้นเผื่อจะเจอกับคำเตือนให้ถอยห่างหรือคำหลอกลวงที่เขาซุกซ่อนเอาไว้ เพื่อทำลายจิตใจของฉันอีกเหมือนกับอดีตที่ฉันเคยได้รับจากคนรัก แต่แปลกที่ฉันไม่เจอสิ่งเหล่านั้นในสายตาคู่นี้เลย
ในดวงตาคู่นั้นที่ฉันกำลังจ้องมองมัน กลับมีแต่แววตาสุกใสที่ส่องประกายความจริงใจออกมาอย่างท่วมท้น จนคนที่มองรู้สึกได้
“ยินดีจะเป็นเมียของเฮียคนเดียว และตลอดไปไหมคะ” คำพูดที่เหมือนเป็นคำขอแต่งงานเอื้อนเอ่ยออกมาอีกครั้ง
และครั้งนี้ที่เขาถามฉัน ฉันก็ได้พบกับคำตอบที่อยู่ภายในใจแล้ว
ฉันพยักหน้า พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอสองตาสวย
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ” เขายิ้มด้วยความดีใจ มันเป็นยิ้มที่กว้างมาก และเป็นยิ้มที่ฉันชอบ เพราะเวลาเขายิ้มมันเหมือนโลกจะหยุดหมุน เหมือนเขาร่ายเวทมนตร์ไม่ให้ฉันละสายตาไปจากรอยยิ้มนั้นได้เลย
“ไม่ร้องนะคะ เฮียบอกแล้วไงว่าเฮียจะไม่ทำให้เอลิซต้องร้องไห้เพราะเฮียอีก” เขาเอ่ยบอก พร้อมใช้ปลายนิ้วเรียวค่อยๆ เช็ดซับน้ำตาที่ไหลซึมออกมาทางหางตาคู่สวยของฉัน การกระทำแสนละมุน ความอบอุ่นจากปลายนิ้วแผ่ซ่านมาถึงกลางใจ
เขามองตาฉันอยากเปิดเผยความรู้สึก ก่อนจะค่อยๆ ประทับริมฝีปากหนาละมุน ลงมาบนริมฝีปากอวบอิ่มนุ่มนิ่มของฉัน เราสองคนจูบกันเนิ่นนาน ความร้อนจากลมหายใจที่รดใส่กันกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนปลอดภัย มันหอมหวานจนต้องเผยอปากรับลิ้นอุ่นให้เข้ามาเติมเต็มรสสัมผัส ความนุ่มนิ่มตวัดไหวในโพรงปากให้ความรู้สึกเร่าร้อนวาบหวาม ความซุกซนของปลายลิ้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น สองลิ้นเกี่ยวตวัดกันไปมาเก็บเกี่ยวความสุขราวกับกลัวว่าจะต้องพรากจากกัน ปากหนาละมุนถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งด้วยความเสียดาย เพราะอยากจะบอกสิ่งที่อยู่ในใจให้คนตรงหน้าฟัง เพื่อให้เธอมั่นใจในตัวเขามากยิ่งขึ้น
“แต่เรื่องนั้น...เฮียจะไม่รีบเร่งไม่เร่งรัดเอลิซ เฮียจะรอจนกว่าเอลิซจะหาย...เอ่อ...กลัว” เขาเอ่ยอย่างระมัดระวังเพราะกลัวจะกระทบกับความรู้สึกของเธอ
เขาคิดอย่างที่เขาพูดกับเธอไปจริงๆ เขาไม่รู้หรอกว่าเธอจะหายจากอาการกลัวเรื่องนั้นได้ตอนไหน แต่แค่ตอนนี้เขามีเธออยู่ข้างกาย แค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว แล้วยิ่งรู้ว่าเธอรู้สึกแบบเดียวกับเขา มันยิ่งกว่าความสุขไหนๆ ที่เขาเคยได้เสียอีก
--- เอลิซ Talk ---
ฉันพยักหน้า และนึกขอบคุณเขาอยู่ในใจที่เขายังแคร์ความรู้สึกของฉัน ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อถึงเวลานั้นฉันจะยอมรับเขาได้ไหม หรือว่าฉันจะกลัวเขาแบบนั้นอีก ทุกอย่างคงต้องใช้เวลาอย่างนั้นก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตต่อไปแล้วกัน เขาไม่คิดเร่งรัดฉัน ส่วนตัวฉันก็จะไม่เร่งรัดตัวเองให้ต้องรีบยอมรับทำเรื่องแบบนั้นกับเขา ดีเสียอีกสิ่งนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าเขาดีกับฉันจริงและไม่คิดทำร้ายฉัน ถึงที่ผ่านมาสิ่งที่เขากระทำพฤติกรรมของเขาที่มีต่อฉันนับตั้งแต่เขาขอโอกาสจากฉันมันก็เป็นเครื่องยืนยันเบื้องต้นได้แล้วว่าฉันสามารถไว้ใจเขาได้จริงๆ ...และฉันหวังไว้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายหัวใจของฉันเหมือนกับคนที่ผ่านมา...
หลังจากที่เราเข้าใจกันและกันมากขึ้น เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก ความรู้สึกอิ่มเอมมันมากล้นจนทำให้เรานอนไม่หลับ ได้แต่นอนกอดก่ายกัน นานเท่าไรไม่รู้ จนฉันเหลือบไปมองนาฬิกา บ่งบอกว่าในอีกไม่ช้าตะวันจะขึ้นมาทักทายท้องฟ้าอีกครั้งนึง
“เฮียนอนพักต่ออีกสักหน่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวเอลิซไปเตรียมอาหารเช้าให้ วันนี้เฮียจะเข้าบริษัทใช่ไหมคะ แต่เฮียอย่าลืมนะว่าเฮียสัญญาแล้วนะว่าจะพาเอลิซไปด้วย” ฉันเอ่ยทำลายความเงียบเงยหน้ามองเขาที่เอาคางเกยหัวฉันอยู่
“ความจำดีจังเลยนะ” เขาตอบกลับมาด้วยประโยคที่มีเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ
“แน่นอนก็เอลิซยังไม่แก่...นี่ค่ะ” ฉันเน้นคำว่าแก่ใส่เขา
“คนแก่ทำให้คราง...เก่งนะ อยากลองม๊าาา” เขากระชับกอดแน่น ก่อนจะก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูส่งความสยิวมาที่กกหูสาว
“ทะลึ่งนักนะเฮีย ไหนจะไม่เร่งเรื่องนี้กับเอลิซไง ไม่ทันไรก็หื่นใส่อีกแล้ว” ฉันอดแขวะเขาไม่ได้ เอะอะเป็นแทะโลมตลอด
“แหมมม นิดนึงหน่า ให้เฮียได้แทะโลมบ้าง ตอนนี้เฮียก็ทำได้แค่นี้แหละ สงสารเฮียเถอะนะ ถ้าเฮียไม่ได้ลูบคลำจับ กอด หอมดม ดูดดึงบ้าง เฮียคงลงแดงตายแน่” เขาเอ่ยเสียงกระเส่า ออดอ้อนขอความเห็นใจจากฉัน จนฉันอดไม่ได้ที่จะขำในความทะเล้นทะลึ่งของเขา
“เอาล่ะค่ะ เฮียนอนเล่นไปก่อน สักพักก็ลุกไปอาบน้ำนะคะ เดี๋ยวเอลิซไปเตรียมอาหารรอ ขืนอยู่ต่อมีแต่เสียเปรียบคนเจ้าเล่ห์” ฉันยกมือที่กอดฉันออกจากตัว แล้วลุกขึ้นไปเพื่อจะลงไปเตรียมอาหารไว้รอ
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 115
แสดงความคิดเห็น