บทที่ 7...2/2

จันทร์ซ่อนใจ

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 7...2/2

ร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจากร้านดอกไม้ของดรุณีเท่าไหร่นัก เดินทางเพียงสามสิบนาทีก็ถึงแล้ว น่าแปลกที่พันธินไม่พูดอะไรเลย เธอเองไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกัน เรานั่งรถมาด้วยกันเงียบๆ อันชวนอึดอัดจนถึงร้าน คู่รักไม่ควรอยู่ในสภาพแบบนี้ เขาจองโต๊ะเอาไว้แล้ว แต่กลับไม่ได้สั่งอาหารไว้ ทุกทีเขาจะจัดการทุกอย่าง เธอมีหน้าที่แค่มาทาน แล้วก็ฟังเขาพูดเท่านั้น

“ณีสั่งแล้วกันนะ ผมยังไงก็ได้ ทานได้หมด”

ดรุณียิ้มเฝื่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการคุยจึงสั่งอาหาร เธอไม่เข้าใจว่าพันธินทำแบบนี้ทำไม คราวก่อนที่เธอไปหาเพราะอยากพูดเรื่องนั้น แต่เขากลับทำเหมือนจำอะไรไม่ได้ แม้กระทั่งเรื่องที่เธอบอกเขา

‘หรือว่าธินจะจำเรื่องทุกอย่างได้แล้วเลยมารั้งเราไว้ แต่ทำไมเขาไม่พูดอะไร จะบอกยังไงดีว่าเราบอกเลิกธินไปแล้วตั้งแต่ก่อนไปอเมริกา เขาจำได้หรือไม่ได้กันแน่นะ’

การที่พันธินบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทำให้ดรุณีไม่สามารถบอกใครๆ ในเรื่องนี้ได้และเธอไม่ใจร้ายพอที่จะบอกเขาเมื่อเราได้พบกันอีกครั้ง ที่สำคัญนักข่าวคงเล่นข่าวรักร้างและการนอกใจของเธอนานเป็นสัปดาห์แน่ๆ เวลาเกือบหนึ่งปีและการที่เขาไม่เคยสนใจเธอในฐานะคู่หมั้น ความรักของเธอกับชายอีกคนได้งอกงามขึ้นแล้ว ควรทำยังไงกับเขาดี

“งานเลี้ยงต้อนรับผมพรุ่งนี้ ผมอยากให้ณีไปนะ นานแล้วที่เราไม่ได้อยากงานด้วยกัน” พันธินแสร้งยิ้ม ช่างน่าอึดอัดเมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการเลิก แต่ยังเลิกไม่ได้ด้วยเหตุผลมากมาย ความรักไม่เคยมีมาตั้งแต่แรกแล้วสินะ

“ณียังไม่แน่ใจค่ะ” เธอไม่ควรแสดงออกว่ายังต้องการเป็นคู่หมั้น แต่ยังไม่รู้จะหาทางออกยังไง‘หรือยังไม่ไปดี สรัชจะยอมไหมนะ’

พันธินคลี่ริมฝีปาก นี่เองสินะชายอีกคนที่รักงอกงาม เขาไม่เสียใจและไม่ผิดหวัง ดวงตาทั้งสองข้างมองผู้หญิงที่พ่ออยากให้เขาแต่งงานด้วยความเฉยชา เธอถูกประเมินด้วยสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ได้ ตระกูลเก่าแก่ พ่อเป็นนักการเมืองมีอำนาจในมือ ส่วนแม่เป็นอัยการ ครบเครื่องมีอำนาจและกฎหมาย

“ผมคิดว่าในงานคงมีเรื่องเซอร์ไพรส์หลายเรื่อง เอาเป็นว่าไม่ว่ายังไงณีควรไปนะ ผมอยากให้ณีไป ไม่อย่างนั้นผมจะควงใครล่ะ” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ดรุณียังคงยิ้ม แม้ร้อนใจอยากโทรหาสรัช  “ค่ะ ณีจะไป”

อาหารที่สั่งมาพอดี ทำให้การคุยเรื่องที่ทำให้หญิงสาวหายใจไม่ทั่วห้องหยุดลงชั่วคราว แต่ถึงกระนั้นการที่เธอเป็นดาราดังและมีคนรู้จักมากมาย แม้การมาทานอาหารก็ไม่พ้นถูกมอง บางคนมาขอถ่ายรูปซึ่งช่วยให้เธอไม่ต้องกลับไปคุยกับพันธินจนกระทั่งเราต่างแสดงออกว่าอิ่มแล้ว ถ้าเขาจำทุกอย่างได้เธอคงไม่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการถูกกล่าวว่าจากสังคมว่าเป็นผู้หญิงหลายใจ ทำไมเขาถึงลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้นะ

 

อิชย์เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นสูทสากลสีเทา เนคไทสีขาวที่อรอินทุ์เป็นคนไปหาซื้อให้ วันนี้เป็นวันสำคัญ เขาต้องแต่งตัวให้เข้ากับงาน พอเดินลงมาชั้นล่าง ลูกสาวที่ควรพร้อมในชุดราตรีกลับกำลังดูแลเรื่องอาหารให้เฉาก๊วย พอเสร็จก็เดินมาหาแล้วปากหวานใส่ผู้เป็นพ่อทันที อายุห้าสิบกว่าๆ แต่ยังฟิตและเฟิร์มได้ไม่ลงพุงเท่าไหร่นี่ถือว่าพ่อนอกจากแข็งแรงแล้วยังดูแลตัวเองดีอีกด้วย

“หล่อเชียวค่ะพ่อ วันนี้อรขับรถให้ดีไหมคะ พ่อจะได้นั่งสบายๆ”

“ดีสิลูกอร แล้วอรน่ะทำไมไม่ไปแต่งตัวเสียที วันนี้เราไปงานนี้ด้วยกันนะ เอ หรือว่าพ่อยังไม่ได้บอก”

“บอกแล้วค่ะ แต่พ่อก็รู้ว่าอรไม่ชอบ” โดยเฉพาะการไปงานของเอ็มไพร์ กรุ๊ป เธออยากเป็นแค่ลูกของพ่อ ไม่ใช่ลูกสาวของทนายประจำตระกูลวัสวาน

“ไม่ชอบก็ต้องทำ การเปิดบริษัทต้องรู้จักคนให้มากๆ นอกจากได้ติดต่อธุรกิจแล้ว ยังได้ฝึกพิจารณาคนที่เข้ามาหาเราด้วยร้อยแปดเหตุผล ไม่มีใครรู้ว่าคนพวกนั้นจริงใจหรือไม่จริงใจ นอกจากตัวเราเอง” อิชย์สอน

อรอินทุ์ไม่เคยหาเหตุผลมาหักล้างคำพูดของพ่อได้เลยสักครั้ง ตอนนี้เธอต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้าง การเปิดบริษัทนั่นแหละเหตุผลสำคัญที่ต้องพาตัวเองออกไปจากบ้าน

“ถ้างั้นพ่อรออรครึ่งชั่วโมงนะคะ วันนี้พ่อจะได้สาวสวยแบบพอเพียงควงไปงาน”

อิชย์หัวเราะชอบใจ ลูกสาวของเขาไม่ได้สวยถึงขนาดมองแล้วเหลียวหลัง แต่ก็ชวนมอง อย่างที่คนโบราณเคยให้นิยามไว้ อรอินทุ์น่าจะสวยพิศ มองแรกๆ อาจไม่ได้สวยจนตะลึง แต่ยิ่งมองยิ่งสวยมากกว่า ต่างจากสวยผาดที่มองครั้งแรกสวยจนตะลึง แต่หลังจากนั้นก็เฉยๆ

อรอินทุ์เลือกใส่เซกสีดำเรียบๆ กับเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ ราคาน้อยนิดที่พอมีอยู่บ้างให้คอกับหูไม่โล่งเท่านั้น ส่วนผมก็ปล่อยยาวไม่ต้องทำอะไรมาก เธอกับพ่อไปถึงงานซึ่งจัดในโรงแรมของเอ็มไพร์ กรุ๊ปก่อนเวลาเล็กน้อย มีนักธุรกิจมากันคับคั่ง ยังไม่รวมพวกคุณหญิงที่พาลูกสาวลูกชายมาออกงาน ถ้าพันธินยังโสดมีหวังหัวบันไดบ้านไม่แห้ง พอลงจากรถพ่อก็พูดเรื่องงานในคืนนี้ จนมาถึงสิ่งที่คุณเธียรจะทำ

“พ่อบอกว่าอะไรนะคะ” เธออาจจะฟังผิด

“ตกใจอะไรลูกอร ก็วันนี้น่ะนอกจากเป็นงานเลี้ยงต้อนรับคุณธินแล้ว คุณเธียรจะประกาศการแต่งงานระหว่างคุณธินกับคุณดรุณีอีกด้วย” อิชย์ได้รู้เรื่องนี้มาจากเธียรเมื่อเช้านี้

“คุณธิน ไม่สิ คุณเธียรแน่ใจแล้วหรือคะ อรว่าไม่น่าจะต้องรีบเลย”

ถ้าผู้หญิงกับผู้ชายที่อรอินทุ์เห็นกำลังจูบกันเมื่อวันก่อนไม่ใช่เพราะตาฝาด งานนี้มีคนอกหักช้ำรักแน่ๆ

“ทำไมอรคิดอย่างนั้น”

อรอินทุ์ยิ้มเก้อๆ ไม่รู้จะบอกพ่อยังไงเหมือนกัน อิชย์สงสัย แต่ไม่ถามเพราะจำได้ว่าสอนเสมอว่าถ้าแน่ใจแล้วถึงพูดออกมา เขาพาลูกสาวเข้าไปในงานและแนะนำให้รู้จักตัวแทนจากบริษัทต่างๆ เธอยิ้มจนเหงือกแห้ง แต่ก็คุ้ม พอแยกตัวมาหาน้ำกินตาดันไปเห็นแพรพลอยและสมพงศ์กำลังเดินเข้างานมา หนีกันไม่พ้นเลยจริงๆ แล้วพอหันหน้ากลับมาก็เห็นดรุณีกำลังคุยกับพันธิน คู่นี้จะลงเอยกันยังไงหนอ

เธอเดินไปสมทบพ่อที่กำลังไปหาพระเอกของงาน ผู้ชายอะไรใส่สูทสีดำสนิทแบบนั้นแล้วเท่เป็นบ้า เออ เธอเนี่ยแหละบ้า อยู่ๆ มามองว่าพันธินหล่อ เขาไม่ได้เพิ่งหล่อ แต่หล่อมานานแล้ว หล่อเหมือนคุณแสง แถมเหมาะสมกับดรุณีอย่างไม่ผิดเพี้ยนอีกด้วย ผู้หญิงอะไรสวยอยู่แล้ว พอมองใกล้ๆ ยิ่งสวยจนผู้หญิงด้วยยังต้องอิจฉา

“มาแล้วหรือครับลุงอิชย์ รู้เรื่องแล้วใช่ไหมครับ”

“รู้เรื่องแล้วครับ ยินดีด้วยนะครับคุณธิน คุณดรุณี”  อิชย์ยิ้มดีใจไปกับพันธินด้วย แม้ว่าดวงตาคู่นั้นจะมองลูกชายของเธียรอย่างกังวล

“ค่ะ คุณอิชย์”

ดรุณีฝืนยิ้ม เธอไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการประกาศเรื่องแต่งงานจนกระทั่งมาถึงที่งาน พ่อกับแม่เห็นด้วยกับคุณเธียร เกิดเรื่องร้ายๆ กับเอ็มไพร์ กรุ๊ปมามาก จึงเป็นเรื่องที่ดีหากว่าการแต่งงานจะเกิดขึ้น

“ดูเหมือนเธอมีอะไรอยากจะคุยกับฉันนะ” พันธินถามอรอินทุ์

คนถูกถามที่คิ้วขมวดกันยุ่งเหมือนสะดุ้ง “มี เอ่อ ไม่มีก็ได้ค่ะ”

อรอินทุ์ลอบถอนใจ เธอจะไปบอกเขาได้ยังไงว่าเห็นดรุณีกับสรัช...จูบกัน ถ้าเกิดเขาไม่เชื่อล่ะ แล้วถ้าไม่บอกแล้วเกิดแต่งงานกันไปแล้วรู้ตัวว่าภรรยามีชายอีกคนในใจ เขาคงทุกข์ใจ เป็นไงเป็นกันถึงเขาโกรธก็ยอม

“ฉัน...”

“คุณจิณณ์มา คุณธินเชิญมาหรือว่าพวกนั้นมากันเอง” อิชย์ถามแทรก

ทุกคนพากันมองแขกคณะล่าสุดที่ไม่ได้มีเพียงจิณณ์เท่านั้น แต่ยังมีสรัชมาอีกคนด้วย

พันธินมองตาม ไม่ได้แปลกใจเลยสักนิด เขารู้อยู่แล้วว่าจิณณ์จะมา แต่ยังไม่รู้ว่าทำไมถึงมา ความคิดของดรุณีบอกเขาว่าอยากหยุดเรื่องที่สรัชขอให้ทำ แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ

“ผมไม่ได้เชิญครับ แต่ก็ดีเหมือนกันที่มากันครบๆ จริงไหมณี”

ดรุณีหน้าเผือดจนซีด อิชย์ใจไม่ดีเมื่อเห็นพันธินยิ้มกว้าง คนพวกนี้ต้องวางแผนอะไรไว้แน่ ไม่ยากหรอกที่เขาจะรู้ ริมฝีปากคลายความลับไม่ได้หรอก ยกเว้นถูกทรมาน แต่ความคิดไม่เคยโกหกตราบใดมนุษย์ยังคิดว่าไม่มีใครรู้นอกจากตัวเอง

“ดูเหมือนคุณจิณณ์คงเลิกไม่ชอบผมแล้วสินะครับ ถึงได้มาร่วมงานสำคัญของผมในวันนี้” พันธินทักทายตามมารยาท

“มาสิ ทำไมจะไม่มาล่ะ ผมมาเป็นเพื่อนหลาน เผื่อมีอะไรแปลกๆ จะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณนั้น คุณคงเข้าใจผิด” จิณณ์ตอบ แน่นอนเขาไม่ได้ไม่ชอบพันธิน คงต้องใช้คำว่า ‘เกลียด’ มากกว่า

เรียวคิ้วเข้มขมวดแล้วคลายเมื่อได้ยินสิ่งที่อยากรู้

อ้อ...เข้าใจล่ะ

คนพวกนี้มาเพื่อรอข่าวดีจริงๆ เสียด้วย เจ้าของงานยิ่งยิ้มกวาง ไม่สนใจเสียงเตือนของลุงอิชย์ที่บอกให้ใจเย็นๆ ที่เขาทำอยู่น่าจะบอกได้ว่าใจเย็นจนจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว

“น่าแปลกที่นายมางานของฉัน ทั้งที่เพิ่งพลาดจากงานสำคัญที่เอ็มไพร์ กรุ๊ปได้ไป นับว่านายเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ ใจกว้างมากขึ้น”

สรัชกัดฟันกรอด  “อีกเดี๋ยวนายคงยิ้มไม่ออกแล้วละมั้ง”

มีเพียงคนเดียวที่อึดอัดต่อการสนทนานี้และกำลังถูกอรอินทุ์มองอย่างสงสัย สองคนนี้ ไม่สิ คงต้องรวมจิณณ์เข้าไปเป็นสามคนกำลังคิดทำอะไร ไม่น่าเป็นเรื่องดีเลย พ่อรู้สึกเหมือนกับเธอไหมนะ

“เสียใจด้วยนะที่น้องชายของคุณไม่มีโอกาสกลับมาบ้านในสภาพที่มีชีวิต” จิณณ์เอ่ยริมฝีปากยิ้มคล้ายหยัน

“ผมไม่คิดว่าคุณจะเสียใจหรอกครับ” พันธินยิ้มกว้างอีกครั้งก่อนจะเกร็งริมฝีปากเมื่อได้ยินความคิดของจิณณ์ มือทั้งสองข้างกำแน่นด้วยความโกรธที่ต้องข่มไว้ เพราะอย่างนี้เองสินะ จิณณ์ถึงต้องมารอฟังข่าวดีด้วยตัวเอง

จิณณ์ขอตัวเข้าไปในงานพร้อมกับสรัช ดรุณีมือเย็นเฉียบกำลังจะเป็นลม พันธินหันมาเห็นเข้ารีบขอให้อรอินทุ์ช่วยดูแลคู่หมั้น ในขณะที่ตัวเขาเองเดินลับหายเข้าไปในสวนหย่อมของโรงแรม ไม่เช่นนั้นเขาจะทำให้ทุกอย่างพัง เวลานี้เขาต้องคิดและแก้เกม สาบานไม่ว่ายังไงหรือเสียอะไรไป เขาจะแก้แค้นให้ได้ บางทีสิ่งที่พวกนั้นต้องการ อาจจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการเหมือนกัน

 

แพรพลอยเห็นอรอินทุ์ตั้งแต่มาถึงงาน แต่ไม่เข้าไปทักทายเพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำแบบนั้น เธอมางานนี้แทนพ่อ โดยควงสมพงศ์มาด้วยเพื่อประกาศให้รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน แล้วดูสิ คนรักของเธอมองผู้หญิงอื่นไม่ละสายตา เล็บคมๆ จิกลงที่หลังมือหนา เจ้าของมือสะดุ้งมองเกือบแสดงความไม่พอใจออกมา สมพงศ์พยายามข่มความโกรธแล้วเดินไปทางอื่น ทว่ามือบางกลับคว้าแขนไว้

“ไม่ต้องไปไหนเลยนะพี่พงศ์ ถ้าทำอะไรให้พลอยทนไม่ได้อีกครั้งเดียว บริษัทก็จะไม่ได้และที่สำคัญ พลอยเลิกกับพี่พงศ์แน่ๆ คราวนี้”

“พี่ไม่ทำอะไรแล้วล่ะน่า แค่จะไปห้องน้ำเท่านั้นเอง” เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่เหลืออด

“พลอยไปด้วย”

แม้จะหงุดหงิดขนาดไหน แต่สมพงศ์ไม่มีทางสะบัดมือของแพรพลอยเด็ดขาด ตราบใดที่ยังไม่ได้โอนชื่อหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท Leoness มาเป็นของเขา ไม่ว่าแพรพลอยทำอะไร เขาจะทน แต่หลังจากได้ทุกอย่าง ยัยนี่ก็หมดค่า เขาพร้อมจะเขี่ยทิ้ง

 

ดรัณมาถึงเกือบคนสุดท้ายของงาน การแสดงบนเวทีกำลังสนุกสนานจากนักร้องชื่อดัง พันธินคุยกับแขกในงาน แต่พอเห็นว่าดรัณมาก็ตัดบทรีบเดินมาหา ดรัณเตือนเขาว่าตอนนี้ต้องระวังตัว จิณณ์และภาวิตมีการสั่งจ้างมือปืน ไม่แน่ว่าอาจส่งมากำจัดเพื่อนซ้ำ ถึงจะยังไม่รู้แน่ว่าใครเป็นคนบงการฆ่า แต่อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวกับหนึ่งในสองคนนี้ พันธินพยักหน้ารับรู้ แม้ว่าเขารู้ก่อนที่ดรัณจะมาบอกเกือบหนึ่งวัน

งานเลี้ยงดำเนินไป พอเธียรกับตุลยามาถึงงาน พิธีการต่างๆ จึงเริ่มขึ้น พันธินฆ่าเวลาที่ต้องรอด้วยการฟังความคิดของสรัช เจ้านั่นรอเวลาเหยียบเขาให้จมดินอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนดรุณีกำลังกลัวจนไม่แน่ใจ แต่ความรักทำให้เธอต้องทำ น่าแปลกที่ความคิดของพ่อบอกว่าไม่แน่ใจในการประกาศการแต่งงานของเขาในคืนนี้เหมือนกัน พันธินกลับมาที่นั่งของตัวเอง แน่นอนว่าก่อนข่าวดีจะถูกประกาศ ดรุณีต้องอยู่ใกล้ๆ กับเขาตลอดเวลา

เสียงเพลงเบาลงและเงียบไป พิธีกรซึ่งเป็นดาราที่เล่นเป็นตัวประกอบในละครเดินออกมาแล้วพูดแซวแขกในงาน รวมทั้งพันธินด้วย เสียงหัวเราะของแขกดังกระหึ่ม จนกระทั่งถึงเวลาสำคัญ

“เรียนเชิญคุณเธียรขึ้นมากล่าวเรื่องที่ทุกคนรอคอยครับ”

เธียรยังไม่ทันลุกจากเก้าอี้ ผู้เป็นลูกชายก็ขึ้นเวทีไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่ดรุณีถูกดึงแขนให้ขึ้นไปด้วยกัน สรัชมองดรุณี เธอส่ายหน้าไม่รู้เหมือนกันว่าพันธินจะทำอะไร คนสำคัญของงานในคืนนี้ขอไมโครโฟนมาจากพิธีกร ไฟในงานถูกหรี่ให้สลัวและมีเพียงแสงที่สาดมากลางเวทีเท่านั้นที่สว่าง

“ขอโทษนะครับ ก่อนที่พ่อจะขึ้นมากล่าวเรื่องสำคัญ ผมมีเรื่องสำคัญกว่าจะต้องบอกทุกคนเหมือนกัน หวังว่าทุกคนจะปรบมือยินดี”

ไม่มีเสียงปรบมือ แต่มีสายตาแห่งความสนใจ สงสัยใคร่รู้มาจากแขกและคนสำคัญในงาน ความคิดกระหึ่มเต็มสองหูของเขา พันธินหลับตาลงตั้งสมาธิ แล้วกวาดตามองทุกคนก่อนจะเริ่มเรื่องสำคัญในคืนนี้

 “ทุกท่านคงทราบว่าผมเกิดอุบัติเหตุและพักรักษาตัวอยู่เป็นปี หลายๆ อย่างได้มีการเปลี่ยนแปลง แต่ผมไม่โทษใครหรืออะไร เพราะเวลามักหาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเราเสมอ” เขาหยุดพูดชั่วคราวเพื่อมองเธียรกับลุงอิชย์ ใบหน้าของพ่อยังเรียบเฉยเช่นเดียวกับจิณณ์ ทว่าลุงอิชย์กลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เรียวปากหนาเม้มปิด มีเพียงดวงตาที่วาววาบเมื่อใกล้ถึงเซอร์ไพรส์ของงานคืนนี้แล้ว “เรื่องสำคัญที่ผมจะบอกคงไม่ยาวอะไร ขอให้รู้ไว้ผมสบายใจดีที่ได้ทำแบบนี้”

 พันธินยิ้มให้ทุกคนในงานจนมาหยุดที่อรอินทุ์ เธอส่ายหน้าไม่ให้เขาพูด เพราะคิดว่าเขาจะประกาศเรื่องแต่งงานเสียเอง

‘จะทำแบบนี้จริงๆ หรือคุณธิน คุณดรุณีกับสรัชยังไงกันแน่ เพื่อนไม่มีทางจูบกันแบบนั้นหรอก ทำยังไงดี’

เขาได้ยินและรับรู้ แต่ทุกอย่างต้องดำเนินไป

 

พันธินจะแก้ไขเรื่องดรุณีกับสรัชยังไง เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นเหยื่อ

จะมา up เรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ

อัมราน_บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.