STARCIN ภาคที่ 7 Colosseum ตอนที่ 1 ตั้งหลัก

STARCIN อุบัติมหาสงครามสตาร์คิน

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 7 Colosseum ตอนที่ 1 ตั้งหลัก

“อาหารที่เธอทำมันไม่ต่างอะไรกับขยะ ต่อให้มีข้ออ้างว่าเสบียงน้อยก็ยังมองเป็นขยะอยู่ดี” แม้น้ำเสียงจะแข็งกระด้างแต่ฝีมือการทำอาหารกลับประณีตและนุ่มนวล แค่ได้เห็นหรือได้กลิ่นระหว่างแสดงฝีมือก็ทำให้คิดไปแล้วว่ารสชาติจะดีขนาดไหน

วัตถุดิบคงทำได้แค่ซุปสินะ ถ้าจะทำให้มีพลังงานก็ต้องพึ่งสารอาหารจากคาร์โบไฮเดรตแล้วก็โปรตีนแต่เสบียงอันน้อยจึงไม่อาจเจียดมาให้พันธมิตรได้

“เสบียงทั้งหมดมีอะไรบ้าง?”

“พวกเรามีข้าวสาร ถั่ว ปลาเค็มแล้วก็กาแฟค่ะ”

ยูกิยิ้มอย่างมีเลศนัย “คงต้องหาเสบียงเพิ่มแล้วล่ะ เพราะข้าจะเอามันออกมาใช้สักหน่อยหนึ่ง”

หลังจากใช้เวลาเป็นชั่วโมงยูกิก็ได้รังสรรค์เมนูง่าย ๆ อย่างซุปปลาเค็มเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ

“พวกมันเอาของดี ๆ ให้กินต้องหวังอะไรแน่ ๆ” ยาซากะมองค้อนใส่เจ้าหน้าที่ที่เอาอาหารมาให้และด้วยความตกใจกลัวเธอจึงเดินหนีออกไปทันที

“ข้าไม่เคยใช้อาหารทำร้ายใคร...มั้ง” ยูกิเดินฝ่ากลุ่มนักโทษเข้ามาเผชิญหน้ากับชายร่างยักษ์

“ทำไมท่าทีของพวกมันถึงกลัวแกขนาดนั้นล่ะ?” ยาซากะวางชามข้าวลงก่อนจะเอ่ยถาม

“ทุกคนคงรู้ว่าถ้าข้าโกรธจะเป็นยังไง”

“ไม่ ๆ ท่าทีพวกนั้นมันยิ่งกว่ากลัวความโกรธ แถมวิธีการพูดก็ยังสุภาพกว่าตอนคุยกับเจ้าเด็กที่ชื่อฟรานเสียอีก”

“เลิกพูดมากแล้วกินเข้าไปสักที”

“ก็ได้ ๆ ข้าจะเป็นหนูทดลองก่อนเอง ถ้าตายขึ้นมาก็จงแก้แค้นให้ข้าด้วยล่ะ”

ยาซากะตักซุปซดอย่างช้า ๆ ด้วยความหวาดระแวงแต่พอได้ลิ้มรสชาติกลับต้องอุทานออกมา “อะ”

ไม่นานนักหลังจากที่พวกเซนขุดเอาหนังสือและอุปกรณ์เวทที่ไม่คุ้นตาพวกเขาก็กลับมายังที่พัก

“อะไรเอะอะเสียงดังวะเนี่ย !” เซนเพ่งสายตามองไปยังค่ายพักสำหรับพันธมิตรจึงเห็นฝูงชนกำลังรวมกลุ่มเสียงดังวุ่นวาย

“ข้าขอด้วยหนึ่งชุด !”

“พวกเราด้วย !”

พวกเขาล้วนกำลังต่อแถวเพื่อรับอาหารจากยูกิ แทนที่พวกเขาจะได้กินแค่อาหารขยะพอให้ประทังชีวิตแต่กลับได้รับอาหารรสเลิศที่หากินที่ไหนไม่ได้อีก ความหอมนุ่มละมุนของปลาเค็มรวมกับสมุนไพรสีเขียวที่ยูกิเป็นคนหามา แค่ซดอย่างเดียวก็อุ่นไปถึงหัวใจและยิ่งกินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ มันกลับเติมเต็มความต้องการไปครึ่งชีวิตยากที่จะบรรยายเป็นคำพูดได้

“ยูกิทำมันอีกแล้วสินะ”

“แน่นอน ยืนนอน และนั่งนอน” คานะตอบรับด้วยมุกฝืด ๆ พลางกระตุกยิ้มยักไหล่

เมื่อเดินเข้าไปใกล้จึงได้เห็นสีหน้าแห่งความปลาบปลื้มของเหล่าพันธมิตรทั้งหลาย สีหน้าที่กำลังสุขสันต์กับมื้ออาหารดี ๆ ที่ไม่ได้ลิ้มรสมานานแสนนานจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้

“น่าเสียดายจังที่มันกำลังจะหมดแล้ว” ยูกิถอนหายใจพูดอย่างจริงใจมันทำให้พวกเขาโห่ร้องเพราะกำลังจะอดกินอาหารดี ๆ เหล่านี้

“แต่ถ้ามีคนช่วยหาเสบียงมาเพิ่มก็อาจจะทำเมนูอื่นให้กินอีกก็ได้นะ” วาจาหว่านล้อมมาพร้อมรอยยิ้มเลศนัยแต่ทุกคนกลับมองข้ามและถืออาวุธวิ่งออกไปหาเสบียงกันจ้าละหวั่น

“เฮ้ย ฉันได้ยินว่าป่าใกล้ ๆ มีพวกหมีอยู่ด้วย” เสียงตะโกนของหนึ่งในนักผจญภัยเป็นการเรียกรวมพลและมุ่งหน้าไปยังป่านั้นส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกระจายกันไปหาทุกอย่างที่พอจะทำอาหารได้

“สุดยอดไปเลยจะเห็นกี่ครั้งก็ยังน่าทึ่งไม่เปลี่ยน” เซนยิ้มเยาะหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ

“ของฟรีไม่มีหรอก แม้ข้าจะรักในการทำอาหารแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครง่าย ๆ เสบียงอันน้อยนิดที่มีจะได้รับการเติมเต็มจากวัตถุดิบที่พวกมันหามาให้ ทุกคนมีความอยากอาหารกันทั้งนั้นแถมช่วงสงครามก็คงจะกินได้แค่ของเก่า ๆ ที่เน้นเก็บนาน พอได้ลิ้มรสชาติของอาหารที่แท้จริงก็คงจะหยุดไม่อยู่...”

“พอเลย ๆ พอเป็นเรื่องอาหารก็พูดไม่หยุดเหมือนเจ้ากิที่พูดเรื่องแผนการอะไรพวกนั้นเลย” เซนพูดขัดเสียก่อนทำให้ยูกิโมโหคิ้วขมวด

“ตอนที่ข้าโดนจับเป็นทาสมักจะมีพวกผู้ชายเข้ามาหาและรู้ไหมว่าข้าทำยังไงกับพวกมัน?”

“เอ่อ...ตะโกนด่ายันเช้า...” พูดไม่ทันขาดคำเซนก็โดนเตะผ่าหมากทำเอาลงไปดิ้นกับพื้นจนพูดไม่ออกเลย

คานะหัวเราะลั่นจนท้องแข็ง “สมน้ำหน้า !”

“นี่เธอ...ไม่คิดจะช่วยกันหน่อยเหรอ?”

“เฮ้ ! จับพวกกองทัพได้สองคนรีบมาดูเร็ว” โทลตะโกนเรียกแต่ไกลทำให้ฟรานและพวกเซนมุ่งตรงไปหาทันที

“ไหน ๆ กองทัพที่เคยพูดถึงใช่ไหม?”

เบื้องหน้าของพวกเขามีชายหนุ่มสองคนถูกจับหมัดทั้งแขนและขากับท่าทางอ่อนระทวยของพวกเขาทำให้นึกถึงหมาจรจัดที่นอนพักเอาแรงใต้ต้นไม้

“พวกเราก็แค่ออกมาสำรวจเท่านั้นไม่ได้จะทำสงครามต่อหรอก” หนึ่งในนั้นรีบเปิดปากบอกเหตุผลทันที

“ช่วยบอกรายละเอียดให้มากกว่านี้หน่อยสิ” ฟรานจ้องเขม็งส่งสายตากดดันชายหนุ่มทั้งสอง

“พะพวกเรา...ได้กลิ่นหอมก็เลยเผลอเดินเข้ามา” เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็หันไปมองหน้ายูกิ

“อะไร? ก็ของข้ามันดีนี่จะอยากรู้อยากลองก็ไม่เห็นแปลก” ยูกิกอดอกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

ฟรานวางมือลงบนไหล่ของสองหนุ่มใช้แววตาในการสื่อสารแทนคำพูด

“ปล่อยพวกเขาไปเถอะ...”

“ไม่เอาน่ามาทั้งทีก็กินสักหน่อยสิ” ยูกิวิ่งพรวดพราดออกไปเอาอาหารมาให้ท่าทางอยากนำเสนอเต็มที่อย่างกับคนละคนกับตอนกระโดดร่ม

ยูกิไม่พูดพร่ำทำเพลงตักซุปป้อนถึงปากทันใดนั้นแววตาของพวกเขาก็เปล่งประกายราวกับได้เกิดใหม่

“ขอบคุณครับท่านเทพธิดา !” หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รับอิสระและนั่งกินอาหารมูมมามเหมือนอดอยากมานานก่อนจะกล่าวด้วยความซาบซึ้งปลื้มปีติ

“เหอะ ๆ คนที่รู้จักคุณค่าของอาหารก็ควรได้รับมัน”

“ทำเป็นเท่ไปได้ก็แค่พวกโรคจิตชอบให้คนอื่นยกย่องบูชานี่...” พูดไม่ทันขาดคำเซนก็โดนเตะผ่าหมากอีกรอบเสียแล้ว

“เก็บปากสักนาทีมันจะตายไหมวะ”

เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเหล่าพันธมิตรก็กลับมาจากการล่าอาหาร ทั้งสัตว์และพืชพันธุ์มากมายกองรวมกันตรงหน้ายูกิมันยิ่งทำให้เขารู้สึกสะใจที่ทุกคนทำเช่นนั้น

เสียงกระแอมขัดจังหวะสนุกของยูกิดังมาจากหนึ่งในสามนายพลของอาณาจักรนอด “พวกเรา...ได้ยินเรื่องอาหารของเทพธิดา”

“เหรอ ! มาสิแต่เดี๋ยวของจะไม่พอเพราะฉะนั้นนายต้องหาเสบียงมาเพิ่มด้วยล่ะ” ยูกิยิ้มแย้มทักทายไม่สงสัยชุดทหารที่เป็นศัตรูกับพันธมิตรเลยสักนิด

ปอร์ธอสเดินนำหน้าพี่น้องของเขาโดยใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อก้าวเดินต่อไปแม้จะยังมีสายตาเคียดแค้นจ้องมองมาไม่หยุดแต่ทุกคนก็ไม่มีปากเสียงหรือทำร้ายกันมัวแต่เอร็ดอร่อยกับมื้ออาหารชุดใหญ่ตรงหน้า

พอรู้ตัวอีกทีฝั่งกองทัพก็ขยับเขยื้อนเข้ามาใกล้เพราะทั้งสามนายพลต่างก็ยอมเจรจาสงบศึกแถมยังข้ามฝั่งมาเพื่อกินอาหารฝีมือยูกิอีกต่างหาก

“ผัดหมีไฟลุกยี่สิบจาน !”

“ค่ะ !” ไม่กี่วันยูกิก็ได้ฝึกสอนเจ้าหน้าที่แพทย์ให้กลายเป็นผู้ช่วยพ่อครัวแทน

“ข้าวสารเหลือแค่สิบกระสอบแล้วค่ะ”

“อย่าตกใจเพราะต่อจากนี้จะใช้แป้งจากต้นอาวาไลแทน”

“แต่นั่นมันต้นหญ้าไม่ใช่หรือคะ?”

“เหอะ...เธอไม่รู้อะไรซะแล้ว ต้นอาวาไลถึงจะมองทั่ว ๆ ไปว่าเป็นต้นหญ้าแต่มันสามารถเอามาทำแป้งได้ เพราะฉะนั้นเหล่าชายฉกรรจ์จงลุกขึ้นและไปเก็บเกี่ยวต้นอาวาไลมาให้มากที่สุด”

จากพื้นที่สงครามที่เต็มไปด้วยผู้คนล้มตายกลับกลายเป็นร้านอาหารชั่วคราวของยูกิ

5 พฤษภาคม พ.ศ.2576

“พร้อมออกเดินทางหรือยัง?” ฟรานยืนนำหน้าเหล่าพวกพ้องทั้งสี่ที่ดูอีเหละเขะขะไปเสียหน่อย

“ไม่นะท่านเทพธิดา...” เสียงร้องโหยหาของเหล่าพันธมิตรและกองทัพกำลังร่ำไห้กับการจากลาของยูกิ

“ทรัพยากรที่ดีจะยิ่งทำให้อาหารอร่อยยิ่งขึ้นนะ เพราะฉะนั้นดูแลมันให้ดี ๆ อย่าทะเลาะกันอีก”

“แหม ๆ ก็แค่อยากทำอาหารไม่ใช่หรือยังไง…” พูดไม่ทันขาดคำเซนก็โดนเตะผ่าหมากอย่างกับภาพทับซ้อนอีกรอบ

“ไปกันเถอะ พวกเราเสียเวลามามากพอแล้ว”

หลังจากนั้นก็ได้มีข่าวลือกระจายต่อ ๆ กันไปว่ามีเทพธิดาแห่งอาหารจุติลงมาเพื่อโปรดเหล่าผู้คนที่อดอยาก

เมืองอันเงียบสงบที่มองออกไปก็จะเห็นต้นไม้สีส้มกำลังผลัดใบเป็นภาพที่งดงามกว่าที่คิด ผู้คนภายในเมืองต่างก็อยู่กันอย่างสงบเสงี่ยมไร้ซึ่งความทุกข์ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยหรือสงคราม

“การฝึกวันนี้เป็นยังไงบ้าง?” หญิงสาวรูปงามทั้งหุ่นที่อวบอิ่มไม่ว่าจะเป็นก้นหรือหน้าอกและความเรียบเนียนของผิวราวกับนางแบบ เธอกล่าวช้า ๆ ถามชายหนุ่มผู้นั้น

“พวกระดับสองเป็นไปได้ด้วยดีขอรับแต่ระดับหนึ่งกลับไม่เป็นผลดีเสียเท่าไร”

“ถ้าอย่างนั้นก็ลดความเข้มข้นการฝึกเสีย...แล้วพวกนั้นล่ะ?”

“พวกเขายังคงอยู่ในความสงบขอรับและดูเหมือนจะไม่มีท่าทีขัดขืนเลยสักนิด”

“อย่าพึ่งวางใจ ข้าจะเข้าไปคุยกับพวกนั้นอีกครั้ง” หญิงสาวผู้นั้นก้าวผ่านตัวชายหนุ่มไปอย่างรวดเร็วและเงียบจนไม่อาจจับสังเกตได้

เธอมุ่งหน้าไปยังห้องขังทั้งสองห้องซึ่งมีพ่อหนุ่มนั่งนิ่งเหมือนตุ๊กตาและหญิงสาวที่กำลังถลึงตามองทุกคนที่เดินผ่าน

“ไหน ๆ ขอดูหน่อยสิว่าจักรพรรดินีเป็นยังไงบ้าง?” น้ำเสียงกวนประสาทกำลังหยอกล้อแคทเทอรีนที่ถูกขังอยู่ภายในนั้น ทันใดนั้นเธอก็เหลือบเห็นท่าทางสงบนิ่งของซึฮากิราวกับพระพุทธเจ้าที่บรรลุแล้ว

“อ้าว ๆ ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ? หรือเจ้าใช้มานาเยอะจนเป็นใบ้ไปแล้ว” แววตาจิกกัดและรอยยิ้มเยาะเย้ยทำให้แคทเทอรีนคิ้วขมวด

“ทำตัวเป็นเด็กเจ้าคิดเจ้าแค้นไปได้” แคทเทอรีนกัดฟันตอบกลับ

“แหม ได้ยินแล้วมันก็นึกขึ้นมาได้เลย ดินแดนที่เป็นเหมืองหินเวทซึ่งเคยเป็นของข้าโดนเจ้ายึดไปด้วยกำลังราวกับปีศาจร้าย”

แคทเทอรีนหัวเราะในลำคอ “พวกแกมันอ่อนเองนี่ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้ทุกสิ่ง”

“แล้วสภาพเจ้าตอนนี้ล่ะ? สภาพที่ไม่เหลือเค้าความแข็งแกร่งพวกนั้นแล้วแสดงว่าต้องโดนผู้แข็งแกร่งทับถมสินะ”

“จะมาเล่นลิ้นอะไรอีก ถ้าอยากฆ่านักก็ทำเลยสิ”

“อา...ข้าไม่ได้อยากจะฆ่าเจ้าเสียหน่อย เพราะถ้าฆ่าไปก็เหมือนเป็นการเปิดศึกกับอาณาจักรนอดน่ะสิ”

“แล้วแกต้องการอะไรกันแน่เฟยเฟิ่ง”

เฟยเฟิ่งยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะตอบกลับ “เซ็นสัญญาใบนี้เสีย เพียงแค่นั้นเราก็จะไม่ต้องหลั่งเลือดกันโดยเปล่าประโยชน์”

แคทเทอรีนจ้องมองใบสัญญาที่มีเนื้อหาให้ยกดินแดนทางตอนใต้ทั้งหมดให้กับพวกเธอและยังมีเงื่อนไขการสงบศึกโดยแคทเทอรีนจะไม่สามารถทำสงครามหรือยึดดินแดงคืนได้ภายในระยะเวลาหนึ่งร้อยปี

“ใครมันจะเซ็นสัญญาบ้า ๆ พรรค์นี้วะ” พูดไม่ทันขาดคำก็มีกลุ่มทหารเดินเข้ามาพร้อมกับอาวุธครบมือเป็นสัญญาณว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากไม่ยอมตกลงตามที่ตกลง

“ฟื้นพลังเต็มที่แล้วไม่ใช่เหรอจักรพรรดินี” ซึฮากิเปิดปากเอ่ยเพียงสั้น ๆ แต่กลับทำให้เฟยเฟิ่งขนลุกได้ บรรยากาศที่แค่มองตาก็เหมือนโดนดึงเข้าไปอยู่ต่อหน้าพร้อมกับมีดจ่อรอบคอตลอดเวลา

“แกไม่เห็นหินต้านเวทมนตร์ที่พวกมันใส่ไว้เหรอ? ถ้าทำได้ฉันก็หนีไปนานแล้ว”

“ดูเหมือนอาการคิดไปเองจะหนักเข้าขั้นเลยนะครับ หินต้านเวทมนตร์ผมเอาออกไปและสลับกับโซ่ธรรมดาตั้งนานแล้ว”

เฟยเฟิ่งหันขวับมองที่หินต้านเวทมนตร์

“รีบเอาอันใหม่ไปใส่เร็ว” เธอกระซิบสั่งลูกน้องโดยที่ยังยิ้มระรื่นเพื่อไม่ให้แคทเทอรีนจับสังเกตได้

“พูดอะไรบ้า ๆ เจ้าเองก็โดนจับอยู่เหมือนกันมิใช่หรือ แค่การพูดโป้ปดเล็กน้อยจะทำให้พวกเราไขว้...” ระหว่างที่กำลังประลองวาจากลับนึกถึงสิ่งที่ซึฮากิพูดขึ้นมาได้แต่ลูกน้องของเธอก็ดันปลดโซ่ของแคทเทอรีนออกเสียก่อน

“โง่จริง ๆ” เพียงคำสั้น ๆ ที่เอ่ยออกมาทำให้หญิงสาวรูปงามโกรธคิ้วขมวดเข้าหากันแต่ไม่ทันได้พูดอะไรแคทเทอรีนก็ปลดพันธนาการพร้อมกับแปลงร่างเป็นมังกรสีขาวบริสุทธิ์พังห้องขังและพาซึฮากิออกไปทันที

“ตามเจ้าพวกนั้นไปให้ได้ ร่างมังกรคงบินได้ไม่นานนักหรอก”

แคทเทอรีนบินทะลุวังที่ใช้เป็นที่พักรวมทั้งห้องขังทำให้ชาวเมืองตกอยู่ในความหวาดกลัวกับภาพของสัตว์อสูรขนาดยักษ์ลอยอยู่เหนือวัง

“ให้ตายสิวะฉันอุตส่าห์ปกปิดเรื่องร่างมังกรมาตั้งนานแต่กลับต้องมาแปลงร่างติด ๆ กันในเดือนเดียวเนี่ยนะ”

“พูดมากจริง ๆ ถ้าไม่ทำเดี๋ยวก็ได้คอขาดกันพอดี”

“แกก็ด้วยทำไมถึงทำตัวสบายใจทั้ง ๆ ที่โดนขังอยู่ด้วยวะ”

“ผมรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาอยากทำอะไร ก่อนที่จะมาอาณาจักรนอดพวกเราหาข้อมูลไว้เยอะพอสมควรและเรื่องการยึดดินแดนเหมืองหินเวทมนตร์ก็ด้วย สาเหตุที่เฟยเฟิ่งยังไม่ฆ่าพวกเรามันก็คงมีไม่กี่เหตุผลหรอก”

“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันอยากรู้สักหน่อย”

“ก็คุณถามเองนี่ว่าทำไมถึงทำตัวสบาย ๆ ได้ ผมก็ตอบตามตรงเลยเนี่ย”

“เออ ก็จริงแฮะแต่มัน...” กระสุนวายุพุ่งทะลุปีกของแคทเทอรีนที่บินได้ไม่สูงนัก เมื่อมองลงไปจึงได้เห็นลูกน้องของเฟยเฟิ่งตามมาติด ๆ รวมทั้งสี่อันดับบนของสำนักหงส์เทพของเฟยเฟิ่ง

“ล่อไปทางทิศตะวันออก ที่นั่นจะมีสำนักอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ถูกกับสำนักหงส์เทพ”

“เอาจริงเหรอแล้วนายไปรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง” ขณะที่กำลังบ่นก็มีลูกไฟเฉี่ยวหน้าไปพอดีเธอจึงเร่งความเร็วเพื่อทิ้งระยะห่างให้ได้

ไม่นานพวกเขาก็ข้ามไปยังอาณาเขตของสำนักอื่นซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดีเลยทีเดียว

“ไอ้พวกเวรหงส์เดี้ยงมันมาอีกแล้ว นี่มันเวลาบ่มเพาะนะเว้ย !”

แม้จะมีผู้คนตกใจกับมังกรที่อยู่เหนือเมืองแต่ก็ไม่อาจละสายตาไปจากสำนักคู่อริจึงได้เกิดการปะทะครั้งใหญ่โดยไม่มีการพูดคุยกันสักคำ

“เอ๊ย ๆ ไอ้พวกเวรนั่นมันมาหาเรื่องแล้ว” หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองฝั่งก็เรียกกำลังเสริมต่อกันเป็นทอด ๆ ลามไปถึงสำนักพันธมิตรเสมือนสงครามขนาดย่อม ๆ ไปเสียแล้ว

“นี่แกคาดการณ์ไว้แล้วเหรอ?” แคทเทอรีนยืนเปลือยต่อหน้าซึฮากิเหมือนไม่มียางอายใด ๆ

“ก็ประมาณนั้น” ซึฮากิเองก็ไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไรกับร่างเปลือยของแคทเทอรีน

เจ้าบ้านี่มันเอาแต่มองอะไรบนท้องฟ้ามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว หรือมันจะหาที่บินอีกรอบ

“รออีกสักสิบนาทีคงจะมาถึง”

“รออะไร?” ท่าทางสบายใจนั่งลงตรงโขดหินกลางป่าโดยใช้วิธีไขว้ห่างเพื่อปกปิดของลับตรงระหว่างขา

ซึฮากิไม่ตอบอะไรแต่กลับเดินหาที่นั่งแทน แม้แคทเทอรีนจะสงสัยแค่ไหนแต่เธอก็ยอมนั่งรอเฉย ๆ เช่นกัน

“จะบอกให้ว่าฉันแปลงร่างเป็นมังกรได้อีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น กว่าจะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องพักฟื้นสักหนึ่งปี”

“แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”

พอซึฮากิตอบเสร็จทุกอย่างก็เงียบสนิทอีกครั้ง

“แล้ว...เรากำลังรออะไรอยู่”

ซึฮากิยื่นมือขึ้นสูงราวกับกำลังส่งมือให้แก่พระผู้เป็นเจ้าแต่ทันใดนั้นนกตัวใหญ่ก็บินลงมาเกาะอย่างรวดเร็ว

“ดีมากได้ของครบทุกอย่างเลย” ซึฮากิโยนชุดให้กับแคทเทอรีนก่อนจะเปิดแผนที่ดู

“นั่นอะไร? ไม่ใช่นกธรรมดาแน่ ๆ”

แววตาอันน่าขนลุกมองหน้าแคทเทอรีน “เจ้านี่ชื่อแฟรงค์”

เดาทางได้ยากจริง ๆ จู่ ๆ ก็จ้องหน้าจู่ ๆ ก็ทำอะไรไม่ปรึกษากันก่อน

“ดูเหมือนจะอยู่ใกล้ชายแดนพอดีคงใช้เวลาไม่นานก็กลับไปที่อาณาจักรนอดได้แล้ว”

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี ที่นี่มันอุ่นเกินไปไม่ค่อยอยากอยู่นานสักเท่าไร” เธอสวมชุดคลุมเรียบง่ายที่ซึฮากิโยนให้เอาไว้ใส่เพื่อปกปิดร่างเปลือยเพียงเท่านั้น

อีกด้านหนึ่งพวกเซนก็ได้ลอบเข้ามาในอาณาจักรคาอย่างลับ ๆ ผ่านกำแพงสูงใหญ่และทหารยามเหล่านั้นไปได้

“ขอแค่ไม่เจอเจ้าพวกนั้นก็คงจัดการได้หมด” ฟรานยังคงหวาดระแวงหนุ่มสาวเลเวลแปดพวกนั้นอยู่เพราะเคยโดนเล่นงานมาแล้ว

“พวกเรามีตั้งห้าคนเยอะกว่าเห็น ๆ”

“ช่วยอย่าเอาข้าไปรวมด้วยได้ไหม?” ยูกิตอบกลับทันควันเมื่อเซนกล่าวเช่นนั้น

“ตรงไปอีกสักหนึ่งกิโลเมตรก็น่าจะถึงจุดที่ต้องค้นหาแล้ว” ฟรานเปิดแผนที่คอยนำทางให้กับหนุ่มสาวที่สักแต่จะออกหมัด

“นี่มันก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะกิคงจะเดินไปทั่วแล้วแหละ” คานะกล่าวด้วยความสงสัย

“เอาเถอะน่ายังไงเราก็ต้องหาจุดที่ตกก่อนแล้วค่อยแกะรอยทีหลัง”

ไม่นานนักพวกเขาก็จะได้เห็นต้นไม้ที่นอนราบเป็นทางยาวจนไปหยุดอยู่จุดจุดหนึ่ง พื้นที่ราบกับต้นไม้สีส้มทำเอานึกถึงบรรยากาศจากโลกเดิมไม่มีผิด

“รอบ ๆ มีรอยเท้าเพียบเลยแสดงว่ามีคนเจอตัวกิก่อนแล้ว” สเตล่าลงพื้นที่ก่อนใครใช้ความสามารถในการแกะรอยคาดเดาเหตุการณ์ในอดีต

สเตล่าเดินตามรอยเท้าไปเรื่อย ๆ เป็นฝ่ายนำทางเสียเอง

“มีหนึ่งรอยที่เหยียบพื้นได้นุ่มนวลและเบามากกว่าใคร คนคนนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในพวกที่ฟรานเคยประมือด้วยก็ได้”

“สถานที่ที่ใกล้ที่สุดเป็นสำนักหงส์เทพโดยมีเจ้าสำนักชื่อเฟยเฟิ่ง และดูจากรูปวาดที่หาได้ก็น่าจะเป็นคนเดียวกับที่ห้ามไม่ให้ฉันเข้ามา”

“ไปกันเถอะ...” สเตล่ารุดหน้าเดินอย่างขะมักเขม้น

เมื่อมองเข้าไปยังเมืองของสำนักหงส์เทพก็จะได้เห็นความวุ่นวายที่เหมือนกำลังเกิดสงครามทั้งทหารและคนของสำนักวิ่งกันยุ่งไปหมด

“มีการขอกำลังเสริมจากแนวหน้าครับ”

“ให้ตายสิพวกเจ้านี่มันไร้สมองเสียจริงหรือเพราะสำนักบ้ากล้ามนั่นมันโง่กว่าถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้” เฟยเฟิ่งกัดฟันคิดหาทางออกโดยเร็ว

ถ้าจะเป็นฝ่ายยอมถอยเองก็ยิ่งเสียเปรียบเข้าไปใหญ่แต่การส่งกำลังเสริมเข้าไปไม่รู้จบมันก็จะทำให้ช่วงงานประลองมีปัญหาอีก

“ทำยังไงดีครับคุณเฟยเฟิ่ง?” ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดก็ยังโดนถามคะยั้นคะยอไม่หยุด

“ข้าจะไปคุยเอง บอกให้เตรียมการล่าถอยได้”

“รับทราบขอรับ”

บัดซบจริง ๆ ก็แค่อยากได้เหมืองหินเวทคืนแค่นั้นเองทำไมถึงได้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้

สายตาอันเฉียบคมของสเตล่ากำลังจ้องมองท่าทางหนักอกหนักใจของเฟยเฟิ่งจึงเดาได้ว่ากำลังเกิดเรื่องไม่ดีกับสำนัก

“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปหาข้อมูลเอง พวกนายช่วยรอเงียบ ๆ ก็แล้วกัน”

ไม่ทันที่คนอื่นจะตอบโต้อะไรสเตล่าก็หายตัวไปเสียแล้ว

ถ้ามีเวทมนตร์ปลอมแปลงของกิก็คงจะล้วงข้อมูลได้ง่ายกว่านี้ แต่แบบนี้ก็ดีที่ได้ฝึกทักษะของตัวเองซะบ้าง

เธอเคลื่อนไหวเนียนไปกับฝูงชนจนเข้าใกล้วังของสำนักหงส์เทพ

“ได้ยินหรือยังว่าท่านเฟยเฟิ่งจะไปหยุดสงคราม”

“จะพลาดได้ยังไงล่ะเพราะนี่มันเรื่องใหญ่สุด ๆ ไปเลยนะขอรับ ช่วงเวลาแห่งการบ่มเพาะเป็นเหมือนวัฒนธรรมที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่อดีตดันมีคนแหกกฎเสียได้”

“เฮ้ย ๆ มัวแต่คุยกันอยู่ได้เดี๋ยวข้าก็เอาไปฟ้องท่านเฟยเฟิ่งเสียเลย” ทหารยามตัวใหญ่มองค้อนพ่อหนุ่มสองคนนั้นเดาะลิ้นไม่พอใจก่อนจะเดินผ่านไป

“เกือบไปแล้วไง นั่นคือพวกระดับสามเชียวนะเห็นว่าต้องกลับจากการบ่มเพาะก่อนเพราะเรื่องสงครามเนี่ยแหละ”

“โห่แค่เห็นก็ขนลุกแล้ว ยิ่งกับพวกอันดับต้น ๆ ของสำนักยิ่งหนักเลย”

“แล้วนายได้เห็นมังกรสีขาวไหม? เท่สุด ๆ ไปเลยนะเว้ย”

“อะไรนะ? มังกรเนี่ยนะ”

“ก็เออสิวะ ท่านเฟยเฟิ่งขังมันไว้ข้างล่างกับพวกของมันอีกคนแต่พวกมันดันหนีออกไปแล้วเนี่ยแหละ”

มังกรสีขาวหรือจะเป็นแคทเทอรีนตามรายงานที่ฟรานเล่าให้ฟัง

“เฮ้ย ! ใครมันแต่งตัวปิดหน้ามาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แถวนี้วะ” ขณะที่สเตล่ากำลังดักฟังทหารยามสองคนคุยกันก็ดันมีลูกศิษย์ของสำนักผ่านมาเห็นพอดี

ซวยแล้วไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานฝีมือคงขึ้นสนิมสินะ สเตล่าปีนป่ายขึ้นไปตามกำแพงและหลังคาพยายามทิ้งระยะห่างจากคนของสำนักให้ได้

มีความเป็นไปได้ที่พวกกิจะหลบหนีไปที่อื่นแล้วแต่จะหาเบาะแสจากไหนดีล่ะ

“ได้เรื่องอะไรบ้างล่ะคุณสเตล่า” มาถึงเซนก็ยิ้มเยาะกวนประสาททันที

“กิกับแคทเทอรีนหนีไปที่อื่นแล้ว เห็นทีพวกเราคงต้องแฝงตัวไปกับฝูงชนเหมือนอย่างเคย”

“โถ่ขี้เกียจเล่นละครอะไรพวกนั้นแล้ว สู้ไล่อัดพวกที่น่าจะรู้แล้วล้วงข้อมูลมาไม่ง่ายกว่าเหรอ?”

“ให้ตายสิ...” สเตล่าบ่นพึมพำคนเดียว

“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?”

“เปล่า ! เริ่มจากคนในเมืองนี้ก่อนเลยก็ได้”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.