บทที่ 3 ปะทะกับแอมเบอร์

ภาชนะต้องสาป

-A A +A

บทที่ 3 ปะทะกับแอมเบอร์

                                เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย อลิเซียก็ไม่ปล่อยให้เอลลานีนเข้านอน แต่เลือกที่จะซักถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องสาวทันที ทั้งอาการตื่นตระหนกของเอลลานีน และคำถามประหลาดกับบุรุษลึกลับ ทุกอย่างล้วนตกอยู่ในสายตาของเธอ แต่ด้วยไม่สะดวกที่จะถามอลิเซียจึงรอให้ถึงบ้านก่อน

                "สรุปมันเกิดอะไรกับพี่ เราเห็นอะไรอย่างนั้นเหรอ" อลิเซียลงนั่งบนโต๊ะกินข้าว ทำให้เอลลานีนต้องทรุดนั่งลงตามอย่างเสียไม่ได้

                                เอลลานีนกวาดตามองรอบตัว นี่คือบ้านของเธอในโลกนี้ บ้านที่เธอและพี่สาวอาศัยอยู่ในตอนนี้ไม่ต่างจากหมู่บ้านจัดสรรในโลกที่แล้ว หนึ่งห้องนอนชั้นล่างและอีกสามห้องนอนชั้นบนก็ถือว่าอยู่อย่างสะดวกสบาย และค่อนข้างหลังใหญ่สำหรับสองพี่น้อง แต่อีกไม่กี่วันแดนนี่ว่าที่สามีของอลิเซียก็จะย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ดังนันบ้านหลังนี้ก็จะไม่กว้างเกินไปอีกแล้ว

                "ฉันเห็น...จะเรียกอะไรดีล่ะ" เด็กสาวครุ่นคิด

                "ตัวประหลาด เอ่อ...ไม่สิ...น่าจะเป็นปีสาจหมอกมั้ง มันปรากฏตัวขึ้นข้างหลังพี่ และทำท่าจะใช้อะไรบางอย่างปาดคอพี่ เอ่อ...ว่าแต่ว่า พี่ไม่รู้สึกถึงอะไรข้างหลังบ้างเลยเหรอ" อลิเซียส่ายหน้า

                "ไม่รู้สึกถึงอะไรเลย และก็ไม่เห็นอะไรด้วยนะ"" เอลลานีนรู้ว่าอลิเซียเชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่มันแปลกตรงที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่เห็น ยิ่งทำให้เด็กสาวงุนงง

                "อีกคำถามนะ พี่เห็นลูกไฟในมือของผู้ชายที่เราเจอไหม" อลิเซียส่ายหน้าอีก

                "แปลก...ทำไมมีเพียงฉันที่เห็นกันนะ" เอลลานีนพึมพำ

                "เอาล่ะ พี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ และพี่ก็เชื่อว่าไอ้ตัวประหลาดที่เราเห็นนั้นมันทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก อย่าลืมนะว่าเมืองนี้จำกัดพลังวิเศษ สิ่งที่เอลล่าเห็นนั้น อาจเป็นภาพลวงตาที่สร้างขึ้นมาหวังจะทำร้ายเราอยู่ก็ได้นะ และต่อไปนี้พี่ไม่อนุญาตให้เราไปไหนมาไหนคนเดียวอีกแล้วนะ" อลิเซียยื่นคำขาด

                "ปกติพี่ก็ไม่อนุญาตอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงเล่า" เอลลานีนทำหน้ามุ่ย อลิเซียหัวเราะพร้อมกับลุกขึ้นมาลูบศีรษะน้องสาวอย่างถนอม

                "ก็พี่มีน้องสาวอยู่คนเดียวนี่นา ไม่ห่วงเราจะให้ไปห่วงใครล่ะ สรุปก็ตามนี้นะ ห้ามดื้อด้วย" อลิเซียสำทับ

                "รับทราบเจ้าค่าพี่สาว" เอลลานีนส่งค้อนให้ก่อนจะลุกจากโต๊ะกินข้าว

                "ดึกแล้วฉันไปอาบน้ำนอนก่อนล่ะ พี่ก็เข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปรับของชำร่วยอีกนะ" พูดพร้อมกับเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนโดยมีอลิเซียเดินตามหลังมาติดๆ

                "จ้ะ พรุ่งนี้เจอกัน" อลิเซียหันมาตอบก่อนจะปิดประตูห้องนอนซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องของเธอ

                                เอลลานีนอมยิ้มอย่างสุขใจเมื่อผละจากพี่สาวเข้าห้องนอนของตน เธอรับรู้ถึงความรักความห่วงใยที่

อลิเซียมอบให้ร่างนี้อย่างจริงใจ แม้กระทั่งแดนนี่ซึ่งเป็นว่าที่สามีของอลิเซียเองก็ปฏิบัติกับเธอไม่ต่างจากน้องสาวแท้ๆ ความรักของคนทั้งคู่ที่มอบให้อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ เป็นสิ่งที่ชีวิตที่แล้วเธอไม่เคยได้รับจากใคร แม้กระทั่งสามีและคนในครอบครัวแท้ๆ ของเธอเอง พวกเขาให้ความดูแลเธออย่างดี เพียงเพราะเธอเป็นตัวสร้างประโยชน์มหาศาลให้ก็เท่านั้น เธอกระพริบตาขับไล่ความหม่นเศร้าในจิตใจ ปล่อยให้เอลลี่ในชาติที่แล้วตายไปจากโลกใบนั้น และตั้งหน้าตั้งตาดูแลญาติที่เหลือของเด็กสาวให้ดี และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในโลกใบนี้ต่อไปดีกว่า

                                กลิ่นอาหารยามเช้าหอมกรุ่นเมื่อเอลลานีนย่างเข้ามาในครัวเล็กๆ ของบ้านทำให้กระเพาะที่ว่างโหวงส่งเสียงโครกคราก เด็กสาวตรงเข้าไปนั่งยังโต๊ะอาหาร ปรายตามองหญิงสูงวัยที่กำลังยืนชื่นชมชุดของบ่าวสาวแขวนคู่กันในโถงนั่งเล่น ใบหน้าเปี่ยมสุขของเธอทำเอาเอลลานีนอดที่จะเย้าขึ้นมาไม่ได้

                "นี่ถ้าไม่รู้หนูคงคิดว่าป้ามาลีจะเป็นเจ้าสาวเสียเองแล้วนะคะ" หญิงสูงวัยละสายตาจากชุดตรงหน้า แล้วตรงมาหย่อนร่างอวบอ้วนลงนั่งตรงข้ามกับเด็กสาว

                "ก็มันอดปลื้มใจไม่ได้นี่นา แดนนี่ก็หลานป้า แม่หนูอลิซก็เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าพ่อไมค์กับแม่เอลลี่ยังอยู่ก็คงเป็นเหมือนป้านี่ล่ะ" ป้ามาลีรำพึง นี่ก็เป็นอีกเหตุบังเอิญที่แม่ของเจ้าของร่างที่เธอครอบครองอยู่ในตอนนี้มีชื่อเดียวกันกับชื่อของเธอในภพที่แล้ว

                "ไม่มีพ่อแม่แต่ก็ยังมีป้าไงคะ" อลิเซียยกจานไข่ดาวมาวางลงตรงหน้าของน้องสาว พร้อมกับเลื่อนนมอุ่นแก้วโตไปตรงหน้าผู้เป็นป้าของแดนนี่

                "ว่าแต่ป้าจัดการให้พวกป้าๆ มหาภัยของหนูพักกันที่ไหนล่ะคะ" เอลลานีนถามสิ่งที่อยากรู้ พร้อมกับจัดการอาหารตรงหน้า

                "โรงแรมใกล้โบสถ์ทำพิธี จะได้สะดวกต่อการเดินทาง"

                "ว้าว! สุดยอดไปเลย ป้ามาลีของหนูรอบคอบที่สุด" เอลลานีนยกนิ้วโป้งให้ พร้อมกับชมอย่างจริงใจ

                "นี่มันหลอกใช้คนแก่ชัดๆ" ป้ามาลีบ่นอย่างไม่จริงจังนัก

                "แหมๆ ป้าก็รู้นี่คะ ว่าถ้าหนูไปจัดการด้วยตัวเองจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ" เอลลานีนพูดยิ้มๆ

                "นี่ถ้ารู้ว่าหนูตกน้ำป๋อมแป๋มแล้วจะตื่นมาเก่งกาจขนาดนี้ ป้าจะผลักให้ตกด้วยตัวเอง ไม่ปล่อยให้เด็กพวกนั้นมารังแกหนูได้หรอก" ป้าว่าอย่างอารมณ์ดี เด็กสาวเพียงยิ้มบางๆ

                "ถ้าอ่อนแอหรือป่วยอย่างเมื่อก่อน พี่อลิซจะยอมแต่งงานกับพี่แดนนี่เหรอคะ"

                "พูดไปเรื่อย เอ้ารีบกินเข้าจะได้ไปรับของชำร่วยกัน" อลิเซียเลื่อนแก้วน้ำให้น้องสาวก่อนจะลงนั่งจัดการกับอาหารตรงหน้าของตัวเอง

                "ป้าเองก็ต้องไปดูสถานที่ก่อนล่ะ บ่ายๆ จะแวะไปหาพ่อแม่ของแดนนี่สักหน่อย" ป้ามาลีลุกขึ้น

                "ขอบคุณมากเลยนะคะป้า ถ้าไม่มีป้าพวกหนูคงแย่" อลิเซียลุกจากที่นั่งเข้าไปสวมกอดหญิงสูงวัยอย่างซาบซึ้ง

                "หนูสองคนก็เหมือนลูกสาวป้านั่นแหละ ไม่ต้องเกรงใจป้าหรอกน่า ป้ามีความสุขจะตายที่ได้ดูแลพวกหนูน่ะ" ป้ามาลีใช้มืออวบอูมลูบหลังลูบไหล่หญิงสาวในอ้อมกอด แล้วผละออกช้าๆ

                "ไปนะจ๊ะ" มืออบอุ่นวางลงบนศีรษะเด็กสาวอีกคนก่อนจะเดินออกจากบ้าน

                "เดี๋ยวเย็นนี้หนูจะซื้อขนมร้านโปรดมาฝาก" เอลลานีนกระพริบตาไล่หยาดน้ำก่อนจะตะโกนไล่หลังหญิงสูงวัย

                "หนูน้อยรู้ใจป้าที่สุด" เสียงสดใสของป้ามาลีตอบกลับมาทำให้สองพี่น้องหันมายิ้มกว้างให้แก่กัน

                                เอลลานีนปล่อยให้อลิเซียเจรจากับเจ้าของร้านที่รับทำของชำร่วยเมื่อพบว่าสินค้านั้นเกิดปัญหานิดหน่อย เด็กสาวจึงขอตัวออกมาเดินเล่นแก้เบื่อ ซึ่งแน่นอนว่าอลิเซียกำชับกำชาไม่ให้เธอเดินไปไกล เธอตั้งใจจะเดินไปยังร้านขนมเจ้าโปรดของป้ามาลี กะระยะทางจากตรงนี้ก็เดินไปไม่กี่คูหา เอลลานีนจึงตัดสินใจออกเดินฝ่าเปรวแดดข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม

                ภาพเด็กสาวร่างท้วมผมสีน้ำตาลหยักเป็นคลื่นยาวประบ่าสวมชุดลำลองสีสดใสเดินด้วยท่วงท่าสบายๆ เป็นสิ่งที่คนแถวนี้เริ่มเห็นจนชินตา ก่อนน่าที่ข่าวการจมน้ำของเอลลานีนจะแพร่สะพัดไปทั่วเมืองลูน่านั้น เด็กสาวเป็นคนค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร แต่หลังจากที่เธอพักฟื้นได้ไม่นาน ชาวเมืองก็เห็นเด็กสาวปราฏตัวแทบจะทุกวัน จากเด็กสาวขี้โรคอ่อนแอและหวาดกลัวผู้คนกลายเป็นเด็กสาวบุคลิกอบอุ่นและเป็นมิตรกับทุกคน คนไหนที่ตั้งป้อมรังเกียจเอลลานีนก็จะไม่ข้องแวะด้วย แต่เด็กสาวจะมีน้ำใจเอื้อเฟื้อให้กับคนที่ปฏิบัติตัวปกติกับเธอ อย่างเจ้าของร้านขนมที่เธอกำลังจะไปหาในตอนนี้ก็ด้วย

                                ร้านขนมเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ในตรอก สองสามีภรรยาสูงวัยเจ้าของร้านน่าจะง่วนอยู่หลังร้าน กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ลอยอวลในอากาศ ดวงตาสีนิลกลมโตของเด็กสาวมองหาที่นั่งว่างๆ ภายในร้าน แล้วก็ตรงไปทิ้งตัวลงนั่งยังมุมหนึ่งของร้านทันที เจ้าของพวงแก้มอิ่มแดงระเรื่อจากการตากแดดเป็นเวลานานกวักมือเรียกเด็กหนุ่มซึ่งเป็นลูกจ้างให้เข้ามารับออร์เดอร์ เธอสั่งน้ำผลไม้ปั่นแก้วใหญ่ ไม่ลืมที่จะสั่งทาร์ตผลไม้ของโปรดให้ป้ามาลี และเค้กของโปรดของอลิเซียด้วย คล้อยหลังที่ลูกจ้างรับออร์เดอร์ของเธอไปได้ไม่นาน ประตูร้านก็ถูกผลักเข้ามาจากคนกลุ่มใหญ่ เด็กสาวไม่ได้ใส่ใจที่จะมอง เพราะเธอกำลังสนใจลูกปลาที่อยู่ในตู้ปลา แต่เธอก็ต้องละสายตาขึ้นมามองยังลูกค้ากลุ่มนั้น เนื่องจากมีเสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างตัว

                "ตายแล้วนึกว่าใคร ที่แท้ก็ตัวกาลากินีของเมืองเรานี่เอง" เสียงทักทายจากผู้มาใหม่ทำให้เอลลานีนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงทันที

                                แอมเบอร์เด็กสาวผมแดงนั่นเอง เพียงข้ามคืนอาการคันคะเยอที่โดนผงหมามุ่ยของเอลลานีนก็ทำให้เธอกลายเป็นปกติได้ แสดงว่าหมอในดินแดนนี้สุดยอดจริงๆ ฤทธิ์ของหมามุ่ยน่าจะทำอะไรคนที่นี่ได้ไม่มาก กลุ่มเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเด็กสาวทั้งชายและหญิงประมาณสิบกว่าคนทยอยเข้าร้านมา เอลลานีนเห็นเค้าลางยุ่งยากอยู่รำไร อีกอย่างขนมก็เพิ่งสั่งไปคงไม่ได้ในเวลาอันใกล้นี้แน่ เธอมองเด็กเหล่านี้อย่างระอา นี่ถ้าเป็นลูกเป็นหลานของเธอจะจับตีก้นจนกว่าจะเลิกนิสัยกร่างเสียให้เข็ด เอลลานีนถอนใจอย่างเบื่อหน่ายเมื่อแอมเบอร์ศัตรูหมายเลขหนึ่งใช้สายตาแสดงถึงความเกลียดชังจ้องมองเธอ

                "หายดีแล้วเหรอ" คำถามแสดงถึงความห่วงใยอย่างไม่จริงใจของเอลลานีนทำให้อีกฝ่ายจ้องกลับอย่างโกรธแค้น

                "อย่ามาอวดเก่ง คนอ่อนแออย่างแกยังไงก็เป็นคนอ่อนแออยู่วันยังค่ำ" แอมเบอร์พูดลอดไรฟัน

                "ทำไมล่ะ ฉันไม่สามารถที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองได้เลยเหรอ มีแต่เธอและพวกของเธอทำได้งั้นสิ"

                "แกมันถูกปีสาจเข้าสิง ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านผู้วิเศษ แล้วแกก็จะถูกเผาทั้งเป็น" แอมเบอร์แสยะยิ้มชั่วร้าย

                "ไม่หรอกน่า ไหนเราลองมาทวนความจำกันสักหน่อยว่า เธอแกล้งฉันมาเป็นเวลากีปีแล้ว มันคงเริ่มตั้งแต่วันแรกที่ฉันเข้าโรงเรียนนั่นเลยมั้ง ที่สำคัญเรื่องที่เธอกับพวกแกล้งฉันมันไม่ใช่ความลับสักหน่อย ไม่มีชาวเมืองคนไหนไม่รู้นี่นา แล้วถ้าวันนี้ฉันหมดความอดทนแล้ว ไม่อยากให้เธอมารังแกอีกแล้ว จึงต้องการเอาคืนนิดๆ หน่อยๆ เธอคิดว่าใครจะถูกประนามกัน แอมเบอร์...เธอเป็นคนบอกฉันเองว่า กระจกของเมืองลูน่าของเราน่ะ สะท้อนแต่ความจริงเท่านั้น แล้วถ้าท่านผู้วิเศษพาเราทั้งสองไปพิสูจน์ความจริง เธอคิดว่าใครกันนะที่จะตกที่นั่งลำบาก ความชั่วที่เธอกับเพื่อนปกปิดกันมานานอาจจะถูกเปิดเผยต่อหน้าชาวเมืองนับพันก็ได้น้า เฮ้อ...ไม่อยากจะคิดเลย" คราวนี้เป็นเอลลานีนที่ผุดรอยยิ้มชั่วร้าย เด็กสาวผมแดงกัดกรามเพื่อสะกดความโกรธ

                "แกนี่มันหมาบ้ากัดไม่เลือก เมื่อวานแกก็ไปรังแกเบลล่าที่ร้านก๋วยเตี๋ยวมาใช่ไหม" เอลลานีนยิ้มกว้าง

                "เบลล่าบอกเธออย่างนั้นเหรอ"

                "ใช่"

                "และได้บอกรึเปล่าว่าฉันทำยังไงยายนั่นถึงเลิกราวีฉัน" แอมเบอร์ได้แต่จ้องเอลลานีนิ่ง  เธอไม่กล้ายอมรับว่าไม่ได้ฟังรายละเอียดมาก แค่ได้ยินว่าเบลลาถูกเอลลานีนแกล้งอารมณ์ของเธอก็พุ่งปรีด อยากจะแล่นมาบีบคอคนตรงหน้าตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

                "แสดงว่าไม่ได้บอก แล้วเธออยากรู้ไหมล่า" เด็กสาวร่างท้วมยิ้มกริ่ม

                "เรื่องอื่นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือแกทำร้ายเบลล่า" เด็กสาวผมแดงชี้หน้า เอลลานีนใช้สายตาที่ผู้ใหญ่มองเด็กอย่างตำหนิกวาดมองแต่ละคน แม้กระทั่งแอมเบอร์ก็ยังเผลอถอยหลังอย่างตกใจ

                "ผู้วิเศษไม่ช่วยตัวซวยอย่างแกหรอก" เด็กสาวชี้หน้าเอลลานีนอีกครั้งก่อนจะกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง

                "เฮ้อ! ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ ผู้วิเศษคงไม่ช่วยคนแย่ๆ อย่างเธอหรอก อะไรที่เป็นความลับก็ปล่อยให้มันเป็นความลับต่อไปแล้วกัน" เธอตอบยียวนก่อนจะละความสนใจจากเด็กพวกนั้น แต่เมล็ดความสงสัยที่เอลลานีนหว่านใส่แอมเบอร์นั้นมันกำลังแตกหน่อภายในใจของเด็กสาว

                เอลลานีนยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นจิบ อดไม่ได้ที่จะยิ้มขบขัน อันที่จริงเธอก็อยากสั่งสอนพวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกลุ่มนี้แรงๆ อยู่หรอก แต่หากเธอใช้วิธีแบบผู้ใหญ่มาจัดการ มันก็ดูไม่สมศักดิ์ศรีสักเท่าไหร่ อีกอย่างวิธีตาต่อตาฟันต่อฟันแบบเด็กๆ อย่างนี้ก็สนุกดี เพราะในโลกก่อนนั้น ไม่มีทางเสียหรอกที่คุณหนูเอลลี่จะได้กลั่นแกล้งคนอื่น อีกอย่างรอบตัวของคุณหนูเอลลี่ก็แวดล้อมไปด้วยลูกคุณหนู สวมหน้ากากเข้าหากันจนแยกไม่ออกว่าสิ่งไหนจริงสิ่งไหนปลอมกันแน่ แล้วนิสัยแย่ๆ ของแอมเบอร์ก็ไม่ได้เลวร้ายจนจัดการได้ยากเสียเมื่อไหร่กัน  ขนาดผู้ใหญ่นิสัยแย่ๆ อย่างแม่สามีของเธอก็ผ่านมาแล้วทั้งนั้น แต่แค่เธอไม่มีโอกาสได้จัดการก็เท่านั้น พอหลุดเข้ามาที่ดินแดนแห่งนี้และได้พบกับกลุ่มของยายแอมเบอร์เข้ามาวุ่นวาย เธอจึงสนองความต้องการของตัวเองในชาติที่แล้วทันที ช่วยไม่ได้ถือว่าเป็นโชคร้ายของพวกยายแอมเบอร์ไปก็แล้วกัน

                เอลลานีนไม่รู้ว่าการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ของเธอนั้น สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มของแอมเบอร์มากเพียงใด เพราะทุกครั้งที่พวกเธอลงมือแกล้งทีไรยายขี้โรคก็มักจะตอบโต้กลับมาเสมอ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการยกหินทุ่มใส่เท้าตัวเอง แกล้งหนักเท่าไหร่ยายเด็กขี้โรคก็จะตอบกลับมาเท่าตัว พวกเธอไม่รู้ว่าเอลลานีนเอาความกล้าบ้าบิ่นมาจากที่ไหน เพราะทุกครั้งที่ยายขี้โรคเจอกลุ่มของพวกเธอก็จะเป็นฝ่ายเลี่ยงหลบเสมอ หรือบางทีความกล้าของเธออาจจะเกิดหลังจากที่พวกเธอร่วมมือกันผลักยายขี้โรคตกน้ำในสวนสาธารณะในครั้งนั้นก็เป็นได้ บางทีปีสาจหนองน้ำอาจจะกำลังสิงร่างของยายนั่นอยู่ แต่จะสรุปว่าเป็นปีสาจก็ไม่ได้ เพราะเอลลานีนไม่มีพลังวิเศษเลย ไหนๆ ก็ได้เจอกันโดยบังเอิญแล้วแอมเบอร์ที่ต้องการแก้แค้นจึงวางแผนกับกลุ่มของเธอเพื่อจัดการยายขี้โรคเสียเลย

                                เหมือนว่าเจ้าของร้านจะรู้สึกถึงสถานการณ์ที่เอลานีนเผชิญในตอนนี้ไม่นานขนมที่เธอสั่งก็เสร็จเรียบร้อย เด็กสาวหยิบสองเหรียญเงินกับห้าเหรียญทองแดงจากกระเป๋าส่งให้เด็กหนุ่ม แล้วรับขนมเดินออกจากร้านมาอย่างไม่รีบร้อน ขามาเธอเดินมาเพียงลำพัง แต่พอขากลับกลับมีเสียงคนเดินตามมาเป็นขโยง เอลลานีนไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยว่าก่อนที่เธอจะโผล่หัวออกจากถนนใหญ่คงต้องโดนเจ้าพวกข้างหลังจัดการก่อนแน่ๆ เด็กสาวเลี้ยวเข้าซอยเล็กฝั่งขวาแล้วก็ออกวิ่งเต็มฝีเท้า เธอรู้ดีว่าไม่นานเด็กกลุ่มนั้นต้องตามหลังเธอทันแน่ๆ เพราะซอยนี้ไม่มีมุมอับให้เธอได้ซ่อนตัวเลย

 

  

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.