บทที่ 8...1/3

ขอเพียงรักนี้นิรันดร

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 8...1/3

          ธามิณีกลับมาถึงหอพักในเวลาเกือบ 3 ทุ่ม เธอขอบคุณกลุ่มชายชุดสูทสีดำที่มาช่วยเอาไว้ด้วยความซึ้งใจ แม้จะไม่มีใครบอกเธอว่าใครส่งมา แต่เธอก็รู้ด้วยตัวเองว่าเป็นพระเสาร์ มันจึงเป็นเบาะแสเดียวหากเธอจำเลขทะเบียนรถคันนี้ไว้ แล้วขอให้ลุงวาทินช่วยสืบ สุดท้ายเธอจะรู้จักพระเสาร์ได้มากกว่านี้หรือเปล่า

หญิงสาวเดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกกัลยากอดไว้ โดยมีรวิชญ์มองมาอย่างโล่งใจเพราะทั้งสองคนตามหาเพื่อนไปทั่ว เพิ่งจะกลับไปที่ห้อง แล้วลงมายืนรอเพื่อน พอเห็นธามิณีก็วิ่งมาหาด้วยความดีใจ

“เกิดอะไรขึ้นน่ะธาม หายไปไหนมา แล้วเจ้าของรถคันนั้นเป็นใคร เป็นคนร้ายหรือเปล่า” รวิชญ์ถามเพราะเขาเห็นว่าธามิณีลงมาจากรถคันหนึ่ง แต่วิ่งมาหาที่รถไม่ทัน รถคันนั้นขับออกไปก่อนแล้ว

“พวกเขาไปช่วยธามไว้น่ะ”

ธามิณีเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังไปตามตรงและเหตุผลที่เธอยอมจบทุกอย่าง ไม่ใช่ไปสถานีตำรวจ อย่างน้อยครั้งหนึ่งรัดเกล้าก็เคยดูแลเธออย่างดี การไม่เอาเรื่องเตวินในคราวนี้ เธอจะถือว่าไม่ติดค้างอะไรครอบครัวนั้นอีกแล้ว แม้เพื่อนทั้งสองคนจะไม่เห็นด้วยนัก แต่เพราะมันคือการตัดสินใจของเธอ

          “แต่เพื่อความปลอดภัยของธาม วิชญ์จะขอให้ลุงที่เป็นตำรวจช่วยตามสืบเรื่องนายเตวินกับพวก วิชญ์คิดว่ามันคงไม่ได้ทำแบบนี้เป็นครั้งแรกหรอก” รวิชญ์พร้อมช่วยในแบบของเขาแทน

          ฟังรวิชญ์แล้วธามิณีชักอยากตีตัวเอง “จริงด้วย ธามไม่ทันคิดเรื่องนี้ ถ้ามีเหยื่อนอกจากธามล่ะ ธามฝากวิชญ์ด้วยนะ”

          “ได้อยู่แล้ว”

          กัลยาโอบไหล่เพื่อนพาเข้ามาในห้อง ตอนนี้ธามิณีกลับมาแล้ว แต่ถ้าผ่านคืนนี้ไปโดยที่มีเรื่องหดหู่ใจแบบนั้น คงเป็นความทรงจำที่ไม่ดีมากๆ ในวันเกิด

          “เพิ่ง 3 ทุ่มเอง เรามาฉลองวันเกิดให้ธามกันดีกว่า ธามกับกัลจะรออยู่ในห้อง ตอนนี้ไม่ควรให้ธามอยู่คนเดียว ส่วนวิชญ์ไปซื้อของกินมานะ” ยังดีว่าเธอกับรวิชญ์ซื้อเค้กไว้แล้ว

          รวิชญ์ยิ้มร่าพร้อมกับพยักหน้า “ถ้างั้นเดี๋ยววิชญ์มานะ”

เป็นอันตกลงกันว่างานวันเกิดเปลี่ยนสถานที่จากบ้านของรวิชญ์มาเป็นในห้องของธามิณีแทน การฉลองวันเกิดแบบเรียบง่ายมีเพียงเค้กก้อนน่ารักๆ กับพิซซ่าและเพื่อนที่หวังดี ส่วนของสดที่ซื้อมาถูกนำไปเก็บใส่ตู้เย็นเอาไว้ก่อน

แม้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดที่หดหู่อยู่บ้างเพราะเกิดเรื่องแบบนั้น แต่กัลยากับรวิชญ์ก็ทำให้ธามิณียิ้มได้ดังเดิม อย่างน้อยโลกนี้ก็ไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก เธอยังมีเพื่อนที่เชื่อใจได้ แล้วยังมีพระเสาร์ที่ไม่ปล่อยให้เธอตกอยู่ในอันตราย

 

          ธามิณีถือขนมเค้กชิ้นหนึ่งออกมาจากห้อง แล้วขึ้นบันไดเพื่อไปดาดฟ้าตอนใกล้เที่ยงคืน เธอคลี่ผ้าผืนหนาออกก่อนจะนั่งลงแล้ววางเค้กที่นำมา พอได้มองความว่างเปล่าตรงหน้า จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา เธอแค่หวนคิดถึงวันคืนเก่าๆ ในวันนี้ของทุกปี พ่อกับแม่จะอยู่กับเธอแล้วกินเค้กด้วยกัน ได้เล่าว่าวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้าง ได้กอด ได้พูดว่ารัก แต่หลายปีที่ผ่านมามีคำหนึ่งที่เธอรู้สึกมาตลอด

...คิดถึง

การรู้สึกว่าเป็นที่รักอย่างไม่มีเงื่อนไขเป็นสิ่งที่เธอโหยหา ความรักของพ่อกับแม่เหลือไว้เพียงความทรงจำของเธอเท่านั้น ต่อให้มีใครเข้ามาในชีวิตมากมาย แต่สุดท้ายเธอกลับรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวอยู่ดี

          “เป่าเทียนเสียสิ”

          ธามิณีมองความว่างเปล่าที่แทนที่ด้วยเทพกึ่งมนุษย์คนหนึ่งซึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยชีวิตเธอไว้หลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะก้มลงมองเค้กชิ้นเล็กนั้น ตอนนี้มีเทียนปักอยู่หนึ่งเล่ม แสงจากเทียนที่ถูกจุดทำให้เกิดความสว่างมีความหวัง เธอไม่ได้คาดหวัง แต่เขามาแล้ว โดยที่เธอไม่ต้องตกอยู่ในอันตราย

          ความโดดเดี่ยวที่ธามิณีรู้สึกอยู่ในตอนนี้ ทำให้ศนิใจอ่อนยอมเผยร่างเพราะเขาเข้าใจความรู้สึกนั้นมาตลอดและอาจจะตลอดไป  เธอเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่อีกไม่นานจะตาย ฉะนั้นความอ่อนโยนเล็กๆ น้อยๆ จึงเป็นสิ่งที่เทพกึ่งมนุษย์อย่างเขาสามารถมอบให้เธอได้ในบางคราว แม้ที่ผ่านมาเขาไม่ใจดีกับมนุษย์คนใดง่ายๆ หากว่ามันจะสร้างปัญหาในอนาคต เขาเคยมีบทเรียนราคาแพงจนมีวันเดือนดับมา 212 ปีแล้ว สวรรค์จะไม่มีโอกาสได้เพิ่มโทษกับเขาได้อีก

“พระเสาร์...คุณทำไมถึงมา...ได้” ธามิณีมองชายที่ใส่เสื้อแขนยาวสีดำกับกางเกงยีนส์สีเดียวกัน เขายืนห่างออกไป แต่เสียงของเขาเหมือนดังอยู่ใกล้ๆ ราวกับมานั่งอยู่ข้างกัน

“ฉันอนุญาตให้เธอเรียกว่า...ศนิ” ในเมื่อเธอรู้ว่าเขาเป็นใครแล้ว อีกทั้งยังแทรกแซงเข้ามาในสมองเขาได้ในบางครั้ง หากจะเรียกเขาก็ขอให้เป็นชื่อนี้

“เป่าเทียนสิ”

ธามิณีพยักหน้ายิ้มพลางยกมือขึ้นประสานแล้วอธิษฐานขอให้ชีวิตนี้อย่าเสียคนที่รักไปอีก เธอเป่าเทียนให้ดับก่อนจะเงยหน้ายิ้มให้ชายที่เธอเพิ่งได้รู้ชื่อที่แท้จริงของเขา ศนิ...มีความหมายว่าอะไรนะ

“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ ธามกำลังจะมีอันตรายหรือว่าอีกประเดี๋ยวจะมีอะไรตกใส่จนธามสภาพร่อแร่หรือเปล่าคะ” ถามไปแล้วธามิณีก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบตัว ถ้าจะมีอะไรหล่นใส่ตอนนี้คงมีแต่เครื่องบินกระมัง

“ไม่คิดว่าฉันเป็นปีศาจหรือคนที่คิดร้ายกับเธอบ้างหรือไง” ศนิถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้เขาไม่ได้คิดร้าย แต่การรอให้เธอหมดอายุแห่งความเป็นมนุษย์เพื่อที่จะได้ผลึกกาลอีกครึ่งกลับคืนมา คงเรียกว่าหวังดีไม่ได้

“คุณเป็นคนที่ช่วยธามไว้ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ตอนนั้นคุณไม่รู้จักธามด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ธามย่อมมั่นใจว่าคุณไม่มีทางทำร้ายธามแน่นอนค่ะ”

มนุษย์อย่างธามิณีช่างไม่หลาบจำ เขาเคยเตือนเธอแล้ว แต่เธอยังทำแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้กระทั่งการเตือนให้ระวังเขา เธอก็ยังเชื่อมั่นในสิ่งที่เห็นจนเกินไป

“ต่อไปอย่าไว้ใจใครง่ายๆ อีก มนุษย์ไม่ได้ปรารถนาดีกับมนุษย์ด้วยกันเสมอไปหรอก”

ธามิณีฟังแล้วคิดตาม เหตุผลที่พระเสาร์มาหาเธอก็เพื่อเตือนเธอในเรื่องนี้เอง เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นและมันจบลงอย่างไร

“เพราะความเป็นญาติ ธามเลยไม่คิดว่าจะถูกวางยาค่ะ”

ธามิณีถอนใจพลางเลื่อนเค้กให้ศนิ อีกฝ่ายมองเฉย เธอไม่เซ้าซี้ให้เขากิน หากเขาไม่อยากกิน 

“ทำไมญาติที่เหลืออยู่ของธามไม่ใจดีแบบคุณบ้างก็ไม่รู้นะคะ”

“ไม่รู้สิ” จิตใจมนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เขาพบเจอจิตใจที่เลี้ยวลดของมนุษย์มามากมายจนไม่อยากให้ความสนใจ ยกเว้นแต่ยามที่เห็นธามิณียิ้ม หากเขารู้ความคิดของเธอคงจะดี “ยิ้มทำไม”

“ธามไม่ได้ถามหรอกค่ะ ธามแค่ท้อใจมั้งเลยบ่นออกมาแบบนั้น พอคุณตอบ ธามก็เลยยิ้ม แค่นั้นเองค่ะ”

บางครั้งการได้นั่งเงียบๆ กับคน...ไม่สิ เทพกึ่งมนุษย์ก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจ แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไร สิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าร่างที่นิ่งเงียบนี้มีชีวิตคือเสียงลมหายใจ ธามิณีหันไปมองเสี้ยวใบหน้าของศนิ เขาไม่มองกลับมาซึ่งไม่ได้เหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่นัก

“ดีจังเลยนะคะ แม้ทุกอย่างจะเรียบร้อยดีแล้ว คุณก็ยังมาหาธาม”

“ดียังไง” ศนิถามไม่ได้หันไปมอง เพราะรู้ว่าถูกธามิณีมองมา ก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองท้องฟ้าดังเดิม

“ก็เพราะมันเป็นวันนี้น่ะสิคะ”

“วันเกิดของเธอน่ะหรือ” ศนิหันมามองธามิณี เธอยิ้มอีกแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ผ่านเรื่องร้ายๆ มามากมาย ถึงยังคงยิ้มได้อีก

“ค่ะ ในวันที่เหมือนจะแย่ แต่ธามยังมีคุณ ในความเงียบของคุณ แต่คุณไม่เคยทิ้งให้ธามอยู่ในอันตราย” ธามิณีหันมามองศนิ ไม่ทันคิดเลยว่าเขามองอยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวยิ้มเก้อๆ หายใจสะดุด

“เธอควรกลับห้องไปได้แล้ว ถึงแม้กำไลที่ฉันให้ใส่ไว้จะปกป้องบางสิ่งในทุกวันเกิดของเธอได้ แต่อันตรายที่มาจากมนุษย์ บางครั้งเธอต้องจัดการมันด้วยตัวเอง”

“ธามไม่แน่ใจว่าแยกระหว่างคนที่ทำดีจากใจจริงกับคนที่ทำดีเพื่อหวังบางอย่างได้ถูกต้องไหม แต่ธามรู้สึกได้ว่าคุณไม่ได้คิดร้าย คำอวยพรของคุณคือคำเตือนที่มีค่ามากค่ะ ธามจะดูแลตัวเองให้ดี จะเข้มแข็งกว่านี้ ราตรีสวัสดิ์นะคะ”

ธามิณีหยิบเค้กแล้วเป็นฝ่ายเดินมาหาศนิ ไม่ทันที่เขาจะรู้ตัวว่าเธอทำอะไร มือบางก็คว้ามือหนามาเพื่อแบออก แล้ววางเค้กไว้บนฝ่ามือของเขา  เทพกึ่งมนุษย์ขมวดคิ้วเพราะเป็นอย่างนี้อีกแล้ว หลายร้อยปีที่ผ่านมีเธอเป็นคนแรกที่มอบเค้กให้กับเขา เขาเตือนเธอไปมากมาย ทว่าเธอกลับไม่กลัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

ธามิณีก้าวถอยหลังมาก่อนที่จะเดินเร็วๆ ไปยังประตูบานนั้น แต่แล้วเธอก็หันกลับมาแล้วโบกมือลา ก่อนจะเปิดประตูแล้วเข้าไปด้านใน เรียวปากที่ปิดสนิทพลันคลี่ออกเพื่อยิ้มในความไร้สัญชาตญาณระวังอันตรายของมนุษย์ เขาต่างหากที่เธอควรระวังให้มาก ไม่ใช่การยิ้มแล้วโบกมือให้แบบนั้น สายตาของเขามองไปที่เค้กบนฝ่ามือก่อนวางลงบนที่พักแขนของดาดฟ้า แล้ววาร์ปหายไปทันที เขากับมนุษย์ไม่ว่าผู้ใดควรไร้ความผูกพันต่อกัน มันไม่ควรเกิดขึ้น!

 

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

อัมราน_บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.