กรุ่นรักละมุนใจ 1: 1+1mm Coffee ยินดีต้อนรับ!

กรุ่นรักละมุนใจ (รวมเรื่องสั้นชุด วันนี้แสงเช้าทอประกายชมพู)

-A A +A

กรุ่นรักละมุนใจ 1: 1+1mm Coffee ยินดีต้อนรับ!

            “ได้แล้วค่ะคุณหมอกล้วยไม้ นี่ของคุณหมอนานาค่ะ” พนักงานร้านกาแฟเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้
ไม่ถึงสองเดือนเดินถือถาดนำกาแฟมาเสิร์ฟให้
สองคุณหมอสาวที่โต๊ะ

            “ขอบคุณจ้ะ / ขอบคุณค่ะ” สองสาวในชุดกาวน์ทรงเกียรติกล่าวพร้อมกัน มือข้างที่ถนัดเอื้อมออกไปรับกาแฟของตนมาวางตรงหน้า ก่อนคนหนึ่งจะยกขึ้นดูดทันที ส่วนอีกคนจับหลอดสีสวยคนเล่น แล้วหันสายตา
ไปมองที่สมาร์ทโฟน

            “ไหน ดูหน่อยสิ คราวนี้เขาเขียนมาว่าไง?” พรรษา หรือ คุณหมอนานา หันไปกระซิบกับเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น

            “เดี๋ยวค่อยไปอ่านบนห้องก็ได้” วรัทยา หรือ
คุณหมอกล้วยไม้ เหลือบตาขึ้นมองหน้าเพื่อนแล้วบอกเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

            คนตรงข้ามโต๊ะได้ยินเพื่อนบอกอย่างนั้นก็ไม่ว่าอะไร หลุบตามองแก้วใส่น้ำสีขุ่นของตนอีกครั้ง ก่อนจะจับหมุนดูข้างแก้วไปมาบ้าง พอเห็นว่านอกจากลายแก้วตามปกติของร้าน ก็ไม่มีข้อความอะไรมากกว่านั้นอีก
เธอก็ทำหน้ายู่

            “ฉันต้องมาบ่อยแค่ไหนถึงจะได้ข้อความแบบแกเนี่ย” คนทำหน้าเซ็งบ่นไม่ดังนัก ก่อนเพื่อนสาว
ที่กำลังเพลินกับมีเดียในมือจะหัวเราะคิกออกมา
ด้วยความขำขันกับท่าทางของเพื่อน

            “ยัยบ้า นี่แกจริงจังขนาดนั้นเลยหรือ”

            แต่ไม่ทันที่พรรษาจะตอบอะไรกลับไป เสียงใคร
คนหนึ่งก็ทักขึ้น ก่อนพวกเธอจะหันไปมอง แล้วยิ้มให้
เมื่อเห็นเขากำลังเดินเข้ามาหา

            “วันนี้เครื่องดื่มของร้านเราเป็นยังไงบ้างครับ”
เขากล่าวทักทายอย่างเป็นมิตร แม้จะสวมหน้ากากอนามัยป้องกันในสถานการณ์โควิดระบาดอยู่ แต่ใคร
ก็พอดูออกว่าหน้าตาของเขามีเค้าหล่อคมเข้มเอียงไปทางตัวร้ายในละคร

            “สวัสดีค่ะคุณสักหลาด อร่อยเหมือนเดิม รสชาติไม่ตกเลยค่ะ” วรัทยาตอบด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง
เธอและชายหนุ่มเคยคุยกันสามสี่ครั้งแล้ว เพราะเขาเป็นเจ้าของร้านกาแฟแห่งนี้นั่นเอง

            “คุณหมอล่ะครับ เครื่องดื่มอร่อยถูกปาก
หรือเปล่า” เขาหันไปถามคุณหมอสาวอีกคนที่นั่งอยู่
กับวรัทยา ก่อนฝ่ายนั้นจะส่งยิ้มให้

            “อร่อยค่ะ ฉันชอบเอสเปสโซ่ของร้านนี้ หอม เข้มข้น กลมกล่อมดีค่ะ” เจ้าของใบหน้าน่ารักใต้แว่นกรอบบางชมด้วยความจริงใจ

            “ผมดีใจครับที่ได้ยินอย่างนั้น” เขาก็กล่าวรับไมตรีจากเธอเช่นกัน

            “นี่ยัยนานา เพื่อนกล้วยไม้เองค่ะ และนี่นานา คุณสักหลาด เจ้าของร้านไงล่ะ” วรัทยาแนะนำทั้งสองฝ่าย
ให้ได้รู้จักกัน

            “พักนี้คงทำงานหนักกันมากสินะครับ” มหานคร หรือ สักหลาด ถามชวนคุย

            “หนักมากค่ะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะพ้นวิกฤตนี้ไปสักทีเหมือนกัน คนไข้ก็เพิ่มขึ้นทุกวัน” วรัทยาได้ทีก็ระบายให้ฟังจนแทบหมดเปลือก “ว่าแต่ไม่ค่อยเห็นคุณสักหลาด
ที่ร้านเหมือนกันนะคะ” เธอถามเขากลับบ้าง

            “ผมลงไปกรุงเทพฯมาครับ กลับมาก็กักตัวสิบสี่วัน นี่ก็เพิ่งได้ออกจากบ้านเลยครับ” เขายังพูดจาสุภาพ
ตามเคย

            พรรษาที่ทำได้เพียงนั่งฟังสองหนุ่มสาวคุยกัน
เพิ่งเคยได้พบตัวจริงของชายหนุ่ม หลังจากเคยได้ยินว่าเขาเป็นโปรแกรมเมอร์ฟรีแลนซ์อันดับต้นๆ ของประเทศ
ที่อยากมีคาเฟ่เล็กๆ เก๋ๆ เป็นของตนเองสักแห่ง
เธอพิจารณาท่าทางของคนตรงหน้าแล้วอดแปลกใจไม่ได้ เขาดูสุภาพผิดกับหน้าตาร้ายๆ นั้นลิบลับ

 

            สองคุณหมอสาวกลับไปแล้ว คล้อยหลังพวกเธอ เจ้าของร้านหนุ่มหล่อก็เดินกลับเข้าไปหลังร้านเพื่อจะ
เข้าไปคุยกับใครคนหนึ่ง ที่พักนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าปกติ

            “เห็นแอมว่าเราเขียนข้อความให้คุณหมอกล้วยไม้หรือ เขียนว่าไงบ้างล่ะ เล่าให้ฟังบ้างสิ” มหานครเห็นคนอ่อนวัยกว่ากำลังตั้งใจชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าอยู่ก็เย้าแหย่ออกไปด้วยความอยากแกล้งอีกฝ่าย

            “โถ่พี่สักหลาด ผมก็ไม่ได้เขียนอะไรถึงเธอ
มากหรอกครับ แค่ให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง”
หนุ่มอ้วนหน้าตาไม่เลวเงยหน้าขึ้นมาอธิบายให้คนที่ตนนับถือเหมือนพี่ชายฟัง

            “แล้วบอกด้วยหรือเปล่าว่าข้อความจากใคร”
คนแก่วัยกว่าถามต่อ

            “เปล่าครับ ผมไม่กล้า...” อีกฝ่ายตอบตามตรง

            “อะไรกัน เป็นผู้ชายอกสามศอกกลัวผู้หญิงหรือ เป็นน้องพี่ซะอย่าง” เขาว่าอย่างขำขัน

            “ผมไม่ได้หล่อชวนหลงเหมือนพี่สักหลาดนี่”

            “อย่างพี่มันก็แค่ตัวร้ายเท่านั้นแหละ” เขาแก้

            “นั่นมันเปลือกนอกต่างหากครับ ผมรู้จักพี่ดี” หนุ่มอ้วนมองตอบอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ

            “แล้วอย่างนี้คุณหมอกล้วยไม้คนสวยจะรู้ไหมล่ะว่าน้องพี่ชอบน่ะ” มหานครวกเข้าประเด็นสนทนาเดิมต่อ

            “ไม่รู้ก็ไม่เป็นไรครับ แค่มีโอกาสส่งข้อความ
ให้กำลังใจเธอบ้าง ผมก็มีความสุขแล้วล่ะ”

            “นี่มันชีวิตจริงนะ ไม่ใช่ละคร ไม่ต้องทำตัวเป็นพระเอกขนาดนั้นหรอก ชอบก็บอกว่าชอบ ถ้ามีใคร
ตัดหน้าไป จะหาว่าพี่ไม่เตือนนะ” มหานครเตือน
ด้วยความหวังดี

            คนฟังนิ่งคิดไปนิดหนึ่ง ก่อนยอมเอ่ยปากต่อ

            “ผมไม่รู้ว่าเธอมีแฟนหรือยังสิครับ แล้วพี่ดูสภาพผมตอนนี้สิ อ้วนพอๆ กับฮิปโปแหนะ คนสวยอย่างคุณหมอกล้วยไม้หรือจะมองผม” เขายอมเปิดเผยความกังวลในใจตนเองออกมาในที่สุด

            “ของแบบนี้ไม่ยาก พี่ว่าเราลดหุ่นก็ดีนะ
เพื่อสุขภาพตัวเองด้วย ส่วนเรื่องคุณหมอกล้วยไม้มีแฟน
หรือยัง พี่คิดว่าช่วยได้นะ”

            “เรื่องลดน้ำหนัก ผมลดยังไงก็ไม่ได้สักทีสิครับ พยายามหลายครั้งแล้วด้วย” หนุ่มน้อยบอก สีหน้าภายใต้หน้ากากอนามัยมีความท้อใจฉายอยู่

            “เราทำไม่ถูกวิธีหรือเปล่า ลองหาวิธีอื่นที่เหมาะกับร่างกายเราดูดีไหม”

            “ครับพี่...แต่ผมไม่รู้ว่าจะได้ผลแค่ไหน”

            “ลองหาวิธีดูก่อนเถอะ อย่าเพิ่งคิดมากไปล่วงหน้าเลย ยังไงถ้าเราคิดว่าอะไรมีค่า และสำคัญพอ เราจะพยายามจนได้มันมา พี่ไม่เคยเห็นเราทิ้งความพยายามง่ายๆ นะ”

            อีกฝ่ายฟังแล้วก็ไตร่ตรองตาม

            “...ครับพี่”

 

            “เป็นอะไรฮึยัยนา มองคุณสักหลาดจนฉันกลัวแทนเขาเลย” วรัทยาถามขึ้น หลังจากพวกเธอเดินห่างออกมาจากร้านได้ระยะแล้ว หน้ากากอนามัยที่เคยถอดออกเพื่อดื่มกาแฟก็ถูกนำมาใส่อีกครั้ง

            “ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?” อีกฝ่ายถามด้วยความซื่อ

            “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่แกจ้องคุณสักหลาดเปิดเผยไปหน่อยเท่านั้นแหละ ฉันรู้ว่าเขาหล่อ แต่ก็เก็บอาการนิดสิยะ” คนเป็นเพื่อนเตือนไม่จริงจังนัก

            “เขาหล่อนะ แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ไม่ใช่
สเปกเลย ที่มองก็แค่แปลกใจท่าทางของเขาต่างหาก
ผิดกับหน้าตาลิบลับ” พรรษาบอกตามตรง

            “นั่นสิ ฉันคุยกับเขาครั้งแรกก็แปลกใจเหมือนกัน หน้าตาปกติก็ไม่ได้ดูน่าไว้ใจเท่าไหร่ แต่ตอนคุยกันจริงๆ รู้สึกเลยว่าเขาเป็นคนอบอุ่น” วรัทยาวิจารณ์บ้าง

            “หรือว่า คนที่เขียนข้อความบนแก้วกาแฟให้แก
ทุกวันจะเป็นเขา!” เพื่อนสาวข้างๆ สันนิษฐานหน้าตาตื่น

            “ไม่น่าจะใช่มั้ง ดูท่าทางของเขานิ่งเกินไป เกินกว่าจะเป็นคนที่แอบทำอะไรแบบนั้นได้ ถ้าเขาเป็นคนทำ
เวลาอยู่ต่อหน้าฉัน ก็ต้องจับอะไรได้บ้างสิ มันต้องมีบางอย่างแสดงออกมาให้รู้บ้างแหละ”

            “แล้วแกคิดว่าเป็นใคร?” พรรษาถามต่อด้วยความอยากรู้ความเห็นของเพื่อน

            “อาจจะเป็นพนักงานในร้านล่ะมั้ง” วรัทยาลองเดาเล่นๆ แต่ใจจริงก็คิดว่ามันเป็นไปได้มากทีเดียว

            “ถ้าเป็นอย่างนั้นแกจะทำไง?”

            “ก็ไม่ทำไงหรอก เขาก็เหมือนไม่คิดจะเผยตัว
อยู่แล้วนี่ ถ้าเขาอยากเขียนข้อความถึงฉันก็ให้เขียนไป” เธอตอบอย่างไม่ได้สนใจนัก

            “แล้วถ้าเขาขอเธอเป็นแฟนล่ะ?” คนเป็นเพื่อน
ยังอยากรู้ไม่เลิก

            “ถ้าเขามีบ้านราคาห้าล้านอัพสักหลัง มีเงินหมุนเวียนในบัญชีไม่ต่ำกว่าเดือนละห้าแสน มีรถหรูสักคันสองคัน เปย์ฉันเดือนละไม่ต่ำกว่าแปดหมื่นได้ตลอด
ก็น่าสนใจนะ” คนถูกถามตอบหน้าตาเฉย ทว่าเอาจริง
เธอก็พูดให้เว่อร์ไปอย่างนั้นเอง

            “จะบ้าหรือ! ถ้าเขารวยขนาดนั้นจะมาเป็นลูกจ้างร้านกาแฟทำไม” พรรษาถึงกับตาโตในคำพูด
ของเพื่อน

            “ฮึๆๆ ก็ถ้าไม่มีคุณสมบัติตามนี้ ก็ไม่ผ่านเกณฑ์
ไงจ๊ะ” วรัทยาตอบด้วยความขำขันกับท่าทางของคนข้างๆ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.