กรุ่นรักละมุนใจ 2: บ้านไร่สะพานฝัน

กรุ่นรักละมุนใจ (รวมเรื่องสั้นชุด วันนี้แสงเช้าทอประกายชมพู)

-A A +A

กรุ่นรักละมุนใจ 2: บ้านไร่สะพานฝัน

            รถเก๋งมียี่ห้อคันหนึ่งขับผ่านประตูไร่กาแฟไต่ระดับทางลาดเอียงของเชิงเขาขึ้นไปด้านบน สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นกาแฟเรียงรายเต็มพื้นที่ รถวิ่งไปตามถนนลาดยางอย่างดีได้ระยะหนึ่งก็หักเลี้ยวซ้าย ก่อนพบบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้หลังใหญ่ท่ามกลางแมกไม้ร่มรื่นตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า

            รถเก๋งสีบอลเงินเคลื่อนเข้าไปใกล้ หน้าบ้าน
หลังนั้นเปิดเป็นคาเฟ่ขนาดกลางสไตล์เดียวกับร้านกาแฟในโรงพยาบาลที่สองแพทย์สาวมักใช้บริการบ่อยๆ ที่นั่น ชายหนุ่มคุ้นตาคนหนึ่งกำลังยืนโบกไม้โบกมือต้อนรับ
มาให้พวกเธอ

            “ลานจอดขับเข้าไปทางนี้เลยครับ” มหานครบอกแพทย์สาวที่เลื่อนกระจกลงเพื่อจะคุยกับเขา พลางชี้ไม้
ชี้มือไปทางลานใต้ร่มไม้ในเขตรั้วบ้านหลังใหญ่

            “แกลงตรงนี้แหละ จะได้ไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมาไกลๆ” วรัทยาหันไปบอกเพื่อนที่มาด้วยกัน

            พรรษาจึงเปิดประตูรถเดินลงไปทักทายโปรแกรมเมอร์หนุ่ม ก่อนจะชวนกันเข้าไปในร้านสั่งอะไร
รอใครอีกคนเอารถไปจอด

            “เดี๋ยวผมไปตามยัยกอบุญมาให้ครับ คุณหมออยากกินอะไรสั่งตามสบายเลยนะครับ ผมเลี้ยงเองครับ ไม่ต้องเกรงใจ ตอบแทนที่คุณหมออุตส่าห์มาติวให้น้องสาวผมทั้งที” เขาบอกอย่างมีน้ำใจ

            “เลี้ยงแค่กล้วยไม้คนเดียวก็พอค่ะ นานามาเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง คงไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะรายนั้นเก่งอยู่แล้วค่ะ” พรรษาออกตัวด้วยความเกรงใจ

            “ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ ถือว่าผมเลี้ยงคุณหมอแด่มิตรภาพของเราก็ได้ครับ”

            “เอ่อ อย่างนั้นก็ได้ค่ะ” แพทย์สาวไม่กล้าปฏิเสธอีก เพราะเกรงจะเสียน้ำใจอีกฝ่าย จึงยอมรับไว้ “ขอบคุณคุณสักหลาดมากนะคะ เอาไว้วันหลังให้นานาเลี้ยงคืนบ้าง
นะคะ”

            “ได้เลยครับ” เขาตอบด้วยไมตรี ก่อนจะหันไปเรียกเด็กในร้านมารับออร์เดอร์ แล้วเดินหายเข้าไป
ทางหลังร้าน

            กลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มก็พบสองแพทย์สาวกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะนอกระเบียงเล็ก ด้านหลังเขามีเด็กสาวหน้าตาดีคนหนึ่งเดินตามมาติดๆ

            “พี่สองคนนั้นหรือพี่สักหลาด ที่จะมาติวให้หนูน่ะ?” คนตัวเล็กกว่าเข้ามาถามใกล้ๆ เมื่อเห็นสายตาของคนแก่ปีกว่ากำลังมองไปยังสองสาวที่โต๊ะตัวนอก

            “ใช่ อย่างที่บอก พวกพี่ๆ เขาเป็นหมอ อยากรู้อะไรก็ถามแล้วกัน” เขาหันมาตอบ แต่ไม่ทันขาดคำดี หนึ่งในสองแพทย์สาวก็หันมาเห็นพวกเขาเข้า

            “สวัสดีค่ะ” เด็กสาวเห็นอย่างนั้นก็ยกมือไหว้ทักทายตามมารยาททันที

            “สวัสดีจ้ะ / สวัสดีค่ะ” สองแพทย์สาวที่โต๊ะตอบรับไหว้แทบจะพร้อมกัน

            “นี่คุณหมอกล้วยไม้กับคุณหมอนานาที่จะมาติวให้เรา” มหานครแนะนำวรัทยาและพรรษาให้คนเป็นน้องรู้จักก่อน “และนี่น้องสาวผมครับ กอบุญ”

            “พอดีจังค่ะ หนูกำลังจะเตรียมตัวสอบแพทย์
พี่สักหลาดก็บอกว่ารู้จักเพื่อนที่เป็นแพทย์อยู่พอดีเลย ยังไงขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” กัลยาณีกล่าวกับ
สองแพทย์สาวโดยปราศจากอาการเคอะเขิน

            “หน่วยก้านดีแบบนี้ น่าจะไม่ยากเกินไปสำหรับน้องหรอกจ้ะ” วรัทยาให้กำลังใจ “ว่าแต่จะติวกันที่นี่ หรือที่ไหนดีคะ” เธอถามสองพี่น้อง

            “ตรงนี้ก็ได้ค่ะ เย็นๆ แบบนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะแล้ว” กัลยาณีบอก

 

            ที่โต๊ะไม้ตัวเดิม เวลาเดิม ตอนนี้สองแพทย์สาวกำลังช่วยกันถ่ายทอดความรู้เก่าๆ ของตนเอง
เมื่อหลายปีก่อนให้น้องสาวเจ้าของร้านฟัง โดยพรรษาจะช่วยเสริมเป็นครั้งคราว เพราะส่วนใหญ่เพื่อนของเธอก็จำเนื้อหาที่จะใช้สอบได้เกือบทั้งหมดอยู่แล้ว นอกจากจะช่วยเพิ่มเติมรายละเอียดให้บ้างประปราย เธอก็จะนั่งจิ้มสมาร์ทโฟนฆ่าเวลาไปด้วย

            “คุณหมอนานาครับ พอจะว่างหรือเปล่าครับ พอดีผมมีอะไรอยากปรึกษาสักหน่อยน่ะครับ” แล้วจู่ๆ โปรแกรมเมอร์หนุ่มก็เดินเข้ามาหา

            “ได้ค่ะ” แพทย์สาวเงยหน้าขึ้นมาตอบเขา

            “งั้นไปคุยกันทางนั้นดีกว่าครับ” มหานครบอกพลางชี้มือไปทางโต๊ะอีกตัวที่ห่างออกไป

            “โอเคค่ะ” จากนั้นเธอก็ลุกจากเก้าอี้เดินตาม
ชายหนุ่มไปนั่งคุยกันยังโต๊ะอีกตัวหนึ่ง

            “คุณสักหลาดมีอะไรจะปรึกษานานาหรือคะ” แพทย์สาวถามเข้าเรื่องด้วยความสงสัย

            “ผมกำลังคิดจะทำโครงการจิตอาสาช่วยเหลือโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และชาวบ้าน
ที่เดือดร้อนในภาวะโควิดน่ะครับ” มหานครเกริ่นเรื่อง
ให้แพทย์สาวทราบคร่าวๆ ก่อน

            “เป็นความคิดที่ดีนะคะ แล้วคุณสักหลาดคิดว่า
จะทำอะไรหรือคะ”

            “ผมยังไม่แน่ใจครับ ที่คิดๆ ไว้ก็เห็นหลายคนทำกันแล้ว ผมเลยอยากทำอะไรที่คนไม่ค่อยทำ แต่มีความจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจริงๆ อะไรประมาณนี้
แหละครับ”

            “คุณสักหลาดก็เลยจะปรึกษากับนานาว่าควรทำอะไรดีใช่ไหมคะ”

            “ครับ” เขาตอบรับ

            “เอาจริง นานาก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าคนทั่วไปสามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้อีกบ้างนะคะ ยิ่งที่คนไม่ค่อยทำกันด้วย...” เธอออกตัวตามตรง

            “หรือเอาอย่างที่คุณหมอพอคิดออก และคิดว่า
ผมจะทำได้ก็ได้ครับ ส่วนตัวผมเอง ที่คิดออกตอนนี้
ก็มี....” มหานครร่ายโครงการที่นึกออกเบื้องต้นให้แพทย์สาวฟัง

            “หัวไวเหมือนกันนะเรา ติวให้สามสี่วันก็เข้าใจ แถมจำได้เกือบทั้งหมดเลย” วรัทยาชื่นชมเด็กสาว
ตามจริง

            “ขอบคุณค่ะ ถ้าไม่ได้พี่หมอกล้วยไม้ชี้จุด สอน
วิธีจำ ย้ำเนื้อหาสำคัญ และสรุปให้ ก็คงจะใช้เวลานานกว่านี้มากอยู่เหมือนกันค่ะ” กัลยาณีขอบคุณด้วยความจริงใจ

            “มันก็ต้องอยู่ที่สติ สมาธิ และความใส่ใจของเราด้วยนะ ไม่งั้นพี่ป้อนให้แค่ไหนก็คงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเหมือนกัน”

            “พี่กล้วยไม้คะ พักเบรกสักหน่อยก่อนได้หรือเปล่าคะ หนูจะขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งน่ะค่ะ”

            “ได้สิ” แพทย์สาวยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นดูดนิดหน่อย แล้วพูดต่อ “เนื้อหาวันนี้ก็ติวกันไปเยอะแล้ว เดี๋ยวพักเบรกเสร็จ ทวนอีกนิดๆ หน่อยๆ พี่ก็ว่าจะพอแล้วล่ะ”

            “โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูมานะคะ” พูดจบเด็กสาวก็ลุกจากไป ปล่อยให้วรัทยานั่งรออยู่ที่โต๊ะคนเดียว

            พอเห็นไม่มีอะไรทำ หญิงสาวก็มองนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย จนเหลือบเห็นพรรษาและเจ้าของร้านกาแฟหนุ่มกำลังนั่งคุยอะไรกันอยู่ที่โต๊ะห่างออกไป เธอได้ยินแว่วๆ เหมือนสองคนนั้นกำลังหารือกันเรื่องงานจิตอาสาอะไร
สักอย่าง แต่ด้วยความที่เห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตนเอง
จึงเปลี่ยนความสนใจไปทางอื่นแทน ก่อนดวงตาคู่สวย
จะไปสะดุดกับใครคนหนึ่งเข้า ผู้ชายตัวอ้วนราวหมีคนนั้น กำลังมองมาทางเธอจากมุมร้านนอกเรือน แต่พอเธอหันไปเจอเข้า เขาก็รีบหลบสายตาเหมือนตนเองกำลังทำอะไรผิดแล้วถูกจับได้เสียอย่างนั้น

            “มาแล้วค่ะ” เสียงใสคุ้นหูทักขึ้น ดึงให้แพทย์สาวต้องหันไปให้ความสนใจก่อน

            “ยังไม่ถึงห้านาทีเลย เข้าห้องน้ำเร็วจัง”

            “ใครๆ ก็ว่าแบบนั้นแหละค่ะ ปกติหนูก็เป็นคน
ทำอะไรเร็วอยู่แล้วด้วย” กัลยาณีอธิบายพร้อมทรุดตัวลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

            “เหลืออีกสองนาที จะติวต่อเลย หรือจะพักอีก
สักหน่อยล่ะ” เธอขอความเห็น

            “ขอพักอีกสักหน่อยแล้วกันค่ะ” อีกฝ่ายตอบ

            “โอเค”

            จังหวะนั้น เสียงไลน์ของแพทย์สาวก็ดังขึ้น เธอจึงหันไปหยิบสมาร์ทโฟนของตนซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
ขึ้นมาดู

            “แฟนหรือคะ?” กัลยาณีรอจังหวะเหมาะอยู่แล้ว
จึงถามขึ้น

 

            แสงดาวพร่างพรายบนท้องฟ้า อากาศค่อนข้างเย็น ท่ามกลางไร่กาแฟกว้างใหญ่สุดสายตา หลังบ้าน
ครึ่งปูนครึ่งไม้หลังใหญ่ เกียรติคุณ หรือ กวิน กำลังนั่งดีดกีตาร์ร้องเพลงเคล้าบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกอยู่
คนเดียวอย่างสบายอารมณ์

            “มานั่งทำมิวสิกอยู่ตรงนี้เอง” เสียงใสคุ้นหูของใครคนหนึ่งทักตัดเสียงจิ้งหรีดเรไรกลางคืนขึ้นมา ทำเอา
ชายหนุ่มที่ไม่ทันตั้งตัวก่อนสะดุ้งโหยงจนเกือบตก
ม้าหินอ่อนที่นั่งอยู่

            “ขวัญอ่อนขนาดนั้นเลย หรือคิดว่าใครจะมาเจอเข้ากันล่ะ” เจ้าของเสียงใสเย้าแหย่อย่างขำขัน

            “พูดอะไรของแกไอ้กอบุญ” เกียรติคุณเรียกชื่อ
ของอีกฝ่าย

            “พี่สักหลาดเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วเรื่องพี่หมอกล้วยไม้คนสวยนั่นน่ะ” เจ้าของร่างอวบเดินตรงเข้าไปหาคนเป็นพี่ชายพร้อมรอยยิ้มล้อเลียน

            เกียรติคุณได้ฟังที่เด็กสาวบอกก็ไม่ได้แปลกใจ
มากนัก เขาคิดไว้แล้วว่าวันที่คนแก่ปีกว่าซึ่งนับถือเหมือนพี่ชายบอกน้องสาวเขาว่า สามารถหาคนจบแพทย์โดยตรงมาติวให้ได้นั้น คงไม่พ้นแพทย์สาวกล้วยไม้ และมหานครต้องไม่ทำแค่เชิญหญิงสาวมาติวหนังสือเท่านั้นแน่

            “ฉันถามพี่หมอกล้วยไม้มาให้แล้วนะ พี่เขายังไม่มีแฟนหรอก แต่ก็มีคนเข้าหาเรื่อยๆ ขอเตือนพี่อ้วนนะ สวยๆ แบบนั้นอย่าปล่อยไว้นาน โดนงาบไป ช้าหมด
อดไม่รู้ด้วย” กัลยาณีเตือนทีเล่นทีจริง

            “อ้อ นอกจากจะรู้ว่าพี่เขายังไม่มีแฟน ฉันก็ยังสืบสเปกผู้ชายในฝันของพี่เขามาด้วยแหละ” เห็นอีกฝ่ายยังนิ่งอยู่ เธอจึงเอ่ยต่อเพื่อแหย่ให้เขาอยากรู้ แล้วก็ทำเป็นไม่พูดต่อ

            “อะไรล่ะ?” เห็นน้องสาวหยุดพูดไป เขาก็อดรนไม่ได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

            กัลยาณีส่งยิ้มกว้างให้กับชายหนุ่ม ก่อนแบมือข้างหนึ่งมาตรงหน้า

            “ค่าข่าว”

            “เท่าไหร่”

            “เห็นว่าเป็นพี่อ้วนหรอกนะ เลยจะลดให้ราคาพิเศษ...ห้าร้อยละกัน”

            “ราคาพิเศษอะไรของเธอตั้งห้าร้อย!” เกียรติคุณโวยวาย เพราะรู้สึกว่าน้องสาวเรียกแพงเกินไป

            “บ่นหรือ นี่ข่าวสำคัญเลยนะ ตีราคามันถูกได้ยังไง” เด็กสาวท้วงปนสั่งสอนไปในที

            “กระเป๋าเงินอยู่ในบ้านนู่น บอกข่าวมาก่อน แล้วไปหยิบเอาเองละกัน” เขาต่อรอง

            “ก็ได้...อะ นี่รายละเอียดทั้งหมดที่ถามมาได้นะ” แล้วเธอก็ควักกระดาษพับใบหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกงส่งให้ ก่อนจะรีบเผ่นแน็บหายเข้าบ้านไป

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.