ตอนที่ 20 .. “ แรกแย้ม ”

เนเน่ ธิดาพญายม (ภาคพิเศษ ของ พยัคฆ์ร้าย..สายลับ)

-A A +A

ตอนที่ 20 .. “ แรกแย้ม ”

น้ำในตา - โป่ง ปฐมพงศ์ (หิน เหล็ก ไฟ)

นิยาย แนว สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 20 .. “ แรกแย้ม ”

       ส่วนทางนิ่ม ชื่นก็รักษาจนนิ่มหายดีแล้ว .. เผด็จอารมณ์เสีย จึงขับรถออกมาจากบ้านนั้นและตรงมาที่บ้านอัมพวาทันที ชื่นเห็นหน้าของเผด็จไม่สู้ดี จึงเดินเข้ามาหาและปลอบใจ เข้าใจว่า มีเรื่องที่ทับถมมาค่อนข้างมาก เผด็จนั่งหน้าบูดหันหน้าไปที่คลอง โยนก้อนหินลงน้ำ ชื่นเอามือขวาแตะที่ไหล่ของเผด็จเบาๆ

“เป็นอะไรไปอีกหละอาเต๋า” เผด็จก้มหน้าและระบายความในใจออกมาเบาๆ

“ผมไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วน้า รอบข้างผม มีแต่คนที่คอยจ้องจะเอารัดเอาเปรียบและไม่มีเหตุผล ไม่มีใครเข้าใจผมจริงๆสักคนเลย ถ้าไม่มีผลประโยชน์ให้ เขาก็คงจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยความเต็มใจ”

“เจ้าเห็นดอกไม้ดอกนั้นไหม” ชื่นชี้ให้เผด็จดูที่ดอกกุหลาบดอกหนึ่งที่สวนข้างศาลาริมน้ำแห่งนี้ เผด็จหันไปดู

“กุหลาบดอกนั้น ถึงแม้ว่ามันจะสวยงาม แต่มันก็แฝงไปด้วยอันตรายรอบด้าน มีหนามที่เอาไว้คอยป้องกันตนเอง กว่ามันจะบาน เพื่อผลิบานออกมาให้ผู้คนชื่นชม รู้ไหมว่ามันต้องผ่านอะไรมาบ้าง ต้องผจญกับอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นพวกเหล่าภมร แมลง แม้กระทั่ง สายฝนและสายลมที่พัดผ่าน รวมถึงแสงแดดที่เจิดจ้าร้อนแรง กว่ามันจะแรกแย้มเพื่อให้คนเด็ดไปเชยชมเพียงไม่กี่นาที แล้วก็โรยราลงไปในที่สุด”

       เผด็จยังไม่เข้าใจถึงสัจจะธรรมที่หญิงชราผู้นี้กล่าวมา จึงหันไปมองหน้าชื่นและทำหน้างงๆ

“ผมยังไม่เข้าใจ น้าจะบอกอะไรผม ทำไมถึงไม่บอกตรงๆ” ชื่นชี้ไปตรงที่หัวใจ

“นายท่าน เจ้าต้องใช้ตรงนี้” เผด็จหลุดปากออกมาเบาๆ

“ใจ” ชื่นพยักหน้า

“ใช่แล้ว ใจ” แล้วก็เดินไปที่ขอบศาลา ยืนมองไปที่น้ำ

“ความจริงใจ หากันไม่ได้จากเงินตราในปัจจุบัน ความเชื่อใจหากันไม่ได้ หากไม่มีผลประโยชน์”

     ชื่นพยายามชี้ให้เผด็จเข้าใจอะไรบางอย่าง

“แต่ถ้าเราหลับตาและใช้ใจคิด มองลงไปให้ลึก รัก โลภ โกรธ หลง ราคะและความภักดี ล้วนอยู่ในตัวของเราทุกคน แต่จิตใต้สำนึก มันจะส่งผลออกมาเป็นการกระทำ”

       ชื่นหันหน้ามาหาเผด็จและชี้ไปที่ตัวของเขา

“เจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่มีใครดีที่สุดและไม่มีใครเลวที่สุด แต่มีอยู่ 1 สิ่งที่ทุกคนไม่มี” เผด็จลุกขึ้นถามชื่น

“อะไรหรือครับน้า”

“จิตสำนึก” เผด็จก็ยังคงไม่เข้าใจ

       เขาจึงเดินเข้าไปประคองแขนชื่นแล้วพามานั่ง แล้วเขาก็นั่งคุกเข่าลงที่ด้านล่าง ให้ชื่นนั่งอยู่ที่ม้านั่งด้านบน ชื่นเอามือมาลูบหัวเผด็จ

“เนื้อแท้แล้ว เจ้าเป็นคนดี มีน้ำใจกับทุกคน เมื่อเขาเหล่านั้นรู้ถึงจุดอ่อนของเจ้า” ชื่นพยายามให้เผด็จเห็นแจ้ง

“พวกเขาเหล่านั้นก็เลยใช้จุดนี้มาเล่นงานเจ้า โดยที่เจ้าเองก็ไม่รู้ตัว เจ้าลองหันไปดูข้างหลังเจ้าซิ”

       เผด็จหันไปก็ต้องตกใจที่เห็นนพ นิ่ม คงและบ่าวไพร่ทุกคนมายืนอยู่ข้างหลังเต็มไปหมด

“พวกเขาเหล่านั้น มีสิ่งที่อีกหลายคนไม่มี ก็คือ เขาสำนึกบุญคุณที่เจ้าได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้ โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนอะไร ยอมตายแทนเจ้าได้ เมื่อใดที่เจ้ามีภัย พวกเขาเหล่านั้น ก็จะออกมาปกป้องเจ้า โดยไม่คิดเสียดายชีวิตเลย โดยที่เจ้าไม่ต้องสั่ง หรือให้อามิตรสินจ้างใดๆทั้งสิ้น เท่านี้เจ้าพอจะเข้าใจในสิ่งที่น้าพูดหรือยัง” เผด็จพยักหน้า

“เข้าใจแล้วครับน้า ใจ ถ้าเราให้ใจเขา เขาก็จะให้ใจเรากลับมา ถ้าเราไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ก็ไม่มีใครที่จะมาทำอันตรายเราได้” เผด็จเริ่มจะเห็นแจ้งบรรลุธรรมบ้างแล้ว

“สัจจะและคุณธรรม ที่พวกเราทุกคนถือปฏิบัติกันมา ขอบใจมากครับน้า ที่ชี้และนำทางสว่างให้ผม”

       เผด็จก้มลงกราบที่เท้าของชื่น และทุกคนเช่นกัน ก็ก้มลงคำนับชื่น โดยที่ไม่มีใครต้องบอก

“ดีมากๆ เมื่อเจ้าเข้าใจแล้ว ก็จงอย่าจมอยู่กับทุกข์พวกนั้นเลย จงเงยหน้าขึ้นมา และทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีที่สุดดังกุหลาบแรกแย้มที่ต่อสู้กับเพทภัย ที่จะต้องผจญต่อไปในอนาคต ยังมีอีกหลายชีวิตที่รอความช่วยเหลือจากเจ้า” ชื่นกวักมือเรียกนิ่มเข้ามา นิ่มเดินเข้ามานั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆเผด็จ

“ตั้งแต่นี้ไป เด็กคนนี้เป็นของเจ้า น้ายกนิ่มให้กับเจ้าแล้ว ชีวิตนิ่มเป็นของเจ้า” เผด็จไม่เข้าใจ นึกว่าจะยกให้เป็นเมียอีกคนอย่างนั้นรึ

“ไม่นะน้า นิ่มยังเด็กเกินไปที่จะมาเป็น..” ชื่นตบกบาลเผด็จไม่แรงมาก จนเผด็จชาไปเช่นกัน

“อุบาวท์ เจ้าคิดอะไรของเจ้าอาเต๋า น้าไม่ได้ยกเจ้านิ่มให้เป็นเมียเจ้าสักหน่อย” เผด็จหน้าเสียเลย

“แก่จนปาดนี้แล้ว ยังจะคิดถึงเรื่องนั้นอีกรึ แย่มาก” ชื่นชี้หน้าเผด็จ

“แค่เด็กปูนนั่น ยังไม่พออีกหรือยังไงห๊ะอาเต๋า” เผด็จเจอชื่นตวาดเข้าให้

“โอย ก็ไม่รู้นี่น้า เห็นน้าพูดแบบนั้น” เผด็จจับหัวตัวเองไว้อีกรอบ กลัวโดนอีก

       เจ็บหละซิ นิ่มแอบหัวเราะ จนเผด็จแอบเห็น แล้วนิ่มก็หยุดเมื่อชื่นหันไปมอง

“ข้าหมายความว่าจะยกเจ้านิ่มให้ไปช่วยเจ้าในการกำจัดเหล่าร้ายต่างหาก” ชื่นอธิบาย

“เพราะตอนนี้คุณหนูเนเน่ก็ไม่ปลอดภัย น้าจึงมีความคิดว่า ถ้าให้นิ่มไปอยู่เป็นเพื่อนและอยู่ข้างกายหรือเป็นผู้ช่วย อย่างน้อยคุณหนูก็จะปลอดภัย เข้าใจไหม” เผด็จพยักหน้า

“ฝีมือของเจ้านิ่มยังไม่ค่อยดีนัก แต่ก็พอที่จะเอาตัวรอดได้บ้าง” ชื่นสาธยายให้ฟัง

“แต่ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่เก่งจริงๆ น้ากลัวว่าจะต้านไม่ไหว” ชื่นกลัวตรงนี้

“น้าถึงอยากจะขอแรงให้เจ้า ช่วยเป็นครูและอาจารย์ฝึกฝนมันให้หน่อยในระยะเวลาอันสั้นนี้จะได้ไหม”

     เผด็จถึงกับมองหน้านิ่ม “ถึงแม้ว่าอาจจะไม่เก่งเท่าคุณหนู” ชื่นเข้าใจว่าเวลามันมีน้อย มันสั้นมาก

“แต่อย่างน้อยก็สามารถที่จะแบ่งเบาภาระ และหน้าที่ของเจ้าได้บ้าง ไม่มากก็น้อย” ชื่นพูดมีเหตุผล

“น้าจะถือว่าเป็นบุญคุณอย่างยิ่ง และต่อจากนี้ไป น้าจะไม่ขออะไรนายท่านอีก”

       เผด็จหันไปมองนิ่มซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ นิ่มหันมาคำนับเผด็จทั้งๆที่ยังไม่รับปาก

“ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ อาจารย์” เจอแบบนี้เข้าไป เผด็จไม่รับก็ต้องรับแล้ว

“เอ้า เอาไงเอากัน แต่ต้องเหนื่อยกันหน่อยนะ” เผด็จกลัวว่านิ่มจะทนไม่ไหว เพราะเนเน่ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก

       นิ่มมีรอยยิ้มออกมาเหมือนดังกุหลาบแรกแย้มเลยทีเดียว ที่ได้เป็นศิษย์ของเผด็จสมดั่งความตั้งใจ และตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา เผด็จก็ได้เริ่มฝึกฝนให้กับนิ่ม เพื่อเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งอีกคน ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเหมือนเนเน่ที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กๆก็ตาม อย่างน้อย ก็สามารถเอาตัวรอดได้ และสามารถใช้อาวุธลับได้บ้าง ชื่นดีใจมากที่คิดไม่ผิด นิ่มมีพื้นฐานที่ดีพอๆกับเนเน่ หัวไวคล่องแคล่ว มีพรสวรรค์เช่นกัน

%%%%% ----- %%%%%

       ดลอยากรู้จักเนเน่ให้มากขึ้น จึงหาทางสืบว่าเนเน่พักอยู่ที่ไหน เมื่อรู้อะไรบางอย่าง ดลจึงย้ายมาเช่าบ้านอยู่ข้างๆ เพราะอยากที่จะสืบหาความจริงอะไรบ้างอย่างจากเนเน่ ดลจึงของแรงจากเพื่อนๆคือเบิ้มและเพื่อนๆอีก 4-5 คนไปอยู่ด้วย โดยอ้างว่าจะไปหาข่าว และทำภารกิจสำคัญ แต่ห้ามให้เนเน่เห็นเขาเป็นอันขาด เพราะเนเน่จำหน้าเขาได้แม่น ไม่งั้นแล้วสิ่งที่วางแผนไว้จะเสีย และดลก็แอบส่องมองดูเนเน่อยู่ตลอดเวลาจากในบ้านนั่นเอง โดยที่เนเน่ก็ไม่รู้เลยว่า ใครกันเป็นคนมาเช่าบ้านหลังนี้

       เวลาที่จะเขาอยากจะเจอเนเน่ จึงทำได้เพียงโทรนัด และวันนี้ (ศุกร์ที่ 30 ส.ค.) ดลทำทีมาเยี่ยมเนเน่ที่บ้าน จึงแกล้งโทรหาเพื่อที่จะอยากจะมาหา เนเน่ก็ยินดีที่ให้เข้าพบ ดลจึงมา โดยที่ตอนนี้ขิงและเพ็ญ ก็ยังอยู่ เพื่อดูแลเนเน่ตามที่เผด็จขอไว้ เนื่องจากเผด็จหายหน้าไปตั้งแต่วันนั้น จึงไม่มีใครกล้าหายไปไหนอีก

“นั่งซิ” เนเน่บอกให้ดลนั่งลงที่เก้าอี้รับแขกหน้าบ้าน

       เมื่อดลได้เยื้องกายเข้ามาในเขตรั้วบ้านของเธอ ก็มองไปรอบจนเนเน่ต้องถาม

“ทำอะไรหนะ ฉันเห็นนายมองบ้านฉัน สำรวจอะไรเหรอ”

       ดลจึงแกล้งเย้าเนเน่เล่น ถ้าโชคดีก็อาจจะได้เจอเผด็จคนที่เขาต้องการเจอด้วยก็ได้

“อยู่คนเดียวเหรอ แล้วพ่อเธอหละ ไม่อยู่เหรอ”

       เนเน่ทำหน้าไม่พอใจที่พูดถึงพ่อ เพราะทะเลาะกันอยู่

“อย่าพูดถึงเค้าได้ไหม ถ้าอยากจะเจอฉัน ก็อย่าพูดถึงเค้า ฉันไม่ชอบ”

       ดลงง ไม่เข้าใจว่าทำไมเนเน่ถึงพูดแบบนั้น

“เค้า ทำไมเรียกพ่อแบบนั้นหละ นี่แสดงว่า ทะเลาะอะไรกับพ่อใช่ไหมหละเนี่ย ไม่น่ารักเลย”

       เนเน่ยกมือจะตีดล ขิงถือจานผลไม้ออกมาพอดี ดลเลยแกล้งชี้ไปที่ขิงและถาม

“เออ แล้วคนนี้ใครหละ ว่าจะถามตั้งนานแล้วว่า..”

“พี่สาวฉันเอง รู้จักไว้ซิ” ดลยกมือไหว้

“พี่ขิง นี่ดลเพื่อนหนู” เนเน่แนะนำโดยที่หน้าตาไม่สู้จะดี

“พี่สาว ท้องได้กี่เดือนแล้วครับ คงจะลำบากแย่เลย”

       ดลพยายามจะทำความรู้จักคนในบ้านนี้ให้มากที่สุด

“5 เดือนแล้วจ๊ะ ตามสบายนะ มีอะไรขาดเหลือก็บอกพี่ได้ จะได้ให้บ่าวไพร่เอามาเพิ่มให้อีก”

“รบกวนพี่สาวแล้วครับขอบคุณมาก” ขิงกำลังจะเดินกลับเข้าบ้าน

       เพ็ญก็ขับรถเข้ามาพอดี สาวใช้วิ่งไปเปิดประตูให้ หลังจากเพ็ญลงมาจากรถ สาวใช้ก็มารับของพวกกับข้าวเอา เข้าไปไว้ในบ้าน แล้วก็เดินตรงไปหาเนเน่ และใช้สายตามองไปที่ดล

“ใครหนะเน่”

“เพื่อนหนะแม่” ดลตกใจมากเมื่อได้ยินเรียกเพ็ญว่าแม่ เพราะดูแล้วอายุน่าจะเท่ากับขิง

     แต่ก็ต้องยกมือไหว้ไว้ก่อน เพ็ญรับไหว้ แล้วหันไปมองขิง ขิงอยากรู้ว่าเจอเผด็จไหม จึงรีบถามทันที

“แกเจอพ่อไหมเพ็ญ ว่าไง อย่านิ่งซิ เจอพ่อไหม” เพ็ญจึงพูดใส่หน้าขิงทันที

       ไม่พอใจที่อะไรก็พ่อ อะไรก็พ่อ หายใจเข้าหายใจออก ก็เป็นพ่ออย่างเดียว

“ไม่เจอ โว๊ย ไม่รู้ว่าหายหัวไปตายห่าที่ไหน ขับรถตามทุกที่แล้วก็ไม่เจอโว๊ย เบื่อๆ ผัวหาย ไปไหนก็ไม่รู้”

       พูดจบก็เดินอารมณ์เสียเข้าบ้านทันที ขิงหันไปมองเนเน่ เจอสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ขิงจึงรีบเดินเข้าบ้านอีกคน ดลเองก็งงไปหมดแล้ว ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น จึงหันไปถามเนเน่ทันที เพื่อให้หายสงสัย

“ตกลงว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อพี่ขิงเป็นพี่สาวเธอ และคนนั้นเป็นแม่ แล้วทำไมพี่ขิงถึงเรียกแม่เธออย่างนั้น ไม่เรียกแม่ มัน..”

       เนเน่กำมือแน่น สงบสติอารมณ์ไว้ แล้วพูดออกมาเบาๆ

“ตกลงว่าจะมาเยี่ยมฉัน หรือจะมาทำอะไรกันแน่” ดลหันไปมองเนน่เห็นสายตาไม่ดีเลย

“เออๆ..ทำไมถึงพูดแบบนั้นหละ” ดลไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน จึงตอบแบบมั่วๆไปก่อน

“แหม เน่ก็..ถ้าใครเจอแบบนั้นเข้า มันก็คงจะต้องเกิดคำถามในใจขึ้นมาทันทีไง จริงไหมหละ”

“ได้..พูดไปแล้วมันยาว ถ้าอยากจะรู้ ฉันก็จะตอบให้นายหายข้องใจกับคำถามในใจของนาย นายจะได้สบายใจหายสงสัยและนอนหลับแบบไม่มีอะไรกวนใจในคืนนี้ เอาสั้นๆง่ายๆเลยนะ” ดลจึงตั้งสติฟังทันที

“แม่เพ็ญกับพี่ขิงเป็นเพื่อนกัน อายุเท่ากัน เมื่อก่อนก็เรียกพี่ แต่พอพ่อได้พี่เพ็ญเป็นเมีย ก็เลยต้องเรียกแม่ แล้วไม่กี่วันที่ผ่านมา พ่อรับพี่ขิงเป็นลูกบุญธรรม จบไหม เอ้าอยากจะรู้จะถามอะไรอีกไหม ถามมา”

       เมื่อดลเงียบ เนเน่รีบลุกขึ้นเดินหนีทันที “ผมขอโทษ” เจอคำนี้เข้าไปเนเน่หยุดเดินทันที เนเน่กำมือแน่ไว้เพราะคิดว่า ที่ดลมาหาเพราะคิดถึงเธอจริงๆ แต่ที่ไหนได้ กลับมาถามนั่นถามนี่อยากรู้เรื่องราวภายในบ้านเสียมากกว่า เนเน่ไม่หันมา ยังคงยืนนิ่ง ดลเลยพูดออกไป

“ผมคิดถึงคุณจริงๆนะ” เนเน่ยิ้มออกมาดั่งดอกไม้แรกแย้มเลยทันทีโดยไม่รู้ตัว

“จริงนะ” แล้วก็หันไป พร้อมรอยยิ้มส่งให้ดล

“จริงๆ” เนเน่เดินกลับมาและนั่งลง ดลเอื้อมมือมาบีบมือของเนเน่

“ถ้าไม่คิดถึง จะมาหาทำไม เธอหายไปหลายวัน ฉันไม่มีความสุขเลยรู้ไหม” ดลเริ่มหยอดคำหวานแล้ว

“ตั้งแต่นอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล อยากจะไปหาใจแทบขาด แต่ก็ไม่กล้า” ดลเผยความจริง

“เพราะญาติเธอเยอะมาก เลยต้องทนรอจนมาถึงวันนี้” เนเน่ก้มหน้าลงและแอบยิ้ม เพราะกำลังเขินมาก

       ดลจ้องเนเน่ จนเธอรู้ได้ เนื่องจากเนเน่กำลังเขินอายหน้าหน้าแดงอยู่ จึงหลบสายตาดลทันที

“บ้า ปากหวานขึ้นทุกวันแล้วนะเราหนะ หลอกหรือเปล่า” ดลส่ายหน้า แล้วเอามือเชยคางเนเน่กลับมา

“เธอหายเมื่อไหร่ ฉันจะพาเธอไปพบกับคนสำคัญคนนั้นนะ ฉันไม่เคยลืมสัญญา”

“ขอบใจนะ ที่นายทำเพื่อฉัน” เนเน่เอามือตบที่หลังมือดลเบาๆ ดลยิ้มให้

“เอาทานผลไม้ก่อน พี่ขิงอุตส่าห์เอามาให้” ดลเริ่มที่มีความหวังขึ้นมาบ้าง

       ถึงแม้ว่าจะยังคงมีความลับปิดบังเนเน่อยู่บางอย่าง แต่ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะความจำเป็นจริงๆ

***** \\\\\ *****

       (เสาร์ที่ 31 ส.ค.) แจงหลังจากที่ซ่อนตัวจนหายดี ก็กลับมานั่งวางแผนที่จะฆ่าเนเน่ให้ได้อีกครั้ง ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว วันๆได้แต่เฝ้านั่งคิดนอนคิดว่าจะทำยังไงที่จะกำจัดเนเน่ได้ คิดไปคิดมาก็ต้องมาจบลงที่เผด็จทุกครั้งไปไม่รู้ว่าทำไม แจงเดินออกมามองท้องฟ้าภายนอก และมองออกไปยังป่า ที่ไกลสุดลูกหูลูกตา คิดถึงตอนที่เผด็จไม่กล้าทำร้ายเธอ ยั้งมือทุกครั้งที่ปะมือกัน นับวันเธอยิ่งไม่เข้าใจตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอ ยิ่งตอนที่เผด็จหอมแก้มเธอทุกครั้ง แจงก็เผลอเอามือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองทุกครั้งไป ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมา สีหน้าสดใสดังกุหลาบแรกแย้มเลยที เดียว เลือดสาวสูบฉีดขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว

“บ้า คนผีทะเล ชอบรังแกเค้าเรื่อยเลย ไอ้คนชอบฉวยโอกาส”

     แต่ก็มีความสุข ไม่ยักกะเกลียดเหมือนตอนที่ตะโกนออกไปต่อหน้า ตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่า เนเน่เป็นลูกสาวของเผด็จ คนที่เธอมีความรู้สึกดีๆด้วย จึงสับสนไปหมดกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น เธอมองไปยังรอบๆบ้านที่เธอหลบอาศัยอยู่ แล้วเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ลูกน้องคนสนิททั้งสองคนก็ได้ตายไปแล้ว

“จะเอายังไงดีวะเรา ทำไมถึงคิดอะไรไม่ออกเลยวะ” แจงหงุดหงิดมาก

“ทำไมนะ มันเกิดอะไรขึ้นกับเราเนี่ย ทำไมมองไปทางไหน ก็ต้องเจอแต่หน้านาย เผด็จ ไม่ ไม่นะ ฉันไม่ได้รักนาย ฉันต้องเกลียดนายซิ ถึงจะถูก”

       แจงกำลังสับสนกับใจของตัวเอง แต่ทั้งๆที่กำลังสับสนอยู่นั้น ใจที่คิดอาฆาตเคียดแค้นด้านมืดก็ชนะขึ้นมาทันที

“เราอยู่กันคนละขั้ว คนละเส้นทาง เป็นเส้นขนาน ไม่สามารถจะมาบรรจบกันได้ ใช่ เขาเป็นคนดี เราเป็นคนเลว เพราะฉะนั้นมันต้องทางใครทางมัน ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันต้องทำให้สำเร็จให้จงได้ ก็คือ ฆ่ามัน อีเด็กนรก อีเด็กเวร แกต้องตาย เพราะแกทำให้ฉันเสียหน้าและขายหน้ามาหลายครั้งแล้ว ที่สำคัญ แกคอยมาขัดขวางงานทุกอย่างของฉันมาตลอด เอาไว้ไม่ได้ มีแกต้องไม่มีฉัน บนโลกนี้ต้องไม่มีที่ยื่นสำหรับแก อีเน่ เนเน่ ธิดาพญายม”

>>>>> ----- <<<<<

       ช่วงที่เนเน่พักฟื้น ปูนก็ยังคงต้องไปสอนแทนเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้รบกวนอารมณ์และหัวใจของปูนก็คือ การที่ทำให้เผด็จโกรธโดยไม่ตั้งใจและเจตนา ช่วงหลังๆนี้ปูนจึงได้เริ่มห่างกับเผด็จออกไปทุกทีๆ จนแตงโมสังเกตุได้ จากการที่ปูนนั่งเลี้ยงลูกและเวลาที่อยู่ส่วนตัวตามลำพัง ปูนมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ตั้งแต่วันที่เจอกันที่โรงพยาบาลจนกลับมา ถึงแม้ว่าเขาทั้งสองแยกกันอยู่ก็ตาม แต่แตงโมก็ยังคงคิดถึง เป็นห่วงและมีความหวังดีกับปูนอยู่เสมอมาตลอด

       คืนวันนี้ไม่รู้เป็นยังไง แตงโมใจกล้าเดินเปิดประตูห้องของปูนเข้ามา เห็นปูนนั่งซึมเศร้าเหมือนผ่านการร้องไห้ออกมาอย่างโชกโชน อยู่ที่โซฟาในห้องกับมุมมืดมุมหนึ่ง หลังจากที่ให้นมลูกทั้งสองจนหลับไปแล้ว แตงโมเดินเข้ามาโอบไหล่จากข้างหลัง แล้วบรรจงหอมแก้มขวาของปูนอย่างเบาๆแล้วไล่ไปจนถึงลำคอ มือทั้งสองข้างล้วงลงไปในเสื้อนอนแขนสั้นบางๆและบีบเต้าทั้งีสอง อาจเป็นเพราะความเหงาและบรรยากาศพาไปในตอนนั้นก็ได้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับปูน ปูนเงยหน้าขึ้นไปหอมแก้มแตงโมและจูบปากในเวลาต่อมา และแล้วสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในคืนนี้ในรอบหลายปี ปูนกับแตงโมก็มีเพศสัมพันธ์กันอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ยุ่งกันเลยตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา และหลังจากคืนนั้น ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปในช่วงข้ามคืนเลยทีเดียวในเวลาต่อมา โดยไม่มีใครคาดคิด

      เช้าวันรุ่งขึ้น (อาทิตย์ที่ 1 ก.ย.) ปูนนอนอยู่ในอ้อมแขนของแตงโมในสภาพที่เปลือย ปูนรู้สึกตัวขึ้นมา มองดูสภาพตัวเองแล้วก็รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และกำลังคิดว่าตอนนี้เธอนอนอยู่ในอ้อมแขนของใครกัน

“ไม่นะ คงไม่ใช่อา เพราะอาโกรธเรา” พอหันไปดูก็ต้องตกใจ ที่เห็นใบหน้าของแตงโม ฉีกยิ้มอยู่ตรงหน้า ดังกุหลาบที่แรกแย้มเลยทีเดียว แล้วแตงโมก็บรรจงจูบลงไปที่หน้าผากของปูน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ออกไปนะ ถอยออกไป ไม่ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ซิ” แตงโมไม่ออกไปไหน ดึงปูนมากอดและหอมแก้มอีกต่างหาก

“พี่โม ไม่เอาหนูเจ็บ จั๊กกะจี้ด้วย หนวดเนี่ย ไปโกนออกด้วย ไม่งั้นหนูไม่ให้หอมนะ ไป” ปูนหน้าแดงอายเขินโดยไม่รู้ตัว

“จริงนะ ถ้าพี่โกนออกปูนจะให้พี่หอมอีกนะ” ปูนไม่ตอบอะไร

“ไป” ปูนสะบัดมือไล่แตงโมออกไปอย่างเดียว แตงโมจึงรีบวิ่งกลับห้องตัวเองทันที

       ลูกสาวคนเล็กตื่นพอดี เมื่อปูนหันไปดู จึงอุ้มขึ้นมาแล้วให้นมทานทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนชุด เพราะเปลือยอยู่แล้วไม่ได้ใส่อะไร ไม่นานแตงโมก็กลับเข้ามาในห้องปูนอีกครั้ง นั่งลงข้างๆและหอมแก้มซ้ายปูน

“พอแล้วพี่ ไม่เห็นเหรอว่าหนูกำลังทำอะไรอยู่ ไป ไปอาบน้ำ คนอะไร เข้าห้องน้ำแล้วไม่อาบ โกนหนวดอย่างเดียว ประสาทหรือเปล่า ไป ถ้ายังดื้ออีก ต่อนี้ไป ไม่ต้องมาเข้าใกล้เลยนะ”

“ไปครับ ไปแล้ว คำสั่งเมีย สำคัญที่สุด” แตงโมรีบวิ่งกลับออกไปอีกทีแล้วจัดการอาบน้ำตามคำสั่ง

       ปูนหลังจากที่ให้นมลูกทั้งสองเสร็จ ก็อาบน้ำและแต่งตัวลงมาทานข้าวเพื่อที่จะไปทำงาน แตงโมอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำอาหารสุดพิเศษให้กับปูน และนั่งทานอาหารมื้อเช้าพร้อมกันเป็นครั้งแรก หลังจากที่ภาพแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว ที่แปลกไปกว่านั้น วันนี้ปูนไม่ขับรถไปทำงานเองเหมือนปกติ แตงโมขออาสามาส่ง เธอก็กลับไม่ปฏิเสธอะไร จนทับทิมแปลกใจเมื่อเห็นสิ่งผิดปกติในเช้าวันนี้ แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง จึงเดินตามขึ้นไปดูเพื่อให้แน่ใจอีกครั้งกับตา กับความสงสัย นึกว่าตาฝาด ทับทิมเห็นแตงโมหอมแก้มปูน ไม่อยากจะเชื่อว่า ปูนยอมให้แตงโมถูกเนื้อต้องตัวแล้ว จึงตัดสินใจลองเดินเข้าไปดูให้เห็นกับตา

“พี่โม วันนี้นึกยังไงถึงมาที่นี่ได้ เห็นทุกครั้งไม่เคยมา จะทำงานอยู่ที่บ้าน” ทับทิมเจ้าปัญหากลับมาอีกแล้ว

“แล้วๆ เออๆ..นั่นแหละ ดีกันแล้วเหรอ”  แตงโมไม่พูดอะไรมาก จึงได้แต่ตอบน้องสาวไปแบบนิ่มๆ

“ดีเดออะไร ก็พี่กับปูนไม่ได้โกรธอะไรกันนี่ จริงไหมปูน”

       ปูนยิ้มและพยักหน้าให้ จนทำเอาทับทิมงงเป็นไก่ตาแตก ทับทิมลงไปนั่งคุกเข่าข้างๆปูน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย ฉันไม่ได้ฝันไปนะ” ปูนหยิกแขนเพื่อน จนทับทิมร้อง “โอ๊ย”

“ฝันไหมไอ้เตี๊ย” ทับทิมเอามือลูบแขนไปมา

“เออ ไม่ฝันๆ” แล้วทับทิมก็โอบกอดเพื่อนรักอีกครั้งหลังจากที่ผิดใจกันมานาน

“ไอ้ปูน ไอ้เพื่อนรัก ฉันคิดถึงแกมาก แกหายหัวไปไหนมาตั้งนานหลายเดือนวะ” ปูนงง

“แกพูดอะไรของแก เราก็เจอกันอยู่ทุกวัน เช้านี้แกทานอะไรผิดสำแดงไปหรือเปล่าเนี่ย อีบ้า”

     ปูนเริ่มด่าเพื่อนได้เต็มปากเหมือนเดิม ทับทิมก็ชอบ เพราะบรรยากาศเก่าๆเริ่มกลับมาแล้ว

“ไป เดี๋ยวลูกฉันก็ตื่นกันพอดี ไปๆ” ปูนรีบไล่เพื่อนให้ลงไปทันที

“เออๆ ไปก็ได้ ดีใจด้วยนะพี่โมที่ได้ครอบครัวกลับคืนมาแล้ว”

       แล้วทับทิมก็ลุกขึ้นและเดินออกไป พร้อมกับบ่นอะไรเรื่อยเปื่อย

“ดีใจจังๆ ไอ้ปูนคนเดิมกลับมาแล้ว”

       ทับทิมเดินยิ้มแฉ่งออกไป ดั่งดอกไม้แรกแย้ม ที่บานรับแสงตะวันเลยทีเดียวเชียว มีความสุขมาก

“เป็นเอามากไอ้เตี๊ย” ปูนมองทับทิมจากด้านหลัง แล้วก็ส่ายหัว

“อาเด็จตอนนี้อาอยู่ที่ไหน จะรู้บ้างไหมว่าหนูกำลังตกนรก รู้ไหมว่าเมียตัวเองถูกย่ำยีอยู่ รีบกลับมานะคนดีทูนหัวของเมีย หนูขอโทษที่ทำตัวไม่ดีกับอาไปในวันนั้น หนูขอโทษจริงๆ วันนี้ถึงได้ต้องตกอยู่ในสภาพนี้”

       ปูนนั่งบ่นอยู่คนเดียว แตงโมหันมายิ้มให้

“เดี๋ยวกลางวันนี้ พี่จะพาไปทานของอร่อยๆแถวนี้นะ”

ปูนจึงต้องแกล้งฝืนยิ้มให้ เพราะไม่งั้นสิ่งที่อุตส่าห์ทำมามันจะไม่คุ้มกับสิ่งที่จะตามมา

“จ๊ะพี่ เครค่ะ เอาที่พี่ชอบเลย”

***** ^^^^^ *****

       แจงรีบฝึกและพัฒนาตัวเองให้เก่งและแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม และในเวลาเดียวกันนั้น อีกมุมนึงที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ แจงก็ได้ทำสวนดอกไม้ขึ้นมาแปลงหนึ่ง และนำเอากุหลาบสีเหลืองพันธุ์พิเศษมาปลูกไว้ นั่งรดน้ำไปก็ยิ้มไปอย่างมีความสุข ฮัมเพลงไปด้วย สักพักเธอสังเกตุว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆเธอ แจงค่อยๆหันไปทางซ้ายเห็นรองเท้าก่อนและเงยหน้าขึ้นมาดู เธอตกใจมาก

“นาย” แจงรีบลุกขึ้นและวิ่งหนี เผด็จรีบดึงแขนซ้ายของแจงไว้ทันที แล้วดึงเข้ามากอดไว้ที่ตัวเขา ไม่พูดพร่ำทำเพลง หอมและไซร์ซอกคอทันที

“ปล่อยนะ ปล่อยฉัน ได้โปรดขอร้องหละ อย่า อืม ใจจะขาดอยู่แล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ อย่าทรมานฉันอีกเลย ขอร้องหละ อืม..”

     เผด็จไม่สนใจ ปล่อยมือจากแขน เปลี่ยนมากอดลำตัวของแจงแทน มือทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นมาขยำและขยี้ปทุมถันของแจงโดยไม่รู้ตัว แจงเริ่มจะมีอารมณ์แต่ก็ต้องตัดใจ

“อย่า” เพราะไม่อยากที่จะให้มันลุกลามและบานปลายความรู้สึกมากไปกว่านี้ จึงเอามือของตัวเองมาแกะมือของเผด็จออกทันทีจากปทุมถันทั้งสองของเธอทันที

“อย่าคะ อย่า ใจจะขาดอยู่แล้ว” แจงรีบหมุนตัวและหันหน้ามา เอามือคล้องคอและประกบจูบปากของเผด็จเองทันที สิ่งที่แจงไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตของเธอในครั้งนี้ แจงเทหมดหน้าตักเลยในตอนนี้ เพื่อที่จะให้ชีวิตของเธอนั้นปลอดภัย ทั้งสองจูบกันอยู่นานพอสมควร ไม่นานแจงก็ถอนปากออกมาจากเผด็จ

“พอใจหรือยัง” เผด็จพยักหน้า มือยังคงคล้องอยู่ที่คอ และเผด็จก็ยังคงกอดเอวของแจงเอาไว้

       สรุปเกมส์นี้แจงชนะ เธอปลอดภัย เผด็จก้มหน้าลงไปจะจูบอีก แจงเอานิ้วมือมาดันริมฝีปากเอาไว้

“ไม่เอา พอแล้ว อย่าเกเร” เผด็จจึงต้องทำตาม

       แจงเอียงอายนิดหน่อย แล้วหอมไปที่แก้มทั้งสองข้าง เผด็จไม่ยอมเสียเปรียบ ทำด้วย แจงปล่อยมือจากคอแล้วมาจับมือเผด็จ จูงมานั่งที่ม้านั่งตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่ข้างบันได

“นายมาที่นี่ได้ยังไง แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่” เผด็จยังไม่ตอบอะไร

       ใช้มือมาตบที่ตักซ้ายของเขา แจงส่ายหน้า เผด็จพยักหน้า แจงมองหน้าเผด็จ แล้วก็ต้องยอมใจอ่อน ขยับขึ้นไปนั่งบนตักของเผด็จโดยปริยาย

“พอใจหรือยัง” เผด็จส่ายหน้าอีก

“แล้วจะให้ทำยังไงอีก ถึงจะยอมปริปากพูดได้เนี่ยพ่อคุณ”

       เผด็จจับมือขวาของแจงมาคล้องที่คอตรงไหล่ซ้าย แจงส่ายหัวทันที 

“เอ้า จบเรื่องแล้วนะ คราวนี้นายจะบอกฉันได้หรือยังว่า มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” เผด็จกระซิบที่หูขวาของแจงเบาๆ

“Gprs ที่รถเธอไง” แจงตาโตขึ้นมาทีเดียว รีบเอามือออกจากคอของเผด็จ

“อะไรนะ ก็ฉันเอาออกและทำลายมันไปแล้วนี่ และนายเอามาติดตอนไหนอีกเนี่ย อย่าบอกนะว่า วันนั้น” เผด็จพยักหน้า

“นาย” แจงใช้มือซ้ายชี้หน้าเผด็จ

“ทำไมถึงได้ทำกับฉันแบบนี้นะ ไม่เป็นการส่วนตัวเลย ฉันเกลียดนาย”

“เกลียด คนที่เกลียดเขาคงไม่ทำแบบนี้หรอก” แจงรีบขยับตัวลงจากตักทันที แต่ในเมื่อเสียรู้เผด็จไปแล้ว

“จะไปไหน” คงยากหรอกที่เผด็จจะปล่อยให้เธอลงจากตักเขาไปได้ง่ายๆ

“ปล่อยนะ คนเจ้าเล่ห์ ชอบรังแกเค้า ชิ” แจงงอน จึงได้แต่นั่งกอดอก เพราะขยับไปไหนไม่ได้

“ขอบใจนะที่ทำเพื่อฉัน” แจงงงหนักเข้าไปอีก ไม่รู้ว่าเผด็จพูดถึงอะไร

“นายพูดอะไรของนาย ขอบใจนะที่ทำเพื่อฉัน ฉันไม่เข้าใจ”

       เผด็จชี้ไปที่แปลงกุหลาบสีเหลืองพันธุ์พิเศษ “เออ..” แจงพูดไม่ออก

“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบกุหลาบพันธุ์นี้” แจงหลบหน้าเผด็จทันที อายก็อาย เขินก็เขิน

“ฉันไม่ได้ทำเพื่อใครสักหน่อย ฉันชอบฉันก็หามาปลูกเอง ขี้ตู่ใหญ่แล้ว” แจงพยายามปิดบังความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มที่

“ปล่อย ได้แล้ว เมื่อไหร่จะปล่อยสักทีนะอึดอัด” แจงหลุดปากออกมา

       แจงพยายามแกะมือของเผด็จที่กอดเอวไว้ “ถ้าจะให้ปล่อย ต้องทำไงก่อน” แจงมองหน้า

“ไม่รู้” แจงตอบห้วนๆ ไม่รู้จริงๆว่าเผด็จจะให้ทำอะไร แจงส่ายหน้าและก้มหน้า

“ไม่รู้จริงๆ ถ้ารู้ฉันก็ต้องทำแล้วซิ นี่ไม่รู้จริงๆ นายก็บอกมาซิ ถ้าทำได้ฉันก็จะทำให้ นะๆ บอกหน่อยนะ คนดี”

       เผด็จกระซิบที่หูเบาๆ “ผัวขาปล่อยเมียด้วย” แจงเมื่อได้ฟังเช่นนั้น ตาลุกวาวเลย

“จะบ้าเหรอ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” แจงโวยวายทันที

“งั้นก็หมดสิทธิ์” แจงดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด

“เบาลงมาหน่อยได้ไหม ขอร้องหละ มันยังไม่ถึงเวลา”

       แจงเผลอหลุดปากออกไปจนต้องเอามือมาปิดปาก

“นั่นแน่ พูดแบบนี้ แสดงว่า ก็คิดเหมือนกันใช่ไหม”

       เผด็จชี้หน้าแจง แจงอายม้วนเลย เผด็จอมยิ้ม แจงเลยตัดสินใจขอวัดดวงวัดใจกับความคิดของตัวเองอีกที เพราะเคยจำได้ว่า เผด็จเคยเรียกเธอว่าเนตร และแทนตัวเองว่าพี่ตลอด เลยตัดสินใจพูดออกไป

“พี่จ๋า หนูเจ็บ เนตรเจ็บไปหมดแล้ว” เท่านั้นแหละ เผด็จปล่อยแขนที่โอบกอดทันที ได้ผลการวัดดวงวัดใจครั้งนี้ เธอรอดอีกแล้ว จึงรีบขยับตัวและวิ่งหนีมาอยู่ห่างๆตัวเผด็จทันที และหาที่หลบแถวนั้น เผด็จรู้ดีว่ามันไม่เป็นความจริง แต่ทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้ประโยคนี้ เขาจะต้องจิตหลุดทุกที

       แจงดูท่าทีของเผด็จอยู่พักหนึ่ง พอเห็นเผด็จเงียบไป จึงค่อยๆเดินออกมาจากที่หลบซ่อนและนั่งตรงข้ามเขา เอามือซ้ายโบกไปมาที่หน้า จนเผด็จหันมาและปัดทิ้ง

“ทำอะไร”

“ก็เห็นนายเงียบไป” เผด็จมองหน้า แจงเลยรีบเปลี่ยนสรรพนามทันที

“เออ เห็นพี่เงียบไป” เผด็จจึงหันมาพูดกับแจงแบบปกติ

       เผด็จไม่อยากอาฆาตจองเวรกับใคร อยากให้แจงหยุดอาฆาตและตามราวีเนเน่ เมื่อเขายอมบอกถึงสาเหตุว่าทำไม แจงเมื่อรู้จากปากของเผด็จเองว่า เนเน่เป็นลูกสาว เธอจึงสองจิตสองใจ ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน แต่สุดท้ายเธอก็ไม่รับปาก แค่บอกไปเพื่อรักษามารยาเท่านั้น

“หนูไม่ขอรับปากนะพี่ เพราะตัวของลูกสาวพี่เอง มันก็ไม่ยอมที่จะลดละในการตามล่าหนูเลยเหมือนกัน”

“เนตร ฟังพี่นะ คือพี่ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมหนูถึงจำอะไรไม่ได้” เผด็จยังคงเข้าใจแบบนั้น

“ความจำหนูอาจจะเสื่อม และถูกพวกกงจักรทองล้างสมองใส่ข้อมูลอะไรใหม่ๆที่ผิดๆเข้าไปแทน”

       เผด็จพยายามทุกวิถีทาง “หรือจะด้วยเหตุผลอื่นๆอะไรก็เถอะ” เผด็จทำเต็มที่แล้วจริงๆ

“พี่ไม่ขออะไรหนูมากเลย พี่ขออย่างเดียวจากหนูจะได้ไหม”

“พี่จะขออะไรก็ว่ามา ถ้าทำได้หนูจะทำให้ ถ้ามันไม่เกินกำลังของหนู”

       แจงจำเป็นต้องเรียกแบบนั้น เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง

“หยุดอาฆาตและตามราวีเนเน่ เพราะว่าเนเน่เป็นลูกสาวของพี่ และเป็นลูกของเธอ” เผด็จลองอีกครั้ง

“แค่เธอจำลูกไม่ได้ มันก็แย่พออยู่แล้ว นี่ถึงจะเอาชีวิตกันเลยเหรอ” แจงไม่รู้จะบอกเผด็จยังไงดีแล้ว

“หนูก็รู้ว่าไอ้เน่มันยังเด็ก มันรักหนูแค่ไหน แค่หนูไม่ยอมรับมัน มันก็เสียใจพอแล้ว” แต่แจงก็ยังรับฟัง

“นี่ยังจะมาทำแบบนี้กับมันอีก พี่ไม่สบายใจเลย พี่เป็นคนกลาง พี่ทำตัวลำบาก” เผด็จทำหน้าเศร้าเลย

“ตอนนี้ มันก็โกรธพี่อยู่ หาว่าพี่ไม่ช่วยมัน เข้าข้างหนูตลอด แล้วจะให้พี่ทำยังไง” เผด็จจนปัญญาจริงๆ

“ได้ๆหนูจะทำเพื่อพี่ เอาเป็นว่า หนูจะพยายามอยู่ห่างๆและไม่เจอมันก็แล้วกัน เครไหม” แจงจะลองดู

“แต่ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็อย่าว่ากัน ไปบอกเนเน่ลูกสาวของพี่เองก็แล้วกัน” แจงมีทางเลือกให้

“ว่ากรุณาอย่ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตหนูอีก ต่างคนต่างอยู่ ทางใครทางมัน เพราะหนูก็ลำบากใจเช่นกัน ไม่แพ้พี่” เผด็จเข้าใจ

“ขอบใจนะที่รับปากพี่ สำหรับพี่ จะพยายามจะทำให้ดีที่สุด พยายามจะพูดกับมันให้เข้าใจ” แจงถอนหายใจ

“ที่พี่มาหาหนู ต้องการที่จะพูดแค่เรื่องนี้ใช่ไหม” เผด็จพยักหน้า แจงลุกขึ้นและเดินอ้อมไปจับมือเผด็จ ดึงให้ลุกขึ้น เผด็จงง

“ถ้าหมดงานแล้ว งั้นเราไปทางโน้นกัน นอกจากแปลงกุหลาบแล้ว หนูยังมีแปลงผักสวนครัวอีกนะ ไปดูกัน พี่อาจจะชอบ”

“เอาซิ ไป นำทางพี่เลย” แล้วแจงก็จูงมือเผด็จวิ่งออกไป ดูพืชผักสวนครัวที่เธอปลูกเอาไว้ ตอนนี้โลกทั้งใบของทั้งคู่ ไม่มีการต่อสู้ มีแต่ไอแห่งรักที่กำลังเริ่มตลบอบอวนขึ้นโดยไม่รู้ตัว ต่างคนต่างมีความสุข ทั้งคู่วิ่งไล่จับกันอยู่ที่สวนแห่งนั้นแบบไม่สนใจใครเพราะที่แห่งนี้ มีแต่เขาและเธอเพียงสองคนเท่านั้น

<<<<< ***** >>>>>

       ปูนยังคงรอความหวังว่าจะได้เจอเผด็จอีกครั้งหลังจากที่หายตัวไปนานร่วมเดือน วันเสาร์ที่นัดกัน เผด็จก็ไม่ไป จึงทำให้เธอร้อนลุ่มกลุ้มใจมาก เริ่มหงุดหงิด แตงโมเข้าหน้าไม่ติดอีกแล้ว บรรยากาศเริ่มกลับมาเหมือนจะตรึงเครียดดังเดิมอีกแล้ว จนทับทิมต้องเดินเข้ามาถามขณะที่พักเบรกการสอนช่วงเช้า ของวันพุธที่ 4 ก.ย.

“เป็นอะไรของแกวะ ไอ้ปูน อาการหงุดหงิดฟาดงวงฟาดงากลับมาอีกแล้วเหรอ ได้ข่าวว่า เมื่อคืนไล่พี่โมออกมาจากห้องกลางดึกเลยเหรอวะ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น พี่โมทำอะไรผิด บอกฉันๆจะไปต่อว่าให้”

“รำคาญ น่าเบื่อ เข้าใจปะ เชื่องช้า ฉันไม่ชอบ บ้าแต่งาน วันๆไม่เคยมีเวลาให้ เบื่อโว๊ย เบื่อ” พูดจบปูนก็เดินออกไปเลย ทับทิมงงมาก

“อะไรของมันวะ” เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ จึงเดินกลับออกไปทันที ส่วนปูนก็ไปเตะกระสอบทรายระบายอารมณ์อยู่ลำพังเพียงคนเดียว ให้เหงื่อออก เพื่อจะได้หายหงุดหงิด

----- ***** -----

       (ศ.6 ก.ย.) เนเน่ส่งข้อความมาบอกดลตั้งแต่เมื่อคืนว่า พร้อมแล้วที่จะไปหาบุคคลคนนั้น ช่วงเช้าจึงขับรถมอเตอร์ไซด์มาจอดหน้าบ้าน เนเน่เดินออกมางงมาก

“ทำไมมาเร็วจัง ยังกะบ้านอยู่แถวนี้” ดลทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“คิดมากน่า ก็แค่ตื่นเร็วและออกมาเร็วหน่อยก็เท่านั้น ถามแบบนี้ จะจับผิดอะไรหรือเปล่าเนี่ย”

       ดลเอามือแหย่เข้าไปที่จมูกของเนเน่ เธอปัดออกอย่างไว

“เซี๊ยวจริง ไปรีบไป เห็นบอกว่าไกลไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะร้อน”

       พูดจบเนเน่ก็ปีนขึ้นไปนั่งและใส่หมวกกันน๊อค

“ไปซิ รออะไร” ดลจับมือเนเน่ทั้งสองข้างมากอดเอวเขาไว้ เนเน่รีบสะบัดออกทันที

“ทำอะไร” ดลดันฝาแว่นตาขึ้น

“ถ้าไม่จับ หล่นแล้วไม่รู้ด้วยนะ ก็เพราะรถมันแรง ตามใจ”

       ว่าแล้วดลรีบเบิ้ลเครื่อง แล้วออกรถอย่างเร็วและแรง

“ว๊าย” เนเน่เกือบตก จึงรีบเอามือคว้าเอวดลโดยอัตโนมัติทันที

“ไอ้บ้า”

***** ..... *****

       ขิงไปทำงานตามปกติ วิทย์เข้ามาถามเรื่องของเนเน่ เพราะเป็นห่วงมาก

“เป็นไงบ้างขิง” เนื่องจากข่าวรั่วมาว่า เนเน่แอนตี้อย่างมากสุดๆไปเลย

       เนื่องจากเผด็จยังไม่กลับเข้าบ้าน หายไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีวี่แวว

“ไหวไหมขิง เจ้าเน่มันอาละวาดอะไรเธอบ้างไหม ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรา”

“ไม่มีอะไรหรอกวิทย์ขิงทนได้ ตอนนี้ไอ้เน่มันก็หายและแข็งแรงดีแล้ว พรุ่งนี้ขิงก็จะกลับแล้วหละ” ขิงบอกสามีเช่นนั้น

“อีกอย่างไอ้เพ็ญมันก็อยู่ ไอ้เน่มันไม่กล้าทำอะไรบ้าๆกับขิงหรอก” ขิงพูดแบบสบายใจ

“ไม่ต้องเป็นห่วง ไปทำงานเถอะ แล้วพรุ่งนี้เช้า วิทย์ไปรับขิงที่บ้านพ่อด้วยนะ ขิงจะรอ”

“ได้ๆ งั้นวิทย์ไปทำงานก่อนนะ หัวหน้าเรียกประชุมแล้ว ไปก่อน”

       วิทย์หอมแก้มของขิงก่อนไป และก็บ๊ายบาย ขิงทำหน้าไม่สู้ดีเลย

\\\\\ +++++ \\\\\

       ประมาณ 10 โมงดลมาถึงที่หลบซ่อนตัวของคนสำคัญคนหนึ่ง

“ถึงแล้วนะ ทำใจดีๆเอาไว้นะ อีกไม่กี่นาที เธอก็จะได้พบกับคนที่เธอรอคอยแล้ว” 

       วันนี้ไม่มีใครตาม เพราะตั้งแต่ที่แจงรับปากกับเผด็จ จึงไม่มีใครมารบกวนอีกเลย จึงทำให้วันนี้ผ่านฉลุยไปได้ด้วยดี

“วันนี้มันเงียบแปลกๆ ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะดล” เนเน่คิดเช่นนั้นในตอนนี้

       ดลจูงมือเนเน่เข้ามายังบ้านเล็กๆหลังหนึ่งในดงสลัม สักพักทั้งสองคนก็หายเข้าไป

“นี่ลุงดำนะ เมื่อ 3 ปีก่อน ลุงท่านนี้บังเอิญได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างเข้า”

       ดลแนะนำให้เนเน่รู้จักลุงดำ เนเน่ไหว้สวัสดี ลุงดำรับไหว้ และก็เล่าเหตุการณ์ที่เนเน่อยากรู้ให้ฟังต่อ

“และพบเห็นว่ามีคนพาคนกลุ่มหนึ่งออกจากไทรโยคไปหลังจากที่ระเบิดได้สงบลงเพียงไม่กี่นาที”

       เนเน่ยังไม่เข้าใจที่ดลกล่าวมา “เดี๋ยว เอาใหม่ฉันงง และสับสน” เนื่องจากดลแนะนำและพูดเร็วมาก

“นายพูดอะไรเร็วเกินไป เอางี้ ช้าๆนะ” เนเน่ขอเริ่มต้นใหม่อีกครั้งแบบช้าๆ

“คำถามแรก ทำไมลุงถึงต้องหนีและหลบซ่อนตัว” เนเน่ยิงคำถามนำไปก่อน

“แล้วที่สำคัญ นายรู้ได้ยังไงว่า ลุงคนนี้รู้รื่องของแม่ฉัน”

       ดลหันไปมองหน้าลุงดำ และพยักหน้า “ก็เมื่อเดือนที่แล้ว” ดลเริ่มใหม่อย่างช้าๆเช่นกัน

“ฉันกำลังสืบหาความจริงเรื่องของหงส์ฟ้า จึงต้องย้อนกลับไปหาต้นตอจากจุดที่เกิดเหตุ” เนเน่ตั้งใจฟัง

“ระหว่างที่ฉันกำลังเดินทางไปยังวัดแห่งหนึ่งที่มีสุสานของหงส์ฟ้ากับนางแมวป่าอยู่” ดลเล่าอย่างช้าๆ

“ฉันก็เห็นคนกลุ่มหนึ่ง กำลังวิ่งไล่จับลุงคนนี้อยู่ และรุมทำร้าย” เนเน่เริ่มเข้าใจมากขึ้น

“ฉันเลยเข้าไปช่วย และเมื่อสอบถามจนได้ความแล้ว จึงรู้ว่า” ดลพักเหนื่อยแป๊บนึง

“ลุงคนนี้ เป็นคนให้ลุงแก่ๆคนหนึ่งเช่าเรือเร็วลำหนึ่งอ้อมไปที่ท้ายเกาะหลังวัด ก่อนที่ระเบิดจะดังขึ้น” เนเน่ตาสว่างทันที

“และกลับออกมาเพียงไม่กี่นาที พร้อมกับหญิงสาวท้องใหญ่ๆ อีก 2 คน”

“จริงดิ” เนเน่สนใจลุงอีกคนที่มาเช่าเรือและหญิงสาวท้องสองคนมากกว่า

“แล้วลักษณะของคนที่มาเช่าเรือเป็นยังไง พอจะอธิบายได้บ้างไหม”

“แก่ๆมีเคราลุงรังเต็มไปหมด ผมออกสีดอกเลาใส่แว่นดำ พูดจาเสียงใหญ่ๆไม่ค่อยเพราะ ผิวคล้ำๆหน้าป้านๆ”

       คนที่ลุงดำบอก เนเน่มั่นใจมาก เลยเอารูปของคร้ามให้ดู

“ใช่คนนี้ไหม” ลุงดำพอเห็นภาพก็จำได้ทันที

“ใช่ๆ คนนี้เลยคุณหนู” เนเน่หลุดปากออกมา

“ตาคร้าม” ดลหันไปถามเนเน่

“ใครคือตาคร้าม” เนเน่หันไปบอกดลเพียงเล็กน้อย

“ตาคร้ามเป็นน้าแท้ๆของแม่เนตร เป็นตาของฉัน” ดลอยากรู้ต่อ

“แล้วตอนนี้ตาคร้ามอยู่ไหน”

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 21 .. “ เดิมพัน ”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.