ตอนที่ 30 แหวนเทพกระบี่

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 30 แหวนเทพกระบี่

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 30 แหวนเทพกระบี่

 

เย่หวูเฉินนิ่งเงียบเฉื่อยชา เย่เว่ยเพียงแต่จ้องมองที่เขา หากแต่ฉับพลัน มีดในมือขวาเขาก็ตวัดวาบแสงสีเงินแล้วร่วงลงที่พื้น ในเวลาเดียวกันที่นิ้วชี้ซ้ายของเย่หวูเฉินถูกกรีด เย่เว่ยยื่นแขนออกราวสายฟ้าจับข้อมือซ้ายของหวูเฉินอย่างแน่นหนา จากนั้นหยดเลือดของเขาลงในถ้วย

 

“อ๊า!” หวังเวิ่นชูร้องอย่างเจ็บปวดใจ รอยบาดบนนิ้วหวูเฉินกรีดลึกลงไปในจิตใจนาง นางปัดมือของเย่เว่ยออกอย่างรุนแรง แล้วมองรอยบาดบนนิ้วของหวูเฉินด้วยความสงสารจับใจ นางกระทั่งไม่สนใจมองดูในถ้วย ทันใดนั้นเอง หนิงเสวี่ยจับมือของหวูเฉินเอาไว้ นางเอานิ้วเข้าใส่ปากแล้วดูดอย่างอ่อนโยน ระหว่างที่ดูดนางกล่าวออกมาอย่างน่ารัก “ท่านพี่เจ็บไหม?”

 

“ไม่เลย ข้าไม่เจ็บแม้แต่น้อย” หวูเฉินลูบศีรษะนางเบาๆและกล่าวอย่างอ่อนโยน หวังเวิ่นชูมองที่เขาอย่างสับสน เพราะบุตรชายที่เพิ่งกลับมาของนางมีบุคคลิกที่เปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนเย็นชาไม่แยแสผู้ใด นางไม่เห็นเขาหัวเราะหรือกระทั่งยิ้ม และมีเพียงเฉพาะยามที่เขาอยู่สาวน้อยตัวเล็กๆหนิงเสวี่ยคนนี้ เขาจึงจะเผยด้านที่อ่อนโยนออกมา แม้แต่สาวน้อยผมขาวยังมีข้อความ ‘ไม่อยากจากท่านพี่’ เขียนปรากฎอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน สายตานางมองเขาแทบตลอดเวลา และร่างน้อยๆของนางแทบไม่ออกห่างจากเขาเลย

 

“สาวน้อย บอกป้าได้ไหมว่าเจ้าชื่ออะไร?” หวังเวิ่นชูโน้มกายลงถาม

 

“นางชื่อหนิงเสวี่ย ข้ารับนางเป็นน้องสาวข้าเอง” เย่หวูเฉินตอบ แต่สายตาเขาไม่ได้เคลื่อนไปจากหนิงเสวี่ยที่กำลังดูดนิ้วเขา เมื่อครู่เขาเพียงทำเป็นแสดงท่าทาง เพราะที่จริงเขาได้ตัดสินใจอาศัยอยู่ที่ตระกูลเย่ เนื่องจากเขาจำเป็นต้องมีสถานะ ยิ่งกว่านั้น หนิงเสวี่ยเองก็ต้องมีบ้านด้วยเช่นกัน แต่สุดท้ายชะตาก็ทำให้เขาเป็นตัวปลอมในตระกูล ในใจของเขาคนๆเดียวที่เขาจะปฏิบัติด้วยอย่างดีคือหนิงเสวี่ย นางเป็นคนที่สำคัญที่สุดในโลกสำหรับเขา

 

“เฉินเอ๋อร์ เจ้ายังเจ็บอยู่รึปล่าว?” หวังเวิ่นชูลุกขึ้นแล้วถาม ส่วนเย่หวูเฉินส่ายศีรษะ

 

“เฉินเอ๋อร์ เจ้าวางใจได้ ข้าสัญญาว่าจะดุด่าบิดาของเจ้าให้อย่างหนัก” หวังเวิ่นชูหันไปมองเย่เว่ยและกล่าวทิ่มแทง

 

แต่ในเวลานี้เอง เย่เว่ยมองถ้วยใบเล็กในมืออย่างใจจดใจจ่อ เลือดสองหยดกำลังเคลื่อนที่ช้าๆ มันเริ่มเคลื่อนเข้าหากันแล้วค่อยๆหลวมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เย่หนู่มองภาพที่ปรากฎต่อหน้า ถัดจากเขาเป็นเย่หวูหยุนที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน

 

เมื่อข้อสงสัยสุดท้ายถูกขจัดไป เย่เว่ยถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก แม้ว่าเขาจะทนระงับอารมณ์ไว้ แต่เขาก็ยังคงหวาดกลัว เขากลัวว่าผลจะออกมาไม่เป็นตามที่ต้องการ และเขาคงถูกความผิดหวังกระหน่ำซ้ำเติมอีกครา ถ้วยใบเล็กในมือถูกขว้างออกจากห้องโถง จากนั้นเมื่อเขาหันมามองภรรยาที่กำลังอารมณ์บูด เขาก็ทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆอย่างอารมณ์ดี เพราะเขาไม่รู้จะพูดสิ่งใด

 

“นี่ช่างประเสริฐนัก.... ในที่สุดเราก็ได้หวูเฉินกลับมา แต่สิ่งแรกที่พ่อของเจ้าทำคือกรีดนิ้วเขาด้วยมีด เป็นบิดาภาษาอะไรถึงทำเช่นนี้! ข้ารู้ว่าท่านอยากอธิบายแก้ตัว ดังนั้นตั้งแต่วันนี้จนถึงพรุ่งนี้ท่านจะต้องอดอาหาร”

 

เย่เว่ยไหล่ตก เขาเริ่มอ้อนวอนภรรยาเพื่อให้อภัย “ชูเอ๋อร์ ข้าทำเพื่อประโยชน์ของตระกูลเย่.... ขอแค่วันนี้ วันนี้วันเดียวได้มั้ย นะที่รัก?”

 

“ถามหาความเมตตาหรือ? งั้นท่านก็ไปถามจากเฉินเอ๋อร์เอาเองก็แล้วกัน”

 

เย่เว่ยหันไปหาหวูเฉินแล้วเอ่ย “เฉินเอ๋อร์ ข้ากระทำรุนแรงไปบ้างเมื่อครู่....”

 

“ข้าเข้าใจ” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ท่านสามารถคิดว่าข้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลได้ แต่ข้าไม่อาจปฏิบัติต่อพวกท่านเหมือนเป็นคนในครอบครัว หรืออย่างน้อย.... ก็จนกว่าความทรงจำของข้าจะกลับมา พวกท่านเข้าใจหรือไม่?”

 

เขาไม่ใช่คนของโลกใบนี้ ในความทรงจำของเขา เขามีบิดามารดาที่แท้จริงอยู่ ก่อนที่จะพบพวกท่าน เขาจะเรียกผู้อื่นว่าบิดามารดาได้อย่างไร?

 

เขาเพียงต้องการสถานะ และเขาบังเอิญได้รับทั้งครอบครัวและสถานะมาพร้อมกัน การมาของเขาทำให้ความทุกข์ใจของตระกูลเย่สิ้นสุดลง ดังนั้นในขณะที่เขาใช้สถานะตัวตนนี้อยู่ เขาจะตอบแทนพวกเขาด้วยการทำตัวเป็นบุตรชายตระกูลเย่เช่นเดียวกัน

 

ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าดังกล่าวไม่เคยปรากฎบนในหน้าลูกชายของพวกเขามาก่อน เย่เว่ยไม่กล่าวสิ่งใดตอบ เย่หนู่เดินมาหาและตบบนไหล่หวูเฉิน “หลานข้า บิดาของเจ้าและข้าทำผิดไป พวกเราไม่ควรสงสัยในตัวเจ้า เจ้าวางใจได้ เราจะไม่ฝืนใจเจ้า เพราะข้าเชื่อว่าหลังจากผ่านไปไม่นาน ถึงแม้เจ้าจะยังจำพวกเราไม่ได้ เจ้าก็ยังจะอยากเรียกข้าว่าท่านปู่อยู่ดี ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่!”

 

ทันใดนั้น สายตาของเย่หนู่ตวัดจ้องอย่างรุนแรง รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งค้าง เขาคว้ามือซ้ายของหวูเฉินขึ้นมา สายตาจับจ้องที่แหวนสีดำบนนิ้ว ก่อนที่เขาจะอุทาน  “แหวนเทพกระบี่”

 

“อะไรนะ!?” เย่เว่ยตกละลึงเช่นกัน เขาไม่เคยเห็นลักษณะของแหวนเทพกระบี่มาก่อน แต่เขาจะไม่เคยได้ยินชื่อของมันได้อย่างไร? จากคำล่ำลือกล่าวกันว่า สิ่งนี้เป็นตัวแทนของศิษย์ของเทพกระบี่ และคนๆนั้นเป็นไปได้อย่างมากว่าจะกลายเป็นเทพกระบี่แห่งทวีปเทียนเฉินคนต่อไป

 

“ถูกต้อง ข้าย่อมจำได้ไม่ผิดพลาด นี่เป็นแหวนเทพกระบี่ของจริง!” เย่หนู่กระซิบกล่าว เขาปล่อยมือเย่หวูเฉินแล้วหัวเราะลั่น “เรื่องเป็นเช่นนี้เอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เฉินเอ๋อร์คงถูกลักพาตัวโดยคนชั่วช้า และเขาถูกช่วยไว้โดยเทพกระบี่ฉู่ชางหมิง ยังไงก็ตามเทพกระบี่มีพลังสูงส่ง การรักษาร่างกายของหวูเฉินย่อมเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขา และแหวนวงนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเทพกระบี่ได้รับเขาไว้เป็นศิษย์เพียงหนึ่งเดียว.... นี่นับว่าเปลี่ยนจากฟ้าแกล้งเป็นสวรรค์ประทานพรโดยแท้จริง ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

 

เย่หนู่ยังคงหัวเราะ เขาเป็นบุคคลร่วมยุคสมัยกับเทพกระบี่ฉู่ชางหมิง เขาจึงเข้าใจความหมายของ ‘เทพกระบี่’ และ ‘แหวนเทพกระบี่’ เป็นอย่างดี ในเมืองเทียนหลงเทพกระบี่คือ ‘พระเจ้า’ กระทั่งเหล่าราชวงศ์ยังไม่กล้ากระตุ้นยั่วโทสะของเทพกระบี่ ด้วยเพียงแหวนเทพกระบี่ พวกเขากระทั่งสามารถอาละวาดในอาณาจักรเทียนหลงได้ตามใจชอบ และย่อมไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้านพวกเขาเนื่องจากว่ามีเทพกระบี่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

 

เย่หวูเฉินยิ้ม หากแต่เขาไม่มีเหตุผลใดๆต้องเอ่ยอธิบาย

 

“เฉินเอ๋อร์ คือ.... ศิษย์เพียงคนเดียวของเทพกระบี่?” หวังเวิ่นชูไม่อาจทำใจเชื่อ นางจึงถามย้ำอีกครั้ง หากแต่ในใจนางตื่นเต้นด้วยความยินดี ‘ศิษย์เทพกระบี่’ เพียงสามคำนี้ก็เหนือล้ำกว่าองค์ชายหรือองค์หญิงใดๆ และหากในอนาคตเขากลายเป็นเทพกระบี่ได้จริงๆ สถานะของเขาในอาณาจักรเทียนหลงย่อมเหนือล้ำกว่ากระทั่งองค์จักรพรรดิ เพราะว่าองค์จักรพรรดิเป็นเพียงมนุษย์ แต่เทพกระบี่นั้นเป็น ‘พระเจ้า’ ในสายตาของผู้คน

 

เย่เว่ยเองก็ยิ้ม การกลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้งกับบุตรชายเป็นเรื่องน่าดีใจ เขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเรื่องน่าดีใจอีกสิ่งหนึ่ง บุตรชายที่หายตัวไป 1 ปีกลายเป็นศิษย์เทพกระบี่และกลับมา เขาพลันรู้สึกว่าความทุกข์ทรมานที่ได้รับมาตลอดปีช่างคุ้มค่า ที่เขาเสียใจเพียงอย่างเดียวคือหวูเฉินสูญเสียความทรงจำไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เนื่องจากเย่เว่ยไม่รู้ว่าผู้มอบแหวนให้หวูเฉินอยู่ที่ใด เขาจึงถาม “เฉินเอ๋อร์ ผู้อาวุโสเทพกระบี่เป็นผู้มอบแหวนวงนี้ให้กับเจ้าจริงหรือ? เวลานี้เขาอยู่ที่ไหน?”

 

เย่หวูเฉินพยักหน้า “ผู้อาวุโสเทพกระบี่เป็นผู้มอบแหวนวงนี้ให้กับข้าจริง แต่โชคไม่ดี ข้าพบกับเขาได้เพียงครึ่งเดือนหลังจากที่ข้าตื่นขึ้นมา สำหรับเรื่องที่อยู่ของเขา... เขาไม่ต้องการให้คนภายนอกรับรู้”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.