เจ้าด้องแด้ง : บทที่ 01

เจ้าด้องแด้ง

-A A +A

เจ้าด้องแด้ง : บทที่ 01

เจ้าด้องแด้ง

“ด้องแด้ง” คงสงสัยแล้วสิว่า คำนี้ มันคือชื่อของอะไร จะบอกให้รู้ก็แล้วกันมันเป็นชื่อของสุนัขตัวหนึ่ง ก่อนหน้านี้มันไม่ได้ชื่อ “ต้องแด้ง” แต่มันชื่อ “แดง”

สาเหตุที่ได้ชื่อมามันไม่ได้เต็มใจเลยแต่ทว่า อุบัติเหตุทำให้มันได้ชื่อนี้มา ไม่ได้จากตัวมันเองแต่เป็นฝีมือของมนุษย์

เย็นวันหนึ่งขณะที่แสงอาทิตย์ใกล้ลาลับดวงจันทร์ใกล้ขึ้นทดแทน มีสุนัขตัวหนึ่งมันกำลังคุ้ยขยะเพื่อหาอาหารกิน ไม่นานมันก็เจอ ซี่โครงไก่ชิ้นโต ด้วยความดีใจหรือความหิวของมันมันก็ดีรีบใช้ปากงับเอาซี่โครงไก่ชิ้นนั้น แล้วรีบวิ่งข้ามถนนเพื่อที่จะไปกินซี่โครงไก่ชิ้นนั้น ด้วยความดีใจพร้อมทั้งความหิวกจึงทำให้มันไม่ระมัดระวัง ขณะที่กำลังข้ามถนนนั้นเอง ก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาไม่เร็วนัก ชนกับตัวของมัน

"โคล่ม"เจ้าด้องแด้งกระเด็นไปยังกอหญ้าข้างถนน

อนิจจา ด้วยบุญเก่ายังเหลือหรือใช้กรรมยังไม่หมดการถูกรถชนครั้งนั้นทำให้มันยังมีชีวิตรอดกลับมา แต่ทว่าร่างกายของมันนั้นกลับผิดปกติเดินสะเปะสะปะเหมือนกับหมาบ้า ปากก็เบี้ยวจะเดินไปทางซ้ายกลับไปทางขวาจะเดินไปทางขวากลับไปทางซ้าย ชีวิตของมันเริ่มอนาถกว่าเก่า นี่แหละคือความเปลี่ยนแปลงชื่อของมัน

หลังจากที่เจ้าด้องแด้งโดนรถชนครั้งนั้น เวลาก็ผ่านมาเดือนกว่า ผู้คนที่มองเห็นมันก็เกิดความสงสารเลยหาข้าวปลามาให้มันกิน แต่ทว่าคนใจบุญไม่ได้มีมากนัก บางคนเห็นมันเดินก็คิดสงสาร บางคนเห็นมันเดินก็หัวเราะ เวลามันเดินมันก็เดินสะเปะสะปะเอียงซ้ายบ้างขวาบ้าง ทุกวันมันต้องอยู่กับความเจ็บปวด ทุกวันมันต้องอยู่กับความกลัว มันกลัวผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปมา ใครเข้าใกล้ก็ไม่ได้

เวลามันกลัวมันตะเกียกตะกายหนีแต่มันก็ไปไม่ได้ เหมือนกับเท้ามันจะวิ่งอยู่กับที่ ทำให้เอียงซ้ายเอียงขวา บางคนชอบมักจะตวาดให้มันตกใจเพื่อกระทำอาการดังกล่าว ชีวิตของมันนับว่ารันทดยิ่งนัก

ชีวิตที่เกิดมาในโลกนี้ ไม่มีใครพบความสุขทั้งหมดและไม่มีใครพบความทุกข์ทั้งหมด แม้กระทั่งเจ้าสุนัขตัวนี้ก็ตาม ด้วยบุญเก่ายังเหลือ วาสนายังพอมี ในที่สุดก็มีคนนำมันไปเลี้ยงดู

วันนั้นเป็นวันที่มันอ่อนแรงยิ่งนักมันไม่ได้กินอาหารมาแล้ว 3 วัน ร่างกายผ่ายผอม จะเดินก็เดินไม่ไหว มันคิดว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่มันจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ มันยอมรับกับชะตาชีวิตของมัน หนังตาเริ่มหนักมันค่อยๆหลับตาลงปลงกับชีวิตตัวเอง

ทันใดนั้นก็มีเสียงเดินสวบสาบใกล้เข้ามา มันเห็นเป็นมนุษย์สองคน กำลังเดินเข้ามาหามัน ด้วยความกลัวแต่ดั้งเดิมมันกำลังจะลุกขึ้นเพื่อที่จะวิ่งหนีแต่มันก็ลุกไม่ไหว เพราะความอ่อนล้าความหิว ที่ประดังเข้ามา ร่างกายของมันสั่นเทากลัวก็กลัว ทันใดนั้นก็มีมือมนุษย์ผู้หญิงค่อย ๆ ลูบศรีษะของมันเบาเบา แรก ๆ มันก็กลัวยิ่งนัก พอหลายครั้งเข้าจากความกลัวก็เป็นความอบอุ่น คล้ายกับความอบอุ่นของแม่

มันเคยนึกถึงตอนที่มันยังเล็ก แม่ของมันใช้ลิ้นเลียศีรษะของมัน ในตอนนั้นมันอุ่นทั้งกายอุ่นทั้งใจ

เหมือนกับตอนนี้มันเริ่มหายกลัวแล้ว ไม่นานมันก็หลับไป

คู่สามีภรรยาทั้งสองทำอาชีพขายผัก บางครั้งก็รับมาบางครั้งก็ปลูกเอง สามีมีชื่อว่า สุชาติ บรรจง มีชื่อเล่นว่า ชาติ ส่วนภรรยาชื่อว่า สุธิดา บรรจง มีชื่อเล่นว่า ดา หลังจากแต่งงานแล้วทั้งสองก็ได้ย้ายออกจากบ้านของพ่อแม่เพื่อมาตั้งตัวใหม่ ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินทางกลับบ้านก็ได้มาเจอสุนัขตัวหนึ่ง ที่นอนหมดแรงใกล้ ๆ กองขยะ ทั้งสองเกิดความสงสารเลยอยากจะรับมันไปเลี้ยงดู

“ นี่พี่น่าสงสารหมาตัวนี้นะ ร่างกายก็ผอมแห้ง ไม่รู้เป็นหมาของใคร ทำไมคนเลี้ยงไม่ใส่ใจมันเลย” หญิงสาวผู้เป็นภรรยาที่ใช้มือลูบหัวของสุนัขตัวนั้น ได้กล่าวขึ้นกับผู้เป็นสามีที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ พี่ว่าก็น่าสงสารเหมือนกัน ตามความคิดของพี่มันน่าจะเป็นหมาจรจัดนะ พี่ว่าเอามันไปเลี้ยงไว้เถอะ หากปล่อยไว้ตรงนี้น่าจะตายเปล่า” เขาพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังสุนัขตัวนั้นด้วยความสงสาร

เมื่อสองสามีภรรยาได้ถามชาวบ้านแถวนั้นว่าสุนัขตัวนี้เป็นของใคร กลับได้รับคำตอบว่ามันเป็นหมาจรจัดแถมยังพิการอีกด้วย ถ้าหากเขาเอาไปเลี้ยงก็จะเป็นบุญยิ่งนัก เพราะว่าที่นี่ไม่มีใครสนใจมันมีแต่คนหัวเราะเวลามันเดินกับเวลามันกินอาหาร

เมื่อคู่ภรรยาสามีได้ยินดังนั้นก็เลยนำมันไปเลี้ยงพาไปที่บ้าน ของพวกเขา พอถึงตอนเย็นเจ้าสุนัขตัวนั้นมันก็ฟื้นตื่นมา พวกเขาทั้งสองเลยหาอาหารมาให้มันกิน เวลามันกินมันก็ต้องเอียงคอ เพราะปากของมันเบี้ยวผิดรูป เวลาเดินก็เอียงซ้ายเอียงขวา พวกเขาทั้งสองจะขำก็ขำไม่ออก ยิ่งชาวบ้านเล่าให้ฟังเรื่องของมันยิ่งสงสารยิ่งนัก

“ นี่พี่ น้องว่าลองพามันไปโรงพยาบาลไปรักษาดีหรือเปล่า น่าสงสารมันจริงๆเวลามันเดินเวลามันกินข้าว” เธอขอความคิดเห็นผู้เป็นสามีพร้อมทั้งมองไปยังสุนัขตัวนั้น ด้วยความสงสาร

“ พี่ว่าก็ดีนะ เผื่อว่ามันจะเป็นบุญกุศลให้เราอยู่ด้วยกันไปนานๆ” เขาตอบกลับผู้เป็นภรรยาพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้

หลังจากที่พวกเขาได้ปรึกษากัน พวกเขาก็ได้พาสุนัขไปหาสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษา แต่ทว่าการรักษาไม่เป็นผล จากผลกระทบที่ส่วนรถชนทำให้สมองของมันเกิดการกระทบกระเทือน ทำให้สมองทำงานผิดปกติ ทำงานผิดด้าน มันคงจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปจนตาย

หลังจากที่คู่สามีภรรยาพาสุนัขไปหาสัตวแพทย์เวลาก็ผ่านมาแล้ว 1 ปี ในช่วงระยะ 1 ปีที่ผ่านมา เจ้าสุนัขได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากคู่สามีภรรยา มันได้อยู่ดีกินดี เวลากินอะไรมันมักจะเห็น มนุษย์สองคนที่เลี้ยงดูมัน หันมองมันแล้วยิ้ม มันรู้สึกว่าทั้งสองกำลังมีความสุขเวลาเห็นมันเดินและกินอาหาร มันก็เลยทำท่าทางต่างๆ ที่ทำให้ทั้งสองยิ้มขึ้นมา มันมีความสุขทุกครั้งเมื่อเห็นทั้งสองยิ้ม

แต่ทว่าความสุขของมันนั้นก็ไม่ได้ยืนยาว เมื่อครอบครัวของมนุษย์ 2 คน มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาเป็นมนุษย์ตัวเล็ก เวลาที่มนุษย์ 2 คนจะหันมาสนใจมันก็เริ่มน้อยลง อาหารที่มันกินก็ไม่เหมือนเดิม จาก 2 ครั้งต่อวันเหลือเพียงครั้งเดียว แต่มันก็ไม่ได้น้อยใจอะไร เพราะมันยังมีความสุขอยู่เหมือนเดิม ชีวิตของมันยังดีกว่าก่อนที่มันจะมาอยู่กับครอบครัวนี้ มันเห็นมนุษย์ทั้ง 2 เอาใจใส่เด็กมนุษย์ตัวเล็กๆ มันคิดว่าเด็กมนุษย์คนนั้นน่าจะสำคัญมาก

มันพยายามมองและทำความเข้าใจ มันพยายามส่งเสียงถามแต่ทว่ามนุษย์ทั้งสองก็ไม่เข้าใจ มันได้แต่เอียงคอสงสัย

“ นี่พี่ ดูเจ้าด้องแด้งสิ เวลาน้องกับพี่เล่นกับลูก เจ้าหมาตัวนี้มันเห่าพร้อมกับเอียงคอ ดูเหมือนว่ามันจะสงสัยว่าเรากำลังทำอะไร” เธอเสนอความคิดเห็นพร้อมทั้งมองไปยังเจ้าสุนัข

“ พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ มันคงจะสงสัย ถึงไม่ทำท่าคอเอียงอย่างนั้น ดูดูแล้วก็น่าหัวเราะนะ เวลาหมาสงสัย ฮึฮึ.” เขาตอบผู้เป็นภรรยาพร้อมทั้งหัวเราะในลำคอ

“นี่เจ้าด้องแด้ง นี่คือเจ้านายตัวน้อยของแก อย่าได้ทำร้ายเจ้านายตัวน้อยของแกนะ” ผู้เป็นสามีพูดขึ้นพร้อมทั้งอุ้มลูกชายแล้วหันไปมองเจ้าสุนัข เมื่อเขาพูดเสร็จก็ได้ยินเสียงเห่าจากเจ้าสุนัข

“โฮ่ง ๆ“ เหมือนกับว่ามันจะตอบรับเสียงของเจ้านายของมัน

ยิ่งนานใปสายใยความผูกพันเริ่มแน่นขึ้นทุกวัน มันเล่นกับเจ้านายตัวน้อยของมันทำท่าทางต่างๆ ที่เจ้านายตัวน้อยเห็นแล้วหัวเราะ ทุกเช้ามันจะวิ่งไปกับเจ้านายผู้หญิง มันเห็นเจ้านายผู้หญิงซื้อของที่ตลาดทุกเช้า เวลาที่ผ่านมามันปรับตัวเข้ากับสภาพร่างกายของมัน ถึงมันจะเดินขะโหยกขะเหยก มันก็เดินตามเจ้านายของมันทัน มันไม่กล้าเดินห่างเจ้านายของมัน

มันกลัวผู้คน แต่ไม่ใช่เจ้านายของมัน มันกลัวรถที่วิ่ง เพราะมันมีความทรงจำ มันฝังใจกับรถที่ชนมัน ถึงแม้นายผู้หญิงและนายผู้ชายจะดูแลมันน้อยลง มันก็ยังรักและเทิดทูนเจ้านายของมัน เพราะพวกเขาให้ชีวิตใหม่กับมัน

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.