รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่7 มองหน้าหาเรื่อง

รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ

-A A +A

รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่7 มองหน้าหาเรื่อง

รับคำท้าฯ

 

ตอนที่ 7   

 

            “มองไร!” ปริมารำคาญ รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตลอดเวลา เมื่อเงยหน้าขึ้นจากการทำแผลก็พบสายตาของหนุ่มหน้าหวานกำลังมองเธออยู่ มีรอยยิ้มบาง ๆ ระบายอยู่บนใบหน้านั้น

 

            ‘มองหน้าหาเรื่องเหรอ? จะมองอะไรกันนักหนา!’ เธอหงุดหงิดที่รู้สึกว่า กำลังตกเป็นเป้าสายตาของฝ่ายตรงข้าม

 

            ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย! แล้วทำหน้าประหลาดใจสุด ๆ

 

            “ทำไม? มองไม่ได้เหรอ” คนป่วยไม่ปฏิเสธว่ากำลังมองเธออยู่และยังไม่ยอมละสายตาไปจากดวงหน้าของหญิงสาว แถมยังกวนโมโหให้น่าโดนตื้บอีกต่างหาก อย่างเขาจะไปทำอะไรเธอได้นอกจากป่วนประสาทคนตรงหน้าเท่านั้น แค่เห็นอีกฝ่ายอารมณ์เสีย นั่นหมายถึงการประสบความสำเร็จแล้ว

 

            “ต้องมองสิ ไม่มองจะรู้ได้ไง ว่าเธอจะแกล้งฉันอีกหรือเปล่า?”

 

            ‘นายคิดว่า ฉันไม่กล้าทำอะไรนายซึ่งหน้ารึไง?’ เธอบอกเขาด้วยสายตา หมอนี่จะสงบปากสงบคำบ้างเป็นมั้ย?

 

            “ถ้านายมอง ฉันจะกดแผลนายเดี๋ยวนี้เลย หันไป!” ว่าแล้วก็เอาสำลีทิ่มแผลใหญ่ของคนไข้อย่างแรง

 

            “โอ๊ย!” คนเจ็บรีบหันหน้าไปทางอื่น ทำไมต้องพูดจริงทำจริงขนาดนี้ แต่ซักพักใหญ่ก็อดที่จะเหล่ตาแอบมองเธอไม่ได้

 

            “ยัง.... ยัง....อยากโดนอีกใช่มั้ย?” น้ำเสียงนั้นทำให้อีกฝ่ายรีบหันหน้ากลับทันที 

 

            “นี่...เอาแขนลงได้รึยัง เมื่อยแล้ว” คนไข้เริ่มบ่นเบา ๆ

 

            “ยัง...ยกสูงขึ้นอีกนิดหนึ่ง พ่อสุดหล่อ...แป๊บหนึ่งนะ” พยาบาลจำเป็นอมยิ้มเมื่อเขายอมทำตามอย่างว่าง่าย จริง ๆ แล้วเธอทำแผลให้เสร็จแล้ว แต่แกล้งให้เขายกแขนค้างอยู่อย่างนั้นก่อนจะรีบย่องออกจากห้องไป

 

            “ทำอะไรอยู่เนี่ย.... ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”

 

            หนุ่มผมยาวยกแขนค้างอยู่อย่างนั้นนานแล้วจนเมื่อย ไม่รู้สึกว่าเธอทำอะไรกับแผลของเขาอีกเลย มันเงียบผิดปกติ จึงหันไปดู ปรากฏว่าสิ่งที่เจอคือความว่างเปล่า พยาบาลจำเป็นหายตัวไปแล้วให้มันได้อย่างนี้สิ!

 

            ยัยตัวแสบเอ๊ย!!! เขาโดนเธอแกล้งอีกจนได้ ‘เจ็บใจจริง ๆ’

 

                ***************

 

            ปรามหัวเราะขำเพื่อนซี้ เมื่อน้องสาวเล่าปฏิบัติการลูกอมให้ฟัง พลางยกมือโครงหัวน้องเบา ๆ อย่างเอ็นดู 

 

            “แสบจริง ๆ เลยทำให้ไอ้การกินฟ้าทะลายโจรได้” เขานึกไม่ถึงเลยว่าน้องสาวของเขาจะใช้แผนนี้หลอกเพื่อนตัวดีได้ผล

 

            ปริมาเทน้ำสีอำพันใส่แก้วใส เติมน้ำแข็งลงไปสี่ห้าก้อนแล้วยื่นให้พี่ชาย

 

            “พี่ปราม ทานน้ำเก๊กฮวยค่ะ” 

 

            เจ้าของบ้านไร่ทะเลฝันรับแก้วมาแล้วยกขึ้นดื่ม รู้สึกสดชื่นหายร้อนขึ้นมาทันที

 

            “ไอ้การไข้ลดหรือยังล่ะ” 

 

            คนถูกถามหยุดคิดเล็กน้อย เมื่อเช้าตอนเขาจับมือเธอไว้ มือนั้นยังร้อนมากอยู่เลย

 

            “น่าจะยังค่ะ” พยาบาลจำเป็นพูดเสียงเนือยๆ อดเซ็งไม่ได้เมื่อไหร่เขาจะหายซักทีเธอเบื่อที่จะต้องดูแลหมอนั่นแล้ว จะทำอะไรก็ไม่ได้ มัวแต่ต้องคอยดูแลคนป่วยอยู่นี่แหละ

 

            “พี่ปรามเอาน้ำเก๊กฮวยกับข้าวต้มมื้อเที่ยงไปให้เขาด้วยนะคะ” เธอเทน้ำเก๊กฮวยอุ่น ๆ ใส่กระบอกเก็บความร้อนลายกาตูนสีเขียวอ่อน เวลาเป็นไข้กินฟ้าทะลายโจรแล้วไข้ยังไม่ลดเธอจะต้มน้ำเก๊กฮวยใส่น้ำตาลเล็กน้อยเพื่อให้ทานง่ายขึ้น ดื่มน้ำเก๊กฮวยตอนกำลังอุ่น ๆ บ่อย ๆ แป๊บเดียวไข้ลดลงเลย เคยแนะนำวิธีนี้ให้หลายคนลองไปทำ ดื่มเวลามีไข้ได้ผลดีมาก โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ที่ไม่ชอบทานยาแถมยังอร่อยอีกด้วย เธออยากจะลองกินเฉาก๊วยตอนเป็นไข้ดูเหมือนกันว่าไข้จะลดลงหรือเปล่า? มันคงจะอร่อยน่าดูเลย

 

            “ได้สิ เดี๋ยวพี่เอาไปให้เอง” ปรามเห็นสีหน้าน้องสาวดูไม่ค่อยสดใสคงจะเบื่อเพื่อนจอมกวนของเขาไม่น้อยเลย

 

            “ขอบใจปริมมากนะ ที่ช่วยดูแลไอ้การ” 

 

            “เมื่อไหร่เขาจะหายซักทีคะ” เธออดบ่นกับพี่ชายไม่ได้

 

            “เดี๋ยวกินน้ำเก๊กฮวยหมดกระบอกนี้ก็หายแล้วล่ะ” เขาปลอบคนทำหน้าเซ็ง

 

            ปริมาพยักหน้ารับ ก่อนเดินไปยกชามข้าวต้มสำหรับคนป่วยมื้อเที่ยงมาใส่ถาดให้เรียบร้อย

 

            “ปริมจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวพี่ดูไอ้การต่อเอง”

 

            หญิงสาวจึงยิ้มออกมาได้ อยากได้ยินประโยคนี้มาตั้งนานแล้ว

 

                ******************

 

 

 

            แสงแดดอ่อนของยามเย็นหายลับไปทางทิศตะวันตกของตัวบ้าน ได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งแว่วมามาตามสายลม พร้อมกับกลิ่นคาวจากทะเล แดดร่มลมตกตรงชานหน้าบ้านจึงเป็นที่นั่งเล่นพักผ่อนสุดโปรดของน้องสาวเจ้าของบ้านไร่ทะเลฝัน ลมพัดเอื่อยล้อผมตรงดำสนิทของปริมาที่รวบไว้ด้านหลังอย่างลวก ๆ ปอยผมละไปตามแก้มใสของหญิงสาวแผ่วเบาแผ่นหลังเอนตัวพิงกับเสาปูนของม้านั่งหินขัดอย่างสบายอารมณ์ สาวน้อยนั่งชันเข่าเล่นโทรศัพท์มือถือในมือ ปากกาในมืออีกข้างหนึ่งแตะอยู่ที่ปลายคางอย่างกำลังใช้ความคิด ดวงตากลมจ้องมองรายละเอียดภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ เสิร์จหาประโยชน์ของสินค้าที่กำลังลงบนเว็บไซต์ เมื่อหาเจอแล้วก็กดคัดรอกข้อมูลวางบนหน้าจอในช่องรายละเอียดสินค้าแล้วกดเลือกรูปสินค้าที่เธอถ่ายไว้แล้วลงในกล่องใส่รูปสินค้าก่อนจะกดปุ่มบันทึก ลงสินค้าเสร็จไปอีกหนึ่งรายการ

 

            หญิงสาววางมือถือพิงไว้กับเข่าที่ชันไว้พลางเอื้อมมือหยิบสตรอว์เบอร์รีแช่เย็นในชามที่วางอยู่บนม้านั่งตัวเตี้ยใกล้ ๆ แม้ว่าสตรอว์เบอร์รีไร้สารพิษสีสันอาจจะไม่สวยนักออกจะกระดำกระด่างเพราะเธอซื้อแบบมีตำหนิ เนื่องจากราคาถูกหน่อยแต่รสชาตินั้นกินขาด เปรี้ยวอมหวานจี๊ดจ๊าดโดนใจเธอจริงๆ ยิ่งแช่เย็นยิ่งอร่อยชื่นใจ หญิงสาวเลื่อนหน้าจอกดดูเฟซบุ๊กแล้วหยุดที่โฆษณารับส่งสินค้า เดี๋ยวนี้มีขนส่งมากมายให้เลือกใช้บริการแถมยังเข้ามารับถึงหน้าบ้านฟรีอีกด้วย เธอกดส่งข้อความไปถามรายละเอียดราคาขนส่ง มีกี่รายถามหมดทุกรายเพื่อเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขการบริการ เธอกดคลิปบอร์ดข้อความซึ่งจะบันทึกข้อความซ้ำ ๆ ที่ใช้บ่อยเอาไว้ เช่น อยู่ไหนคะ ราคาเท่าไหร่คะขอรายละเอียดด้วยค่ะ สามารถเลือกกดส่งได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์เอง 

 

            มือข้างหนึ่งยื่นไปหยิบสตรอว์เบอร์รีในชามแต่ทว่ากลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่สตรอว์เบอร์รีซะแล้ว ปริมารีบหันไปดู มือเล็ก ๆ ของเธอวางอยู่บนฝ่ามือขาวของหนุ่มจอมกวนและในมือของเขามีสตรอว์เบอร์รีลูกสุดท้ายอยู่

 

            “กินด้วยสิ!” เขายืนเอียงคอมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนม้านั่งหินขัด มุมปากของชายหนุ่มโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ                

 

            หญิงสาวรีบชักมือกลับทันที สายตามองไปยังสตรอว์เบอร์รีในชามที่ไม่เหลือแล้ว 

 

            ‘อะไรเนี่ย!’ เขากล้าดียังไงมาขโมยสตรอว์เบอร์รี่ของเธอ

 

            “ใครอนุญาตให้นายกินสตรอว์เบอร์รี!” เธอจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง

 

            “ต้องขออนุญาตอีกแล้วเหรอ?” เขาทำหน้าสงสัยเต็มประดา กวนโมโหฝ่ายตรงข้าม ริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอเวลานี้มีสีแดงระเรื่อจากการทานสตรอว์เบอร์รีทำให้สวยน่ารักมากขึ้น

 

            “โธ่! เหลือแค่ลูกเดียวเอง หวงไปได้” ก่อนจะเอาสตรอว์เบอร์รีในมือเข้าปาก รสชาติจี๊ดถูกใจเขาจริง ๆ สตรอว์เบอร์รีถือเป็นผลไม้สุดโปรดของเขาเลย

 

            “หืม...อร่อยมากเลย มีอีกมั้ย?” เขารู้สึกว่าไม่เคยกินสตรอว์เบอร์รีที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อนเลย

 

            พยาบาลจำเป็นไม่ตอบคำถามนั้น แม้ว่าจะยังมีเหลืออยู่ในตู้เย็นก็ตาม หญิงสาวรู้สึกหมั่นไส้เขาสุดขีด ‘เมื่อไหร่เขาจะกลับบ้านไปซะทีเนี่ย! กวนประสาทได้ตลอดเวลา’ ปริมาพยายามหายใจเข้าลึก ๆ ออกยาว ๆ เพื่อผ่อนคลายความหงุดหงิด

 

            ‘เอาน่ะ! เดินลงมาได้ขนาดนี้คงดีขึ้นแล้ว’ เธอได้แต่พยายามปลอบใจตัวเอง

 

            “ดีขึ้นแล้วเหรอ” ปริมามองหน้าคนป่วยที่ตอนนี้ดูมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง ไม่ซีดเซียวเหมือนตอนเช้า

 

            ชายหนุ่มยกชามสตรอว์เบอร์รีออกแล้วนั่งลงที่ม้านั่งตัวนั้น ยื่นมือไปตรงหน้าคนถาม

 

            “จับดูดิ”

 

            ‘เหอะ! ไม่มีมุกอื่นหรือไง ไม่มีทาง! ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น!’ หญิงสาวคิดแล้วละสายตาจากใบหน้าของชายหนุ่มมองที่มือถือแทน เธอก้มหน้าก้มตาลงสินค้ารายการต่อไป แต่รู้สึกไม่มีสมาธิเอาซะเลย เมื่อมีเขามานั่งมองอยู่ข้าง ๆ แบบนี้

 

            “ทำอะไรอยู่เหรอ” หนุ่มหน้ามนโน้มตัวเข้าไปใกล้เพื่อดูมือถือที่อยู่ในมือของหญิงสาว

 

            “ดีขึ้นแล้ว ก็กลับบ้านได้แล้วสิ?” เธอขยับตัวหนีเมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้

 

            หนุ่มหน้าหวานถอนหายใจเบา ๆ รอยยิ้มจางหายไปจากสีหน้านั้น

 

            “เธอรู้มั้ย...กลับบ้านไป ก็ต้องอยู่กับคนแปลกหน้ามันรู้สึกยังไง พ่อฉันเพิ่งแต่งงานใหม่ ใครก็ไม่รู้ที่จะมาอยู่ในบ้านเดียวกัน ในตำแหน่งแม่ของฉัน” เขารู้สึกยังทำใจให้ยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้เลย

 

            น้องสาวเจ้าของบ้านมองหน้าหนุ่มจอมกวนที่เวลานี้ดูหม่นหมองลง

 

            “ทำไม...นายไม่เลือกอยู่กับแม่ล่ะ” เธอรู้สึกว่าหนุ่มหน้าหวานต้องรักแม่มาก หลังจากได้ฟังเขาร้องเพลงประกวดคืนนั้น

 

            “แม่ไป ยังไม่มาลาฉันซักคำเลย” น้ำเสียงนั้นแฝงความน้อยใจไม่รู้เลยทำไมแม่ถึงจากไปโดยไม่ร่ำลา ทำไมแม่ถึงทิ้งเขาไปแบบนี้ ตั้งแต่แม่เลิกกับพ่อเป็นเวลานานกว่าเจ็ดปีแม่ไม่เคยมาหา ไม่เข้าใจ! ทำไม! แม่ถึงไม่ติดต่อมา ทำไม! ไม่มาเยี่ยม เพราะอะไร! ไม่ว่าเหตุผลของแม่คืออะไร สิ่งที่เขารู้สึกมั่นใจมาตลอดคือ แม่รักเขามากและยังรักเขาเสมอ แม่อาจคิดว่า สิ่งที่แม่ทำเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว แต่มันอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาต้องการ

 

            เขาไม่รู้เลยว่าพ่อกับแม่เลิกกันเพราะอะไรทั้ง ๆ ที่พ่อรักแม่มาก ดูแลแม่อย่างดีและไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเลย พ่อไม่เคยยอมบอกเหตุผล นอกจากบอกว่า มันจบแล้ว ซึ่งเขาไม่เคยเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อกับแม่ ในใจยังหวังอยู่ลึก ๆ ซักวันพ่อกับแม่จะกลับมาคืนดีกันและอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ความฝันของเขาก็พังทลายลงเมื่อพ่อบอกว่าจะแต่งงานใหม่ ทั้ง ๆ ที่พ่ออยู่คนเดียวมานานถึงเจ็ดปีโดยยังไม่ยอมแต่งงานใหม่ เหมือนกำลังรอแม่ของเขาจะกลับมาอีกครั้ง   

 

            “พ่อเธอยังดีนะ ยังจำวันเกิดของเธอได้ยังโทรมาหาด้วย” เขารู้ว่าครอบครัวของเธอ พ่อแม่ก็เลิกกันเหมือนกับเขา แต่เธอกลับเลือกไม่พูดกับพ่อ ผิดกับเขา แม้ว่าจะอยากพูดกับแม่แค่ไหนก็ไม่รู้จะติดต่อกันได้อย่างไร

 

            “ผู้ชายที่ทำให้แม่ของฉันเสียใจเขาไม่ใช่พ่อของฉันแล้ว” ภาพแม่แอบร้องไห้เวลาอยู่คนเดียวยังจำได้ติดตา รู้สึกเจ็บปวดหัวใจทุกครั้งที่ได้เห็น แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งไม่เคยขออะไรจากพ่อเลย และขอเป็นฝ่ายหลีกทางให้แต่โดยดี ไม่เคยแม้แต่จะต่อว่าพ่อให้ฟังแม้แต่น้อย แม่ยังยิ้มและทำทุกอย่างเหมือนปกติเวลาอยู่ต่อหน้าเธอและพี่ชาย 

 

            น้ำเสียงแข็งห้วนของหญิงสาว ทำให้เขารู้ทันทีว่า เธอโกรธพ่อของเธอมาก

 

            “ขอบใจ สำหรับน้ำเก๊กฮวย ฉันกินหมดแล้วนะ” เขารู้สึกว่าทำให้เธอเริ่มเครียดแล้ว จึงพยายามเปลี่ยนเรื่อง

 

            “แล้วรู้ได้ไงว่า น้ำเก๊กฮวยลดไข้ได้ล่ะ” ปรามบอกว่า เธอทำน้ำเก๊กฮวยมาให้ และให้ค่อย ๆ ดื่มให้หมด เขาชอบทานน้ำเก๊กฮวยอยู่แล้ว ทานแล้วนอนพักไม่นานไข้ก็ลดลงเลย เหงื่อเริ่มออกแสดงว่า ใกล้หายแล้ว

 

            “อืม...แม่ต้มให้กิน แม่ฉันเป็นคนสนใจเรื่องสมุนไพร เขาไม่อยากให้กินยาฝรั่งบอกว่า มันมีสารเคมี จะทำให้ไตเสีย เวลาป่วยเขาจะให้กินแต่ยาสมุนไพรหรือพยายามหาอาหารที่เป็นยามาให้ทาน”

 

            “ดีจัง...กินอาหารเป็นยา ตอนนี้...เริ่มหิวแล้ว” เขาเอามือตบท้องเบา ๆ

 

            “นี่...มีสตรอว์เบอร์รีอีกไหม หมดแล้วเหรอ...อยากกินอีก” 

 

            “นายหยุดถ่ายรึยัง?” เธอรู้สึกว่าเขาท้องเสียอยู่อาจไม่เหมาะกับการทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

 

            “เอ่อ.... ยังถ่ายอยู่นิดหน่อย แต่ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” เขาตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง กลัวว่าเธอจะไม่ยอมให้เขากินอะไร หากยังท้องไม่ดีอยู่

 

            “ได้ แต่....”

 

            ‘แต่อะไร? ต้องมีแต่ด้วยเหรอ?’ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

 

            “นายต้องกินขมิ้นชันก่อน มันช่วยได้นะถ้าฉันท้องเสียก็กินขมิ้นชันหรือไม่ก็ดื่มชาจีน แค่นี้ก็หยุดถ่ายแล้วล่ะ”

 

            ‘อะไร? ต้องกินยาอีกแล้วเหรอ?’ คนป่วยรู้สึกกลุ้มขึ้นมาตะหงิด ๆ

 

            “ไม่งั้น...นายก็กินกล้วยแล้วกันเพราะเด็กทารก เขายังให้กินข้าวกับกล้วยเลย”

 

            ‘หะ! เขาไม่ใช่เด็กทารกนะ! ไม่ให้กินก็บอกมาตรง ๆ เถอะ!’

 

            “แล้ว...ขม รึเปล่าล่ะ”

 

            ปริมาอมยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อนึกถึงใบหน้าตอนเขากินฟ้าทะลายโจรยังอดขำไม่ได้ ยิ่งมองหน้าเขายิ่งขำหนักมาก

 

            ปฏิการมองน้องสาวเพื่อนกำลังหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลังไปแล้ว

 

            ‘เอาเข้าไป! หัวเราะซะให้พอ’ เขาได้แต่มองเธอหัวเราะอยู่เป็นนานพาลรู้สึกขำไปด้วย เวลาเธอยิ้มหรือหัวเราะดูน่ารักมาก

 

            “ไม่หรอก... ไม่...ขมเลย” เธอพยายามหยุดหัวเราะแล้วตอบเขา แต่ก็ยังรู้สึกขำอยู่ดี เมื่อมองหน้าชายหนุ่ม

 

            “หยุดหัวเราะได้แล้ว! หยุด! หยุดเลย!” มองหญิงสาวก้มตัวหัวเราะจนตัวงอ เอามือจับท้องตัวเองแน่น ไม่นานก็ลุกขึ้นจากม้านั่งหินขัดแล้วเดินหนีเขา

 

            ‘เธอบ้าไปแล้ว!ดู! ยังหัวเราะไม่ยอมหยุด’ เขารู้สึกขำเธอหัวเราะแทน กว่าเธอจะหยุดหัวเราะได้เล่นเอาหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว

 

            “ตกลงจะกินมั้ย?” 

 

            คนไข้ยิ้มแหย ๆ ก่อนตอบว่า  

 

            “กินก็ได้” 

 

            “งั้นก็ตามมา บอกก่อนว่าฉันไม่ได้บังคับนายนะ นายกินก็เพื่อตัวนายเอง นายไม่กินนายก็ทนต่อไป ก็แค่นั้นแหละ” น้องสาวเจ้าของบ้านหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน

 

            เขาเดินตามพยาบาลจำเป็นไปที่ตู้ยาประจำบ้านซึ่งอยู่ในห้องครัว 

 

            “ยาสมุนไพรประจำบ้านที่ต้องมีเลยนะเป็นไข้กินฟ้าทะลายโจร ปวดท้องท้องเสียกินขมิ้นชัน ถ้าไปกินสารพิษมาก็กินรางจืด” พยาบาลจำเป็นอธิบายขวดยาสมุนไพรที่อยู่ในตู้ยา เมื่อเห็นเขามองอย่างสนใจ

 

            “ถ้าโดนแมลงสัตว์กัดต่อย ก็นี่เลยน้ำมันเขียวขี้ผึ้งฤทธิ์เย็น” เธอชี้ที่ขวดแก้วขี้ผึ้งสีเขียวอ่อน

 

            “ของไทยเราเอง ใช้ได้ผลเหมือนยาฝรั่ง แต่ดีกว่าตรงที่ไม่ได้สกัดด้วยสารเคมีไม่มีสารเคมีผสม” ปริมาหยิบขวดขมิ้นชันออกมาจากตู้

 

            หนุ่มหน้ามนเดินไปหยิบแก้วน้ำแล้วเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเย็นออกมา

 

            “นี่! ไม่สบายอยู่เขาห้ามกินน้ำเย็น ไม่รู้เหรอ เขาให้กินน้ำธรรมดาหรือน้ำร้อนยิ่งดีเลย” หญิงสาวรีบส่งเสียงห้ามคนป่วย

 

            คนถูกห้ามทำหน้างง ห้ามอีกแล้ว สายตามองเธอดึงขวดน้ำเย็นออกจากมือของเขาแล้วรินน้ำธรรมดาใส่แก้วให้แทน

 

            “เขาบอกว่า ร่างกายคนเราจะมีอุณหภูมิ 37 องศาถ้ากินน้ำเย็น ร่างกายจะต้องทำงานเพิ่มอุณหภูมิให้กลับมาที่ 37 องศาอย่างเดิม มีงานวิจัยว่า เม็ดเลือดขาวจะกินเชื้อโรคได้ดีมาก เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น”

 

            หนุ่มผมยาวพยักหน้ารับ “อ๋อ...มิน่าล่ะ เวลาไม่สบาย เราถึงมีไข้ ร่างกายต้องการให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดี”

 

            “ฉะนั้น ตอนนี้นายป่วยอยู่ ไม่ควรกินน้ำเย็น เข้าใจนะ และควรกินน้ำร้อนบ่อย ๆ เพื่อให้เม็ดเลือดขาวกินเชื้อโรคได้ดีขึ้น” เธอพูดพลางหมุนฝาขวดขมิ้นชันในมือให้เปิดออก

 

            "ไม่ขมแน่นะ?" เขารู้สึกไม่มั่นใจ พลางมองหน้าเธอคงไม่แกล้งเขาอีกใช่ไหม เขายังเข็ดกับฟ้าทะลายโจรไม่หาย

 

            หญิงสาวยื่นขวดขมิ้นชันมาตรงหน้าเขา"ดมดูดิ"

 

            คนไข้ค่อยๆ ก้มหน้ามาดมกลิ่นที่ปากขวดขมิ้นชัน กลิ่นเหมือนสมุนไพรแต่ไม่รู้ว่ามันจะขมหรือเปล่า?

 

            "กินแล้วจะได้กินสตรอว์เบอร์รีแน่นะห้ามเบี้ยวล่ะ"

 

            เธอพยักหน้า มองหน้าเพื่อนพี่ชายเวลานี้เหมือนเด็กน้อยขี้อ้อน ทำหน้าตาน่าสงสาร

 

            “ช่วยป้อนหน่อยดิ! มือสกปรก”

 

            ตลกแล้ว!

 

            ความรู้สึกสงสารอันตรธานหายไปทันที ปริมาหัวร้อนขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ มองหน้าหนุ่มจอมกวนด้วยดวงตาเขียวปั้ด ก่อนหน้านี้ยังหยิบสตรอว์เบอร์รีกินได้เองหน้าตาเฉย ตอนนี้ทำเป็นเรื่องมากอยากจะสะอาดขึ้นมา!

 

            ‘เดี๋ยวเหอะ!! มันน่าตื้บจริง ๆ’

 

 

 

               **********************  

 

               สวัสดีค่า... เลิกงานกันหรือยังคะ   ตอนที่แล้วมีคนคอมเม้นท์ให้  ตรวจคำผิดให้ด้วยน่ารักมากเลยค่ะ   กำลังใจมา  ลงตอนใหม่ให้เลยค่า...

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ tor

เฟสบุส = เฟซบุ๊กครับ

รูปภาพของ Risait444

ขอบคุณมากๆ เลยค่า ที่แวะมาอ่าน แถมตรวจคำผิดให้ด้วย ^^

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.