แผ่นดินนี้ข้าจอง ตอนที่ 14 การจัดอันดับหนึ่งในใต้หล้า

แผ่นดินนี้ข้าจอง (这是我的土地)

-A A +A

แผ่นดินนี้ข้าจอง ตอนที่ 14 การจัดอันดับหนึ่งในใต้หล้า

ย้อนกลับไปหลังจากที่รถม้าขององค์หญิงแล่นผ่านหน้า ชูยงกับลู่ลี่ได้ไม่นาน พวกเราก็ได้ลาดตระเวนต่อระหว่างที่ทั้งสองกำลังลาดตระเวนอยู่นั้นลู่ลี่ก็ได้เปิดการสนทนาขึ้น

"ชูยงนายคิดว่าอีกกี่ปีพวกเราจะได้ออกไปเห็นโลกกว้างกับเขาบ้างล่ะ" ชูยังไม่แปลกใจกับคำถามนั้นเองเพราะชาวแคว้นถังทุกคนต่างก็มีคำถามในใจกันทุกคน

"นั่นสินะครับ" ชูยงตอบด้วยท่าทีที่ลำบากใจ ลู่ลี่เองก็เข้าใจอยู่แล้วว่าชูยงเองก็ตอบไม่ได้

"โทษทีนะชั้นรู้ว่ามันเป็นคำถามที่ชวนให้ลำบากใจพอสมควร" ลู่ลี่กล่าวขึ้นด้วยไม่หน้าที่ดูหม่นหมองเช่นเดียวเเต่วินาทีนั่นเองเขาก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรได้ แล้วหันหาชูยง ชูยงสูงเพียงแค่หัวไหล่ของลู่ลี่เท่านั้นเขาจึงต้องก้มลงมองที่ชูยง ชูยวที่ไม่ชอบมองหน้าใครตรงๆก็ได้เเต่มองทางข้างหน้า

 

"ชูยง ถ้าแคว้นถังได้รับการปลดปล่อยเมื่อไรนายจะทำอะไรหรอ" ชูยงที่ยินดังนั้นก็แปลกใจนิดหน่อยเพราะความฝันของเขาก็คล้ายกับทุกคนในแคว้นถังคืออยากจะออกไปชมโลกภายนอก แต่ถ้าถามว่าออกไปแล้วจะทำอะไร แต่ชูยงเองก็มีคำตอบในใจแล้ว

 

"นั่นสินะครับ ผมคงจะไปท่องเที่ยวตามแคว้นๆ โดยเฉพาะแคว้นทางตะวันตกผมเคยอ่านเจอในหนังสือบอกว่ามีภูเขาที่สูงมากเลยที่เขาเรียกกันหิมาลัยผมอยากไปเห็นสักครั้ง" ลู่ลี่แปลกใจมากเพราะเขานั้นไม่รู้จักภูเขาหิมาลัยมาก่อนเขาคิดในใจว่าเขาคงอ่านหนังสือคนละเล่มกับชูยง อันที่จริงตำราของแคว้นถังที่เกี่ยวกับโลกภายนอกมีอยู่มากก็จริงแต่ว่าวันเวลาผ่านไปคนในยุคปัจจุบัน ก็เริ่มสงสัยว่าในตำราที่บันทึกไว้นั้นอันไหนเป็นเรื่องจริงและอันไหนที่เป็นเรื่องแต่งบ้าง

 

"แล้วรุ่นพี่ล่ะจะทำอะไรหรอหลังจากแคว้นเปิดแล้ว"

 

ลู่ลี่เองก็คิดในใจกับคำถามนี้แล้วเพราะเขาก็รู้ว่าชูยงจะต้องถามกลับมา

 

“ชั้นมีความฝันที่เด็กอย่างนายฟังอาจจะบ้าบอไว้นายอายุเท่าชั้นเดี๋ยวก็เข้าใจเองนั่นเเหละ”

 

ชูยงที่ได้ยินดังนั้นเลยหันไปมองหน้่าลู่ลี่นิดหนึงกลับพบว่าใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

 

“สิ่งนั้นคือชั้นอยากจะแต่งงานกับสาวงามแห่งแคว้นเฉิน” ชูยงที่ได้ยินดังนั้นถึงกับ ห่า ในใจแต่ที่ชูยงก็ไม่ได้ดูถูกความฝันของลู่ลี่แต่อย่างใดเพราะผู้ชายแทบทุกคนก็มีความฝันที่อยากจะได้แต่งงานกับหญิงงามแห่งแผ่นดินอยู่แล้วรวมถึงตัวของ ชูยงเองด้วยแต่วิ่งที่ทำให้ชูยงแปลกใจคือทำไมต้องเป็นแคว้นเฉิน ซึ่งเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแคว้นเฉินเลย อันที่จริงตำราที่เขาได้อ่านมาเทือบทั้งหมดก็จะเขียนถึงความยิ่งใหญ่ของแคว้นถังซึ่งแคว้นอื่นๆนั้นเขาไม่รู้อะไรเลย

 

ลู่ลี่ที่เห็นชูยงเรียบไป เขากลับคิดว่าชูยงนั้นกำลังหัวเราะเขาอยู่ในใจ

 

 

“มีอะไรหรอชูยงนายคิดว่าความฝันของชั้นมันตลกนักหรอ”

 

“เปล่าผู้ชายส่วนใหญ่ก็มีความฝันที่อยากจะแต่งงานกับหญิงงามอยู่แล้ว แต่ที่ผมสงสัยว่าทำๆมถึงต้องเป็นแคว้นเฉินหรอครับ”

 

ลู่ลี่ที่ได้ยินชูยงพูดออกมาก็คิดในใจ

ชูยงนายเป็นเด็กที่มีความรู้เยอะจริงๆแต่สงสัยนายคงจะไม่รู้เรื่องนี้สินะขอชั้นเป็นคนให้ความรู้บ้างเถอะ

 

“สงสัยว่าตำรานี้นายคงจะไม่เคยอ่านสินะ นายรู้จักการจัดอันดับในเป็นหนึ่งใต้หล้าไหม"

 

“ไม่ครับ” ชูยงตอบโดยไม่ถังเลเพราะเขาก็ไม่เคยได้ยินจริงๆ

 

“ถ้าชั้นจำไม่ผิดการจัดอันดับครั้งแรกก็น่าจะประมาณ 25 ปีก่อนเหตุการณ์ถังเกาจิ้งละมั้ง เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อเหล่าผู้อาวุโสของแคว้นต่างๆ 12 แคว้นทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือมีทั้งชายและหญิงรวมแล้วมี 24 คน คนเหล่านี้เรียกว่าคณะกรรมการ พวกเขาได้รวมตัวกันจัดงานจัดอันดับเป็นหนึ่งในใต้หล้าโดยงานจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี โดยตลอด 5 ปี จะให้คณะกรรมการแต่ละคนเดินทางไปทั้ง 12 แคว้นเมื่อจัดอันดับว่าใครเป็นหนึ่งในใต้หล้า" พอลู่ลี่พูดถึงตรงนี้ชูยงขัดจังหวะ

 

“รุ่นพี่หมายความว่าทั้ง 24 คนจะต้องไปแต่ละแคว้นเพื่อที่จะจัดลำดับว่าใครเก่งที่สุดอย่างงี้หรอครับ” 

 

“ไม่ผิดพวกเขาจะไปแต่ละแคว้นเป็นคู่ กรรมการของแคว้นถังก็มีชายหนึ่งหญิงหนึ่ง กรรมการของแคว้นถังก็จะดูภายในแคว้นของตัวเองก่อนจนกระทั่งมีกรรมการจากแคว้นอื่นมาเปลี่ยน อย่างเช่น กรรมการของแคว้นถังก็จะสังเกตการณ์ดูยอดฝีมือแห่งแคว้นถังก่อนแล้วค่อยไปยังแคว้นถัดไป  แคว้นถัดไปอาจจะเป็นแคว้นเฟย แคว้นฉินหรือแคว้นเฉินก็ได้ ชั้นสมมติว่าเป็นแคว้นเฉิน เมื่อกรรมการจากแคว้นถังไปแคว้นเฉิน กรรมการจากแคว้นเฉินจะต้องย้ายไปแคว้นถัดไป แฃะพอกรรมการจากแคว้นถังไปจากแคว้นเฉินแล้วพวกเขาก็ต้องไปยังแคว้นถัดไปไปเรื่อยๆจนกว่าจะครบ 12 แคว้นแล้ว โดยกฏคือห้ามมีกรรมการจากสองแคว้นในแคว้นเดียว แต่พวกเขาก็มีวิชาที่สามารถสื่อสารกันได้จากระยะไกลเป็นหมื่นลี้ได้อยู่เลยไม่ต้องกังวลว่ามันจะทับซ้อนกัน กรรมการบางคนแคว้นอาจจะใช้เวลาสังเกตการณ์ในแคว้นนานหน่อยเขาก็ต้องแจ้งคนของแคว้นอื่นที่จะมาตรวจสอบถัดไปจากพวกเขาให้รอก่อน เมื่อครบแล้วกรรมการทั้งหมดจะต้องมารวมตัวกันเพื่อตัดคะแนน” 

 

“อ่อ” ชูยงที่ได้ยินดังนั้นก็กระจ่างในทันที และแทรกด้วยความรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องที่ลู่ลี่เล่าเป็นอย่างมาก

 

“ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้ประเมินแค่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนะ ยังมีแคว้นที่น่าที่สุด หรือกระทั้งหญิงงามที่สุดแห่งแผ่นดินโดยจะต้องงามทั้งกายและใจ” และชูยงก็ขัดจังหวะอีกครั้ง

 

“อ่าวแล้วพวกเขาจะไม่โดนแทรกแซงการจัดอันดับหรอ” และลูลี่เองก็เตรียมคำตอบสำหรับคำถามนี้เอาไว้แล้ว

 

“ไม่ เพราะคณะกรรมการเหล่านั้นถูกคัดเลือกโดยเทพเซียนไม่สามารถแทรกแซงได้ และกรรมการเราจะไม่รู้เลยว่าเป็นใคร อาจจะรู้ชื่อแต่ยามที่พวกเขาสังเกตการณ์ เราจะไม่รู้เลยว่าเขานั้นคือกรรมการเขาจะปลอมตัวเพื่อสังเกตการณ์หรือเฝ้าออกห่างๆก็เป็นได้เพราะว่าถ้าหากมีคนรู้ว่ากรรมการกำลังเฝ้าดูอยู่พวกเขาจะไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะเงื่อนไขนี้เองทำให้การจัดอันดับเต็มไปด้วยการยอมรับจากทั้ง 12 แคว้น”

 

“แล้วเท่าที่รุ่นพี่รู้ผลการจัดลำดับเป็นยังไง”

 

“ชั้นเองก็จำได้ไม่หมดหรอก เพราะมีหลายปีหลายรายการแต่รายการจัดอันดับที่ถือว่าเป็นรายการที่คนจับตามองมากที่สุดคือ การจัดอันดับยอดฝีมือในใต้หล้ารุ่นอายุไม่เกิน 26 ปี และ หญิงงามที่สุดในใต้หล้ารุ่นอายุไม่เกิน 26 เช่นเดียวกัน โดยสองรายการนี้จะจัดอันดับรายการละ 350 อันดับ และในครั้งแรกที่ก็เป็นความภาคภูมิใจของแคว้นเราเพราะการจัดอันดับยอดฝีมือในใต้หล้ารุ่นอายุไม่เกิน 26 ปี นั้น 10 อันดับแรกเป็นคนของแคว้นถังถึง 7 คน และ 5 อันดับแรกก็ล้วนก็เป็นคนจากแคว้นถังและใน 350 อันดับ 1 ใน 3 ก็เป็นคนของแคว้นถัง”

ชูยงที่ได้ฟังดังนั้นก็ถามขึ้นในใจแคว้นเราแต่ก่อนเจ๋งขนาดนั้นเลยหรอ

 

“แต่ว่าในการจัดอันดับหญิงงามที่สุดในใต้หล้ารุ่นอายุไม่เกิน 26 ในครั้งแรก 12 อันดับแรกล้วนเป็นสาวงามจากแคว้นเฉินทั้งสิน หรือ บางปี 20 อันดับแรกก็ล้วนเป็นแคว้นเฉินและใน 350 อันดับแรกก็ 5 ใน 10 ส่วนก็ล้วนเป็นสาวงามจากแคว้นเฉิน ”

พอชูยงได้ยินดังั้นก็คิดในใจด้วยความอึ้ง

แคว้นเฉินมีสาวงานขนาดนั้นเลยหรอ แต่การจัดอันดับนี้สาวงามจะต้องงามทั้งกายและใจแปลว่าสาวงามจากแคว้นเฉินงามทั้งกายและใจเลยหรอมิน่าล่ะรุ่นพี่ลู่ลี่ถึงบอกว่าอยากจะแต่งงานกับหญิงงามแห่งแคว้นเฉิน ถ้าแคว้นถังเปิดเมื่อไรจะต้องไปยลโแมสักหน่อยแล้ว

“อ่ออีกอย่างนะชูยง” ลู่ลี่เหมือนคิดอะไรได้ และชูยงเองก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก

“แคว้นที่ถูกจัดอันดับว่ามีความสุขในการชีวิตมากที่สุดก็เป็นแคว้นเฉินด้วยเช่นกันทั้งที่ในการจัดอันดับยอดฝีมือในใต้หล้ารุ่นอายุไม่เกิน 26 ปีในปีแรก นั้น 15 อันดับแรกก็ไม่มีเฉินในนั้น” 

ชูยงเองก็เริ่มกระจ่าง

หรือว่าที่แคว้นมีแต่สาวงามก็เพราะทางแคว้นมีความสุขกันนะ

 

“อีกอย่างนะในการจัดอันดับในครั้งที่สองหรือก็คือ 5 ปีหลังจากครั้งแรกได้เกิดเมืองเจ้าภาพขึ้น”

 

“เมืองเจ้าภาพหรอครับ” ชูยงทวนคำพูดของลู่ลี่

 

"ใช่เมืองเจ้าน่ะก็คือเมืองหลวงของแคว้นนั้นๆแหละชั้นจำได้ว่าเมืองเจ้าภาพในการจัดอันดับครั้งที่ 2 นั้นคือเมืองหลวงของแคว้นจ้าว เนื่องจากว่าอยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจของแคว้นตั้งแต่การจัดอันดับครั้งที่ 2 เป็นต้นมา โดยจะผลัดเปลี่ยนเมืองเจ้าภาพไปตามเมืองหลวงของแต่ละแคว้น โดยช่วง 2 เดือนก่อนงานประกาศผลคณะกรรมการจะต้องมมาเก็บตัวที่เมืองเจ้าภาพโดยที่ใครก็ตามในแคว้นจะไม่รู้เลยว่าใครเป็นกรรมการมีแต่เทพเซียนเท่านั้นที่รู้ เรารู้แค่ว่าเขามาเก็บตัวที่เมืองเจ้าภาพเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งเมืองเจ้าภาพเเห่งแรกเทพเซียนก็เป็นกำหนดเช่นกัน และจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ต้องมีเมืองเจ้าภาพคือ ต้องการให้ทุกคนจากทุกแคว้นหลั่งไหลมาที่เมืองเจ้าภาพเพราะว่าเมื่อพวกเขารู้แล้วว่ากรรมการทั้ง 24 คนจะอยู่ที่เมืองนี้ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนการประกาศผล ทุกคนต่างก็อยากจะทำคะแนนในช่วง 2 เดือนสุดท้ายทำให้ในเมืองนั้น ไม่สิในแคว้นนั้นเต็มไปด้วยผู้คน โรงเตี๊ยมต่างๆก็ถูกจองล่วงหน้า 5 ปีเลยทีเดียว และพักหลังๆแต่ละแคว้นก็เริ่มจัดงาน เช่นจัดงานประลองยุทธ์บ้าง แข่งขันตามหาของบ้าง เพื่อเรียกคะแนนจากกรรมการลึกลับทั้ง 24 คน"

หลังจากพูดจบสีหน้าของลู่ลี่ก็เริ่มหม่นหมองลง 

“และแน่นอนหลังจากเหตุการณืถังเกาจิ้งพวกเราก็ถูกถอด กรรมการของเราก็เช่นกันจากทั้งหมด 24 คนก็เหลือ 22 คน”

และในคณะที่ทั้งสองคุยกันนี้เองหญิงชาวบ้านรายหนึ่งก็รีบมึงต้องมายังทั้งสิน

“คุณมืิอปราบค่ะช่วยด้วยค่ะมีคนตายแปลกประหลาดมากเลย”

ชูยงกับลู่ลี่ที่ยินดังนั้นก็เลยสั่งให้นางขึ้นนำทางไปใช้เวลาสักพักกว่าทั้งสองจะมาถึง พอมาถึงก็พบว่าที่แห่งนั้นคือบ้านเล็กหลังหนึ่งที่ตอนที่ด้านหน้าบ้านก็เต็มไปด้วยชาวบ้านมาดูเหตุการณ์

“มือปราบคดีหลีกทาง” ลู่ลี่ประกาศพร้อมกับชูยงตราขึ้น

ชาวบ้านที่เห็นดังนั้นจังรีบขยับเพื่อเปิดทางพอทั้งสองหลุดมาถึงหน้าบ้านก็มองเข้าไปข้างในก็เห็นร่างๆหนึ่งนอนอยู่กับพื้น ชูยงกับลูลี่จึงขยีบเข้าไปดูร่างนั้นใกล้ พอเข้าไปใกล้ๆทั้งสองที่เห็นร่างนั้นเต็ม 2 ตา กับช็อคกับสิ่งที่ตา ร่างที่ไร้     วิญญานของชายผู้หนึ่งนอนอ่าปากค้าง ที่ช็อคไปกว่านั้นคือร่างของเขาผอมจนเหลือแต่กระดูก ชูยงที่ได้เรียนวิชาแพทยืมาบ้างจึงสรุปขึ้นมาว่า

“เลือดหมดตัวงั้นหรอ” เสียงพูดของชูยงสร้างความสั่นสะพรึงให้กับลู่ลี่ไปไม่น้อย และในขณะนั้นเองสายตรวจในชุดสีแดงก็เข้ามาหาทั้งสอง เมื่อสายตรวจเห็นศพไร้เลือดเข้าถึงกับอาเจียนออกมา

ลู่ลี่ที่เห็นสายตรวจอาเจียนออกมาเลยพูดขึ้น

 

“เจ้ารีบกลับไปรายงานจวิ้นอ๋องเดี๋ยวนี้ บอกว่าสิ่งที่เห็นอยู่นี้คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของปีศาจ”

 

สายตรวจรับเรื่องแล้วก็รีบวิ่งออกจากบ้านนั้นในทันที แต่ชูยงเองกลับคิดในใจ

 

มันใช่ฝีมือของปีศาจจริงหรือแต่ดูจากวิธีฆ่าแล้วมันก็เหมือนกับปีศาจจริงแหละ

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.