แผ่นดินนี้ข้าจอง ตอนที่ 1 การเดินทาง

แผ่นดินนี้ข้าจอง (这是我的土地)

-A A +A

แผ่นดินนี้ข้าจอง ตอนที่ 1 การเดินทาง

ภายใต้สายลมเมื่อยามสายัณห์พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที คณะเดินทางคณะใหญ่เเห่งทำเดินทางไปยังปลายสุดของเเคว้นถัง ว่ากันว่าเป็นที่ที่อันตรายเป็นอย่างมาก ตลอดหลายร้อยปีมานี้เเทบไม่มีใครเคยไปสำรวจมาก่อน ซึ่งหัวหน้าของคณะเดินทางกลุ่มใหญ่นี้ คือ จวิ้นอ๋องในชุดนักรบเเห่งเเคว้นถัง ถังเย่ฮว่า เขาพร้อมด้วยเหล่าทหารองค์รักษ์และข้าราชบริพารและครอบครัวของคนเหล่านั้นพร้อมด้วยเหล่าชาวบ้านนับหลายร้อยครัวเรือนจากนครหลวงฉางอัน(นามสมมติภายในเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับเมืองในโลกจริง) ที่สมัครใจหรือบ้างก็โดนบังคับออกมาจากนครหลวง เเม้ว่าเเทบทั้งหมดยังมีความรู้สึกว่าทำไมจะต้องเป็นพวกเขาที่ต้องออกจากฉางอันเเต่เมื่อคิดไตร่ตรองดีแล้วก็ต้องจำใจยอมรับอันเนื่องมาจากสถานะการของเเคว้นเองที่นับวันยิ่งเเย่ลง อันเนื่องด้วยว่าที่เมืองหลวงและเมืองรอบข้างต่างก็ขาดเเคลนอาหาร เเม้กระทั้งฮ๋องเต้ยังต้องเสวยอาหารที่เทียบเท่ากับอาหารชาวบ้านธรรมดาทั่วไป คณะเดินทางของจวิ้นอ๋อง เดินทางออกจากฉางอันก็นับเป็นได้เดือนกว่าๆเเล้ว ฉีอ๋องถังเย่ฮว่า ที่กำลังควบม้าเดินนำหน้าสุดของคณะเดินทาง จากควบม้าไปตามถนนธรรมชาติผ่านป่าเขาซึ่งไม่เคยสำรวจมาก่อนเมื่อเข้าไปยังป่าทึบเขาก็สั่งทหารให้เคลียร์เส้นทางตัดไม้ตัดหญ้าเมื่อทำเป็นถนนพอให้เกวียนของเหล่าชาวบ้านผ่านไปได้ บ้างก็ต้องข้ามเเม่น้ำที่ไม่มีสะพาน เขากับเหล่าทหารก็ต้องตัดไม้บริเวณใกล้เคียงเพื่อมาทำเป็นสะพานสำหรับข้ามเเม่น้ำไป เเทบไม่มีใครรู้ว่า จวิ้นอ๋องจะพาพวกเขาไปยังที่เเห่งใดเเต่ทุกคนต่างก็เชื่อมั่นในตัวของจวิ้นอ๋อง

เเต่ทว่าตัวจวิ้นอ๋องเองนั้นต่างหากที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ตลอดทางเขากังวลอยู่ตลอดทางว่าทำยังไงถึงจะรักษาชีวิตเหล่าชาวบ้านให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยเเละเมื่อถึงที่หมายแล้วเขาจะทำอย่างไรถึงจะให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างราบรื่น ด้วยความกังวลนี้เองทำให้ตลอดระยะทางเขาก็ควบไปอย่างเหม่อลอยไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว ฉีอ๋องที่อายุเพียง 30 ปีเเต่ทว่ากลับมีใบหน้าห่อเหี่ยวไปยิ่งกว่าอายุของตัวเองเป็นอย่างมาก

พอตกค่ำคณะเดินทางต่างก็หยุดพักลงกลางป่า ทหารบางส่วนก็มุ่งหน้าไปทำถนนเคลี่ยร์เส้นทางสำหรับวันรุ่งขึ้นตามคำสั่งของจวิ้นอ๋อง และทหารบางส่วนก็คอยเปลี่ยนกะเฝ้าระวังตลอดคืน ส่วนชาวบ้านนับพันต่างก็นั่งพักพร้อมกับกองไฟตรงหน้าที่ห่างกันเป็นช่วงๆทุกคนต่างอยู่ในสายตาซึ่งกันและกันเป็นเเนวยาวไปจนสุดขบวนเพื่อไม่ให้หายไประหว่างทาง เเต่มีคนเดียวที่ไม่อยู่ในสายตาของใครๆ นั่นก็คือจวิ้นอ๋องที่ชอบปลีกตัวเองออกจากคนอื่นๆเพื่อไปเก็บตัวคิดอยู่คนเดียว จวิ้นอ๋องที่นั่งพิงใต้ต้นไม้ที่ไม่มีเเม้เเต่กองไฟอยู่ตรงหน้าในที่ลับตาคน เขาได้นึกถึงวันสุดท้ายที่เขาได้สนทนากับฮ่องเต้ ถังซีจิ้ง ก่อนจากลา ณ ห้องทรงงานส่วนพระองค์ ฉีอ๋องกับฮ่องเต้ที่กำลังสนทนาอยู่ตามลำพังได้เริ่มขึ้น

 

“นี่น้องเย่ฮว่าเจ้าคิดดีแล้วหรอว่าจะไปที่นั่น” ฮ่องเต้ทรงตรัสถามเย่ฮว่าด้วยน้ำเสียงที่เเลดูเป็นห่วง

 

“ข้าเเน่ใจแล้วครับเสด็จพี่” จวิ้นอ๋องตอบกลับ

 

“เเต่ว่าที่นั่นมันอันตรายนะเเม้ว่าไม่มีใครรู้ว่าที่นั้นเป็นรกร้างจริงรึเปล่า เเต่ว่าเจ้าก็ไม่ควรเอาตัวเองกับชาวบ้านไปเสี่ยงขนาดนั้นถ้าเปลี่ยนใจไปที่อื่นยังทันนะ”

 

“เรียนเสด็จพี่ถ้าหากน้องไปเมืองอื่นในเเผนที่แล้วละก็เกรงว่าคงหนีวิกฤตขาดเเคลนอาหารนี้ไปไม่พ้นเพราะที่อื่นต่างก็อยู่ใกล้เเหล่งชุมชนเดิมไม่มากนักต้องไปลำบากในการจัดการอาหารอีกเกรงว่าคงไม่เหมาะ” จวิ้นอ๋องตอบกลับ 

 

"เเต่ยังไงซะที่นั่นก็อันตรายถ้าหากไม่ระวังเกรงว่าอาจถึงเเก่ชีวิตก็ได้นะ" ฮ่องเต้ยังคงยืนกรานด้วยเสียงเเข็งไม่ให้ฉีอ๋องไป

 

"ท่านพี่ท่านเคยบอกข้าเเข็งเเกร่งที่สุดอันดับหนึ่งของเเคว้นนี้แล้วใช่ไหม และท่านไม่เชื่อข้าหรอนี่เป็นโอกาสที่ข้าจะได้เเสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่แล้วขอท่านโปรดวางใจข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง"เเม้จะพูดเช่นนั้นเเต่ในใจฉีอ๋องมีเเต่ความกังวล

 

"เอาเถอะเจ้าชนะแล้วเดี๋ยวข้าจะให้มือดีที่สุด 10 คนไปกับเจ้าด้วยรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างเมืองติดตามไปด้วยก็แล้วกัน" ฮ่องเต้พูดด้วยความใจอ่อน

 

“ขอบพระทัยเสด็จพี่”

 

“เเต่มีอีกเรื่องสองเรื่องที่เจ้าควรจำไว้” ฮ่องเต้กล่าว

 

“เมื่อไปถึงที่นั้นเมื่อเจ้าสร้างเมืองเสร็จเจ้าคือคนที่มีอำนาจมากสุดเป็นอิสระต่อราชสำนักมีสิทธิ์ตัดสินใจได้ทุกเรื่องเจ้าไม่ต้องเกี่ยวกับราชสำนักขอเพียงเเค่เจ้าใช้ชีวิตได้อุดมสมบูรณ์ไม่ขาดตกอะไรก็เพียงพอแล้วและอีกอย่างเมื่อเจ้าสร้างเมืองสร้างให้ตั้งชื่อเมืองนั้นว่า ซิวซัน ตกลงไหม” 

 

“ข้าตกลง” จวิ้นอ๋องรับปากพร้อมประสานมือเคารพ

 

“นี่เย่ฮว่าข้าคงเศร้ามากที่เจ้าจากไปไว้ถ้าได้เจอกันใหม่ก็ขอให้เมื่อนั้นสถานการณ์ของเเคว้นดีขึ้นแล้ว ข้ารู้ว่าเเคว้นเราจะไม่มีทางดีขึ้นหรอกเพราะมันเป็นความผิดพลาดของเหล่าบรรพบุรุษก่อนที่พวกเราเกิดหวังว่าสักวันหนึงมันจะได้รับการเเก้ไขในรุ่นเรานะเย่ฮว่า” 

 

“ข้าก็คิดเช่นนั้น” เมื่อพูดจบทั้งสองก็เข้ากอดกันเป็นการจากลาพร้อมด้วยน้ำตาของทั้งสองฝ่าย

 

 

ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน จวิ้นอ๋องที่นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นก็ยิ้มเย้ยให้ตัวเองแล้วคิดในใจ

พี่ซีจิ้งข้าถึงเเม้ข้าจะเก่งในด้านการต่อสู้เเต่ข้าก็ไม่เหมาะนำพวกเขาหรอกอนาคตของเเคว้นก็ขึ้นอยู่ข้าที่จะต้องนำทางคนเหล่านี้ไปสร้างอนาคตที่เเท้จริงต่างหาก ว่าเเต่ทำไมพี่ซีจิ้งถึงให้ข้าตั้งชื่อเมืองว่าซิวซันกันนะ

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.